เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
ความหมายที่ปรากฏขึ้นในจิต
เราไม่ได้อยู่นะ เพราะความเมตตาวันหนึ่งๆ ไม่อยู่ เอาของไปให้ตามโรงพยาบาลต่างๆ ทุกวันๆ สงสาร ให้โรงพยาบาลต่างๆ เอาของไปเทแล้วก็ให้โรงละสองหมื่นๆ สงสาร
ทองคำที่ได้เข้าคลังหลวง ๑๑,๖๖๒ กิโลเป็นของเล่นเมื่อไร เราพยายามขวนขวายเข้าสู่ส่วนรวม เรามีแต่หาเข้า ไม่ได้เอาออก เราไม่มี มีแต่นำเข้าๆ ทุกแง่ทุกมุม ทองคำตั้ง ๑๑,๖๖๒ กิโลของง่ายเมื่อไร ถ้าคิดเป็นเงินไทยเราราคาเท่าไร ๑๑,๖๖๒ กิโล (หมื่นกว่าล้านบาทครับ) นู่นน่ะหมื่นกว่าล้านบาท นี่เอาเข้าคลังหลวงของเรา เรามีแต่เอาเข้าทั้งนั้นละ ขวนขวายทางนู้นเข้าทางนี้เข้าเรื่อย เราไม่เอา มีแต่ช่วยโลกจึงบอกว่าช่วยโลก ทุกอย่าง เงินทุกบาททุกสตางค์ไม่ได้มา ออกหมดเลย เราช่วยโลก ช่วยเสียให้เต็มที่เสียคราวนี้นะ
พูดให้ชัดเจนตามหลักธรรมชาติที่เป็นขึ้นภายในจิตใจของเรา เกิดมาเราก็ไม่เคยคิดเคยเห็นว่าจิตใจจะเป็นอย่างนี้ นี่เป็นแล้วเต็มเหนี่ยวมาแล้วได้ ๕๐ กว่าปีแล้วมัง พ.ศ.๒๔๙๓ ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้เต็มเปี่ยมแล้ว หมดทุกอย่าง หายสงสัยหมดโลกธาตุ ไม่มีอะไรเหลือ แต่กิริยานี่เอาแน่ไม่ได้ เหมือนลิง กิริยานี่เหมือนลิง เพราะฉะนั้นจึงว่าสมมุติคือร่างกายของเขาของเรา ตาเขาหูเราตาเรามันสัมผัสสัมพันธ์กันได้ เป็นเวทีโลกธรรม ๘ อยู่ในนี้หมด แต่จิตมันผ่านหมดเลยไม่มีเหลือ
เราบอกเราจะไม่กลับมาเกิดอีก ก็บอกให้ชัดๆ เลย มันสมบูรณ์เต็มที่แล้วทุกอย่าง การสอนโลกจึงสอนด้วยความอาจหาญชาญชัย ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป เรื่องความเป็นความรู้อะไรอยู่กับเรา คนอื่นมารู้ไม่ได้ เราพูดออกไปตามความรู้ความเห็นความเป็นของเรา ใครจะมาให้คะแนนตัดคะแนนเรา เอาตัดไป เราเป็นคนหาเองได้คะแนนมาเอง ใครจะมาตัดคะแนนเราไป เอาตัดไป ไอ้พวกที่มันตัดระวังมันจะจมลงนรกนะล่ะ นี่ไม่จม แน่แล้วไม่สงสัย
บอกให้ชัดเจนว่าจะไม่กลับมาเกิดอีก บอกอย่างนั้นเลย สิ้นสุดกันเพียงเท่านี้การเสาะแสวงหาอรรถหาธรรมตั้งแต่วันบวช วันที่ ๑๒ พฤษภา ๒๔๗๗ บวช นั่นละบวชเสาะแสวงหาความดีมาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งป่านนี้ ดูเหมือน ๗๓ ปีมัง ( ๗๓ ย่าง ๗๔ เจ้าค่ะ) นี่ละบวชหาความดีมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ หาจนเป็นที่พอใจ พอ คราวนี้พอหมดทุกอย่างแล้ว โลกอันนี้หายสงสัยหมด ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือเลย จากนั้นก็ช่วยโลกมาอย่างนี้ละ ช่วยมาตลอด เราพอทุกอย่างแล้ว ไม่เอาอะไรละ หมด มีแต่ช่วยโลกเท่านั้นละ พอจะช่วยได้แค่ไหนๆ ช่วยกันไปๆ
