หัวใจของชาติคือนายก รักษาให้ดี
วันที่ 27 กรกฎาคม. 2544 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Real)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

หัวใจของชาติคือนายก รักษาให้ดี

เมื่อวานนี้ฝนพรำ ๆ พวกนี้เทอะไรก็ลำบาก กลางคืนยังไฟสว่างจ้า ตอน ๔ ทุ่มเรามองเห็นไฟสว่างจ้าอยู่นอกวัด มองข้างในเห็น มองดูไฟสว่างจ้าอยู่นอกวัดก็เลยออกไปดู เขาราดซีเมนต์กลางคืน เปิดไฟราดซีเมนต์ ๔ ทุ่มยังไม่ได้หยุดนะกลางคืน เราก็อยากดูงานของเขาเป็นยังไง เห็นไฟสว่างจ้าในศาลาสว่างทั่วหมด เลยด้อม ๆ ออกไปดู เขากำลังราดซีเมนต์ข้าง ๆ เขาจะเร่งให้ทัน ก็ยังไม่กี่วัน ยังอีก ๔ วัน ๕ กับวันนี้ก็สิ้นเดือน เขาพูดแข็งขันดี เราว่าจะทันไหมวันที่ ๑๒ งาน เขาบอกว่าทัน เขาพูดอย่างมั่นใจ เถ้าแก่ใหญ่มา ขู่เอา เสี่ยกิมก่าย เสี่ยธเนศ นี่เป็นหัวหน้าคอยควบคุมอันนี้ มาบทเวลาจะตั้งขึ้นไม่ยากนะ ปุ๊บปั๊บเลย หัวหน้าใหญ่มา เราว่า ศาลาหลังเท่ากำปั้นนี่สร้างมาได้ ๖ ปียังไม่สำเร็จแล้วจะไปสำเร็จตอนไหนน่ะ เขาก็ยิ้ม ๆ ศาลาหลังนั้นละหลังกำลังสร้างอยู่

เราบอกศาลาหลังเท่ากำปั้น สร้างมาได้ ๕-๖ ปีแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วจะไปเสร็จเมื่อไรล่ะ เขาก็ยิ้ม ๆ นี่จะทันวันที่ ๑๒ สิงหา ไหม โอ๊ย ทัน ขึ้นเลยเทียว พอได้ช่องขึ้นทันทีเลย นี่เราไปเรื่อย ๆ ไปดู วันที่ ๑๒ คนก็จะมามากนี่นะ แล้วเป็นระยะฝนพอดีเสียด้วยนะคนจะมามาก เขาบอกว่าทัน เราดูแล้วก็ทันแต่ก็ขู่ไว้อย่างนั้นแหละ ก็ยังเหลือแต่พื้นรอบ ๆ นอก ๆ ข้างในหมดแล้ว ยังแต่รอบนอกสุดเท่านั้น จวนแล้ว ยังเหลือแต่ด้านทิศเหนือทิศไหนบ้างไม่มาก วันนี้น่าจะเสร็จ เพราะเขาเอาใหญ่นี่นะ มีทั้งหญิงทั้งชายมาช่วยกันเต็มไปหมดเลย เพราะฉะนั้นเขาจึงว่าทัน เพราะงานนี้มันงานกะปริบกะปรอย งานซ้ำ ๆ ซาก ๆ งานเสร็จไม่เป็น ไม่ใช่งานทำให้เสร็จได้อย่างง่ายดายนะ งานหยิบนั้นหยิบนี้มันเสร็จยากนี่นะเราไปดูแล้ว

จากนี้นับทั้งวันนี้ก็เป็น ๖ วันสิ้นเดือนกรกฎา วันที่ ๑๒ ก็เป็นวันงาน เขาก็แน่ใจเหมือนกันว่าเสร็จ เพราะยังอีก ๕-๖ วัน อันนี้มันก็จวนแล้ว น่าจะเสร็จ ดีไม่ดีจะเป็นภายในเดือนนี้ ต้น ๆ เดือนก็จะเสร็จเรียบร้อยละ เพราะเขาเร่ง คิดดูอย่างเมื่อคืนนี้ตั้ง ๔ ทุ่มยังไม่หยุดกันเลย ไฟสว่างจ้า มองไปจากนี้มองเห็นทะลุ สว่างจ้า เราด้อม ๆ ไปดู โอ๋ย คนเต็มเลยศาลา ต่างคนต่างทำ ราดซีเมนต์ละสำคัญมาก พวกขัดเกลาอะไรที่ยังไม่เรียบร้อยนั่นก็พวกหนึ่ง พวกนี้พวกหนึ่ง พวกนั้นพวกหนึ่ง งานกะปริบกะปรอย แต่มีอยู่ทั่วไป แล้วงานซ้ำ ๆ ซาก ๆ เสียด้วยนะ

เมรุเราก็เลยเป็นปัญหาอันหนึ่งขึ้นมา เรามาพิจารณา หรือจะได้ตัดตรงนั้นออก เราเดินไปดูสองหนแล้วมั้ง เย็นวานนี้ก็ไปดู รั้วรอบในควรจะสมบูรณ์ตามเดิมมัน รอบนอกตัดเข้าไปถึงรั้วรอบในหมดเลย ข้างหน้าน่ะตัดออกหมดเลยเพื่อให้รถวิ่งผ่าน เมรุอยู่นั้นรถวิ่งผ่านศาลาทั้งหลัง รถวิ่งผ่านนี้ไม่ได้ก็ไม่เหมาะ เราดูแล้วนะ เพราะงานนี้ต้องมีรถผ่านรอบศาลา ๆ ตลอดเวลา ทีนี้มีเมรุอยู่นั้น เอ๊ มันยังไงกัน เราไปดูสองหนแล้วตอนเย็นเมื่อวานนี้ มันน่าจะได้ตัดรั้วรอบนอกออกเลย ให้รถผ่านปึ๋งไปเลย เราดูแล้ว กำลังพิจารณาอีกทีหนึ่ง เราจะเอาท่านปัญญามาปรึกษา ท่านเห็นสมควรยังไง ๆ เพราะท่านปัญญาตัดสินแน่กว่าเรา สิ่งอย่างนี้ท่านปัญญาแน่มาก เราไม่เป็นท่า ถ้าอย่างนี้แล้วไม่เป็นท่า สู้ท่านปัญญาไม่ได้เลย ทีไรแพ้ท่านปัญญาหลุดลุ่ยสู้ท่านไม่ได้

นี่เห็นไหมคานเหล็กเอาสีมาทา พวกคนงานเขาก็รุมทาพวกเหล็กพวกอะไรยุ่งกัน ทีแรกเราก็เห็นเขาทาสีหนึ่งแล้วนะ มาดูครั้งที่สองมาทาสีอีกทีหนึ่งทับกันเข้าไป เรามานี้ก็บ๊งเบ๊งใส่ มันทำอะไรนี่ มันจะไม่กลายเป็นโลกสกปรกไปแล้วเหรอนี่ สีที่มาทาเหล็กมันก็สมควรแล้วนี่นะ แล้วมาทาอะไรอีกสองซ้ำสามซ้ำ ทาแบบไหนนี่น่ะ พอว่าแล้วก็ไล่พวกคนงานหนี เขากำลังทาสีอยู่ ไล่คนงานหนีแตกฮือไปอยู่ที่นั่น ทีนี้เราไปได้เหตุผลมาจากไหน ออกกันตรงนั้นแหละเกี่ยวกับเรื่องท่านปัญญาให้ทา ว่างั้นนะ ทาสีที่สองนี่ สีทีแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะทากันอะไร ๆ ก็พอคิดได้ ไอ้ทาครั้งที่สองเพื่ออะไรเราไม่รู้ เลยไล่คนงานแตกออกนี้ไปอยู่ตามแถวนั้น

