วิธีปฏิบัติธุดงคกรรมฐานฆ่ากิเลสของเรา
วันที่ 23 มกราคม 2551 เวลา 8:15 น. ความยาว 32.55 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

วิธีปฏิบัติธุดงคกรรมฐานฆ่ากิเลสของเรา

โรคมะเร็งเดี๋ยวนี้ดูว่า ถ้าเป็นโรคมะเร็งรู้สึกจะสลบไปเลย ได้ทราบว่าเป็นโรคมะเร็งนี้สลบไปเลย เหมือนวัณโรคแต่ก่อน วัณโรคแก้ตก เดี๋ยวนี้พอว่าเป็นโรคมะเร็งแล้วอ่อนเปียก ตอนนั้นเป็นวัณโรค ก่อนหน้านั้นโรคนี้แก้ไม่ตก พ่อแม่ครูจารย์เราก็เป็นวัณโรคเหมือนกัน ก็โรคคนแก่อย่างว่า ท่านก็บอกไว้เรียบร้อยแล้ว จะให้ทำอย่างไร ท่านบอกไว้ถึงปีกลายนู่น สอนพระนี้บอกไว้เลย กำหนดบอกว่าไม่เลย ๘๐ แปดสิบอยู่อย่างนั้น สอนพระใครจะเร่งให้เร่งนะ บางทีนับข้อมือ นี่เวลานี้ได้เท่านี้แล้วแล้วก็เท่านั้นๆ ๘๐ แน่ะ ท่านรู้ชัดขนาดนั้น ๘๐ ว่าอย่างนั้นไม่เลย พอเริ่มป่วยพอดีตอนนั้นเราไปเที่ยวกรรมฐานอยู่ ลาไปก็ตกลงกับท่านเรียบร้อยดิบดีนะ ไปคราวนี้จะไม่ได้มาร่วมมาฆบูชา เราก็ว่าอย่างนั้น เราไปทางอำเภอวาริชภูมิ กราบเรียนท่านว่าจะไม่ได้มาร่วมวันมาฆบูชา

วันเราออกเดินทางก็เป็นวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ก็เข้าใจเรียบร้อยแล้ว พอถึงวันนั้นเอาละนะ เวลา ๑๑ โมงเช้าท่านออกมา นี่ท่านมหามาแล้วยัง จากนั้นเร่งเข้าๆ จนกระทั่งถึงวาระที่ท่านจะเทศน์ มาฆบูชาท่านเทศน์อบรมพระ ประชาชนก็ไปแอบฟังบ้าง ท่านเทศน์อย่างเด็ดอย่างเดี่ยว นั่นละที่ท่านพูดถึงเราเสมอๆ ว่านี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เป็นลักษณะนั้น นี่จะเริ่มเทศน์แล้วไหนท่านมหายังไม่มาเหรอ ยังไม่มาเรื่อยอยู่อย่างนั้น ก็วันจะออกเดินทางไปก็กราบเรียนท่านเรียบร้อยแล้วว่ามาฆบูชานี้จะไม่ได้มา เพราะไปขึ้น ๓ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำก็มาฆบูชา เออ..มาฆะคนเดียวนะ แน่ะท่านก็พูดเล่นกับเรา

เราก็ไปอำเภอวาริชภูมิ พอกลับมานี้ดุเลยนะ เหอ..ไปหาวิเวกที่ไหนๆ เหล่านี้ๆ มีแต่ป่าทั้งนั้นไปหาวิเวกที่ไหน นี่ผมก็เริ่มป่วยมาตั้งแต่วานซืน คือวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ท่านเริ่มป่วย วันแรมค่ำ ๑ เราก็มาถึงหนองผือ นั่นละท่านเร่งใหญ่ จะออกแต่เรื่องเรา เหอ..ท่านมหาว่าอย่างไร ท่านเทศน์ใหญ่คืนนั้น จากนั้นมาแล้วไม่เทศน์อีกเลย นั่นละมันมีอย่างนั้นนะเรื่องราว จากนั้นเราก็ไม่ได้ไปอีกตลอดท่านนิพพาน ท่านมีเหตุมีผลของท่านอยู่ภายในๆ