เราให้ด้วยความเมตตาล้วนๆ มาแง่ไหนมุมใดเรามีแต่ความเมตตาครอบๆๆ หมด ใครจะมาตำหนิติเตียนให้อย่างนั้นให้แบบนี้ไม่มี ผิดหมด เราให้แบบธรรมล้วนๆ แบบสงสารทั่วแดนโลกธาตุ ไม่ว่าจะให้อะไรกับใครก็ตาม ไม่มีเอนมีเอียง เสมอไปหมดเลย นี่จวนจะตายแล้วจะว่าไง ๙๕ แล้ว ลมหายใจมันขาดที่ไหนก็ขาดที่นั่นละ หายสงสัยแล้วโลกอันนี้ หายหมด หายหมดโดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรเหลือเลย เหลือแต่ลมหายใจที่เป็นสมมุติอยู่เท่านี้ พอลมหายใจขาดมันก็ขาดไปพร้อมกันเลย ตัดขาด สมมุติก็มีอยู่ภายในธาตุขันธ์เท่านั้น ทั่วๆ ไปก็เป็นสมมุติเหมือนกันก็เข้ากันได้ แต่เวลาธาตุขันธ์ขาดจากจิต ถอนตัวออกไปแล้วก็หมดปัญหาทันทีเลย
การเสาะแสวงหาความดีเป็นอย่างนี้ละ หามาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งป่านนี้ ตั้งแต่วันบวชว่าอย่างนั้นเถอะ บวชก็วันที่ ๑๒ พฤษภา ๒๔๗๗ มาจนกระทั่งป่านนี้ นั่นละหาความดี ตั้งแต่วันบวชละ จนกระทั่งป่านนี้หามาตลอดเลย ขวนขวายเข้ามาๆ บทเวลาจะเอาจริงเอาจังก็ขึ้นเวทีเข้ากรรมฐาน เข้าในป่าในเขา เอาจริงเอาจังมาก เอาเต็มเหนี่ยวเลย เป็นเวลา ๙ ปี ตั้งแต่ออกหาอรรถหาธรรมมาเป็นเวลา ๙ ปี ตั้งแต่พรรษา ๗ ถึงพรรษา ๑๖ ทุกอย่างหมดตรงนั้น เป็นเวลา ๙ ปี
แล้วก็แปลกอยู่นะ ที่ว่านั่งภาวนา เอ๊..นิมิตนี่สำคัญอยู่นะ นั่งภาวนาขึ้นมาจากกรุงเทพฯละ มาจำพรรษาที่จักราช หยุดเรียนแล้วออก ผู้ใหญ่ติดตามจะเอากลับไป สมเด็จมหาวีรวงศ์นี่แหละ ท่านเมตตามากกับเรา จะเอาไปกรุงเทพฯ ตั้งพรรษา ๑๖ แล้วยังจะเอาไปกรุงเทพฯอีก ท่านจะเอากลับคืนไป พรรษา ๗ หยุดเรียนทุกอย่าง ก้าวเข้าภาวนาถึงพรรษา ๑๖ เป็นเวลา ๙ ปี เออ ๙ ปีนี่ละเรานั่งภาวนาอยู่ พอจิตสงบลงไปมีตาปะขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาต่อหน้า ภาวนาอยู่นะ มาในภาวนาไม่ใช่เรื่องฝัน
มายืนแล้วก็นับให้เราดูนะ ตาปะขาวคนนั้นนับข้อมือถึงข้อมือที่ ๙ พอ ๙ ปั๊บนี่มองหน้ามาดูเรา ทางนี้ทราบรับกันว่า ๙ ปีสำเร็จ ว่าอย่างนั้นนะ เราก็จับเอา ๙ ปีนั้นไว้ ๙ ปีสำเร็จ เอ๊ ๙ ปีมันก็มีอยู่สองอย่าง บวชมา ๙ ปีสำเร็จก็ได้ หรือปฏิบัติไป ๙ ปีสำเร็จก็ได้ มันมีอยู่สองอย่าง พรรษาที่ ๗ ออกมา พอพรรษาที่ ๙ ว่า ๙ ปีสำเร็จมาถึงพรรษาที่ ๙ จิตกำลังยุ่งใหญ่เลย มันสำเร็จอะไร ๙ ปีสำเร็จ เวลานี้จิตกำลังยุ่งใหญ่เลย เจริญแล้วเสื่อมๆ
ตีความหมายไปอีก หรือจะเอาปฏิบัติ ๙ ปีสำเร็จ นี่ก็ ๙ ปี คือออกบวชได้ ๙ ปี มันก็ไม่สำเร็จ มันเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในหัวใจ ๙ ปี แล้วตีความหมายไปอีกว่าหรือจะออกบวช ๙ ปีสำเร็จน้า เลยแยกออกไป ออกบวช ๙ ปี ก็ไปตรงกันตรงนั้น ออก ๗ ปี พรรษา ๑๖ นั่นเป็น ๙ ปีจริงๆ แต่เราตีว่า ๙ ปีวันเราบวชมา พอบวชไปถึง ๙ ปีสำเร็จ ๙ ปีมันกำลังเป็นไฟอยู่ในหัวใจ ไม่ได้เรื่อง เลยตีความหมายไปอีกหรือจะออกปฏิบัติไปถึง ๙ ปี ลงกันได้ตรงนั้นละ เป็น ๙ ปีเสร็จสิ้นกัน
