เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
ฝึกให้ได้ตามหลักศาสนา
ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเป็นจำนวน ๑๑,๖๓๗ กิโลครึ่ง นี่หมายถึงทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วในการช่วยชาติคราวนี้ หลังจากมอบแล้วได้ทองคำประเภทน้ำไหลซึมมาถึงวันที่ ๔ มกราเมื่อวานนี้ ได้ ๒๖ กิโล ๑๗ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดที่มอบแล้วและยังไม่ได้มอบเป็น ๑๑,๖๖๓ กิโล ๓๓ บาท ๖ สตางค์ ทองคำเราเข้าคลังหลวงแล้ว ได้ ๑๑,๖๖๓ กิโล เป็นของเล่นเมื่อไรทองคำเข้าคลังหลวงตั้ง ๑๑,๖๖๓ กิโล ๓๓ บาท ๖ สตางค์ ได้เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ได้เยอะอยู่ในการช่วยชาติคราวนี้ ได้ทองคำเป็นหมื่นกิโลหาได้ที่ไหน สำหรับดอลลาร์ดูว่าได้มอบเข้าคลังหลวง ๑๐,๒๑๔,๖๐๐ ดอลลาร์ ส่วนทองคำได้ ๑๑,๖๖๓ กิโล ๓๓ บาท ๖ สตางค์ เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเช้านี้ปรอทลง ๑๒ เช้านี้กับเช้าวานพอๆ กัน เวลาหนาวนี้มันต่างกันกับที่อยู่ในภูเขา ภาวนาในภูเขานอนไม่ได้เลย ตลอดรุ่งไม่หลับ นั่งภาวนา ถ้าเรานั่งภาวนาจิตเข้าข้างในๆ หายหมดเลย เงียบ พอออกมาจะนอนให้หลับ หนาวรุกใหญ่เลย นอนไม่หลับ นอนไม่หลับก็นั่งอีกอย่างนั้นนะ ตกลงกลางคืนนี้จะนั่ง นั่งระงับหนาว เวลาเราภาวนาจิตเข้าข้างในไม่หนาวนะ หายเงียบเลย หายจริงๆ เหมือนไม่มีหน้าหนาว อำนาจของจิตพอเข้าข้างในไม่หนาวเลย เงียบหมด
พอออกมานี้หนาวพรึบเข้ามาละ จะนอนให้หลับไม่หลับ คือกำลังของความหนาวมันรุนแรงยิ่งกว่ากำลังที่จะให้หลับ ไม่หลับตลอดรุ่งเลย พิลึกนะ แต่ก็ไม่เคยเป็นกังวล ผ่านกันไปธรรมดาๆ ไม่มีอารมณ์ หน้าแตกหมด ตกกระหมดเลย คือนอนไม่หลับกลางคืนตลอดรุ่งเลย ต้องอาศัยนั่ง ถ้านั่งระงับ เวลานั่งระงับจนหายเงียบหมดเลยนะเวลานั่ง พอจิตถอนออกมาหนาว จะนอนให้หลับไม่หลับ แต่มันก็ผิดกันตรงที่ว่าเราไม่มีผ้าห่ม ให้จีวรกับสังฆาฏิพับห่มเท่านั้นเอง ให้เท่านั้น เราไม่เคยเอาผ้าห่มติดตัว แม้แต่อยู่ในวัดก็ไม่ห่มผ้า ผ้าห่มหนาวไม่เอานะ มีผ้าสังฆาฏิกับจีวรให้เท่านั้น
นี่ละเข้าใจไหมล่ะ บังคับ การภาวนาบังคับกิเลส ซัดกันขนาดนั้นจนพ่อแม่ครูจารย์ท่านคงจะสงสารมากละท่า ท่านเลยเอาผ้าห่มของท่านมา ถ้าเอาผ้าห่มใหม่มันก็ไม่อดอยู่ในวัด ก็เราไม่เอาเฉยๆ ท่านเอาผ้าห่มของท่าน ท่านห่มอยู่ทุกวันไปบังสุกุลให้เรา ขึ้นไปกุฏิของเรามันสูงแค่นี้ เดินไปเห็นผ้าบังสุกุลผ้าห่ม เอ๊..ใครบังสุกุลนะเลยขึ้นไปดู ไปเห็น โอ๊ย..ท่านวางไว้เป็นคติทุกอย่างนะพ่อแม่ครูจารย์ มีดอกไม้มีเทียนท่านไปเหน็บไว้บนนี้เลย เอาอะไรพันไว้ ไปเห็น โอ๊ย นี่มันผ้าห่มพ่อแม่ครูจารย์ ก็เราพับเราเก็บอยู่ทุกวันนี่จะว่าอย่างไร ถ้าเอาผ้าห่มใหม่มากลัวเราจะไม่เอา เพราะเราไม่ใช้ผ้าห่ม ไม่เอา อยู่ไหนก็ไม่เอาผ้าห่ม เอาเท่านี้
อย่างนั้นเห็นไหมดัดสันดาน การภาวนาของเล่นเมื่อไร กว่าจะได้ธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลายแทบเป็นแทบตายจริงๆ แล้วเป็นนิสัยอันนี้ด้วยเด็ดขาดทุกอย่างเลย ว่าไม่เอาไม่เอาเลย อย่างนั้นละ คิดดูซิที่ไหนไม่เอาผ้าห่ม มีเท่านี้พอ จนกระทั่งพ่อแม่ครูจารย์ท่านเมตตาท่านสงสารเลยเอาผ้าห่มของท่าน ถ้าเอาผ้าห่มใหม่ก็กลัวเราจะไม่เอา ท่านเอาผ้าห่มของท่านมาพับเรียบร้อย เราก็ห่มจะว่าอย่างไร จอมปราชญ์กับจอมโง่ เข้าใจไหมล่ะ จอมปราชญ์เมตตามาอย่างนั้น จอมโง่จะปฏิบัติตัวอย่างไร ห่ม แล้วออกจากนั้นแล้วไปเลยหายเงียบ
นี่ละการดัดตัวเองดัดอย่างนั้น ไม่มีความสะดวกสบายการภาวนา ไม่ได้มีความสะดวกสบายตลอด กลางคืนนอนไม่หลับตลอดรุ่ง นั่งภาวนา ตอนเช้ากลางวันเดินจงกรมให้มาก เพราะกลางคืนมันออกไม่ได้ มันหนาวมากอยู่ในภูเขา แต่ก็ไม่เคยเอาผ้าห่มติดตัวไป อยู่ในวัดก็ไม่มีผ้าห่ม ไม่เอา นี่ละดัดสันดานเจ้าของ ฟังซิท่านทั้งหลาย ได้ธรรมมาเทศน์สอนพี่น้องทั้งหลายรอดเป็นรอดตายมา แล้วนิสัยอันนี้เป็นนิสัยที่เด็ดขาดเสียด้วยไม่ใช่ธรรมดา ว่าอะไรเป็นอันนั้นเลยเทียว ขาดสะบั้นไปเลย ดัดเจ้าของก็ดัดแบบเดียวกัน ว่าเอานะเท่านั้นละพอ
เช่นอย่างว่านั่งตลอดรุ่ง เอานะวันนี้เท่านั้นพอตลอดรุ่ง จะลุกก็ลุกไปไหนไม่ได้นะ ปวดขี้ขี้เลย ปวดเยี่ยวเยี่ยวเลย พอเช้าลุกขึ้นจะไปซักเอง ไม่มีข้อแม้ ยกเป็นข้อแม้ไว้ตั้งแต่เราอยู่กับครูบาอาจารย์ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา ครูบาอาจารย์หรือพระเณรในวัดนี้เราจะลุกไปช่วยเหตุการณ์อันนั้น ถ้านอกจากนั้นแล้วสำหรับเราเองไม่ให้มีข้อแม้ เด็ดขาดทุกอย่าง ไม่มีจริงๆ นี่ละการดัดเจ้าของดัดอย่างนั้น เราดัดเรามา