แต่ก่อนไปมันไม่มีรถ ทางรถไม่มี แม้แต่หนองผือ-พรรณาก็ไม่มี ทางรถทางราไม่มี เดินด้วยเท้าๆ คนจึงไม่ค่อยได้เข้าไปถึงท่าน..หนองผือ แต่ทุกวันนี้ทางรถเข้าไปถึง ไปเวลาไหนก็ได้ แต่ก่อนไม่มีรถ เราจะมาพรรณาเราตัดเขาเลย ส่วนมากเขาออกจากนี้เขาอ้อมเขาไปพรรณา ๖๐๐ เส้น ตัดจากนี้ ๕๐๐ เส้น ขึ้นเขา เราไม่เคยไปอ้อมแอ้ม ไปตัดปุ๊บขึ้นเลยๆ ก็มันแข็งแรง ไปไหนใครทันเราเมื่อไร อ้าวจริงๆ นิสัยเป็นอย่างนั้น นิสัยเข้มแข็งทุกอย่าง คึกคักตึงตัง ไม่มีคำว่าท้อแท้อ่อนแอ เพราะฉะนั้นจึงเห็นพวกพระพวกเณรท้อแท้อ่อนแอนี้อ่อนใจ เหอ นี้เหรอจะฆ่ากิเลส  ว่าอย่างนั้นนะ พระจะฆ่ากิเลสฆ่าอย่างนี้เหรอ คือมันขวางหูขวางตา อะไรที่จะเป็นเรื่องฆ่ากิเลสมันอ่อนแอๆ มันเลยขวางหูขวางตาไปหมด

เราอยู่หนองผือพระเณรทั้งวัด พูดเสียให้มันชัดเจนที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนะ พระเณรเต็มวัดเต็มวาถ่ายเข้าถ่ายออกเราค่อนข้างแน่ใจว่า ใครไม่รู้จักวิธีปฏิบัติธุดงคกรรมฐานฆ่ากิเลสของเราเราทำอย่างไรในหมู่วงคณะ แต่เราดูหมด พระเณรในวัดดูหมด แต่พระเณรจะดูเราหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่พ่อแม่ครูจารย์ตาแหลมคม อย่างนี้ละ มีท่านองค์เดียวเห็นเรานอกนั้นไม่เห็น เราอยากจะพูดว่าไม่เห็น ถ่ายเข้าถ่ายออกยั้วเยี้ยๆ เราดูตลอดดูพระดูเณร เราก็ฆ่ากิเลส พระเณรก็ว่ามาฆ่ากิเลส พวกฆ่ากิเลสด้วยกันดูกันเข้าใจไหม แต่ท่านเหล่านั้นจะดูเราหรือเปล่า แต่เราดู ทั้งดูเรา ทั้งดูพระดูเณร

ตาดีคือพ่อแม่ครูจารย์มั่น นู่นบาตรเราเอาซุกไว้ในฝา ฝาบาตรปิดแล้วก็เอาผ้าอาบน้ำปิดเสร็จเรียบร้อยก็มาจัดอาหารถวายท่าน คือเราเป็นคนจัดอาหารถวายท่าน ใครทำก็ดี เราก็เห็นว่าดี แต่มันไม่สนิทใจเหมือนเราทำ เป็นอย่างนั้นนะ พอมาวางบาตรได้อะไรมาเท่าไรพอ ก็เอาซุกเข้าในฝาหรือในต้นเสา แล้วก็มาจัดทำให้ท่านเรียบร้อยทุกสิ่งทุกอย่าง เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ไปนั่งฉัน อยู่ๆ “ขอใส่บาตรๆ ” นั่นเห็นไหมล่ะ ท่านเห็นองค์เดียว นั่นละตาแหลมคมตาจอมปราชญ์เป็นอย่างนั้น ปุ๊บปั๊บใส่เลยนะ เปิดเองฝาบาตร มาปุ๊บปั๊บท่านจับฝาบาตรท่านเปิดฝาบาตรเรา เปิดเองใส่ปุ๊บปั๊บๆ ถ้าท่านมาใส่บาตรเองแล้วอะไรต้องฉัน แต่คนอื่นมาแตะไม่ได้ ว่าอย่างนั้นเสีย หน้าผากแตก