เราเดินไปนั้นได้ยินเขาพูดว่าท่านปัญญาสั่งให้ทาว่าอย่างนั้นนะ ไหนว่าไง ว่าท่านปัญญาสั่งให้ทา เอ้า ถ้าอย่างนั้นให้ท่านปัญญามานี่หน่อย เขาไปเรียกท่านปัญญามา พอมา ทาเพราะเหตุไรเอ้าว่ามา คือทาทีแรกเพื่ออันนั้น ๆ ทาที่สองเพื่ออันนั้น ๆ โอ๊ย ถ้าอย่างนั้นเอาละยอมรับ ไปไล่คนงานกลับมาทำ นั่นแพ้ท่านปัญญานะ พอท่านปัญญาพูดขึ้นเท่านั้นยอมเลย คนงานยังไม่ได้หนี ไล่กลับมาทำงานอีก จึงบอกว่าสู้ท่านปัญญาไม่ได้ ถ้าเป็นเรื่องเหล่านี้สู้ท่านไม่ได้ พอว่าท่านปัญญาเราจะยอมเลยถ้าเป็นเรื่องอย่างนี้นะ ท่านปัญญาท่านฉลาดมากทุกอย่าง เราไม่เคยเห็นท่านปัญญาทำสิ่งเหล่านี้ผิดพลาดไปนะ ไม่มี ไอ้เราปั๊วะเข้าไปก็ผิดพลาดทันทีเลย ก็ดูซิไล่คนงานของท่านปัญญาจัดมาเองแตกกระเจิง แล้วไปสู้ท่านปัญญาไม่ได้ ก็ต้องไล่คนงานมาทำงานอีก อย่างนั้นนะ ไม่เป็นท่าแหละเราอย่างนี้ ท่านละเอียดลออมาก

วิศวปรมาณูของเล่นหรือ ถามถึงเครื่องยนต์กลไก ไม่มีที่ท่านจะติดจะค้างนะ ทำได้หมดเลย จรวดดาวเทียมทำได้หมดเป็นหมด แต่ท่านก็บอกว่าการทำนี้ทำคนเดียวไม่สำเร็จ โรงงานแต่ละแห่ง ๆ ไม่ทราบว่ากี่พันกี่หมื่นคนงานว่าอย่างนั้นนะ แต่วิธีทำน่ะรู้ ท่านบอกว่ารู้ ท่านฉลาดมาก เรื่องไฟฟ้านี้ยกให้เลย สุขุมมาก พระฝรั่งมาอยู่นี้สุขุมทุกองค์ ไปคนละแบบ ๆ เราก็ดูหลักเกณฑ์ของท่านที่พากันดำเนินมายังไง ๆ รู้สึกว่ามีหลักมีเกณฑ์ ๆ แล้วก็รวมเข้าไปหาศาสนาซึ่งเป็นรากฐานสำคัญแห่งหลักเกณฑ์ทั้งหลาย ศาสนาก็หมายถึงพุทธศาสนา เราเอามาเทียบปั๊บทันที เข้ากันได้ องค์นี้ดีทางนี้ องค์นั้นดีทางนั้น ที่มาอยู่นี่พระฝรั่งแต่ละองค์ ๆ เก่งไปคนละทาง ไม่ถามไม่รู้นะ ไม่รู้ว่าท่านเก่งทางไหน ๆ ท่านไม่พูด องค์นี้เก่งทางนี้ ๆ แต่ท่านปัญญารู้สึกจะครอบไปหมด รอบ ความรู้ท่านกว้างขวางมาก

นี่ละองค์หนึ่งที่ลงใจในพุทธศาสนา เท่าที่เราผ่านมานี้ท่านปัญญาเป็นอันดับหนึ่ง ลงพุทธศาสนาอย่างเต็มเหนี่ยวเลย เหล่านั้นก็ไปตาม ๆ กัน แต่ผู้นี้ลงสนิทด้วยหัวใจเป็นพยานกันนะ ไม่ใช่มาลงเอาเฉย ๆ อ่านตำรับตำราแล้วก็มาลงนี้เป็นประเภทหนึ่ง ลงในความจำก็มี ลงในความจริงก็มี ถ้าภาคปฏิบัติแล้วต้องลงในความจริง เพราะศาสนาขึ้นจากความจริงล้วน ๆ หัวใจ พระพุทธเจ้าทรงพระไตรปิฎก คำว่าพระไตรปิฎก ไตรก็แปลว่าสาม ปิฎก ๆ เป็นภาชนะ แปลว่าภาชนะ ภาษาบาลีว่า ปิฏก เป็นภาษาไทยเรียกว่าปิฎก แปลว่าภาชนะ พระไตรปิฎกก็คือภาชนะสาม เวลาแยกออกมาแล้วก็เป็น ภาชนะพระวินัย ภาชนะพระสูตร ภาชนะพระอภิธรรม เรียกว่าพระไตรปิฎกสาม พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก

เวลาท่านจดจารึกออกมาท่านมาแยกตั้งชื่อตั้งนามทีหลังนะ อยู่ในพระทัยของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ท่านเป็นหลักธรรมชาติรวมกันอยู่นั่น ท่านไม่ได้แยกได้แยะ เวลาออกมาถึงแยกแยะออกมา ประเภทนี้ให้เป็นทางพระวินัย เรียกว่ากฎหมายพระว่างั้นเลย พระสูตรพูดถึงเรื่องดีชั่ว คนทำดีทำชั่วตกนรกไปสวรรค์ พวกสัตว์พวกบุคคลอะไร เรียกพระสูตร พระอภิธรรมนี้จิตตภาวนาล้วน ๆ เลย ขึ้นตั้งแต่สมถวิปัสสนาตลอดทะลุทีเดียว เรียกว่าพระอภิธรรม

เพราะฉะนั้นที่เขาอ้างข้าง ๆ คู ๆ มาโดนเราเข้าซิ เราเป็นคนอย่างนี้เสียด้วย ไม่ได้ยกครูนะต่อยทันทีเลย เขาบอกว่าเขาก็มีทางหลีกเลี่ยงของเขา กลัวจะโดนเอาอย่างจัง ๆ ก็เอาจริง ๆ นี่เรา จริง ๆ ก็จังซิใช่ไหม เขาบอกว่า เอาคนนั้นคนนี้อ้างไปอย่างนั้นนะ ว่าพระอภิธรรมนี้ไม่มีในพระไตรปิฎกว่างั้น ทางนี้ก็ขึ้นทันทีเลย ถ้าพระอภิธรรมไม่มีในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าก็ไม่มี ทุก ๆ พระองค์ไม่มี ไม่มีในโลก ธรรมทั้งหลายไม่มี นั่นขึ้นแล้วรับกันปึ๋งเลยกับอภิธรรม เพราะอภิธรรมเป็นภาชนะรับรองพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ไม่พ้นแม้พระองค์เดียวไปได้เลย นี่หลักใหญ่ แล้วจะมาล้มอันนี้ออก ล้มศาสนาออก ก็เรียกว่าหมดเลย เราก็เข้าต้านทันทีเลย

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ตรัสรู้ด้วยอภิธรรม พระสงฆ์เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ตรัสรู้ด้วยอภิธรรม ไม่ตรัสรู้ด้วยอย่างอื่น บอกตรง ๆ เลย ใส่เปรี้ยงเข้าไปเลย ถ้าพระอภิธรรมไม่มีพระพุทธเจ้าก็ไม่มี พระสงฆ์สาวกก็ไม่มี ศาสนาก็ไม่มี นั่นขึ้นเลย ไล่เข้าไป ๆ พระอภิธรรมมายังไปไปยังไงว่ากันไป จากนั้นก็แยกออกมาจากผู้ไปจดจารึกออกมา แยกเป็นแขนง ๆ ออกมา เราก็ไล่มาตั้งแต่ต้นเลยเทียว ก็เรียนมาเหมือนกันถ้าพูดถึงเรียน ถ้าปฏิบัติก็ปฏิบัติมาเหมือนกัน ก็พูดได้อย่างถนัดชัดเจนล่ะซิ

นี่ละเขาจะโค่นศาสนา เขาจะโค่นอภิธรรม แต่มีทางหลีกเลี่ยงว่าเขาไม่ได้ว่าตัวเขาเอง ถ้าว่าตัวเขาเองมันจะหงายทันที ต้องหลีกเลี่ยงไป ให้ไปหาต่อยเงาไม่ต่อย ฟาดเข้าไปตรงนั้นแหละ มันเป็นอย่างนั้นนะ จะทำลายศาสนาไปพร้อมนะในยุคปัจจุบันนี้จะเป็นอะไร ทำลายทั้งชาติทำลายทั้งศาสนาไปพร้อมเลย แต่พอดีทั้งชาติทั้งศาสนาในระยะนี้เราก็ยังอยู่ในท่ามกลางทั้งสองอย่างด้วย ถ้าพูดถึงเรื่องโลกเราก็รักษาหัวใจพี่น้องชาวไทย สมบัติอันล้นค่าไว้ที่.. ใครก็รู้ด้วยกันใช่ไหมล่ะ นี่เราอยู่ตรงกลางนั้นแล้ว เราผิดวินัยข้อไหน ธรรมข้อไหนเราก็รู้นี่ เรื่องราวเป็นมายังไงก็ไม่มีใครค้านได้ซิ จะว่าเราเล่นการบ้านการเมืองมันก็เห่าฟ่อ ๆ อยู่ในถังขยะต่างหาก ความจริงมันไม่ได้เป็น เราชำระล้างสิ่งสกปรกเป็นส้วมเป็นถานออกมา พอให้เป็นผู้เป็นคนเป็นบ้านเป็นเมืองเป็นชาติไทยของเราขึ้นมาบ้างเท่านั้นเอง นั่นเราเข้าไปชะล้างต่างหากเราไม่ได้ไปเล่น

คำว่าการเมืองมันหมายความว่ายังไง ว่าการเมือง มันเอาเกียรติมาจากฟากเมฆฟากฟ้าที่ไหนมาอวดว่าการเมือง ๆ มันคือการอะไร ก็ไล่เข้าไปอีกตรงนี้น่ะ มันถึงได้เอามาอวดนักการเมืองการแมงนี่ ว่าอย่างนั้นซิ กฎของธรรมทำไมไม่เอาออกมาพูด หลักความจริงอยู่กับกฎของธรรม รับรองทั่วแดนโลกธาตุ นี่คือกฎของธรรม ทำไมไม่มาพูด เอามาพูดทำไมการบ้านการเมือง ว่าอย่างนั้นแหละเรา ไล่เข้าไปเลย

ไล่เข้ามานะทุกวันนี้ ว่าเทวดาไม่มี ก็เรียกว่าลบล้างศาสนาไปโดยตรง ลบล้างศาสนาตั้งแต่เทวดาไม่มี ถ้าเทวดาไม่มีแล้ว มนุษย์มนาสัตว์ทั้งหลายก็ไม่มี แน่ะก็ลบไปหมดด้วยกัน ไม่มีอะไรเหลือละนะถ้าลงเทวดาไม่มี ลบไปหมดเลย แล้วก็เข้าหาศาสนาหลักใหญ่ก็ว่าอภิธรรมไม่มีในพระไตรปิฎก พระไตรปิฎกตั้งขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้นะพระไตรปิฎกที่เห็นนี่ อภิธรรมมีมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้พระองค์แรกนู่นน่ะของเล่นเมื่อไร จะมาอวดกันได้ง่าย ๆ เหรอ อภิธรรมเป็นรากแก้วของศาสนามาตั้งแต่ดั้งเดิม อภิธรรมไม่มี ศาสนาไม่มี พระพุทธเจ้าไม่มี สาวกทั้งหลายไม่มี บอกตรง ๆ เลยเทียว ถ้าลงลบอภิธรรมแล้วลบหมดเลย ธรรมทั้งปวงไม่มีเหลือ เพราะรากเหง้าของธรรมทั้งหลายอยู่ที่อภิธรรม

จากนั้นก็ว่าเทวดาไม่มี ก็ท่านแสดงไว้อย่างโจ่งแจ้งด้วยกัน ทั้งมนุษย์ เทวดาอินทร์พรหมทั้งหลาย พระพุทธเจ้าไม่ได้ลำเอียง ทรงแสดงไว้ตามความมีความเป็นทุกอย่างไม่ลบล้าง ทีนี้พวกเปรตพวกผีตาบอดหูหนวกหยาบช้าลามกมันเข้ามาลบล้างล่ะซี ลบล้างก็ตีหน้าผากมันเข้าไปซิ ว่าเทวดาไม่มี ถ้าเทวดาไม่มี มนุษย์ก็ไม่มี นั่น ทีนี้เห็นไหมมนุษย์มีไหม ก็อย่างนี้ นี่เป็นส่วนตา ทีนี้ส่วนหู หูจะมาลบล้างว่ารูปไม่มีไม่ได้นะ หูเป็นใหญ่ในเสียง ตาเป็นใหญ่ในทางรูป เป็นใหญ่คนละทาง ๆ นะมาลบล้างกันไม่ได้ ต้องวางตามความเป็นจริงไว้ตามสิ่งที่จะสัมผัสสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ควรแก่อะไรบ้าง แน่ะ ตาควรแก่รูป หูควรแก่เสียง จมูกควรแก่กลิ่น ลิ้นควรแก่รส ต้องยกให้เป็นใหญ่คนละทาง ๆ มาลบล้างกันไม่ได้ เรื่องหลักความจริงเป็นอย่างนั้น

เทวบุตรเทวดาเป็นเทวบุตรเทวดา ก็เหมือนตาเป็นตา หูเป็นหู นั่นเอง มนุษย์เป็นมนุษย์ เปรตผีเป็นเปรตผี เป็นคนละแผนก ๆ มาลบล้างกันได้ยังไง ความจริงมีอย่างเดียวกัน สอนไว้ตามหลักความจริง นี้คือตา นี้คือหู นี้คือจมูก นี้คือลิ้น คือกาย นี้คือใจ ก็บอกไว้ตามหลักความจริงที่มีอยู่ ไปลบล้างไม่ได้นะ อันนี้ก็เหมือนกัน นี้มนุษย์ นี้เทวดา นั้นหมู นี้หมา ก็ว่ากันไป นี้กระต่าย นั้นกระแต ก็ต้องบอกไปตามสภาพที่มันมีซี มาลบล้างไม่ได้นะ นี่ซิพูดเทวดาไม่มี สอนเทวดากับสอนมนุษย์ก็อยู่ในโปรแกรมอันเดียวกันของพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ๕ ตาราง เรียกว่าตารางสอนประจำพระพุทธเจ้า เรียกว่าพุทธกิจ ๕ แปลว่า งานประจำพระพุทธเจ้า ๕ อย่าง สายเณฺห ธมฺมเทสนํ ตอนบ่าย ๓ โมง ๔ โมงนี้เป็นข้อหนึ่ง ทรงแสดงธรรมแก่บรรดาประชาชน นับแต่พระราชามหากษัตริย์ลงมา ปโทเส ภิกฺขุโอวาทํ พอตอนค่ำประทานพระโอวาทแก่พระสงฆ์สาวก อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหากํ พอ ๖ ทุ่มแสดงธรรมและแก้ปัญหาพวกทวยเทพทั้งหลายตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา นั่นฟังซิ นี่ละปัญหาข้อที่สาม เรียกว่าข้อที่สามของพุทธกิจ ๕ ข้อที่สี่ก็ ภพฺพาภพฺเพ วิโลกานํ เล็งญาณดูสัตวโลก ใครที่จะต้องในตาข่ายคือพระญาณหยั่งทราบของพระองค์ เมื่อควรแก่กาลเวลาแล้วพระองค์ก็เสด็จไปโปรดคนนั้นก่อน เพราะคนนั้นจะมีชีวิตอยู่ไม่นานอย่างนี้ ก็รีบเสด็จไปโปรดคนนั้นก่อน ถ้ามีอุปนิสัยเหมือนกันแต่ชีวิตจิตใจไม่เข้มงวดกวดขันถึงเป็นถึงตายอย่างรวดเร็วนี้ ก็เสด็จไปตามโอกาสที่พระองค์เห็นว่าสมควร ปุพฺพเณฺห ปิณฺฑปาตญฺจ ตอนเช้าเสด็จออกบิณฑบาตโปรดสัตวโลก นั่นฟังซิ ๕ ข้อ

นี่พุทธกิจประจำพระพุทธเจ้า ลบล้างไปไหน ก็มีอยู่ในนั้นว่าไง ลบล้างแบบหูหนวกตาบอดมันฟังไม่ได้หนา สิ่งเหล่านี้พระองค์ทรงแสดงไว้ทุกแง่ทุกมุมไม่ลบ อย่างที่เราว่านี่ ตาเป็นใหญ่ทางรูป ลบไม่ได้ หูเป็นใหญ่ทางเสียง ให้เป็นใหญ่คนละทาง ๆ ในร่างกายของเรานี้ ส่วนไหนที่จะเป็นประโยชน์ในทางใด สำหรับหน้าที่ของอวัยวะส่วนใดจะรับสัมผัสในสิ่งเหล่านั้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของอวัยวะส่วนนั้น ๆ รับไปเอง ๆ ไม่ก้าวก่ายกัน เรื่องพุทธศาสนาก็แบบเดียวกันกับอวัยวะของเรานี้ ส่วนไหนเป็นภาคใด ๆ แยกไปเป็นใหญ่ของแต่ละส่วนแต่ละภาค ๆ ไปอย่างนี้ จะมาลบล้างกันไม่ได้นะ

พุทธศาสนาเรานี้หาที่ค้านไม่ได้เลย เราเอาหัวใจเราออกยันเลย ตัวเท่าหนูนี้มันก็ยันอย่างเต็มเหนี่ยวสมกับฐานะตัวเท่าหนู ไม่มีถอย ความจริงมีอยู่เต็มหัวใจนี้ออกเต็มหัวใจเลยเทียว รู้ที่ตรงไหนอยู่ในตาข่ายพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้แล้ว คือทรงรู้ไว้แล้วเห็นไว้แล้ว แต่เรายังไม่รู้ เวลาปฏิบัติไปมันไปเจอเข้า ๆ มีแต่ อ๋อ ๆ หมอบ ๆ นั่น ก็เราไม่เห็นเฉย ๆ เราจะเอาความไม่เห็นไปอวดพระพุทธเจ้าได้เหรอ ความตาบอดกับความตาดีมันต่างกันนี่นะ ท่านรับสั่งไว้ตรงไหนคือท่านรู้แล้วเห็นแล้ว ๆ มาแสดงธรรมปฏิบัติธรรม

แล้วนิสัยวาสนาของผู้ใดควรจะเห็นจะรู้มากน้อยเพียงไร เรียกว่าสิ่งที่จะมารับสัมผัสแห่งความรู้ของเรานี้เปิดไว้ตลอดเลย ความรู้นี้จะสามารถรู้ได้มากน้อยเพียงไร จะรู้ไปตามความสามารถของตัวเอง ๆ เป็นอย่างนั้นนะ ทีนี้เวลารู้ไปไหนตามความสามารถของเรา ก็เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงแสดงไว้แล้ว ๆ ไม่รู้ไว้แล้วแสดงได้ยังไง นั่น ก็รู้ไว้แล้วทั้งนั้นนั่นเองจึงแสดงออกมา แล้วที่ไหนจะไปคัดค้านได้ไม่มี คัดค้านไม่ได้เลย

เอ้า เปิดออกซิจิตให้เต็มภูมิวาสนานะ ไม่ต้องไปถามพระพุทธเจ้าละ เจอเข้าปั๊บ อ๋อทันทีเลย นั่นเห็นไหมล่ะ ถามทำไม ก็แสดงไว้ด้วยความแจ่มแจ้งแล้ว มันหูหนวกตาบอดเฉพาะเราต่างหาก เปิดตาออกซิให้เห็น จะถามพระพุทธเจ้าที่ไหน พระองค์ทรงแสดงด้วยความแจ่มแจ้งไว้แล้ว ไม่มีมัวที่ไหนเลย มืดมิดปิดตาไม่มี มันมืดมิดที่ตาของเราตาบอดไม่เห็น พอเห็นเข้าตรงไหนก็ยอมรับ ๆ เห็นกว้างแคบขนาดไหนก็ยอมรับ ทีนี้ที่ยังไม่เห็นมันก็เลยยอมไปเลยนะ ก็อะไรมันก็แบบเดียวกันหมดแล้ว ที่อื่นจะผิดกันนี้ไปไหน นั่น มันก็ยอมรับแหละ เป็นอย่างนั้นนะ

อย่าเอาคัมภีร์วินัยเฉย ๆ โดยที่เรียนแล้วไม่ปฏิบัติมาอวดนะ ต้องเอาธรรมวินัยที่เรียนแล้ว ซึ่งเป็นแบบแปลนแผนผังที่แน่นอนแล้ว เช่นอย่างพระไตรปิฎก เป็นแบบแปลนแผนผังที่แน่นอนแล้ว ให้เอาพระไตรปิฎกนั้นซึ่งเป็นแบบแปลนแผนผังออกมากางมาปฏิบัติ ภาคปฏิบัตินี้ละภาคปลูกบ้านสร้างเรือน จะเป็นตึกรามบ้านช่องขึ้นมาตามแปลนที่บอกไว้แล้ว ตามกำหนดของเราที่เราต้องการตึกรามบ้านช่องขนาดไหน จะมีอยู่ในแปลนนั้นเสร็จ เอาออกมา มันก็จะสำเร็จขึ้นมานั้น ถ้าลงมือสร้างแล้วเป็นขึ้นมา

อันนี้แปลนของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก ให้เอาออกมากางเป็นภาคปฏิบัติ ผลคือสิ่งที่เราจะรู้จะเห็นจะปรากฏขึ้นมาโดยลำดับลำดา เหมือนเราปลูกบ้านปลูกเรือน เริ่มตั้งแต่ขุดดิน เทต้นเสาเทอะไร มันจะขึ้นโดยลำดับ ๆ เป็นปฏิเวธ เห็นด้วยตาเจ้าของเป็นลำดับ เวลานี้กำลังขุดรากขุดฐานก็เห็นได้ด้วยตา เวลานี้กำลังวางเสาวางคานข้างล่างข้างบน มันก็เห็นเป็นลำดับลำดา จนกระทั่งขึ้นข้างบนสุดยอด บ้านนี้สมบูรณ์แบบ มันก็เห็นประจักษ์ อันนี้ปฏิเวธ ๆ จะเห็นขึ้นไปตั้งแต่ภาคสมถธรรม

แม้แต่เรื่องศีลนี่ก็เหมือนกัน เมื่อบวชแล้วปั๊บตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติต่อศีล รักษาศีลให้เข้มแข็ง คนนั้นมีศีลเต็มตัวแล้วนั่น เป็นภาคปฏิบัติแล้วอบอุ่น จากนั้นก็ภาคสมาธิ ภาคสมถธรรม วิปัสสนาธรรม พิจารณาทางด้านจิตใจ ก็จะรู้จะเห็นจะสงบร่มเย็นจะสว่างไสวขึ้นที่ใจ นี่ถ้ามีภาคปฏิบัติจะเห็นผลขึ้นมาเป็นลำดับ ภาคปฏิบัติเป็นภาคที่จะรู้ความจริง ภาคปริยัติเป็นแต่ความจำ จำเอาแบบแปลนแผนผังมา ภาคปฏิบัตินี้เอาแบบแปลนแผนผังออกมากางแล้วปฏิบัติหน้าที่ตามนั้น แล้วจะสำเร็จผลขึ้นมาเป็นลำดับลำดา นี่ภาคธรรมะของภาคปฏิบัติจะเป็นปฏิเวธขึ้นมา คือความรู้ชัด ๆ เป็นลำดับลำดา

ตั้งแต่ศีลบริสุทธิ์นี้ก็แน่ใจเจ้าของแล้ว เราไม่ได้ทำลายศีลของเราในข้อใดทำไมจะไม่อบอุ่นคนเรา นี่ศีลเต็มตัวตั้งแต่วันบวช รักษาศีลตลอดก็เป็นศีลเต็มตัวไปตลอด นี่เป็นภาคปฏิบัติ ศีลก็เป็นความอบอุ่น นี้เป็นผลประจักษ์ขึ้นมาในหัวใจเจ้าของแล้วว้าเราอบอุ่นใจ เราไม่ได้ทำลายศีลข้อใดให้ด่างพร้อยหรือขาดทะลุไป จิตใจของเราก็ชุ่มเย็น นี่ภาคที่หนึ่ง ภาคที่สองทำจิตใจที่มันว้าวุ่นขุ่นมัวเข้าสู่ความสงบ ด้วยหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เช่น บริกรรมภาวนา เป็นต้น ก็ให้เอามัดเข้าไปซิ มัดเข้าไป จิตมันจะวุ่นไปขนาดไหนไม่ได้เหนือธรรมละนะ ธรรมเป็นฝั่ง แม่น้ำมหาสมุทรกว้างขนาดไหนเหนือฝั่งไปไม่ได้ มันกว้างขนาดไหนก็อยู่ในขอบของฝั่ง อันนี้อยู่ในขอบของธรรม กิเลสจะเก่งขนาดไหนอยู่ในกรอบของศีลของธรรมเหนือนี้ไปไม่ได้

เอาธรรมครอบเข้าไปซิ มันจะวุ่นขนาดไหนจิตนี่น่ะว่าอย่างนั้น ฟาดลงไปมันก็ลงสงบแน่วลงไป นั่นเห็นแล้ว จากนั้นก็เสริมกำลังขึ้นเรื่อยสงบเย็นเข้า ๆ จากความเย็นก็สว่างไสว จะเห็นขึ้นที่ใจไม่ต้องไปถามใคร ขอให้ทำใจให้สงบ ทุกสิ่งทุกอย่างจะปรากฏขึ้นที่ใจ เพราะใจเป็นนักรู้ รู้อยู่แล้ว มีอะไรครอบขนาดไหนก็ไม่พ้นที่มันจะรู้อยู่แล้ว ๆ พอเปิดออกเท่าไรความรู้นี้มันก็สว่างออกจ้าออก ๆ นั่นใจเป็นอย่างนั้นนะ ปฏิบัติถึงเรื่องสมถะหรือสมาธิธรรมมันก็ประจักษ์อยู่ในใจ สว่างอยู่ภายในใจ นี่เป็นกรอบอันหนึ่งแล้ว จากนั้นก็ออกทางด้านปัญญายิ่งสว่างเลย ปัญญานี้น้ำล้นฝั่งนะปัญญาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย กว้างขวางมากที่สุด ทั้งด้านฆ่ากิเลสประเภทต่าง ๆ จนสิ้นซากไป ทั้งปัญญาญาณที่จะหยั่งทราบในเหตุการณ์หรือสิ่งต่าง ๆ นี้มันจะกระจายออกไปหมดเลย

ปัญญานี้ปัญญาฆ่ากิเลสก็มี ปัญญารู้ตามสภาวธรรมทั้งหลายที่มีอยู่มากน้อย เห็นไปตาม ๆ กันไปหมดนี้ก็มี ปัญญามีหลายขั้น จากนั้นก็เรียกว่าญาณ ปัญญาที่ละเอียดแหลมคมเข้าไปสุดยอดเรียกว่าญาณ นั่นเป็นขั้น ๆ นะ พระพุทธเจ้ามีทั้งปัญญามีทั้งญาณรอบหมดแล้วสอนโลก แล้วจะเอาอะไรไปค้าน ไม่ค้าน ขอให้ปฏิบัติตามธรรมตามนี้เถอะ บ้านเมืองของเราจะอยู่เย็นเป็นสุขนะถ้ามีธรรม ถ้าไม่มีธรรมเหลวแหลกแหวกแนว

อย่างที่เราเห็นนี้ เห็นไหมบ้านเมืองของเราเวลานี้ เอาสมัยปัจจุบันนี้ ๒-๓ ปี ๔ ปีนี้ละมากางออกให้เห็นชัด ๆ บ้านเมืองของเราห่างเหินหรือว่าไม่มีธรรมในใจ ก็มีแต่คนปู้ยี่ปู้ยำกันแหลกเหลวไปหมดในทั่วแดนไทยของเรา จะล่มจมทั้งเมืองไทยเพราะไม่มีธรรม มีแต่สิ่งที่จะทำให้บ้านเมืองจม ๆ เพราะอำนาจแห่งความโลภ โลภไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอ แทนที่จะไปทำหน้าที่การงานเพื่ออุ้มชาติบ้านเมือง กลับต่างคนต่างขึ้นไปเหยียบย่ำทำลายบ้านเมืองให้ล่มให้จม ด้วยความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว เห็นแก่อำนาจบาตรหลวงป่า ๆ เถื่อน ๆ เหยียบลงไป ๆ จนกระทั่งเมืองไทยจะจมเห็นไหม เราเห็นอยู่ด้วยทั่วกันทุกคนไม่ใช่หรือ ไปหาเรียนที่ไหน กฎหมายที่ไหนกฎหมอยที่ไหนมันมี

หลักธรรมชาติมีอยู่ เรียนตามหลักธรรมชาติซิ ดีมีอยู่ ตามีอยู่ หู จมูก ลิ้น กายมีอยู่ เป็นเครื่องสัมผัสสัมพันธ์เพื่อจะรับความจริงทั้งหลายมีอยู่ ทำไมจะไม่รู้ความจริง คนดีมีอยู่คนชั่วมีอยู่ คนทำชั่วมีอยู่คนทำดีมีอยู่ ทำไมจะไม่เห็นทั้งดีทั้งชั่ว ทั้งคนดีคนชั่ว ทั้งความล่มจมเสียหายทั้งความฟื้นฟูล่ะ นี่มันมีอยู่ด้วยกันเห็นอยู่อย่างประจักษ์ ไปหากฎหมายกฎหมอยจากไหนเอามาอวดกันข้าง ๆ คู ๆ เป็นนักวาทะโต้วาทีเก่ง เป็นนักกฎหมายกฎหมอยอะไรก็ไม่รู้ละ เวลากิเลสพันหัวมัน ความโลภพันหัวมัน ๆ ไม่เห็น นี่มันเป็นกฎอะไรไม่เห็นถามเจ้าของบ้างวะ มันเอามาอวดทำไมกฎหมายกฎหมอยอะไรนี่ มันพันหัวอยู่ไม่เห็นดูเข้าใจไหมล่ะ นี่ละจะทำให้ชาติไทยล่มจม จนกระทั่งบ้านเมืองเรานี้ระส่ำระสายนะ ๒-๓ ปีมานี้เห็นกันชัดเจน นี้เป็นกฎหมายหรือเป็นกฎธรรม เอ้า ฟังเอาซิ

ถ้ากฎหมายเห็นกันทั่วโลกค้านกันไม่ได้นะ ถ้าเป็นกฎหมอยแล้วมันก็ว่ามีแต่ทำดีทั้งนั้นแหละ พวกชั่วสุดเลวก็บอกว่ามันดีสุดขีดของมัน นี่ละกฎของกิเลสมันพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงร้อยสันพันคม ชั่วว่าเป็นดี ดีว่าเป็นชั่วไปหมดอย่างนี้ ถ้าธรรมแล้วกฎของธรรมจับปุ๊บเข้าไปนี้ไม่ต้องหาตั้งกฎหมายที่ไหน กฎความจริงมีอยู่แล้ว ดูเอาว่าอย่างนั้น ฟังเอาพิจารณาเอามันก็รู้เอง กฎของธรรมเป็นอย่างนั้นนะ นี่ก็เห็นอยู่อย่างชัดเจนนะเวลานี้ พี่น้องทั้งหลายยังไม่เห็นหรือบ้านเมืองกำลังจะล่มจม ระส่ำระสาย อะไร ๆ ไม่เป็นเนื้อเป็นหนัง ทุกสิ่งทุกอย่างล้มเหลวไปหมด การก่อการสร้างทุกอย่าง เห็นไหมล่ะอยู่ตามนั้น ล้มเหลวไปหมด ปลูกสร้างอะไรไว้ก็ล้มเหลว ๆ มันเป็นป่าช้า ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เผาศพมันเป็นป่าช้าไปแล้ว

สร้างบ้านว่าจะให้อยู่เป็นบ้านเป็นเรือนตึกรามบ้านช่อง กลายเป็นป่าช้าซากของบ้านของเมืองของตึกรามบ้านช่องไปแล้ว เงินสตางค์หนึ่งจะไปหามาก่อมาสร้างก็ไม่มี ถ้าว่าธนาคารก็จะล้ม เพราะมันต่างคนต่างกอบต่างโกย มีแต่ต่างคนต่างกินสุดท้ายก็จะล้มเหลวให้เห็นกันอยู่นี้ เราเห็นอย่างชัด ๆ ไม่ใช่หรือ เอามาเป็นพยานซิเมืองไทยเรา รู้กันไหมเมืองไทยเราเป็นยังไง ระยะ ๒-๓ ปี ๔ ปีมานี้เป็นยังไง ไม่ต้องถามกันเข้าใจไม่ใช่เหรอ นี่คือกฎความจริงมันเป็นมาอย่างนี้ ตา หู จมูก ลิ้น กายเรามี รู้ไปตามกฎความจริงทำไมจะพูดไม่ได้วะ บ้านเมืองจะล่มจะจม

เอา พลิกกลับมาที่นี่นะ บ้านเมืองของเราเวลานี้กำลังจะเริ่มฟื้นเริ่มฟูขึ้นมาด้วยความเป็นคนดี แล้วก็กำลังฟื้นฟูขึ้นมา ไปที่ไหน เอ้า พี่น้องทั้งหลายถ้าว่าหลวงตาบัวหาเรื่องมาอุตริ เอา ไปหาสอบดูเป็นความจริงไหม หรือเรื่องหลวงตาบัวไปหาอุตริ เวลานี้ผู้นำของเรายกนิ้วให้เลย เราบอกว่าตั้งแต่เกิดมาหลวงตาบัวเห็นผู้นำมามากต่อมากแล้ว ตั้งรัฐบาลมานี้ตั้งแต่พ.ศ.เท่าไร จนกระทั่งป่านนี้ก็ธรรมดา ๆ ไม่อะไรมากนัก ก็จะมาผิดธรรมดาเอาตอนที่ผ่าน ๆ มานี่แหละ เอาจนกระทั่งเมืองไทยจะล่มจะจม

แล้วก็เดชะบุญคุณของชาติไทยเราก็ได้คนดีมาฟื้นฟู เวลานี้เบ่งบานไปหมดแล้วนะ ฟังซินายกของเราคนปัจจุบันเป็นยังไง ถ้าจะว่าหลวงตาบัวหาเรื่อง เอ้า พี่น้องทั้งหลายไปดูเอา แสดงออกแง่ไหน ๆ มีแต่เพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อคนทุกข์คนจน พลิกทางนั้นพลิกทางนี้ พลิกทางไหนเพื่อจะอุ้มขึ้น ๆ จะเป็นจะตายเจ้าของไม่คำนึงนะช่วยชาติบ้านเมืองเวลานี้ งานการหน้าที่นี้ไม่ต้องไปบอกว่าขั้นนั้นขั้นนี้ ให้เสนอไปขั้นนั้นให้เสนอไปขั้นนี้ กว่าจะไปถึงขั้นเสนอหมดแล้วไม่มีอะไรเหลือติดตัว เมืองไทยยังเหลือแต่ซาก นี่ไม่ต้องแล้วผู้นำคนนี้นะ ว่าอะไรสั่งการถึงปึ๋ง ๆๆ งัดตั้งแต่ความดีความชอบออกมาเป็นผลประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองของเรามาเวลานี้ มีอยู่ทุกแห่งทุกหน ออกมาแง่ไหนมุมใดอย่างนี้ เราฟังเรายิ้มตลอดนะ

เอาธรรมเข้าจับซิ ถ้าอันไหนไม่ดีเราจะเตือนทันที ถ้าอันไหนดีแล้วก็ชมเชย ดังที่ชมเชยนี้ดีแล้วเราชมเชย เวลานี้บ้านเมืองของเราจะค่อยคลี่คลายออกมา ลืมหูลืมตาก็พอได้กันแล้วแหละ นี่ให้พากันรักสงวนนะ คนดีหายากสิ่งดีหายากไม่ใช่เป็นของหาง่าย ๆ ให้พากันรักกันสงวนเข้มงวดกวดขัน คอขาดบาดตายขาดไปเลยเพื่อรักษาสมบัติอันมีคุณค่าต่อชาติไทยของเรา นี่คือหัวใจของชาติ พี่น้องทั้งหลายมอบความไว้วางใจให้ ตั้งให้มาเป็นนายกนี้ตั้งมาเท่าไรคนกี่ล้านคน มีอำนาจหน้าที่เต็มกฎหมายบ้านเมืองแต่ละบัตร ๆ ที่หย่อนลงให้เพื่อเป็นผู้นำของเรา นี้เป็นผู้นำมาแล้วด้วยความสง่าผ่าเผยด้วยความมีศักดิ์ศรีดีงามจากพี่น้องชาวไทยมอบความไว้วางใจให้ แล้วก็ทำหน้าที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเวลานี้ ไม่ได้มีอิดมีเอื้อนอะไรเลย ว่าอะไรถึงเลย ๆ หน้าที่การงานมันก็รวดเร็วละซิ ไม่ต้องไปรอขั้นนั้นขั้นนี้อยู่นั่น ๓ ปีก็ไม่ตกมาละขั้นนั้นขั้นนี้ นี่ไม่จำเป็น มาเท่าไรถึงเลย ๆ แก้กันเลย ๆ อย่างนั้นละ

เวลานี้บ้านเมืองของเรากำลังเริ่มคลี่คลายออกมาในทางที่ถูกที่ดี มองไปตามประชาชนทั่วประเทศไทยเรา เราเป็นจุดศูนย์กลาง มาตรงนี้มาจุดศูนย์กลาง เราเอาจุดศูนย์กลางนี้มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังมาจากทางไหน บางทีมีจดหมายมาก็มี มาชมผู้นำพูดตรง ๆ ว่าอย่างนี้เลย แล้วชมวิธีการต่าง ๆ ที่ผู้นำพาดำเนินยังไง ๆ นี้เราก็อ่านดูจดหมาย อ่านดูถูกต้อง ๆ ตามที่เขาวินิจฉัยใคร่ควรแล้วเขียนจดหมายมาหาเรา เรายอมรับ ๆ เราจึงได้นำจุดศูนย์กลางนี้ออกมา ในฐานะว่าเราเป็นศูนย์กลางของประชาชนทั่วแผ่นดินไทย เราจึงนำมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายได้ฟัง

นี้ออกมาทุกแง่ทุกมุมที่คำชมเชยนายกรัฐมนตรีเราคนปัจจุบันนี้ ออกมาทุกแง่ทุกมุม ยังไม่เคยเห็นรายเดียวเลยที่ว่ามาตำหนิ ทั้ง ๆ ที่ทำดีอยู่เต็มเหนี่ยวแล้วมาตำหนิว่าทำไม่ดี อย่างนี้เรายังไม่เคยเห็น มีแต่ความชมเชยมาทุกแง่ทุกมุม เราเก็บไว้เหมือนไม่รู้นะ ทราบไว้ ๆ นี่ถึงวาระที่จะนำมาพูด ๆ ให้พี่น้องทั้งหลายฟังทุกคน ให้พากันเข้าใจทุกคนนะ เราเป็นเจ้าของสมบัติทุกคน หัวใจของชาติของเราคือผู้นำ พาดำเนินอย่างไรเวลานี้ถูกต้องแล้ว ให้ต่างคนต่างมีกำลังใจยกยอสรรเสริญ ให้เดินตามผู้นำ อย่าขัดผู้นำนะ ให้พากันดำเนินเดินตามนั้น

ให้รักให้สงวน เอา คอขาด ๆ ไปเลยเราหาคนดีตั้งแต่เกิดมานี้ยังไม่เคยได้ พอได้แล้วจะถูกตกเก้าอี้เก้าแอ้ไปด้วยวิธีการอะไร ด้วยวิธีเขาเรียกโครงการแผนพินาศฉิบหาย แผนตัดสินแบบนั้นตัดสินแบบนี้ แผนฟ้องแผนร้อง เอา ฟังเราหูมีตามีให้ฟังให้ดูมันจะตัดสินมาแบบไหน มันจะทำแบบไหนกับคนไทยทั้งชาติ ที่ยอมยกให้แก่นายกคนนี้กี่ล้านคนฟังซิน่ะ เรายกไว้แล้วเป็นขวัญใจของเรา เป็นหัวใจของเราแล้ว และที่จะมาตัดคอหัวใจของชาติเรา แล้วตัดเก้าอี้ให้ขาดสะบั้นลงไปแล้วคือใคร เอา ดูให้ดีคนไทยทั้งประเทศ ให้ดูให้ดีทุกคนเรามีหูมีตา

สมมุติว่าเขามีดาบมาตัดคอเรา เราไม่มีดาบเราก็ไปเอาเลื่อยอยู่หน้าศาลาหลวงตาบัวมีเลื่อย ฟาดมันเลย คือเลื่อยนั้นมันหลายเขี้ยวนะ เขี้ยวเลื่อยเข้าใจไหม ฟันเลื่อยเขี้ยวเลื่อย ดึงทีเดียวนี้ขาด ตั้งแต่โคตรมันก็ขาดหมด อย่าว่าแต่คอมันคนเดียวที่มาตัดคอนายกเราเลย เลื่อยเราคันเดียวนี้ฟาดตายหมดทั้งโคตรมันเลยเข้าใจไหม เพราะเลื่อยนี้มันมีหลายเขี้ยว ลากทีเดียวนี้ขาดไปเลย นี่รู้ไหมเราเป็นคนรักษาประเทศชาติบ้านเมือง หัวใจของชาติคือใคร คือนายกรัฐมนตรี นี้คือหัวใจของชาติไทยเรา ต้องเอาให้หนักแน่นทุกคน ๆ เราเป็นเจ้าของของชาตินี่นะ จะให้มหาโจรมหามารมาจากไหนมามีอำนาจบาตรหลวงใหญ่โตยิ่งกว่าคนทั้งชาติ ซึ่งเป็นเจ้าของสมบัติของชาติไทยนี้เป็นไปไม่ได้ว่าอย่างนั้นเลย เอา คอขาดไปเลย

นี้พูดถึงเรื่องเหตุเรื่องผลให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เราไม่ได้ตำหนิใครด้วยแบบกิเลสตัณหา ไม่ชมใครด้วยแบบกิเลสตัณหา ชมด้วยอรรถด้วยธรรม ตำหนิด้วยอรรถด้วยธรรม ดีบอกว่าดี ชั่วบอกว่าชั่ว เวลานี้เมืองไทยกำลังแย้มบาน ๆ ไปทุกทิศทุกทาง ไปที่ไหน ๆ ที่ผู้นำพาแสดงออกที่ไหนเราพอใจ ๆ ทุกอย่าง เรื่องประชาชนทั้งหลายยิ้มแย้มแจ่มใส อย่างเงินธนาคารนี้กู้นั้นกู้นี้ เดี๋ยวนี้กำลังกระจายออกไปแล้วนะ กระจายออกไป พี่น้องทั้งหลายชาวไทยเราก็ได้เงินเหล่านี้ไปพอแบ่งสันปันส่วน ไปซื้อไปขายไปอะไรก็แล้วแต่เถอะนะ ออกจากเงินจำนวนที่รัฐบาลปัจจุบันนี้กำลังแยกออกให้เป็นแห่ง ๆ แยกออกที่ไหนบ้าง มีหลายประเภทอะไรบ้าง

(กองทุนหมู่บ้าน ๑ ล้านบาท และกองทุนออมสิน ๑๕,๐๐๐ บาทครับ) เออ แน่ะฟังซิน่ะ เราเคยมีไหมล่ะ หลวงตาตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมี นี่พึ่งมีมาเราก็พึ่งจะพูดเข้าใจไหม เพราะมันพึ่งมี นี่กองทุนออมสินกำลังออกให้พี่น้องชาวไทยเรากู้เรายืม พอได้เงินเหล่านี้ไปกระจัดกระจาย เงินเราก็ค่อยกระจายออกไป บ้านเมืองของเราก็ค่อยคลี่คลาย กระดิกพลิกแพลงอะไรไปได้แหละ จากนั้นก็เงินกองทุนหมู่บ้านกองละ ๑ ล้าน ๆ นี้ก็จะทำประโยชน์เพื่อโลกเรา เรายังไม่เคยเห็นก็บอกไม่เคยเห็น หรือพี่น้องคนไหนเก่ง ตาเก่ง เคยเห็นตั้งแต่ก่อนนายกเรายังไม่เกิด เราเห็นก่อนแล้วนี้ เอา ใครอ้างมา ถ้าไม่เห็นให้บอกว่าไม่เห็น ถ้าว่าไม่เห็นบอกว่าเห็นฟาดปากทันทีนะ อย่าปากบอนเราจะว่าอย่างนั้นเข้าใจไหมล่ะ นี่เราพึ่งเห็นเราก็บอกพึ่งเห็น เป็นยังไงพิจารณากันซิ เอา ให้จัง ๆ อย่างนี้ซิ

เรื่องอรรถเรื่องธรรมต้องพูดให้จัง ๆ ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก เราจะพูดอย่างอื่นไปไม่ได้ แล้วนายกของเรา ธรรมดาไม่ว่าที่ไหนแหละ แม้พระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาตก็ถูกเขาขับไล่ไสส่ง ไอ้อูฐไอ้ลา ไอ้หัวโล้นโกนคิ้ว มึงเป็นคนขอทาน เขาจ้างคนมาด่า พระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาตเขาจ้างคนมาด่า ยืนเป็นแถวด่าพระพุทธเจ้า ไอ้อูฐไอ้ลาไอ้หัวโล้นโกนคิ้วไอ้คนขอทาน ว่าไป พระพุทธเจ้าบิณฑบาตเฉยเลย ข้าวเต็มบาตรแล้วกลับเข้าใจไหม พวกนั้นด่าวอก ๆ ไม่มีข้าวติดปากมันเลย พระอานนท์ขวยเขินละซิ พระอานนท์เดือดร้อนจะตาย ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าไปโปรดบ้านอื่นเมืองอื่นเถอะ บ้านนี้เมืองนี้อยู่ไม่ได้แล้วมีแต่ฟืนแต่ไฟ เขาด่าเขาทอทุกอย่างทุกประการ

ไปบ้านไหนอานนท์ นั่นฟังซิ พระพุทธเจ้ารับสั่ง ไปเมืองโน้น เมืองโน้นเขาก็มีปากเวลาเขาด่าแล้วจะว่ายังไง ก็ไปเมืองโน้น แล้วเมืองโน้นเขาก็มีหูมีตามีปาก แล้วเวลาเขาว่าแล้วจะไปเมืองไหน ก็ไปเมืองโน้น สุดท้ายพระอานนท์ไม่มีที่อยู่เลย ถูกขับไปเรื่อย เพราะบ้านไหนก็มีปากเขาก็ต้องด่าเหมือนกัน โอ๋ย อานนท์อย่าคิดผิดไป ไม่มีที่สิ้นสุด ไปที่ไหนโลกมันมีปาก แม้แต่สัตว์เขาก็มีปาก พอเห่าเขาก็เห่า พอกัดเขาก็กัด คนพอว่าเขาก็ว่าบ้าง เราเป็นเหมือนกับช้างที่เข้าสู่สงคราม คือแต่ก่อนนิยมช้างเข้าสู่สงคราม เราเหมือนกับช้างใหญ่ที่เข้าสู่สงคราม ไม่พรั่นพรึงหวั่นไหวในลูกศรที่จะมาจากทิศต่าง ๆ เราจะก้าวเข้าสู่สงครามเพื่อชัยชนะอย่างเดียวเท่านั้น ให้เธอได้พิจารณาอย่างนี้ พระอานนท์ก็ไม่ฝืน

นี่พระพุทธเจ้าก็ยังต้องมีคนตำหนิติเตียนกันเป็นธรรมดา ทำไมคนเรามีกิเลสอยู่ด้วยกัน เต็มบ้านเต็มเมืองด้วยกัน กองกิเลสด้วยกันทั้งนั้น จะไม่ให้มีใครตำหนิติเตียนเป็นไม่ได้ แต่สำคัญที่ว่าตำหนิให้เป็นเรื่องตำหนิ ให้เป็นปากของเขา เป็นหน้าที่การงานของเขา เขาทำดีทำชั่วเป็นสมบัติของเขาเอง เราทำหน้าที่ความดีความชอบของเราต่อตัวเองและส่วนรวมตลอดชาติบ้านเมืองเป็นหน้าที่ของเราเอง เอา ทำลงไป อันนี้ถูกต้องไม่ก้าวก่ายกัน ให้พากันจำเอานะ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ เวลานี้เอาให้จริงให้จังทุกอย่างนะ

ชาติบ้านเมืองของเรานี้อยู่กับพี่น้องชาวไทยทุกคนที่จะรักจะสงวนกัน อะไรเป็นจุดสำคัญ เช่น เงินของเราเอาไว้ที่ไหนในบ้านของเรานี้ เซฟมันอยู่ตรงไหน นั่นละจุดสำคัญที่เป็นที่อารักขาอันใหญ่หลวงของเจ้าของทรัพย์จะอยู่ที่เซฟ อันนี้ชาติไทยของเราทั้งประเทศอยู่ที่หัวใจของชาติคือนายกรัฐมนตรีนี่เซฟเข้าใจไหม เอา รักษาให้ดีเอาให้เต็มเหนี่ยวเลย เจ้าของกับเซฟตายให้พันกันไปเลย อย่าให้เซฟตกไปทางหนึ่งเจ้าของตกไปทางหนึ่งใช้ไม่ได้นะ เซฟไปไหน เซฟลงทะเลเราลงทะเลด้วยเซฟ เรากอดคอกับเซฟไปเลยเข้าใจไหม อย่างนี้จึงเรียกว่าเรารักเราสงวนสมบัติอันมีค่าของเรา จำเอานะ เอาละพอ หลวงตานี่พูดเหมือนบ้าเหมือนคนดี เหมือนอะไรแปลได้ทุกอย่าง แล้วแต่หูใครจะไปแปลเอานะ เราปากพูดให้แล้วเอาไปแปลเอง

วันนี้พูดธรรมะบ้างพอหอมปากหอมคอ เตือนพี่น้องชาวไทยเราให้ถือเป็นจุดสำคัญมากดังที่พูดนี้นะ เอาให้จริงนะ อย่าเหลาะแหละเป็นอันขาด ชาติไทยเป็นของเรา สมบัติทั้งปวงเป็นของเรา หัวใจของชาติไทยเป็นของเรา จะให้หลุดมือไปให้ใครไปไม่ได้เด็ดขาดเข้าใจเหรอ นี่ย้ำเป็นกัณฑ์ที่สอง เอาละพอ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร

www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก