เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
สติปัญญาเป็นเครื่องรอบคอบพิจารณาให้รู้ชัดเจน
อำเภอภูเวียงนี้เป็นสถานที่เหมาะสมมากสำหรับพระภาวนา มันเป็นถ้ำๆ อำเภอภูเวียงภูเขารอบ มันเป็นทางออกมา แต่ก่อนเขาตั้งอำเภออยู่ในตัววงของอำเภอภูเวียง เวลานี้เขาย้ายออกมาตั้งอำเภออยู่ข้างนอก แต่ก่อนอำเภออยู่ข้างใน เราเคยไปภาวนา ท่านอาจารย์คำดีท่านมาเล่าให้ฟัง ท่านอยู่ในถ้ำอำเภอภูเวียงตั้ง ๕ ปี ท่านอาจารย์คำดี ถ้ำผาปู่ ใน ๕ ปีนั้นได้ปรากฏของแปลกประหลาดหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งทางด้านวัตถุ ทั้งทางด้านนามธรรม คือจิตใจรู้เห็นโดยเฉพาะแล้วปรากฏในสายตาให้เห็นอย่างชัดเจนด้วย ท่านว่าอย่างนั้น ท่านไปอยู่ถ้ำ เขาเรียกถ้ำกวางหรือถ้ำอะไร..ที่อำเภอภูเวียง ไปอยู่นั้น ๕ ปี ท่านถึงได้ออกมา
เราไม่เคยได้เข้าไปอยู่ในเขตอำเภอภูเวียง ในถ้ำนอกถ้ำ เป็นแต่เพียงว่าผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้ไปอยู่ สำหรับท่านอาจารย์คำดีท่านอยู่ เฉพาะอยู่ในถ้ำอำเภอภูเวียงตั้ง ๕ ปี เราก็ตอนฉันจังหันนี้มันแย็บขึ้นมา ระลึกย้อนหลังไปถึงพวกพระปฏิบัติด้วยกัน อำเภอภูเวียงนี่ละพระสามองค์ท่านไปด้วยกัน ไปอยู่อำเภอภูเวียง ไปภาวนาอยู่ด้วยกัน พอ ๖ ทุ่มเสียงนกหวีดดังขึ้น นกหวีดก็ไม่ใช่อะไรนะคือขวดยานัตถุ์นั่นแหละ มันหมดแล้วแล้วเอาขวดยานัตถุ์มาเป่าว๊อดๆ ขึ้น
ทั้งสององค์ได้ยินหกทุ่มพอดี ว่าอย่างนั้นนะ เสียงเป่าว๊อดๆ ขึ้น เอ๊ มันอย่างไรนา เป่าอะไรนี้ผิดสังเกต ท่านก็ไม่แน่ใจนัก มันก็ไปเข้าอยู่กับความรอบคอบไม่รอบคอบนั้นแหละ คือท่านไม่แน่ใจไม่อยากมานัก ท่านว่าอย่างนั้นนะ สององค์นั้นก็ไป แล้วเป็นอย่างไรเป่านกหวีดอะไร ท่านบอกว่าท่านสำเร็จแล้ว แน่ะมันก็เป็นจริงๆ เห็นไหมล่ะ นกหวีดนี่มันขึ้นไม่เข้าท่า บอกว่าสำเร็จแล้ว เอ๊ มันอะไรกัน
พระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ท่านไม่เห็นมีเป่านกหวีด อันนี้มันเก่งกว่าพระพุทธเจ้าหรือที่ไหนมาท่านก็เอาไปวินิจฉัยสององค์แหละ มันเป็นอย่างไรพระองค์นี้น่ะ ท่านว่าอย่างนั้น ท่านอยู่ด้วยกัน คือองค์เป่านกหวีดนั่นแหละ แต่สององค์นี้ซิวิพากษ์วิจารณ์กัน มันยังไงสำเร็จก็เป่านกหวีด นี่จะเป่าแบบไหนขึ้นมาอีกนะคอยฟัง ว่างั้นนะ ท่านก็คิดรอบไปด้วยนะ ทีนี้จะเป่าอะไรอีก คอยฟัง ก็พอดีคืนวันหลังหกทุ่มอีกแหละ เสียงว๊อดๆ ขึ้นอีก เป่าหาอะไรอีก สำเร็จชั้นไหนคราวนี้ สำเร็จชั้นไหนอะไรมันไม่สำเร็จ ไม่สำเร็จแล้วเป่าทำไม ก็เมื่อคืนนี้เป่าบอกเพื่อนฝูงว่าสำเร็จแล้วก็เป่าบอก วันนี้มันดูแล้วไม่สำเร็จก็ต้องเป่าบอก มันเป็นอย่างนั้นนะ มันทั้งขึ้นทั้งล่อง พระกรรมฐานเป็นบ้า
เป็นได้ มันทำให้เกิดความสำคัญ แต่อย่างไรไม่หนีสติกับปัญญา สติปัญญารอบอยู่แล้วจะไม่ค่อยพลาด เพราะฉะนั้นสติจึงเป็นของสำคัญมากทีเดียว ปัญญามาที่สองรอบกันก็ไม่ค่อยผิดพลาดแหละ องค์ที่ว่านี่แหละเป่านกหวีดขึ้นว่าสำเร็จ มันก็บอกชัดเจนแล้วการเป่านกหวีดมันหยาบ เข้าใจไหม หยาบมาก เกินกว่าผู้ปฏิบัติภาวนาจะนำมาใช้ ว่าอย่างนั้นเถอะ นอกจากบ้านั่นใช้ได้ พระกรรมฐานใช้อย่างนั้นมันอย่างไรกัน ท่านก็วินิจฉัยกันอยู่สององค์ แล้วก็เป็นจริงๆ พอวันหลังนี้ก็เป่าขึ้นอีก โอ๋ ไม่สำเร็จ แน่ะก็อย่างนั้น
ทีนี้ย้อนเข้ามาตัวจริงตัวปลอมเอามาเทียบกันที่นี่นะ เราก็อยู่วัดดอยธรรมเจดีย์ ในคืนวันนั้นเป็นวัน..เทียบกันได้ดูว่าวันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ เวลา ๕ ทุ่ม นั่นละเอามาเทียบกัน พิจารณาๆ พอถึงจุดสุดท้ายของมันแล้วมาลงในอนัตตา แล้วผางขึ้นในคืนวันนั้นเป็นเวลา ๕ ทุ่ม ไปกับท่านเพ็งนี่ละ นี้เอาเป็นตัวอย่าง มันก็เป็นขึ้นเสียจนตัวพุ่งเลยเชียว ที่ว่าฟ้าดินถล่ม คือฟ้าดินอะไรเขาไม่ถล่ม มันถล่มในธาตุขันธ์ของเรา ระหว่างกิเลสกับจิตขาดสะบั้นจากกันนี้ตัวลอยนะ ไมใช่เล่น มันกระเด็นขึ้นเลย รุนแรงมากอยู่
นี่ไม่ใช่ใครเราเป็นเองพูดเอง แล้วความผิดพลาดเป็นอย่างไรบ้าง พอหลังจากนั้นมาวันรุ่งขึ้นก็ลงจากภูเขาลงมา มากับท่านเพ็งละมาถึงวัดดอยธรรมเจดีย์ วันนั้นไม่มีใคร ท่านเพ็งก็ขึ้นไปหา เพ็ง นี่จะพูดอันหนึ่งให้ฟัง ท่านติดสอยห้อยตามผมมาเป็นเวลานานแสนนานตั้งแต่พ่อแม่ครูจารย์มั่นยังมีชีวิตอยู่ คำพูดเช่นนี้ท่านเคยได้ยินไหมคอยฟังนะ เราก็เลยเล่าถึงวิถีจิตที่มันพุ่งตัวออก หลุดลอยออกจากสมมุติทั้งปวงในคืนวันนั้น เวลา ๕ ทุ่มพอดี เล่าให้ท่านฟังรู้สึกท่านตื่นเต้น เป็นยังไงอย่างนี้ละ ให้ท่านพิจารณานะ แล้วคำพูดคำนี้ได้เคยแก้ไขอีกไหม ไม่เคย ก็อย่างนั้นละ นั่นเห็นไหม
