เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดเขาใหญ่เจริญธรรม จ.นครราชสีมา
เมื่อบ่ายวันที่ ๒๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
ธรรมสอนคนเลิศเลอได้
เห็นพี่น้องทั้งหลายมากราบไหว้ครูบาอาจารย์ มากราบไหว้พระสงฆ์ท่านที่มีจำนวนมากและเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเราเป็นที่พอใจ ปลาบปลื้มใจกับบรรดาพี่น้องทั้งหลายเป็นอย่างมาก คนชั่วมีทั่วๆ ไป แต่ไม่แสลงใจเหมือนพระชั่ว ถ้าพระชั่วนี้แสลงใจมาก กระเทือนใจอย่างลึกทีเดียว ประชาชนชั่วเป็นอย่างหนึ่ง แต่ของดีกลับเป็นของชั่วนี้มันดูไม่ได้นะ ของดีต้องเป็นของดี ความสง่าราศีก็นับว่ากระจายออกไป
พระดียิ่งเป็นที่กราบไหว้บูชาของประชาชน อย่างพระเจ้าพระสงฆ์ท่านอยู่ในป่าในเขาท่านอยู่ของท่านเงียบๆ ประชาชนไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง บางสถานที่ไม่ค่อยมีประชาชนเลย เพราะท่านไม่เสาะไม่แสวงหาประชาชนยิ่งกว่าการเสาะแสวงหาอรรถหาธรรม ประกอบความดีทั้งหลายด้วยกิริยาอันเป็นอรรถเป็นธรรมล้วนๆ ท่านชอบอยู่อย่างนั้น แต่ประชาชนก็ไปรุมท่าน
ถ้าผู้ที่ชอบที่สงัดๆ เขาก็ชอบผู้เช่นนั้นแหละ ผู้ที่ชอบพูด ไหนว่าอย่างไรโยม เวลานี้อาตมากำลังสร้างนั้น กำลังสร้างนี้เต็มบ้านเต็มเมือง เป็นพระกวนบ้านกวนเมือง พระที่จะกวนกิเลสซึ่งเป็นตัวพาให้กวนบ้านกวนเมืองนี้มันไม่สนใจ มันวิ่งตามกระแสของกิเลส ไปที่ไหนเลยกลายเป็นพระวุ่น พระกวนบ้านกวนเมืองไป เลยกลายเป็นศาสนากวนบ้านกวนเมือง ดูไม่ได้ ขัดต่อศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า
ท่านชอบอยู่ในป่าในเขา องค์นั้นสำเร็จพระโสดา องค์นี้สำเร็จพระสกิทาคา องค์นั้นสำเร็จเป็นพระอนาคา องค์นี้เป็นพระอรหันต์ รวมแล้วเป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส ท่านเป็นพระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีเนื้อนาใดจะยิ่งไปกว่าพระสงฆ์ผู้ทรงธรรมด้วยสุปฏิปนฺโน อุชุปฏิปนฺโน ญายปฏิปนฺโน สามีจิปฏิปนฺโน ผู้ปฏิบัติตรง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติเพื่อความรู้แจ้งเห็นจริง ปฏิบัติที่น่ากราบไหว้บูชา ท่านเหล่านี้หาได้ยาก ไม่ค่อยได้กราบได้ไหว้ท่านอย่างง่ายดาย
ส่วนท่านอยู่ในป่าในเขาประชาชนพวกหูหนวกตาบอดอย่างเรานี้ ไม่เห็นแล้วก็ลบล้างกันเป็นแถวทั่วประเทศเขตแดน ดีไม่ดีทั่วโลกก็ได้ ว่าพวกเปรตพวกผีไม่มี เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมไม่มี มีแต่พวกเราที่เป็นกองมูตรกองคูถกันอยู่นี่ดี..มี เพราะตาบอดแล้วยังไปลบว่าไม่มี เทวบุตรเทวดามาฟังเทศน์ฟังธรรมของท่านในคืนหนึ่งๆ สำหรับท่านผู้อยู่ในที่สงัดงบเงียบนั้นมีน้อยเมื่อไร มีมากยิ่งกว่าคนที่มาฟังเทศน์เต็มศาลานี้อีกเป็นไหนๆ