พระเณรกลัวเราแต่ไหนแต่ไรมา อยู่กับพ่อแม่ครูจารย์มั่นก็เรียกว่าอันดับสองที่พระเณรกลัวมาก ส่วนมากท่านอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรอยู่บนกุฏิ แต่ซอกแซกซิกแซ็กมองนั้นมองนี้ดุนั้นว่านี้คือเรา ทีนี้พระเณรก็กลัวละซิ จะว่ากลัวด้วยความเกลียดความชังก็ไม่ได้นะ กลัวด้วยความเคารพความเลื่อมใส กลัวไปอย่างนั้น คือเราจริงจังทุกอย่าง ไม่เหลาะแหละ บิณบาตมาใครเห็นเมื่อไรเราได้อะไรมาฉัน พ่อแม่ครูจารย์เห็น แต่ท่านไม่ได้ใส่บ่อยๆ นานๆ ท่านใส่สักทีหนึ่ง

เวลาท่านจะใส่นี่ โหย ใครจะไปเร็วยิ่งกว่าท่าน ปุ๊บปั๊บจับฝาบาตรเปิด  “ขอใส่บาตรหน่อยๆ” ใส่ปุ๊บเลย เราก็อ้าปากอยู่นั้น ก็จอมปราชญ์ใส่บาตรจอมโง่ใช่ไหม รับให้หมดฉันให้หมดถ้าเป็นพ่อแม่ครูจารย์มั่นนะ คนอื่นไม่ได้ นี่แหละที่อยู่ในวัดเราไม่ใช่คุย พระเณรทั้งวัดๆ ใครเห็นเมื่อไรเราปฏิบัติตัวของเรา พ่อแม่ครูจารย์องค์เดียวเห็น เป็นอย่างนั้น เราไม่พูด เรื่องของเราเองนี้จะไม่พูด เราปฏิบัติอย่างไรๆ เราทำเฉพาะตัวของเราเราจะไม่ให้ใครทราบ ไม่รู้เลย เฉย นิ่ง แต่การดูแลพระเณรเราดูแลเต็มเม็ดเต็มหน่วย สำหรับดูแลเจ้าของดูแลเงียบๆ ทำเงียบๆ

พ่อแม่ครูจารย์ตาแหลมคมมาก นานๆ “ขอใส่บาตร” อยู่ทางบ้านโคกนามนก็เหมือนกัน มาอยู่หนองผือก็แบบเดียวกัน ดีอย่างหนึ่งว่านิสัยนี้มันจริงจัง ถ้าลงได้ลงใจจุดไหนแล้วขาดสะบั้นไปเลยๆ ที่จะมาเหยาะๆ แหยะๆ อย่างนี้ไม่ได้สำหรับเรา ถ้าลงใจแล้วก็เอาจริงเอาจัง ถ้าไม่ลงใจคาราคาซัง ไม่ทราบจะทำอย่างไร รวนเร ทำอะไรไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าลงใจแล้วพุ่งเลย พ่อแม่ครูจารย์สอนอรรถสอนธรรมสอนมรรคผลนิพพานแบบพุ่งเลยๆ ผู้รับก็รับด้วยความเต็มใจก็พุ่งใส่กันเลย นั่นเป็นอย่างนั้น

มันได้ดูหมู่ดูเพื่อนที่อยู่กับพ่อแม่ครูจารย์มั่น ดูเราดูท่านดูพระดูเณรที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับท่านเป็นอย่างไรๆ เรามาอบรมกับท่านเพื่อแก้กิเลสเรา พระทั้งหลายก็มาอบรมกับท่านเพื่อแก้กิเลสของตน แล้วต่างคนต่างดู พระจะดูใครหรือใครไม่ทราบ แต่เรานี้ดูหมดดูพระดูเณรในวัด นั่นต่างกันตรงนั้นนะ แต่พ่อแม่ครูจารย์นี่เวลามีอะไรๆปรึกษาหารืออะไรกันนี้มันมีบางข้อบางกระทงเรื่องอรรถเรื่องธรรมเรื่องอะไร ใครเห็นว่าอย่างไร ใครเห็นว่าอย่างไร พระเณรปรึกษาหารือกัน ยังไม่แน่ใจตรงไหนๆ ปรึกษาหารือกัน แล้วสุดท้ายท่านก็มาลงนี่นะ ท่านมหาว่าอย่างไร แน่ะมาลงจุดนั้นนะ

ถ้าว่าท่านว่าอย่างนั้นแล้วท่านนิ่งเลย ท่านไม่เคยค้านเรา ถ้ายังไม่ลงกันตรงไหนๆ ท่านมีคัดมีค้านบ้างอะไรบ้าง พอเสร็จแล้วท่านมหาว่าอย่างไร ถ้าว่าอย่างนั้นๆ หยุดเลย ท่านไม่เคยค้าน แปลกอยู่อันนี้ อันนี้แปลกอยู่ เราก็มอบกายถวายตัวต่อท่านทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วท่านจะว่าอะไรว่า ท่านจะสับจะเขกจะสับยำเอามอบเลย แต่ท่านก็ไม่ว่านะ ถ้าว่าท่านมหาว่าอย่างไร ท่านว่าอย่างนั้นแล้วนิ่งเลย หยุดเลย มีแปลกอยู่อันนี้อันหนึ่ง

