เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
ประกาศธรรมสอนโลกวิทยุนี้ก็หลวงตาบัว
หลวงตาบัวนี่เขายกยอว่าดังมากเด่นมาก เจ้าของตัวเท่าอึ่งแต่ชื่อนี่ โอ๋ ครอบโลก เจ้าของตัวเท่าอึ่ง เป็นอย่างนั้นแหละ ไปที่ไหนมีแต่เรื่องหลวงตาบัวๆ ขนสมบัติเข้าชาติเข้าคลังหลวงก็หลวงตาบัว เงินทองข้าวของขนเข้าคลังหลวงก็หลวงตาบัว ประกาศธรรมสอนโลกวิทยุนี้ก็หลวงตาบัว ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็มีฝ่ายกรรมฐาน แต่ท่านแสดงเพียงเล็กๆ น้อยๆ หลวงตาบัวได้ออกหน้าทุกอย่างเลย เทศน์นี่ก็หลวงตาบัวออกหน้า แล้วก็มีธรรมทุกขั้นด้วยตั้งแต่พื้นๆ ถึงที่สุดเลย ถึงที่สุดก็เทศน์สอนพระข้างบนศาลา
เทศน์สอนพระล้วนๆ มีแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว เทศน์สอนประชาชนทั่วๆ ไปเป็นแกงหม้อใหญ่ เวลานี้ธรรมะขั้นสูงไม่ค่อยออก ออกเป็นแกงหม้อใหญ่ แต่ผู้จะฟังเทปฟังได้ทุกขั้นของธรรม แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วสอนพระอยู่บนศาลา อัดเทปเอาไว้ แกงหม้อใหญ่ก็สอนโลก ทุกวันนี้ไม่ได้สอนแกงหม้อเล็กนะ แกงหม้อใหญ่ นอกจากจะมีพระผู้ตั้งใจปฏิบัติไปฟัง เช่นพระกรรมฐานไปฟังอยู่ด้วยอย่างนี้มี แกงหม้อเล็กมี
นี่เขาเยินยอสรรเสริญว่าหลวงตาบัวนี้ดังทั่วแดนศาสนาของเมืองไทยเรา เราก็มาพิจารณาเรา การกระทำของเรานี้มันสมเหตุสมผลที่เขายกยอไหม เราเอามาพิจารณา พูดเต็มปากเลยว่าไม่มีที่ต้องติ ภายในก็จ้ามาตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ จ้าขึ้น นั่นละแดนโลกธาตุไหว วันที่ ๑๕ พฤษภาคม บนหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ เวลา ๕ ทุ่ม นั่นละแดนที่โลกธาตุไหวออกไปจากนี้นะ เพราะฉะนั้นใครจะชมเชยสรรเสริญเราก็ไม่มีอะไรที่จะดีใจเสียใจ เพราะธรรมชาตินั้นเหนือกว่าหมดแล้ว ใครจะติฉินนินทาก็ไปแค่นี้ ชมเชยสรรเสริญก็ไปแค่นี้ ธรรมชาตินั้นเหนืออยู่แล้ว พอทุกอย่าง ใครจะชมเชยสรรเสริญติฉินนินทาก็ธรรมชาตินั้นพอ พอแบบอัศจรรย์ นั่น
สมควรแก่การชมเชยสรรเสริญและสมควรแก่การตำหนิติเตียน กิริยาการแสดงออกมันอยู่เวทีโลกธรรม ๘ เขาติได้ เขาชมได้ กิริยาที่เราแสดงออกก็ควรแก่การติการชมของเขา เข้ากันได้ เราจึงไม่ต้องติ เอา ใครจะชมก็ชมมา ใครจะตำหนิก็ตำหนิมา เราพอใจทั้งสอง แต่ไม่รับ ไม่อะไร เปิดทางให้เขาชมเชย เปิดทางให้เขาสรรเสริญ เราก็เปิดทางในหลักธรรมชาติของเรา คือเกิดมาในชาตินี้เรียกว่าเราพูดเสียตรงๆ จวนจะตายแล้วพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง
เกิดมาในชาตินี้เรียกว่าสุดแล้วในชีวิตของเรา สุดแดนทุกอย่าง เสาะแสวงหาอรรถหาธรรมเราก็ไม่หา ทั้งๆ ที่เราหาแทบเป็นแทบตาย เฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่บวชมา แล้วย่นเข้าไปถึงกรรมฐาน ออกเวทีตีกิเลส นี่เสาะแสวงหาธรรมฆ่ากิเลสตั้งแต่นั้นมา ฟาดกิเลสให้ขาดสะบั้นลงเสียอย่างเดียวเท่านั้น ธรรมจ้าอยู่แล้วกิเลสปิดไว้เฉยๆ เปิดกิเลสคือจอกคือแหนออกแล้วธรรมจ้าแล้วหาอะไรหาธรรม หาอะไรหานิพพาน นั่น อะไรปิดนิพพานก็คือกิเลสเท่านั้นเอง นี่ก็ไม่มีที่ต้องติแล้ว เราหมดทุกอย่างในการสอนโลก เราไม่มีการต้องติเราว่าโลกมาชมเชยสรรเสริญนั้นสมควรแก่การสรรเสริญเขาหรือไม่ หรือตัวเท่าอึ่งนี้มีแต่มูตรแต่คูถเต็มอยู่หลังอึ่งนี่เป็นอย่างนั้นไหม ไม่มี เข้าใจไหมหลังอึ่งตัวเท่าอึ่ง กิเลสตัณหาเต็มอยู่หลังอึ่งเข้าใจไหม นี่ไม่มี เราบอกว่าไม่มี
เราสอนโลกเราก็สอนเต็มความสามารถ การปฏิบัติธรรมของเราก็เอาเป็นเอาตายเข้าว่าเลย เป็นเวลา ๙ ปีตกนรกทั้งเป็น ตั้งแต่ได้รับโอวาทจากพ่อแม่ครูจารย์ลงมาแล้ว เพราะมุ่งใส่ท่านอย่างแรงกล้าเพื่อมรรคผลนิพพานอย่างสุดหัวใจ จะให้ได้ถึงนิพพานในชาตินี้ และอย่างไรจะให้เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ ว่าอย่างนั้นเลย จิตมันพุ่งๆ ขอแต่มีผู้รับรองว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่เท่านั้นเราจะเอาตายเข้าว่าเลย นี่ละเป็นความมุ่งมั่นของใจแรงกล้ามากทีเดียว ไปก็เข้าไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่น ท่านกางเรดาร์ไว้แล้วก็ใส่เปรี้ยงๆ ท่านมาหาอรรถหาธรรม หรือท่านมาหามรรคผลนิพพานหรือ ขึ้นเลยนะ
ท่านกางเรดาร์ไว้แล้วพอเราเข้าก็ใส่ปุ๊บเลย ท่านมาหามรรคผลนิพพานหรือ ท่านมาหาอรรถหาธรรมเหรอ ต้นไม้เป็นต้นไม้ ภูเขาเป็นภูเขา ดินฟ้าอากาศเป็นธรรมชาติของเขา ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่กิเลส ไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ธรรมแท้ กิเลสแท้ มรรคผลนิพพานแท้อยู่ที่ใจ ไล่ลงมานี้ พระพุทธเจ้าบุกเบิกสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกด้วยวิธีการใด ก็คือจิตตภาวนา เอา ให้ท่านเร่งจิตตภาวนาเข้าให้หนัก ท่านไม่ต้องถามหานิพพาน ว่าอย่างนี้เลย
เข้าไปหาท่านทีแรก แหม รุนแรงมากนะ ท่านกางเรดาร์ไว้แล้ว เพราะเราไปมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่สุด หาที่ปลดเปลื้องว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่หรือไม่ ไปท่านก็ใส่เปรี้ยงมรรคผลนิพพานเลย มันก็จ้าออกเลย ทั้งๆ ที่กิเลสมีเต็มหัวใจแต่ไม่มีความสงสัยมรรคผลนิพพาน ทางนี้เอาละนะที่นี่เราจะจริงไหม จริง ไม่จริงต้องตายเท่านั้น ว่าอย่างนั้นเลย ตายนี้ตายเพื่อบูชามรรคผลนิพพาน จะให้ได้มรรคผลนิพพานในชาตินี้ ให้เป็นอรหันต์ในชาตินี้ ตั้งแต่นั้นละจึงว่าตกนรกทั้งเป็น คือนิสัยอันนี้มันผาดโผน ลงใจแล้วด้วยเรื่องมรรคผลนิพพาน อย่างไรก็ฟัดกันเลย เอาจริง
แต่เที่ยวกรรมฐานไม่มีใครไปด้วยนะ ห้ามไม่ให้ไป มันเป็นน้ำไหลบ่า ไม่รุนแรงน้ำไหลบ่า ความเป็นห่วงเป็นใยกันในสัญชาตญาณมีไม่ว่าเขาว่าเรา แม้แต่สัตว์ก็มีใช่ไหมล่ะ เราไปอย่างนั้นมันไม่รุนแรง ไปกับหมู่กับเพื่อนหากเป็นห่วงเป็นใยหมู่เพื่อน ถ้าเราไปคนเดียวนี้ป่าช้าอยู่กับเราพอ อยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็ไม่กิน ความเพียรเอาขนาดไหนความเป็นความตายรู้อยู่กับจิตเรา เท่านั้นละฟัดกันเลย จึงได้ธรรมเหล่านี้มาสอนพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้มาแบบงมเงาเกาหมัดนะ สอนสอนจริงๆ รู้จริงๆ เห็นจริงๆ กิเลสขาดสะบั้นไปจากใจจริงๆ ไม่ถามนิพพานตั้งแต่บัดนั้นมา ไม่ถามถึง จริงหรือไม่จริง
การสอนโลกนี่ง่อมๆ แง่มๆ มันจึงอ่อนใจนะ ไม่อยากเล่น ยิ่งไปเห็นพระงุ่มๆ ง่ามๆ อู๊ย ดูไม่ได้นะ ขัด ดูประชาชนเป็นอย่างหนึ่ง ดูพระแล้วเป็นอีกอย่างหนึ่ง ดูพระปฏิบัติเข้าไปอีกเป็นอย่างหนึ่ง เป็นขั้นๆ ดูสัตว์อยู่ตามวัดตามวาอย่างไอ้บู้ไอ้บี้อะไรนี้ดูเขาแบบรัก เมตตาเขา เป็นขั้นหนึ่งนะ หมาในวัดนี้เข้า ๒๐ ตัวแล้วมัง ดูแบบดูหมา ดูคนแบบดูคน ดูเป็นลำดับลำดา ดูพระแบบดูพระ เข้าดูภาคปฏิบัติพระกรรมฐานดูแบบภาคกรรมฐาน จิตเน้นหนักเข้าไปเรื่อยๆ อย่างนั้นละ
เพราะเราได้ผ่านมาหมด ถ้าว่าถึงเรื่องปริยัติก็เข้าหมด เข้านอกเข้าใน วัดไหนๆเข้าหมดฝ่ายปริยัติก็ดีหมด ไม่ว่าวัดเล็กวัดน้อยวัดใหญ่เราเข้าถึงหมดภาคปริยัติ อันนี้ภาคปฏิบัติก็พ่อแม่ครูจารย์มั่นเป็นสนามใหญ่ เข้าปึ๊บเลย เรียกว่ามันหมดแล้วทางโลกทางธรรม ทางภาคปริยัติก็เข้าเต็มที่ ทีนี้เข้าภาคปฏิบัติก็ถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่นเป็นสนามรบ หาอรรถหาธรรมหาเต็มกำลังแล้ว ทีนี้ผลเป็นอย่างไร หาเพื่อปฏิบัติหรือหาเพื่ออะไร เพื่อไปดูนั้นดูนี้เฉยๆ หรือหามาเพื่อเป็นคติเครื่องเตือนใจสอนใจตัวเอง นี่หามาเพื่อเป็นคติ เพราะฉะนั้นมันจึงได้ภูมิใจ จากการเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ได้เป็นที่ภูมิใจๆ จากนั้นก็ฟัดกันเลย สมบัติจากการปฏิบัติที่เนื่องมาจากการได้ยินได้ฟังมาเต็มที่หัวใจหมดแล้วหายสงสัย
ธรรมเป็นธรรม ศาสดาเป็นศาสดา พวกเราเป็นลูกชาวพุทธเหลาะแหละๆ ไม่ได้นะ จิตนี้มันพร้อมที่จะรับกรรมของมันอยู่ตลอดเวลา กรรมดี-กรรมชั่ว ให้ดูความเคลื่อนไหวของใจ ถ้าใจไปดีแล้วเจ้าของก็ดี ใจนั้นแหละดี จะเป็นอะไรดี ธาตุขันธ์ของเรานี้เป็นธาตุสี่ดินน้ำลมไฟมันพังได้ด้วยกัน แม้แต่พระพุทธเจ้าก็พัง ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่า นิพพานตายหรือ อันนี้ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ใจ ให้ฝึกฝนอบรมใจให้ดี ใจไม่ตาย ตกนรกหมกไหม้กี่กัปกี่กัลป์ทุกสิ่งทุกอย่างทุกข์ขนาดไหนยอมรับว่าทุกข์คือใจดวงนี้ แต่ไม่ยอมในเรื่องความฉิบหายใจไม่มีสูญ ไม่มีฉิบหาย นี่ละตรงนี้ เอา ตกนรกหมกไหม้กี่กัปกี่กัลป์ยอมรับทุกข์ ทุกข์มีมากขนาดไหนใจยอมรับ แต่ให้ใจสูญไม่สูญ ตามให้มันชัดเจนด้วยทางจิตตภาวนา
จิตตภาวนานี่ชัดเจนมาก สาธุพูดแล้วไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า มันเป็นอันเดียวกันแล้วถามกันหาอะไร นั่น เวลาก้าวตามร่องรอยของจิต ร่องรอยของจิตที่มันเกิดแก่เจ็บตายๆ มานี้มันสูญไปไหนน่ะจิต เอาจิตตภาวนาเข้าจับซิ ร่องรอยของจิตที่มันเกิดนั้นตายนี้ๆ จะอยู่ที่จิตตภาวนาส่องรู้หมดเลย มันสูญไปไหน ออกจากนี้มันไปเกิดนั้น ไปตายที่นี่ สูงๆ ต่ำๆ ลุ่มๆ ดอนๆ มีแต่จิตตัวเป็นนักท่องเที่ยว สุขมันก็ไม่ถอย ทุกข์มันก็ไม่ถอย มันรับหมดนั่นละจิตดวงนี้ เปิดออกมันถึงรู้กันชัดเจน
ท่านจึงว่าจิตนี้คือนักท่องเที่ยว แหม พ่อแม่ครูจารย์เสียด้วยนะพูด จิตเรานี้คือนักท่องเที่ยว เราไม่ลืม วันนี้ไม่ทราบว่าพูดเรื่องอะไรต่ออะไร แต่ก็ออกนี้หมดแล้ว เราเปิดเผยด้วยหัวใจของเราที่เปิดเผยเรียบร้อยแล้ว เราไม่สงสัย ในโลกอันนี้เราหายสงสัยหมด เสาะแสวงหาธรรมหามาแทบเป็นแทบตาย ให้รู้โลกรู้ธรรมทุกสิ่งทุกอย่างเต็มหัวใจแล้วไม่หา พอ นั่น
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
จากเครือข่ายทั่วประเทศ
|