แต่พระท่านมุ่งอรรถมุ่งธรรม ปฏิบัติต่ออรรถต่อธรรม ท่านไม่เคยพูด รู้ก็รู้เป็นภาษาเทวดากับภาษาท่านรวมแล้วเรียกว่าเป็นภาษาธรรม สนทนากัน ฟังอรรถฟังธรรมซึ่งเป็นธรรมชาติที่เลิศเลอ ประสานใจกับธรรมเข้าสู่กันเป็นความรื่นเริงบันเทิงต่อกันระหว่างพระเจ้าพระสงฆ์กับเทวบุตรเทวดา-อินทร์-พรหมทั้งหลาย ที่เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน สะเทือนไปทั่วดินแดนเทวโลก
คำว่าเทวโลกคือเมืองเทวดา แต่พวกเราไม่รู้นั่นซิ ไม่รู้แล้วยอมรับว่าไม่รู้ไม่เห็นก็ค่อยยังชั่ว ยังอวดดี อวดรู้ อวดฉลาด ว่าเทวบุตรเทวดา-อินทร์-พรหม-พวกเปรตพวกผีพวกยักษ์มารทั้งหลายเหล่านี้ไม่มี เมื่อไม่มีแล้วที่ไหนล่ะมี มันก็มีแต่พวกว่าเขานั้นแหละ ปากมันสกปรก ปากบอน ปากอมขี้ มีแต่ความสกปรกออกมา ปากเป็นอรรถเป็นธรรมไม่ค่อยมี นี่ละสำคัญ พระพุทธเจ้าท่านทรงท้อพระทัย เวลาตรัสรู้แล้วใหม่ๆ มองดูสัตวโลกนี้ประหนึ่งว่ามันเข้าอยู่ห้องไอ.ซี.ยู.กันเสียแทบทั้งหมด ไม่มองดูหมอ ไม่มองดูยา ดูแต่ห้องไอ.ซี.ยู
หมอก็อิดหนาระอาใจ ยาขนานใดจะมารักษาก็ไม่สามารถที่จะรักษาได้ เพราะมองดูแล้วมันมองดูแต่ลมหายใจ มนุษย์เราที่ไม่มองดูอรรถดูธรรมก็เป็นลักษณะเดียวกัน มองดูที่ไหนมีแต่อยู่ในห้องไอ.ซี.ยู ห้องไอ.ซี.ยูก็ห้องขี้โลภ ขี้โกรธ ราคะตัณหา เต็มบ้านเต็มเมือง เขาก็มี เราก็มี ต่างคนต่างมีเอามาจ่ายมาขาย ขายไม่ลงขายไม่ออกทั้งวัน นี่ละเป็นอย่างนั้นมนุษย์เรา มีแต่สิ่งที่ไม่พึงปรารถนา แต่สิ่งที่พึงปรารถนาไม่ค่อยมีไม่ค่อยสนใจกัน
ท่านผู้วิเศษวิโสท่านจึงไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับพวกเรานัก ยิ่งกว่าท่านผู้มีอุปนิสัยเรียงรายไปตั้งแต่บรรดามนุษย์ถึงเทวบุตรเทวดา กลางค่ำกลางคืนเทศนาว่าการสอนเทวบุตรเทวดา ดังพระพุทธเจ้าท่านทรงถือเป็นพุทธกิจ คืองานของพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ งานของพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะคืออะไร เรียกว่าพุทธกิจห้า แปลออกแล้วแปลว่างานของพระพุทธเจ้าจะทรงพระเมตตาต่อบรรดาสัตว์ทั้งหลายมี ๕ ประการ
สายเณฺห ธมฺมเทสนํ ตอนบ่ายสามโมงสี่โมงเทศนาว่าการแก่ประชาชนคนทั้งหลาย นับแต่พระมหากษัตริย์ลงมา
ปโทเส ภิกฺขุโอวาทํ พอตกค่ำเข้ามาก็ประทานพระโอวาทแก่บรรดาพระเจ้าพระสงฆ์ที่ท่านมุ่งอรรถมุ่งธรรม ปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมเพื่อมรรคผลจริงๆ ได้มาสดับตรับฟังพระโอวาทของพระพุทธเจ้าเกิดความยิ้มแย้มแจ่มใส เลื่อนชั้นเลื่อนภูมิขึ้นไปเป็นลำดับลำดาตั้งแต่ต้นๆ กัลยาณปุถุชนจนถึงอริยบุคคล ถึงอรหัตบุคคลได้จากการฟังอรรถฟังธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นอย่างนั้นละพระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาเป็นประโยชน์แก่โลกมากขนาดไหน
อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหากํ ตั้งแต่เที่ยงคืนล่วงไปแล้วแก้ปัญหาเทศนาว่าการโปรดบรรดาทวยเทพทั้งหลายตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา จนเป็นที่เข้าอกเข้าใจได้รับมรรครับผลเต็มภูมิแห่งวาสนาของตน นี่ตอนเที่ยงคืน
ตอนเย็นเทศน์สอนประชาชน ตอนค่ำประทานพระโอวาทแก่พระสงฆ์ทั้งหลาย ตอนเที่ยงคืนขึ้นไปแล้วแก้ปัญหาและเทศนาว่าการโปรดบรรดาทวยเทพทั้งหลาย มีเทวบุตรเทวดาเป็นสำคัญ
ภพฺพาภพฺเพ วิโลกานํ เล็งญาณดูสัตวโลกใครจะมีอุปนิสัยปัจจัยจะมาเกี่ยวข้องกับพระญาณที่ทรงหยั่งทราบนี้มีมากน้อยเพียงไร ถ้าเป็นโอกาสอันดีงามซึ่งควรจะเสด็จไปโปรดอย่างรวดเร็ว เพราะชีวิตจะหาไม่ ไม่นานนักก็จะตาย ก็จะเสด็จไปโปรดคนนั้นก่อน นอกจากนั้นก็ไปเรียงลำดับลำดาไปตามผู้มีอุปนิสัยปัจจัย ต่อจากนั้นก็กระจายไปทั่วดินแดนแห่งมนุษย์มนาเทวดาทั้งหลายที่มีอยู่ในที่นั้นๆ เทศนาว่าการสอนไปเรื่อยๆ
ตอนเช้าปุพฺพเณฺห ปิณฺฑปาตญฺจ เสด็จออกบิณฑบาต เขาได้เห็นได้ยินได้ฟังเพียงแย็บเดียวๆ เท่านั้นก็เป็นมงคลมหามงคล ยิ่งได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมจากองค์ศาสดาในเวลาเสด็จโปรดสัตว์บิณฑบาตนั้น ก็ยิ่งเพิ่มพูนบุญญาบารมีสูงส่งขึ้นเป็นลำดับลำดา อย่างนี้ละท่านผู้ดี ผู้เลิศผู้เลอ ไปที่ไหนมีแต่ความสงบร่มเย็นยิ้มแย้มแจ่มใสในบรรดาสัตว์ทั้งหลายทั่วหน้ากัน
ผิดกันกับคนชั่ว ไปที่ไหนก่อแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวายให้แก่คนอื่น ได้รับความกระทบกระเทือนเดือดร้อนทั่วหน้ากันไปหมด จากนั้นก็มาเป็นฟืนเป็นไฟกับครอบครัวเหย้าเรือนของตน ลูกเต้าหลานเหลนปู่ย่าตายาย เลยกลายเป็นสนามรบกันอยู่ในครัวเรือนหนึ่งๆ เพราะไม่มีธรรมเข้าเป็นน้ำดับไฟมันก็ร้อนกันไปทั่วดินแดน เพราะใจนี้ร้อน ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา มีแต่ไฟกองร้อนๆ ด้วยอำนาจแห่งราคะ อำนาจแห่งโทสะที่จะกัดจะฉีกจะฟันซึ่งกันและกัน เพราะอำนาจแห่งโมหะไม่รู้จักผิดจักถูกดีชั่วประการใด ทำเอาตามชอบใจที่เห็นว่าเป็นความถูกต้องสำหรับเรา จะผิดทั่วโลกดินแดนกระเทือนไปหมดก็ตาม เราถูกคนเดียวเท่านั้นก็เห็นว่าเป็นของพอใจแล้ว
นี่ละโลกจึงหาความสงบร่มเย็นไม่ได้ เพราะใครก็ถือของชั่วเป็นของดี เราโกรธเราแค้นให้ผู้ใดถือว่าเราเป็นคนดี ถือว่าเขาเป็นคนผิดกันเสียทั้งหมด ในโลกนี้มีคนดีแต่เราคนเดียวซึ่งกำลังเอาไฟเผาโลกอยู่เวลานี้ โลกที่ว่าเป็นคนชั่วเขาไม่ได้ชั่ว แต่เขาก็พลอยได้รับความกระทบกระเทือนเดือดร้อนจากคนชั่ว ที่ไปวางยาพิษทั่วหน้ากัน กระเทือนไปหมด นั่นละคนไม่มีธรรมไปที่ไหนเป็นอย่างนั้น
ถ้าคนมีธรรมอยู่ที่ไหนก็เย็นสบาย ดังพระเจ้าพระสงฆ์ในครั้งพุทธกาลท่านก็แสดงไว้ว่า องค์ที่ท่านชอบอยู่ในป่าในเขาไม่ชอบออกมาตามบ้านนอกขอกนา ส่วนมากอยู่ในป่าในเขาท่านสงบเย็นใจ ไม่มีใครเกี่ยวข้อง ส่วนมากก็ว่าคนไม่มีกับท่าน ส่วนลึกลับภายในอันเป็นความสัตย์ความจริงให้โลกได้เห็นทั่วหน้ากันคือธรรมที่ท่านปฏิบัติมานั้นเป็นความสงบร่มเย็น เทศนาว่าการสอนทวยเทพเทวดาทั้งหลายให้ได้รับความยิ้มแย้มแจ่มใสทั่วหน้ากัน บรรดาชาวเทพในสวรรค์ชั้นพรหม ท่านให้ประโยชน์แก่ท่านเหล่านั้น ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ประชาชน แต่ท่านก็ให้ประโยชน์แก่เทวดา-อินทร์-พรหมทั้งหลาย
เราหาได้ทราบไม่ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างไร เรามีฉันใดเขาก็มีฉันนั้น เทวบุตรเทวดา-อินทร์-พรหมเป็นชั้นๆ ตามนิสัยวาสนาของตนๆ มีฉันนั้นเหมือนกันกับเราทั้งหลายที่มีลูกเต้าหลานเหลนเต็มบ้านเต็มเมืองนี้แหละ แต่มันเป็นคนละภพๆ ละภูมิ เมื่อไม่เห็นกันก็ปฏิเสธลบล้างว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มี แต่ความจริงสิ่งเหล่านั้นก็มีตามหลักความจริงของเขาที่มีอยู่ จะไปลบล้างให้สูญหายไปไหนไม่ได้
เช่นอย่างเรามีอยู่นี่มนุษย์มีจำนวนเท่าไร มันก็มีอยู่ตามจำนวนแห่งความจริงของตนนั้นแหละ สัตว์ทั้งหลายเขาก็มีตามจำนวนแห่งความจริงของเขา แล้วสัตว์ทุกประเภทไม่มีใครเหนือกรรมไปได้เลย อยู่ใต้อำนาจแห่งกรรม เกิดมาด้วยอำนาจแห่งกรรมเป็นคนดี-คนชั่ว คนโง่-คนฉลาด เหมือนๆ กันสับปนกันไป เพราะอำนาจแห่งกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้สัตว์ทั้งหลายเกิดได้โดยไม่ต้องสงสัย ไม่มีอำนาจใดยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าอำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่วที่สัตว์ทำลงไปแล้วทุกรายไป จะเป็นผู้มีอำนาจเหนือทุกสัตว์ทุกบุคคลคือกรรม
เราอย่าเข้าใจว่าดินฟ้าอากาศเป็นสิ่งที่หนาแน่น เป็นสิ่งที่หนักหน่วงมาก มีน้ำหนักมาก แต่ครั้นแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีน้ำหนักยิ่งกว่ากรรมดีกรรมชั่วของตัว กรรมดีกรรมชั่วนี้แหละ จะเป็นเครื่องบีบบังคับให้สัตว์โลกทั้งหลายได้รับความสุขความทุกข์มากน้อยต่างกัน เพราะอำนาจแห่งการทำความดีความชั่วต่างกัน มันหนักอยู่ที่ตรงนี้ กรรมที่ทำลงไปดีชั่ว ต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศไม่ได้มาบีบบังคับคนผู้ทำดีทำชั่วเหมือนกรรมดีกรรมชั่วบังคับตัวเองนี้เลย กรรมนี้จึงเป็นกรรมที่หนักมากที่สุด
ใครจึงควรหรือว่าต้องเป็นผู้ระมัดระวังความเคลื่อนไหวของตนเอง การทำชั่วเท่ากับการทำลายตนมากน้อย พอเหมาะพอดีกับเหตุคือการทำลงไปหนักเบาแค่ไหน ผลที่ปรากฏขึ้นมาก็มีน้ำหนักเท่านั้น ต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศไม่มาทับมาถม ไม่มาทรมานให้บุคคลแต่ละคนๆ ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนเหมือนกรรมชั่วกรรมดีของตนที่ทำลงไปแล้ว