นู่นจะ ๙ โมง ตอนเช้าเราก็เอาของไปโรงพยาบาลนั้นโรงพยาบาลนี้ เมื่อวานนี้เอาไปโรงพยาบาลจังหวัดเลยทีเดียว คือโรงพยาบาลจังหวัดเลยนี้รู้สึกว่าขาดแคลนมาก โรงพยาบาลอื่นๆ ตามจังหวัดๆ นี้เราไม่ให้ เราจะไปให้ตามโรงพยาบาลอำเภอของจังหวัดนั้นๆ ให้โรงพยาบาลอำเภอๆ ส่วนจังหวัดเราไม่ได้เอาไปให้ แต่จังหวัดเลยนี้เอาไปให้ เหมือนโรงพยาบาลอำเภอ ใส่รถเต็ม เทตูมแล้วก็มาๆ รู้สึกจะขาดแคลนมาก

นี้ไปทุกวันนะที่เอาของไปให้โรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลขาดแคลนๆ เราไปให้ๆ แล้วก็ให้ปัจจัยโรงละสองหมื่นๆ ทุกโรงไปเลย บางทีทางโรงพยาบาลก็ขอตึกบ้าง ขอเครื่องมือแพทย์บ้าง เราก็ได้ให้ๆ ตึกก็ยังให้ เขาแสดงเหตุผลความจำเป็นให้เราฟังที่น่าฟังเรารับฟัง น่าให้ให้ เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ไปส่งเฉยๆ ส่งสิ่งของ ยังต้องรับฟังเหตุผล พวกนี้เขาวิ่งมาหาเรา ยังขาดตรงนั้น ตรงนี้จำเป็นอย่างนี้ เราพิจารณาแล้วให้ๆ ไปโรงพยาบาลต่างๆ อย่างที่เราไปนี้นะ

บรรดาวงกรรมฐานในสายพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้เรารู้สึกจะหนักมากกว่าเพื่อน มันหากเป็นอยู่ลึกๆ ลับๆ นั่นแหละ ความดูแลสอดส่องมองดูซึ่งกันและกันในวงพ่อแม่ครูจารย์เดียวกัน วัดไหนเป็นอย่างไร ๆ เราจะคอยไปเตือนๆ อย่างนั้นละ เพราะเราเป็นผู้ใหญ่ในวงพ่อแม่ครูจารย์ เป็นลูกศิษย์ขั้นผู้ใหญ่ก็ถูก ว่าอย่างนั้นเถอะน่ะ เราจะคอยไปเตือนๆ แล้วพระเหล่านั้นก็เคารพเรามาก เราไปวัดไหนดังไปเลยๆ ท่านไม่ได้รังเกียจเรา ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะไม่ควรตรงไหนเราก็คอยเตือนๆ นี่ครูบาอาจารย์พาดำเนินไปอย่างนั้น แล้วหลักธรรมวินัยมันก็รู้ด้วยกัน เราก็บอกแต่ครูบาอาจารย์พาดำเนินอย่างนั้น เรียกว่าสดๆ ร้อนๆ ครูบาอาจารย์พาดำเนิน ว่าอย่างนั้นเถอะ ตำรับตำราก็เป็นอันหนึ่ง ครูบาอาจารย์พาดำเนินนี่สดๆ ร้อนๆ เตือนอย่างนั้นละ

อย่างวัดท่านอาจารย์คำดี วัดถ้ำผาปู่ เราก็ได้ไปมาหาสู่เสมอ ประกอบกับท่านเหล่านั้นก็พอใจ เคารพในเรา ตั้งแต่ท่านอาจารย์คำดียังมีชีวิตอยู่ท่านเหล่านี้เคารพเรามาตลอดๆ พอท่านล่วงไปแล้วพระทั้งหลายนั้นก็ยิ่งเคารพมาก เหมือนว่าเกาะเราแทนครูบาอาจารย์อีก เพราะฉะนั้นเราถึงปล่อยมือไม่ได้ เราต้องได้ไปเสมอ ไปเห็นว่าไม่ดีไม่เหมาะไม่ควรอย่างไรเราเป็นคนชี้บอกๆ อย่างนั้นละวัดถ้ำผาปู่เหมือนกัน เพราะครูบาอาจารย์เหล่านี้สนิทตายใจกันมากกับเราๆ

