เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
สุดท้ายอยู่ที่จิตบริสุทธิ์
เราไม่ได้อยู่นะวันหนึ่งๆ ช่วยโลกขนาดไหน เราไม่ได้เอาอะไรแต่ช่วยโลก หมุนติ้วๆ ตลอดเวลา ได้อะไรมาเราไม่เอา แต่ช่วยโลกหัวหมุนติ้วตลอด อย่างทุกวันนี้พอฉันเสร็จแล้วก็เอาของไปมอบโรงพยาบาลนั้นๆ เรื่อยเลย อาทิตย์หนึ่งก็ห้าโรง จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เอาไปให้โรงพยาบาลแต่ละโรงๆ ของเต็มรถๆ เลย แล้วก็มอบเงินให้สองหมื่นๆ ทุกโรง เมื่อวานนี้ไปไหนลืม ไปไหนมามันจำไม่ได้ทุกวันนี้นะ แม้แต่จะไปในวัดนี้มายังจำไม่ได้ ต้องทบทวนนานกว่าจะระลึกได้ ความจำเสื่อมมากๆ ลงโดยลำดับลำดา หดเข้ามาๆ
แต่มันไม่มีอะไรละ ในหัวใจนี้หมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเลยขึ้นชื่อว่าสมมุติสามโลกธาตุปัดออกหมดโดยสิ้นเชิง เหลือแต่ความบริสุทธิ์ล้วนๆ พูดให้เต็มยศจากการเสาะแสวงหาความดีมา เริ่มต้นตั้งแต่วันบวช วันบวชก็เป็นวันรักษาศีลรักษาธรรม ชีวิตของพระขึ้นในวันนั้น ทีนี้เกี่ยวกับเรื่องฆราวาสอะไรที่เข้ามาขัดข้องกับหลักธรรมวินัยของพระปัดออกโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่บัดนั้นมาเป็นชีวิตของพระ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภา ๒๔๗๗ ได้ ๗๓ ปีจนนับพรรษาเจ้าของก็ไม่ได้ มันจำไม่ได้
ตั้งแต่นั้นละวันที่ ๑๒ พฤษภา ๒๔๗๗ เป็นวันบวช ทีนี้ชีวิตของพระทุกสิ่งทุกอย่างความเคลื่อนไหวของพระ ไม่ใช่เป็นฆราวาสนะ ความเคลื่อนไหวอะไรที่เป็นฆราวาสมาเกี่ยวข้องกับพระปัดออกๆ ให้มีแต่กิริยาอาการของพระล้วนๆ จนชิน ทีนี้เลยชิน เราบวชมานานก็เลยกลายเป็นพระไปหมดทุกอิริยาบถ คือไม่ระวังมันก็เป็นในตัวของมันเอง อะไรที่ขัดข้องต่อพระธรรมวินัยมันจะปัดทันที คือมันเป็นเองนะ ความเคยชินแห่งการรักษา
บวชมาก็ ๗๓-๗๔ ปี นี่ละเรียกว่าการฝึกใจเป็นสำคัญ นี่ก็ฝึกมาตั้งแต่วันบวช ฝึกใจ ฝึกอากัปกิริยาความเคลื่อนไหวให้ถูกต้องไปตามหลักธรรมหลักวินัยหลักของพระเรื่อยมา เฉพาะอย่างยิ่งฝึกใจ นอกจากความเคลื่อนไหวไปมาที่ดีงามอยู่แล้ว ใจยังให้ดีงามกว่านั้นอีก ฝึกใจให้ดีงามต้องฝึกทางด้านจิตตภาวนา ฝึกอย่างอื่นไม่ได้ จิตตภาวนาเป็นเรื่องของสติ สติควบคุมความคิดความปรุงของใจ ความกระเพื่อมก็คือความคิดของใจนั่นละกระเพื่อมออกมา สติมีอยู่ไม่ให้ออกมันก็ไม่ออก
บวชก็ฝึกกาย-วาจา ใจก็ฝึกอยู่ในตัวของมันเอง พอก้าวออกทางด้านปฏิบัติ เน้นหนักทางด้านฝึกใจ จิตตภาวนา ร่างกายสงบเสงี่ยมเรียบร้อยแต่จิตมันดีดมันดิ้น ต้องเอาจิตตภาวนามีสติเป็นสำคัญบังคับไว้ในนั้น พระพุทธเจ้า-พระสาวกทั้งหลายฝึก ฝึกถึงขั้นบริสุทธิ์เลิศเลอในจุดนั้น นี่ก็พยายามฝึก แล้วก็ฝึกเอาเต็มเหนี่ยวเหมือนกัน เอาจนหายสงสัยในเรื่องจิต หมดพิษหมดภัยทุกอย่าง ไม่มีเหลือเลย ภายในใจดวงนี้ไม่มี ฝึกขนาดนั้นละ เรียกว่าปล่อยวางโดยสิ้นเชิง ไม่ให้มีอะไรเหลือภายในใจ เหลือแต่ใจล้วนๆ จากการฝึกเต็มที่แล้วสมบูรณ์แบบก็เรียกว่าใจกลายเป็นธรรมธาตุขึ้นมา เรียกว่าธรรมธาตุ จิตที่บริสุทธิ์เต็มส่วนแล้วเรียกว่าจิตเป็นธรรมธาตุ
นี่ก็ได้ฝึกเต็มกำลัง สุดท้ายก็รวมลงในจิต ฝึกเข้ามาก็คือฝึกจิตเป็นเรื่องใหญ่ ฝึกเข้ามาๆ จนกระทั่งฝึกจิตให้บริสุทธิ์ สุดท้ายอยู่ที่จิตบริสุทธิ์ ฝึกจิตจนกระทั่งบริสุทธิ์เต็มที่แล้วจิตนี้ก็กลายเป็นธรรมธาตุขึ้นมา นี่ละศาสนาของพระพุทธเจ้าสอนถึงขั้นเลิศเลอ สุดยอดเลิศเลอ ฝึกถึงจิตเป็นธรรมธาตุแล้ว เรียกว่าเลิศเลอ นี่ก็ได้ฝึกอย่างนั้นมาโดยลำดับลำดา ฝึกไปโดยลำดับจนกระทั่งถึงขั้นที่ว่านี่ ขั้นสุดท้ายนี้เป็นธรรมธาตุ บริสุทธิ์เต็มที่แล้วก็เป็นธรรมธาตุ เลิศเลอสุดยอด หมดทางที่จะฝึกอีกแล้ว จิตเป็นธรรมธาตุแล้ว หมดทางที่จะฝึกต่อไป ไม่มี
พอจิตดวงนี้ออกจากร่างดีดผึงเท่านั้น เพราะร่างนี้เป็นสมมุติ พอร่างนี้หมดสภาพแล้วจิตก็ดีดออก จิตอยู่ในร่างนี้ก็เป็นธรรมธาตุแล้วนะ แต่เป็นแต่เพียงว่าครองร่างของสมมุติอยู่เฉยๆ พอธรรมชาตินี้หมดกำลังแล้วจิตก็ดีดออก นั่นละที่นี่เป็นธรรมธาตุแท้ หมด ไม่เข้าที่ไหนอีกแหละ จิตดวงนี้ที่เคยเข้าเคยเกิดเคยตายที่นั่นที่นี่ เมื่อฝึกจนบริสุทธิ์เต็มที่แล้วจิตดวงนี้ก็กลายเป็นธรรมธาตุ อยู่ในขันธ์ของท่านผู้สิ้นกิเลสแล้วแต่ยังไม่ตาย ครองขันธ์อยู่นั้น พอขันธ์หมดสภาพขันธ์แตกไปนี้ธรรมธาตุก็ออกไป นี่คือฝึกจิต
ที่พูดมานี้ก็ได้ฝึกมาแล้วเต็มกำลัง จึงว่าหายสงสัยในโลกอันนี้ นับว่าเป็นวาสนาอันหนึ่ง มาพิจารณาเทียบเคียง เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วใครจะว่าบ้าก็ว่าไป ว่าอะไรก็ว่าไป คือเรื่องผ่านมาแล้วเราพูดตามเรื่องราวของจิต วิถีของจิต ความรู้สึกของจิตที่เป็นมาๆ ตั้งแต่เป็นฆราวาส เป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ เป็นหนุ่มขึ้นมา นี่ละมันไปอย่างไรจิตดวงนี้เป็นอย่างนั้นเรื่อยเป็นมา จนเข้ามาบวชก็ฝึกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงขั้นหมด หมดแล้วการฝึก ฝึกจิต จิตเป็นธรรมธาตุแล้วหมดหนทางที่จะฝึกต่อไป แม้แต่อยู่ในขันธ์นี้ก็เป็นธรรมธาตุ ออกจากขันธ์ก็เป็นธรรมธาตุ ขันธ์นี้ก็เป็นธาตุสี่ดินน้ำลมไฟแตกกระจายลงไป นี่คือคุณค่าแห่งการฝึกจิต ให้จำเอาไว้
เรายังไม่ลืม พูดเสียมันผ่านมาแล้วพูดได้สบายๆ รักสาวจนนอนจะไม่หลับ เข้าใจไหม ไปรักผู้สาวจนจะนอนไม่หลับ ผู้ใหญ่ว่าเป็นญาติเป็นวงศ์กันไม่ให้เอากันเป็นผัวเป็นเมีย ถ้าเอากันแทนที่จะเป็นกลุ่มเป็นก้อนจะกลายเป็นการแตกแยก นี่ก็คงสายบุญเข้าไป ไม่ให้เอา เราก็ไม่ดื้อด้าน ไม่ให้เอาก็ไม่เอา เรื่องราวมัน ออกจากนี้เราก็บวช พูดให้มันชัดเจนเสียเรื่องราวมันผ่านมาแล้ว ว่าเป็นญาติเป็นวงศ์กันมาเอากันหาอะไร ว่าอย่างนั้น ต้องฟังเสียงผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ฟังเสียงกันไม่ดื้อด้านกัน เราก็ดื้อด้านไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เอา..ไม่เอาก็ไม่เอา เรื่องราวเป็นอย่างนั้นละ
แต่ทางฝ่ายพ่อผู้สาวชอบมากชอบเรา พี่ชาย..เอา เล่าย้อนหลังเสียนะ ชอบมากเพราะเห็นเราเป็นคนขยันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทราบกันชัดเจนแล้วว่าพยายามจะเอาให้น้องสาว พี่ชายจะตามเอาให้น้องสาว ขบขันดีนะ นี่เรื่องมันผ่านมาแล้วว่าอย่างนั้นนะ พี่ชายพยายามติดตามจนกระทั่งเราบวชเราออกไป ไปอยู่บ้านวัวข้อง เราหวังจะออกกรรมฐานละที่นี่ พี่ชายกับน้องสาวละติดตามไปนู้นนะ พอดีเราออกไปได้สามวัน นี่เรียกว่ากรรมอันหนึ่งเหมือนกัน ถ้าไปเจอกันเข้าอีกจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ดีไม่ดีกลับบ้านมาอีกไม่ไปกรรมฐาน นี่พอดีไปได้สามวันพี่ชายกับน้องสาวเขาก็ตามไป เขาจะเอามาเป็นน้องเขยเขานั่นเองพูดง่ายๆ ผ่านได้ ก็อย่างนั้นละ พูดตามเรื่องย้อนหลังเป็นอย่างนั้นละ
เพราะใครก็ทราบเรื่องของเราไม่ใช่คนขี้เกียจขี้คร้าน อ่อนแอท้อแท้เหลวไหล เป็นคนขยันมาแต่ไหนแต่ไร ไปที่ไหนขยัน คบค้าสมาคมกับใครเพื่อนฝูงรุมตามเรา เพราะอาศัยเราในความขยัน ก็ผ่านได้ ผ่านออกไปก็เรียนต่อละ เรียนเรื่อยๆๆ จนกระทั่งถึงขั้นเป็นมหาจากนั้นก็เข้าป่า เข้าป่าออกกรรมฐาน โรงงานใหญ่คือพ่อแม่ครูจารย์มั่น ทีนี้ฟัดกันใหญ่ละที่นี่กับกรรมฐาน เอาจนกระทั่งถึงเวทีถล่มบนหลังวัดดอยธรรมเจดีย์ ระหว่างวัฏวนกับวิวัฏฏจักรขาดสะบั้นจากกันบนหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์
จากนั้นไม่มีอะไรผ่านหัวใจ หมด กิเลสเท่านั้นเป็นเสี้ยนเป็นหนาม เป็นหอกเป็นหลาวทิ่มแทง ทุกประเภทของกิเลสเป็นเสี้ยนเป็นหนามเป็นแหลมเป็นหลาว พออันนี้ขาดแล้วจิตโล่งไปเลย ไม่มีอะไรผ่านตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้เป็นวันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ นั่นละวันผ่านกันได้โดยเด็ดขาดระหว่างสมมุติกับวิมุตติ คือจิตตวิมุตติผ่านได้ตรงนั้น มาผ่านเอาตรงนั้นละ ดูว่าวันที่ ๑๕ แรม ๑๔ ค่ำเดือน ๖ เทียบกับวันที่เป็นวันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ ผ่านได้ตรงนั้น
นี่ละการฝึกฝนอบรมตน อุตส่าห์พยายามบึกบึน อุปสรรคก็ไม่ทราบว่ากี่อุปสรรค สุดท้ายตอนที่จะได้บวชก็คือพ่อน้ำตาร่วง นี่ละเหตุที่จะได้บวช คาราคาซังลงกันไม่ได้ อะไรต่ออะไร พอน้ำตาพ่อร่วงเท่านั้นขาดสะบั้นไปหมด ต้องบวช โลกเขาทำได้ งานไหนเขาทำได้ เราทำได้ ทำไมการบวชเขาบวชได้เราบวชไม่ได้ เอากันตรงนี้ มัดกันอยู่สามวัน น้ำตาพ่อร่วงเสียใจที่จะไม่มีใครบวชให้ อาศัยลูกชายคนเดียวเป็นพ่อบ้านพ่อเมือง เพราะครอบครัวอยู่กับเราหมดนะงานการทุกอย่าง
แม้แต่ทางฝ่ายแม่ก็อยากให้เราเป็นลูกผู้หญิง มันขยัน ว่าอย่างนั้นเถอะ เราครอบไปหมดเลยในครอบครัว เราเป็นคนสั่งการสั่งงานทุกอย่าง ความขยันหมั่นเพียรใครก็ไม่กล้าค้าน ว่าอะไรๆ อย่างนี้แม้แต่พ่อก็ไม่เถียง บางทีพ่อคิดอยากไปอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเราว่าไปหาอะไร เท่านั้นพ่อหยุดเลยนะ ถ้าว่าไปนะจะทำให้ โหย เตรียมของเดี๋ยวนั้นเลย คือถ้าลั่นคำแล้วเป็นจริงเราทุกอย่าง ถ้าลงได้ลั่นคำแล้วต้องเอาให้ได้ ถ้าลงลั่นคำ เออ ไปนะจะทำให้ เท่านั้นละอยากเตรียมของเดี๋ยวนั้นไปเลย เพราะเอาจริงนี่ถ้าลงลั่นคำแล้ว ไม่มีสองละ นิสัยเป็นคำสัตย์คำจริงเป็นมาแต่ฆราวาสนะ ถ้าลงไม่ลั่นคำเอาอะไรกับเราไม่ได้ เฉยอยู่อย่างนั้นละ ถ้าลงได้ลั่นคำแล้วจริงมากทีเดียว ขาดสะบั้นไปเลย เป็นอย่างนั้นละ
พ่อน้ำตาร่วงถึงได้บวช จึงได้มาบวชให้พ่อ บวชก็ว่าจะอยู่สักสองสามปี อย่างมากไม่เลยสามปีจะสึก ครั้นบวชแล้วอ่านหนังสือแล้ว อ่านไปดูดดื่มไปๆ เอ๊ะ ทำไมอันนี้เราก็ผิดมาแล้วๆ ธรรมะที่สอนไปนี้ไม่มีผิด ผิดแต่เราคนเดียว พยายามแก้ตัวเองๆ สุดท้ายเอาใหญ่เลย บวชนี้ไปสวรรค์ ไปสวรรค์ก็ยังจะกลับมาเกิดอีก พรหมโลกอายุยืนกว่าอยากไปพรหมโลก สุดท้ายนิพพานเที่ยง อยากไปนิพพาน นั่นละเรื่องราวที่มันหมุน
พ่อแม่ครูจารย์ละเป็นผู้ปลดเปลื้องให้ ขอแต่ท่านผู้ใดบอกให้ชัดเจนว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่ เราจะเอาตายว่าเลย เราจะให้ได้นิพพานในชาตินี้ ให้ได้เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ ไปถึงพ่อแม่ครูจารย์ท่านก็ใส่เปรี้ยงๆ ลงหมดเลยเรื่องมรรคผลนิพพาน กิเลสมีเต็มหัวใจแต่ความสงสัยมรรคผลนิพพานไม่มี นั่นละที่นี่ฟัดกันละ เอากันเรื่อยๆๆ แต่ไปกรรมฐานเราไปองค์เดียวนะ เราไม่เคยไปกับใคร นิสัยเป็นอย่างนั้น คือมันไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าไปกับเพื่อนกับฝูงเป็นน้ำไหลบ่า รับผิดชอบกันอยู่ลึกๆ ถ้าไปคนเดียวป่าช้าอยู่กับเราเท่านั้นพอ อยากกินก็กิน ไม่อยากกินกี่วันช่างมัน
เป็นนิสัยผาดโผนอยู่ แต่ก็ผาดโผนทางดีอันนี้ดีอยู่นะ ถ้าเป็นทางโลกนี้ไม่ได้ตายในเรือนจำละแต่ตายนอกเรือนจำถูกเขาฆ่า เพราะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่เขาละซิ มันเป็นนักเลงโต ว่าอย่างนั้นเถอะ พอพูดอย่างนี้ก็ทำให้ระลึกถึงเวลาจะตกจะคลอดออกมา ตาเป็นผู้ทาย แปลกอยู่นะล่ะ ตาทาย ถ้าว่าเจ็บท้องเขาว่าจะคลอดเท่าไรวันก็ไม่คลอด เจ็บๆ จะเอาให้ตาย ไม่คลอด แล้วหายเงียบไปเลยเหมือนตาย ถ้าว่าหยุดก็หยุดเหมือนตาย หายเงียบเลย ครั้นเวลาดิ้นนี้จะเอาให้ตาย
ทีนี้ตาก็เลยทำนาย เออ ลูกชายสูคนนี้กูแน่ใจว่าจะเป็นผู้ชายนะ หนักแน่นมาก หนักหน่วงมากทีเดียว ถ้ามันไปทางชั่วแล้วมันไม่ได้ตายในเรือนจำละ มันจะตายนอกเรือนจำ สู้กับเจ้าหน้าที่เขา ตายนอกเรือนจำ ถ้าไปทางดีมันก็จะดีเด่น มีสองอย่างเท่านั้น ตาทำนาย เพราะมันผิดเขาทุกอย่าง เวลาจะตกคลอดก็เหมือนกัน พอตกออกมาสายรกพันคอ สายรกพันคอตีความหมายได้สามอย่าง รกพันคอ หนึ่งสายโซ่ สองสายสะพายปืน สามสายบาตร พอตกคลอดออกมานี้ตาก็ให้มงคลอย่างยิ่ง พอเห็นรกพันคอ โอ สายบาตรๆๆ ก็เลยมาบวช ได้เป็นสายบาตร สายเป็นนายพรานสะพายปืนก็มีเราก็เคยแล้ว แต่สายโซ่ยังไม่มี มีแต่สายสะพานปืน แล้วก็สายบาตร ก็ออกมาทางสายบาตรจนกระทั่งทุกวันนี้
นี่พูดถึงเรื่องผ่านมาๆ ให้พี่น้องทั้งหลายฟังจนกระทั่งจะตายแล้วนี่ มันหมดทุกอย่างแล้ว ทอดธุระแล้วนะเดี๋ยวนี้ ปล่อย ปล่อยไปทุกอย่างๆ แล้ว ไม่อยากเอาอะไร เดินก็เดินไปมาอย่างนั้นละ แต่จิตนี้เป็นอันหนึ่ง จิตไม่มีวัย ธาตุขันธ์นี้อ่อนแอท้อแท้ แต่จิตไม่อ่อน จะอยู่ที่ไหนก็ตามจิตไม่อ่อน เพราะจิตไม่มีวัย ส่วนธาตุขันธ์มีวัย ทุกวันนี้ไปไหนอ่อนแอ เดินไปไหนเข้าไปในครัวออกมาก็เหนื่อยเดี๋ยวนี้นะ ออกไปศาลาเข้ามาก็เหนื่อย เหนื่อยแล้วที่นี่ เป็นแต่เพียงว่าจิตไม่มีวัย มันไม่เหนื่อยเท่านั้นเอง
นี่ก็อายุถึง ๙๔ ปี กับ ๕ เดือน มันปล่อยแล้วนะลักษณะมันเป็นอยู่ภายใน เรื่องการปกครองหมู่เพื่อนไม่ค่อยจะสนใจละ ปล่อยไปๆ มันค่อยเป็นของมันเอง เป็นในจิต มันปล่อยมันวางของมันไปเรื่อยๆ เอาละที่นี่หมดแล้วนะ จะให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
จากเครือข่ายทั่วประเทศ
|