ความชั่วเป็นความชั่วลบไม่ได้ ถ้าลบได้แล้วก็ไม่ยากอะไรพระพุทธเจ้าไม่จำเป็นต้องมาสอนโลก ลบทิ้งหมด ใครทำชั่วขนาดไหนไม่ต้องการลบทิ้ง เอาตั้งแต่ความดี ไสขึ้นไปสวรรค์นิพพานจนกระทั่งสวรรค์นิพพานไม่มีที่อยู่ อัดแอแน่นหนาไปหมด แต่ในนรกไม่มีคนสักคนเดียวเพราะเขาไม่ต้องการ เขาไม่ไป แต่นี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ ในนรกยิ่งมากยิ่งกว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่เต็มอยู่ในโลกของเรานี้อีกเป็นไหนๆ พระพุทธเจ้าทรงทราบโดยละเอียดลออทุกอย่าง จึงสมควรมาเป็นศาสดาเอกสอนโลก
คำว่าเอกก็คือมีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ที่ทรงญาณโลกวิทูรู้แจ้งโลกตลอดทั่วถึง ไม่มีใครเกินศาสดา ผู้นี้เท่านั้นเป็นผู้ชี้แจงแสดงเรื่องบาปเรื่องบุญ เพราะทรงรู้ทรงเห็นมาแล้วด้วยพระญาณ แล้วก็มาสั่งสอนสัตว์ทั้งหลายให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตัว ให้เป็นคนดี อย่าฝ่าฝืนคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นคำสอนสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วไม่มีคลาดมีเคลื่อน
คำพูดความรู้ความเห็นของเราคลาดเคลื่อนทั้งนั้น จริงไม่จริงพูดออกได้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่กระดากอาย แต่ความรู้ความเห็นของศาสดานั้นไม่มีคำว่าเคลื่อนคลาด เรียกว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่างๆ สมควรแก่สัตว์ทั้งหลายที่จะพึงประพฤติปฏิบัติตาม แล้วก็เป็นสิริมงคลแก่ตนโดยลำดับลำดา จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้คิดได้อ่านมากๆ เรื่องอรรถธรรมเข้าสู่ใจจะเป็นมงคลแก่ตน ความเคลื่อนไหวไปมา กิริยามารยาท การแสดงออก เมื่อมีธรรมเป็นเครื่องกำกับแล้วจะไม่ค่อยผิดพลาดกันอย่างง่ายดาย
แต่นี้อะไรมีแต่กิเลสออกหน้าออกตาเป็นผู้บังคับบัญชาให้ทำ มันก็พาทำตั้งแต่ความชั่วช้าลามก ผลที่ได้มาก็มีแต่ความทุกข์ความเดือดร้อนทั้งเขาทั้งเรา เพราะต่างคนต่างพอใจทำ ต่างคนต่างทำด้วยกัน ต่างคนก็ต่างกอบโกยเอาฟืนเอาไฟมาเผาตนนั้นแหละ ถ้าฟังตามธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วความชั่วช้าลามกซึ่งเป็นของไม่พึงปรารถนา เราก็ปัดออกเสีย เพราะความชั่วกับความทุกข์มันมาด้วยกัน เราไม่ทำความชั่วเสียความทุกข์ก็ไม่มี ทำตั้งแต่ความดีงาม เราก็กลายเป็นความดีงามเข้าไปโดยลำดับ อยู่ในโลกนี้ก็เป็นคนดี ไปโลกหน้าก็เป็นคนดี ไปโลกผีโลกคนโลกไหนก็เป็นคนดีด้วยกัน ไม่ละความเป็นคนดีสัตว์ดีไปได้แหละ ถ้าทำชั่วแล้วเป็นอะไรก็เป็น จะตั้งชื่อตั้งนามให้สูงส่งเลยจรวดดาวเทียมไปมันก็คือคนชั่วอยู่โดยดี