เรื่องสติปัญญาเป็นเครื่องรอบคอบที่จะพิจารณาให้รู้ชัดเจน นี่พูดให้ฟังทั้งจริงทั้งปลอม ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่เคยปรากฏอะไรให้มาแก้ไขใหม่อีกจนกระทั่งป่านนี้ละ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ อยู่หลังวัดดอยธรรมเจดีย์ เวลา ๕ ทุ่ม หลังจากนั้นลงมาวัดสุทธาวาสก็เลยเล่าให้ท่านเพ็งฟัง ท่านติดสอยห้อยตามผมมานานแสนนานคำพูดเช่นนี้ท่านเคยได้ยินไหม ก็เลยเล่าเรื่องให้ฟัง คืนวันนั้นจนกระทั่งป่านนี้ก็ไม่เคยได้ยินคำว่าแก้ไขอะไรอีก ก็อย่างนั้นแล้วจะว่าไง
สตินั้นสำคัญ สติกับปัญญาต้องรอบคอบอยู่ตลอดเวลา นี้เราก็ไม่เคยเป็น ไม่เคยผิดพลาดมาแต่ไหนแต่ไร เป็นอย่างไรเป็นอย่างนั้นเรื่อยมา อย่างที่พูดให้ท่านเพ็งฟังสองต่อสองก็เหมือนกัน จนกระทั่งป่านนี้ก็ไม่ได้แก้ไขอะไร จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ไม่ได้แก้ ก็อย่างนั้นแหละจะว่าไง พูดด้วยความรอบคอบในจิต สติปัญญารอบ มันขาดอย่างไรไม่ขาดอย่างไรมันก็รู้
ออกจากนั้นก็พักอยู่วัดสุทธาวาสสองคืน ว่าจะไปจำพรรษาอำเภอวาริชภูมิในถ้ำนั้นน่ะเราเคยพักแล้ว แต่ไม่เคยจำพรรษา ปีนี้ตั้งใจว่าจะไปจำพรรษาที่นั่น พอจวนเข้าพรรษาแล้วไป พอดีโยมชื่อผาน ทิดผานแกอยู่หนองกุง แกเข้าออกวัดหนองผืออยู่เสมอ เวลาแกไปเห็นพระเหลืองอร่ามเต็มวัดเต็มวา เวลาครูบาอาจารย์ล่วงลับไปแล้วพระเณรหนีหมดไม่มีอะไรเหลือเลย ยังเหลืออยู่หลวงพ่อสามองค์ แกเล่าให้เราฟัง แกก็เล่าธรรมดาแก เราคิดอย่างเต็มหัวใจ พูดถึงเรื่องบ้านหนองผือมีคุณต่อพระเณรเท่าไร ครูบาอาจารย์มากน้อยเพียงไร ไปท่านเหล่านี้รับเลี้ยงได้หมด มี ๗๐ หลังคาเรือนรับเลี้ยงพระได้หมดเลย
ทีนี้เวลาครูบาอาจารย์ล่วงลับไปแล้วพระไม่มี ยังเหลืออยู่หลวงตาในวัดนั้นละมาบวชแล้วก็อยู่ที่นั่นสามองค์ เหมือนวัดร้าง ไปเห็นแล้วสงสาร เป็นเหมือนวัดร้างจริงๆ คนก็ซบเซาไปหมดทั้งบ้าน เหมือนวัดร้าง แกมาเล่าให้ฟังธรรมดา เราก็ไม่พูดอะไรละ แต่เราฟังเต็มหัวใจ ตั้งใจว่าจะจำพรรษาที่ถ้ำนั่นละ ขึ้นไปพักได้สองคืนละมั้ง วันหลังก็เตรียมของ เอา เตรียมของท่านเพ็ง จะไปไหนอีก จะขึ้นไปจำพรรษาหนองผือ ปีนี้ไม่มีพระเลย ทิดผานมาเล่าให้ฟังเมื่อวาน ท่านก็ฟังอยู่ด้วยกันกับผมเป็นยังไง ก็เป็นอย่างนั้นละ
เราเลยตัดสินใจย้อนกลับมาจำพรรษาหนองผือนะปีนั้น ทั้งๆ ที่ว่าจะจำพรรษาที่ภูเขาแล้ว เลยตัดสินใจว่าบ้านหนองผือนี้มีคุณมาก เลยกลับมาจำพรรษา พอขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๘ พอ ๑๕ ค่ำก็ประชุมเข้าพรรษากัน มาขึ้น ๘ ค่ำ พอเรามาถึงวันนั้น ๘ ค่ำเรื่องราวก็ดังออกไปข้างนอก พระเณรก็หลั่งไหลเข้ามา ปีนั้นจำพรรษาด้วยกันตั้ง ๒๖ องค์ ก็พอๆ กันกับพ่อแม่ครูจารย์มั่นยังมีชีวิตอยู่ เรียกว่าอุ่นหนาฝาคั่งปีนั้นนะ พระเณรเต็มวัดเลย จำพรรษาที่นั่นแล้ว ออกพรรษาก็ไป ย้อนไปจำพรรษาเพราะเกี่ยวกับท่านเหล่านี้มีคุณมาก สะดุดใจเรา ฟังแล้วเราเตรียมของวันหลังกลับไปจำพรรษาหนองผืออีก เรื่องราวเป็นอย่างนั้นละ
ท่านเพ็งละติดสอยห้อยตามไปเรื่อยๆ เล่าขั้นสุดยอดให้ฟังก็เล่าให้ท่านเพ็งฟังเป็นคนแรก ที่ลงมาจากวัดดอยธรรมเจดีย์แล้วมาวัดสุทธาวาส จากนั้นไปวาริชภูมิไปจำพรรษาที่นั่น ก็พอดีหนองผือเป็นอย่างนั้นๆ เราก็ย้อนกลับมาจำพรรษาหนองผืออีก ออกพรรษาแล้วค่อยไป
นี่พูดเรื่องอะไรเลยลืมไปหมดแล้วแหละเรื่องนั้นเรื่องนี้ ต่อกันไปๆ ลืม (พระที่เป่านกหวีดค่ะ) นั่นพระไปจากขอนแก่น หกทุ่มเป่านกหวีด มาเป่าอะไรกันพระสององค์เลยไป ว่าสำเร็จแล้ว มันอย่างไรกัน วันหลังมานี้ก็เอาไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องพระองค์นี้แหละ มันเป็นยังไงพระองค์นี้ สำเร็จก็เป่านกหวีดมันยังไงกัน ธรรมท่านไม่เป็นอย่างนั้น นี่มันโลกล้วนๆ เป็นกิเลส ท่านไม่เชื่อละ พอเที่ยงคืนวันหลังเป่าอีก ไปยังไม่สำเร็จ มันบ้าทั้งขึ้นทั้งล่องเลย คืนแรกเป่าสำเร็จ คืนที่สองเป่าว่ายังไม่สำเร็จ มันเป็นอย่างนั้นละกรรมฐานเรา ทุเรศไหมล่ะ คือสติปัญญาอยู่กับตัว สนฺทิฏฺฐิโกรู้ผลงานของตนไปโดยลำดับก็อยู่กับตัวเอง พระพุทธเจ้าประทานให้แล้ว มันไม่น่าจะเอามาขายศาสนาอย่างนั้น ก็มีเท่านั้นละวันนี้
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|