ตั้งแต่พรรษา ๗ ออกปฏิบัติถึงพรรษา ๑๖ มันเป็นสองพักๆ ออกไปกลางๆ ต้องตีความหมายอีกทีหนึ่ง ว่า ๙ ปี สำเร็จ ถึงพรรษาที่ ๙ ยังไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร เอ๊..มันอย่างไรกัน เลยคิดอีกหรือจะออกปฏิบัติ ๙ ปีน้า สุดท้ายก็ไป ๙ ปีออกปฏิบัติ ๙ ปีพอดี มีตาปะขาวมา นั่งภาวนาอยู่นะ มีตาปะขาวมานับข้อมือ พอ ๙ ปีปั๊บ ทางนี้รู้รับกันปั๊บว่า ๙ ปีสำเร็จ แต่เราไม่ทราบว่า ๙ ปีบวชมา หรือ ๙ ปีออกปฏิบัติ ๙ ปีจิตยังเป็นไฟ โอ๊ย..สำเร็จอะไรอย่างนี้ จิตยังเป็นไฟ แล้วตีความหมายไปอีกหรือจะเป็นออกปฏิบัติ ๙ ปีน้า ออกปฏิบัติ ๙ ปีจริงๆ ได้ ๙ ปี
คือบางอย่างมันเป็นปัญหานะ ความหมายที่ปรากฏขึ้นในจิตเป็นปัญหา อย่างที่ว่าตาปะขาวว่า ๙ ปี พรรษาได้ ๙ พรรษาสำเร็จก็ได้ หรือออกปฏิบัติ ๙ ปีก็ได้ สุดท้ายไป ๙ ปีออกปฏิบัติ สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็แล้วแต่ มันก็ตรงกันได้ ยอมรับกันเลยว่าถึงนั้นแล้วปั๊บได้กันเลย เราเอาอันนี้ไปเล่าให้พระเพื่อนกันฟัง เราก็เก็บไว้ถึง ๙ ปีนะที่ว่านี่ พอออกพรรษาแล้วเราก็บอกว่า ๙ ปีเลย คือพระก็เป็นพระเพื่อนฝูงกันที่ปฏิบัติเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดเหมือนกันกับพระองค์นั้น พอถึง ๙ ปี ออกพรรษาปั๊บวันนั้นก็เลยไปเล่าให้เพื่อนฝูงฟัง เออ..ผมจะขายโง่ให้ท่านฟังนะ ขายโง่อย่างไรว่าซิ
นี่มันรู้ในเวลาภาวนามีตาปะขาวมาบอกดังที่ว่านี่ บอกว่า ๙ ปีสำเร็จนะ นี่ออกพรรษาแล้ววันนี้มันยังไม่สำเร็จ เราก็บอกอย่างนั้นละ จิตนี้ละเอียดก็รู้ว่าละเอียด แต่ก็ยังไม่สำเร็จ โอ ถ้าว่า ๙ ปีนี้..ท่านก็ดีนะท่านให้อุบายเราดีนะเป็นคติ ๙ ปีนี้พึ่งออกพรรษา ๙ ปีนี้จะให้ ๙ ปีเต็มมันต้องไปถึงวันเข้าพรรษาข้างหน้า นั่นละเรียกว่า ๙ ปีเต็ม เหอ..อย่างนั้นเหรอ นี่เพียงออกพรรษา ต้องออกจากนี้ไปถึงวันเข้าพรรษาหน้า หมดปัญหาอันที่ว่า ๙ ปี เดี๋ยวนี้ยังไม่หมดปัญหานี่นะ มันอยู่ในระหว่าง เหอ..อย่างนั้นเหรอ ซัดกันอีก เอาจริงๆ
เดือนพฤษภาเสร็จกัน ยังไม่ถึงเข้าพรรษา เออ เข้าท่า พระเพื่อนฝูงกันท่านแนะอุบายดีอยู่นะ นี่มันยังไม่ถึง ๙ ปีนะ มันพึ่งออกพรรษา ต้องไปชนพรรษาหน้านั่นละ พอเข้าพรรษาปั๊บหมดปัญหา อันนี้ยังไม่หมด เป็นเวลาที่ขวนขวายอยู่ในระหว่าง ๙ ปี เหอ..อย่างนั้นเหรอ แล้วก็เป็นจริงๆ เดือนหกผางเลยนะ ยังไม่ถึงเข้าพรรษาละ เราก็ไม่ลืม พูดให้เพื่อนฝูงฟัง
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|