จึงขอให้พากันพินิจพิจารณาอรรถธรรม นำมาอบรมสั่งสอนตนให้เป็นคนดี อย่างอื่นสอนคนไม่เคยมีว่าอะไรดีอะไรเลิศยิ่งกว่าธรรมสอนคน ธรรมสอนคนนี้เลิศเลอได้ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอกก็เพราะธรรม อบรมด้วยธรรม ธรรมเป็นเครื่องอบรมท่าน พระสงฆ์สาวกเป็นสรณะของพวกเรานี้ก็ล้วนแล้วแต่ท่านผู้อบรมธรรมมาด้วยกัน จึงควรเป็นสรณะของโลกได้ เราก็ควรอบรมธรรมให้ธรรมเป็นสรณะของพวกเรา พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ให้อยู่ในใจของเรา ใจของเราเป็นคลังแห่งธรรม ไปที่ไหนเราก็มีความสงบร่มเย็น โลกนี้ก็เย็น โลกหน้าก็เย็นผู้มีธรรมในใจ ถ้ามีตั้งแต่ความชั่วช้าลามกอยู่ในใจไปโลกไหนก็เป็นไฟทั่วหน้ากัน ให้พากันจดจำเอานะ
วันนี้ได้มาเยี่ยมพี่น้องทั้งหลายก็เป็นโอกาสอันดีงาม ได้แนะนำท่านทั้งหลายให้ได้นำอรรถนำธรรมนี้ไปเป็นข้อวัตรปฏิบัติเครื่องระลึก เวลาจะหลับจะนอนก็ให้ระลึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ กราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เสียก่อน แล้วค่อยนึกพุทโธ หลับไปกับพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ นอนหลับไปจะเป็นสิริมงคล ตื่นขึ้นมาจิตใจก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วไปทำการทำงานก็ให้มีพุทโธติดตัวบ้าง
คนๆ หนึ่งเป็นคนร้าง รถคันหนึ่งก็เป็นรถร้าง หาพุทโธไม่มีในรถ หาพุทโธไม่มีในคน คนเต็มรถแต่พุทโธ ธัมโม หรือสังโฆ คำเดียวไม่มีติดใจ เมื่อพุทโธ ธัมโม สังโฆไม่มีติดใจคนแล้ว คนเต็มอยู่ในรถ รถก็เป็นรถร้างรถไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ กลายเป็นรถร้าง คนร้าง ว่างไปหมด ไม่เกิดประโยชน์ มานี้จะไม่มีพุทโธติดเนื้อติดตัว กลับไปนี้ให้นึกน้อมพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเต็มภายในหัวใจ รถคันหนึ่งไปให้เต็มด้วย พุทโธ ธัมโม สังโฆ ไปถึงบ้านถึงเรือนเป็นสิริมงคลแก่ท่านทั้งหลาย
นี้เป็นคำฝากอรรถฝากธรรมให้ท่านทั้งหลายได้บรรจุธรรมเข้าสู่ใจ รถนี้ก็เป็นมงคล เราก็เป็นมงคล เพราะพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นมงคล ไปถึงบ้านถึงเรือนแล้วก็ระลึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ ไม่ปล่อยวาง บ้านเรือนของเราก็เป็นคลังแห่งอรรถแห่งธรรม อยู่ด้วยกันด้วยความเป็นอรรถเป็นธรรมด้วยกัน สามีภรรยาเป็นอย่างน้อยก็ไม่ทะเลาะเบาะแว้งให้เด็กมันหัวเราะเยาะ ให้พากันจำเอานะ
วันนี้เทศนาว่าการเพียงเท่านี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาท่านผู้ฟังทั้งหลายทั่วหน้ากันเทอญ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
จากเครือข่ายทั่วประเทศ
|