วัดถ้ำผาปู่เราก็ไปเสมอ ไปแต่ละทีๆ นี้มันเป็นนิสัยอย่างนี้แหละ ไปที่ไหนที่จะไปมือเปล่าๆ ไม่ลงนะ มันเป็นอยู่ในจิต ฟัดเต็มรถ ถ้าของเต็มรถแล้วโล่ง มันเป็นนิสัยอย่างนั้น ไปวัดไหนก็เหมือนกันของเต็มรถๆ แล้วมีอะไรมอบให้ เช่นปัจจัยอะไรที่จะมอบให้เป็นค่าอาหารการกินส่วนรวม พวกแม่ชีแม่ขาวเขาคือมอบให้เขาเท่านั้นหมื่นเท่านี้หมื่น  เหล่านี้สำหรับส่วนรวมให้จัดอาหารถวายพระ เราก็สั่งไว้ๆ ส่วนที่จะมอบให้แม่ชีแม่ขาวคนละเท่าไรๆ เราให้เสมอกันหมด ส่วนที่จะเป็นส่วนรวมเราก็มอบไว้เป็นส่วนรวม อันนี้สำหรับทำอาหารถวายพระ เราก็บอกไว้เรียบร้อย

ท่านอาจารย์คำดีเป็นพระที่กตัญญูมาก เราเทิดทูนมาก ท่านอาจารย์คำดีวัดถ้ำผาปู่ เคยกันมาตั้งแต่เราออกปฏิบัติเด็ดเดี่ยว ท่านก็รู้ปฏิปทาของเรามาดั้งเดิม เพราะฉะนั้นการเทศนาว่าการ..คือท่านไม่ดุใคร ท่านได้ตั้งคำสัตย์มัดเจ้าของโดยถือเณรเป็นต้นเหตุ ท่านว่าอย่างนี้ อยู่วัดศรัทธารวม โคราช เขาถวายผ้าท่านท่านก็มอบให้เณรเย็บผ้า นิสัยท่านวู่วาม พอปาปา พอขว้างขว้าง นิสัยเป็นอย่างนั้น ก็มีเณรละมาเป็นเหตุ ท่านว่านะ ได้ผ้ามาก็ให้เณรเย็บสบงถวายท่าน ทีนี้เณรเย็บผิด พอมาดูสบงเย็บผิดท่านฉีกต่อหน้าเณร นั่นละนิสัยท่าน พอฉีกต่อหน้าเณรแล้วเณรไปนั่งอยู่ต้นเสาไปร้องไห้อยู่ต้นเสา เณรนั้นน่ะ

พอไปเห็นปั๊บสะดุดกึ๊กเลย เออ กิริยาท่าทางอันนี้ไม่เป็นของดิบของดี สร้างความทุกข์ความกังวลความเดือดร้อนให้แก่เพื่อนฝูง ยกตัวอย่างเช่นเณรมาร้องไห้ ประสาสบงเย็บผิดจะเป็นอะไรไป แล้วคนเสียใจทั้งคน แล้วเราก็ได้ใจไม่รู้สึกตัวบ้าง แต่นี้ต่อไปเราจะไม่ดุใคร นั่นเห็นไหมท่านสอนท่าน เพราะฉะนั้นท่านถึงไม่ดุใคร ท่านเอาเณรนั่นเป็นเหตุ ท่านว่านะ แต่ก่อนนิสัยท่านวู่วาม ท่านว่าอย่างนั้น เด็ดเดี่ยวเฉียบขาด เอาตามนิสัยเลย พอเอาเณรเป็นเหตุแล้วเลยไม่ดุใคร