ตื่นนอนนี่เหมือนแม่เนื้อตื่นนายพราน ดีดผึงเลยเชียว มันเคยตั้งแต่วันไปเข้านาค เวลาจะไปเข้านาคแม่มานั่งปั๊บ แม่จะบอกนะ ทุกสิ่งทุกอย่างหน้าที่การงานของลูกแม่ไม่มีที่ต้องติ แต่การนอนนะลูก นอนนี่เหมือนตายเลย แม่วิตกวิจารณ์กับการนอนของลูก อย่างเดียวเท่านั้น นอกนั้นไม่มีวิตก หน้าที่การงานอะไรแม่ไม่มีที่ต้องติ แต่เวลานอนนี้เหมือนตายนะลูก ที่ว่าเหมือนตายนี่หมายความว่าถ้าเราจะไปอะไรแต่เช้านี้บอกแม่ แม่ปลุกหน่อยนะตอนเช้าจะไปแต่เช้า นอนทอดธุระ พอแม่รับทราบแล้วทอดธุระ นอนตายเลยทีเดียว ถึงเวลาแม่มาปลุกเอง แม่มาสะกิดปั๊บเท่านั้นปุ๊บลุกเลย
แต่พี่ชายเขาสั่งแม่เหมือนกัน ถึงเวลาเขาไปก่อน ยังไม่ได้ปลุก แต่ลูกคนนี้ตายเข้าว่าเลย นี่ละแม่วิตกการนอนของลูก ก็ทอดธุระแล้วนี่แม่จะมาปลุกก็นอนเอาตายเข้าว่า แม่ไม่รู้ความลึกของเรานะ แต่เราไม่เคยตอบ เวลาไปนอนนี้ดีดผึงๆ เลย เหมือนแม่เนื้อตื่นนายพราน ไม่เคยชิน ตั้งแต่วันไปเข้านาคบวช เรียนหนังสือก็แบบเดียวกัน ออกปฏิบัติกรรมฐานก็แบบเดียวกัน ถึง ๑๘ พรรษา พลิกใหม่เปลี่ยนการหลับนอนใหม่ คือนอนมันไม่รู้สึกตัวนะ พอตื่นมันดีดผึงเลยทันที ถึง ๑๘ พรรษา ทีนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยไปหมดแล้ว ทีนี้จะนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย พอตื่นนอนแล้วมองดูทิศทางรู้อะไรแล้วค่อยลุกธรรมดาๆ
ถ้าว่าพูดถึงรบข้าศึกก็รบแล้ว เสร็จเรียบร้อยแล้ว กิเลสขาดสะบั้นไปหมดแล้ว ทีนี้จะนอนให้ธรรมดา ถึงอย่างนั้นมันยังดีดผึงๆ เลยนะ มันเคย นี่ละการฝึกตัวฝึกอย่างนั้น เราไม่ได้เหมือนใครทั้งหลายนะ เป็นจริงๆ ไม่ใช่คุย เป็นอย่างนั้น ว่าอะไรเป็นอันนั้นเลยทีเดียว เจ้าของค้านเจ้าของไม่ได้ ถ้าลงเหตุผลลงจุดนี้แล้วต้องปฏิบัติตามนี้ ๑๘ พรรษา ฝึกหัดการนอนใหม่ คือนอนแบบแม่เนื้อตื่นนายพรานดีดผึงๆ เลย จากนั้นมา ๑๘ พรรษา ฝึกหัดใหม่นอน
ทีนี้เวลามันฝึกหัดได้แล้วคราวนี้ไม่มีใครสู้ในโลกนี้ นอนพลิกทางนี้แล้วพลิกทางนั้น มันไม่ลุก นี่คือฝึกได้แล้ว ฝึกเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนดีดผึง ทุกวันนี้พลิกทางนั้นแล้วพลิกทางนี้ มันอยู่กับการฝึกนะ การฝึกสำคัญมาก ฝึกอย่างไรเป็นอย่างนั้น อย่างตื่นนอนนี่มันเป็นนิสัย พอรู้สึกนี่มันจะผึงทันทีเลย ๑๘ ปีจึงได้พลิกเปลี่ยนการหลับนอนใหม่ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีดของมัน แต่ก็ฝึกได้ ทีนี้ฝึกได้แล้วก็พลิกทางนั้นพลิกทางนี้ สบาย เดี๋ยวนี้เรียกว่าฝึกได้แล้ว
คือนิสัยเรามันจริงทุกอย่าง ไม่ได้เหมือนใคร ว่าอะไรเป็นอันนั้นๆ เจ้าของเองค้านเจ้าของไม่ได้ ถ้าลงเหตุผลลงอย่างนี้แล้วต้องปฏิบัติตามนั้น เจ้าของเองแก้ไขไม่ได้ ถ้าเหตุผลไม่เหนืออันนั้นแก้ไม่ได้ เจ้าของต้องยอมปฏิบัติตามนั้น นี่ละการปฏิบัติตัวเองเป็นอย่างนั้นเรื่อยมา ให้เป็นลักษณะอืดอาดเนือยนายเวลาหลับเวลานอนเวลาตื่นนี้ไม่มีเรา บอกว่าไม่มีเลย ฝึกขนาดนั้นละ มีแต่ฝึกทั้งนั้นนะ ยิ่งโยมแม่ว่าการนอนเหมือนตายนะลูก ยิ่งฝังลึกนะ แต่เราไม่บอกความภายในให้แม่ฟัง คือนั่นเรียกว่าตายใจ นอนใจ ทอดธุระ ถึงเวลาแม่ก็มาปลุกเอง ทอดธุระเลย จนกระทั่งถึงเวลาแม่มาปลุกค่อยไป
ถ้าธรรมดาก็ปล่อยตามเรื่อง อยากลุกเวลาไหนก็ลุก แต่เวลาเรามีธุระตอนเช้าจะไปอะไรตอนเช้าให้แม่ปลุก ถ้าแม่รับทราบจากเราแล้วเท่านั้นทีนี้เอาตายเข้าว่าเลย ต้องได้ปลุกทุกครั้ง คือความตายใจ ส่วนพี่ชายเขาบอกให้แม่ปลุก ถึงเวลาเขาไปของเขาเอง ยังไม่ปลุกก็มี แต่เราทุกครั้ง ก็เพราะทอดธุระนั่นเอง ทุกวันนี้เอาแน่ไม่ได้ คือมันปล่อยทุกอย่างแล้ว นี่เราพูดสมัยเราปฏิบัติตัวของเราอยู่ อย่างสมัยทุกวันนี้เข้ากันไม่ได้นะ เหมือนคนตายทุกวันนี้ เหมือนคนไม่มีราค่ำราคา การที่จะคิดจะฝึกหัดเจ้าของอะไรหมดไม่มีๆ เรียกว่าทอดธุระหมดแล้ว อยากหลับอยากตื่นอยากนอนอะไรเมื่อไรอยู่อย่างนั้น มันปล่อย ปล่อยไปหมด เวลานี้ภาระธุรังอะไรต่ออะไรรู้สึกว่ามันจะปล่อยอย่างลึกลับๆ ปล่อยไปๆ ไม่มีใครบอก มันหากปล่อย
นี่ละฟังซิพี่น้องทั้งหลายให้ฝึกตัว ฝึกแบบฆราวาสก็ฝึก ฝึกใส่หน้าที่การงานอะไร ว่าจะทำอะไรให้ทำอันนั้น อย่าเหลาะแหละๆ ฝึกอย่างไรมันจะเป็นอย่างนั้นละ จิตใจของเราฝึกได้ จิตใจนี้ฝึกได้ เช่นอย่างฝึกการหลับการนอนการตื่น ใจละฝึกใจ ใจก็มาฟิตตัวเอง การเป็นอยู่หลับนอนอะไรขึ้นอยู่กับใจ ถ้าใจยอมรับเหตุผลแล้วจะปฏิบัติตามนั้นเลย จึงบอกว่า ๑๘ ปีจึงได้พลิกใหม่ให้นอนตามธรรมดา ตั้งแต่เข้าวัดจนกระทั่งถึง ๑๘ พรรษาการตื่นนอนนี้เป็นแบบเดียวกันตลอด ดีดผึงๆๆ เลย
พอ ๑๘ พรรษาพูดให้ตรงไปตรงมา อะไรมันก็เสร็จก็สิ้นไปหมดแล้ว มันก็อยู่ตามอัธยาศัยสบายๆ การตื่นนอนก็ให้ตื่นธรรมดาๆ ถึงอย่างนั้นมันยังดีดผึงๆ มันเคยชิน ตอนเป็นฆราวาสก็ว่าการงานหนัก พอเวลาเอาจริงๆ ศาสนาละเอียดมาก ปฏิบัติตามศาสนาก็ต้องละเอียดไปตามๆ กัน ฝึกให้ได้ตามหลักศาสนา อืดอาดเนือยนายนี้ไม่ได้ การหลับการนอนเราไม่เคยอืดอาด ไม่เคยมี จนกระทั่งป่านนี้ไม่เคยมี เพราะการฝึก ฝึกอย่างนั้น เอาละให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|