เพราะฉะนั้นเวลาท่านพูดท่านพูดมาหาเรานะ ไม่ขึ้นต้นก็ลงสุดท้ายละ เพราะรู้จักนิสัยเราได้ดี นิสัยเด็ดเดี่ยวเหมือนกัน แต่เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น โดนนั้นโดนนี้เราไม่เป็น เด็ดแต่ปากเฉยๆ เราไม่เคยแสดง เรื่องปากนี้เร็วที่สุดปั๊วะเลย มองไม่ทันปากแตกเลย ปากนี้ใส่ปากนั้นปากนี้ซัดปากนั้นปากแตกเลย นี่ละท่านถึงพูดว่าพระเณรเหล่านี้.ตั้งแต่ท่านไม่ดุใครมาแล้ว ถ้าไปอยู่กับท่านมหาบัวแล้วไม่ถึงสามวันท่านไล่เลย ท่านเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดมาก หาที่ค้านไม่ได้ปฏิปทาของท่าน เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดเพื่ออรรถเพื่อธรรมจริงๆ ควรจะเป็นคติเตือนใจได้เป็นอย่างดี ท่านว่าอย่างนี้นะ ท่านสอน

บางทีเริ่มเทศน์ท่านก็พูดเรื่องเราขึ้นก่อน สุดท้ายก็มาพูดเรื่องเราแทบทุกกัณฑ์ ว่าอย่างนั้นเลย พระเณรเล่าให้ฟัง เอะอะก็ท่านมหาบัวๆ แล้วพอดีเราก็ไปวันนั้น..ท่านรู้เห็นเสียก่อนนะ นั่นแปลกอยู่ นี่ก็เราขโมยหนีจากหมู่เพื่อน ไม่ใช่อะไรนะ หมู่เพื่อนรุมเรา เราก็เอาโยมแม่เป็นเหตุ นี่จะไปเยี่ยมโยมแม่ได้ทราบว่าโยมแม่ไม่ค่อยสบาย จะไปเยี่ยมโยมแม่ ใครจะรุมมาด้วยไหมล่ะ ก็เยี่ยมโยมแม่มารุมอะไร นั่นละสลัดได้ ออกมานั้นมาเยี่ยมโยมแม่สองคืนเปิดเลย ไปขอนแก่นเข้าอำเภอภูเวียง คนเดียวนะ เพราะนิสัยคนเดียวมาตลอด

ท่านนิมิตรู้ไว้แล้วล่วงหน้า ท่านให้พระนี่ละตัวพยานจริงๆ คือท่านให้พระมารอ อยู่ที่ศาลาเลย ท่านบอกว่าเราได้นิมิตแล้ว จะมีพระองค์สำคัญมาหาเราในเร็วๆ นี้ ว่าอย่างนั้น ท่านจัดให้พระมาเฝ้าศาลาจริงๆ ก็พระมาเล่าให้เราฟัง มาเฝ้าศาลา เราก็ดูศาลานี่มีอะไรบ้าง หรือท่านจะหาเหตุให้พระมาเฝ้าศาลาซึ่งมีสาระสำคัญอยู่ในศาลาหลังนี้มีอะไรบ้าง กระโถนก็กระโถนไม้ไผ่ วางไว้ตามนี้ กระโถนไม้ไผ่นะ ตัดไม้ไผ่ขึ้นแล้วก็วางเป็นกระโถนไว้ เราก็ดูหมด ก็ไม่มีอะไร ก็คงจะเป็นตามที่ท่านสั่งละ ท่านได้นิมิตแล้วจะได้พบพระองค์สำคัญเร็วๆ นี้

พอดีเราไปพระก็เล่าให้เราฟัง ท่านจัดพระเณรมารอเราอยู่ที่ศาลา มารอได้สองคืนหรืออย่างไร เริ่มแรกให้องค์นี้มารอ มารอจนกว่าพระจะมาหาท่าน ก็คือเรานั่นละ สำคัญไม่สำคัญก็ช่าง เราก็ไปพอดี พระนี้ก็เล่าให้ฟัง ไปถึงท่านท่านก็เล่าให้ฟังว่าท่านได้เหตุว่าจะมีพระองค์สำคัญมาในเร็วๆ นี้ คือให้พระไปรอเฝ้าศาลา เราก็ดูศาลาหลังนี้มีอะไรบ้าง มีแต่กระโถนไม้ไผ่เต็มอยู่นั้น พอตอนเช้าที่นี่เวลาจัดอาหาร..ก็เราหูดีแต่ก่อน เราก็นั่งถัดๆ กับท่านนี้ละ เวลาพระนำปิ่นโตเข้าไป นำอาหารเข้าไป ท่านกระซิบพระนะ รู้ไหมเสือ ท่านกระซิบพระไม่ให้เรารู้ แต่เราได้ยินทุกคำนี่ พอใครก้มเข้าไปนี้ นี่เสือรู้ไหม เสือนะนั่น พูดเฉพาะนะ พอองค์ไหนเข้าไปเสือนะนั่นรู้ไหม

เราก็เป็นเสือทั้งตัว ทีนี้พระเณรกิริยาอาการของท่านท่านไม่เคยดุใครนี่ ก็เป็นกิริยาแบบลิงแบบค่างของพระนั่นแหละ พอมานี้นี่เสือนะนั่น เท่านั้นละองค์นี้ไปเปลี่ยนมารยาทหมด สุดท้ายก็เรียบหมดวัดเลย คือเสือมาเข้าใจไหม ท่านเล่าขบขันดี ท่านอาจารย์คำดี ท่านเมตตาเรามาก พูดถึงเรื่องความสัตย์ความจริงนี้ท่านจับไว้ตั้งแต่เราเรียนหนังสืออยู่ หยุดจากเรียนแล้วเราจะออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ท่านก็จับเอาไว้เลย

พอหยุดเรียนแล้วก็เข้ากรรมฐานเลยจนกระทั่งได้มาพบกัน โอ๊ย ท่านมหาพูดมีความสัตย์ความจริงจริงๆ ผมจับไว้ไม่ลืม ตั้งแต่ท่านเรียนหนังสืออยู่ที่วัดสุทธจินดา  ไปฟังเทศน์ที่วัดสาลวัน ท่านอาจารย์สิงห์เป็นองค์เทศน์ ท่านไปเทศน์ วันไหนว่างจากการเรียนหนังสือทางนู้นท่านจะมาทุกวัน ซึ่งตรงกับทางนี้เปิดสอนธรรมะตอนบ่ายโมงทางวัดสาลวัน เราไปทุกวันนะ ถ้าวันไหนเราว่างทางเรียนเราก็มาทุกวัน “ผมไม่ลืมนะว่าท่านมหาจะออกปฏิบัติ”ออกจริงๆ นี่คำสัตย์คำจริง ท่านว่าอย่างนั้น เราก็ออกตั้งแต่นั้นละมา จึงสนิทสนมกันมากกับท่านอาจารย์คำดี

ท่านเป็นผู้กตัญญูรู้บุญรู้คุณ ไม่ได้มีคำว่าถือเนื้อถือตัว “อาจารย์ของอาตมาคือท่านมหาบัว” ว่าอย่างนั้นเลย ท่านอาจารย์คำดีทั้งองค์รักเคารพท่านมาก แต่เวลาท่านพูดว่าอาจารย์ของอาตมาคือท่านมหาบัว ท่านแก่กว่าเราตั้ง ๖ พรรษา เป็นอาจารย์ของท่านก็เรา อาจารย์ของอาตมาคือท่านมหาบัว ยึดได้เป็นคติทุกอย่าง ไม่มีเคลื่อนมีคลาดเลย ว่าอย่างนั้นนะเวลาท่านพูดออกมา ท่านทำอะไรกิริยาอะไรทำอะไรไม่มีเคลื่อนคลาดจากหลักธรรมหลักวินัย ตรงเป๋ง ๆ

ท่านก็ได้เหตุให้พระมาเฝ้าศาลา เราก็ไปจริงๆ ด้วย นี่ละเป็นอย่างนั้น ถ้าวันไหนเราจะไปเยี่ยมท่าน ท่านบอกพระเณรเลย พอตื่นเช้ามา เออ วันนี้ท่านมหาจะมานะ บอกแล้ว พระเณรให้คอยดูท่าน ส่วนมากท่านจะมาในราวเที่ยง ฉันเสร็จแล้วเราก็ไป ท่านสั่งไม่ผิดนะ วันนี้ท่านมหาจะมา เราเห็นพระเณรเพ่นพ่านๆ อยู่ตามกุฏิท่านผิดปรกติ เอ๊ ทำไมพระเณรมามากมายนัก อยู่แถวบริเวณกุฏิท่าน เหอ..มาแล้ว ก็คือองค์นี้ ท่านสั่งไว้แล้ววันนี้ท่านมหาจะมา แน่ะความรู้ของท่านเก่งนะ พระเณรเพ่นพ่านๆ เลียบๆ กุฏิท่าน พอเราไป มาแล้ว ปุ๊บปั๊บไป ท่านก็ออกรับทันทีเลย อาจารย์คำดีนี้ท่านเป็นพระเด็ดเดี่ยวมาก

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก