ให้เขาตายไปเพื่อเรา..ไม่เอา
วันที่ 31 ธันวาคม 2550 เวลา 8:15 น. ความยาว 54 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อเช้าวันที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

ให้เขาตายไปเพื่อเรา..ไม่เอา

          วัดถ้ำพระภูวัว ถวายทองคำมานี้น้ำหนัก ๕ บาท พร้อมเช็คมูลค่า ๕๐๐ บาท ท่านส่งมา ทองคำนี่ก็จะไหลเข้าสู่คลังหลวงของเรา คราวนี้ละคราวทองคำไหลเข้าสู่คลังหลวงได้เยอะตั้งหมื่นกว่ากิโลนะ ๑๑,๖๓๗ กิโลครึ่ง ทองคำเข้าคลังหลวงในเวลาช่วยชาติคราวนี้ได้เยอะนะ ตั้งหมื่นหนึ่งพันกิโล ไปคราวที่แล้วนี้ก็ได้ไปมอบทองคำ ๖๐๐ กิโล ฟ้าหญิงก็เสด็จมา ทูลเชิญท่านเสด็จมาในงานมอบทองคำตั้ง ๖๐๐ กิโล ของเล่นเมื่อไร ไปคราวนี้นะ

          เราพยายามจะขนสมบัติเข้าสู่ส่วนรวมๆ เราสงวนมากเรื่องส่วนรวม ไม่ให้ใครไปแตะต้องละ ถ้าเป็นเรื่องส่วนรวมเราสนใจมากทีเดียว สำหรับวัดภูวัวนั้นเรารับเลี้ยงตลอดมาถึง ๒๕ ปีแล้วมัง เลี้ยงตลอด ไปแต่ละครั้งสี่คันรถๆ กะว่าเดือนหนึ่งพอดี กำหนดพอจวนสิ้นเดือนวันที่ ๒๖-๒๗ เขาไปละ ไปส่งของวัดภูวัวให้ครบหมดเลย ข้าวสารน้ำตาลเป็นพื้นไม่ให้ขาดเลย พวกนั้นอาหารยาว เวลาไปก็มีอาหารสดไปด้วย จากนั้นก็เป็นอาหารยาว เครื่องกระป๋งกระป๋องพวกกุนเชียง ฟาดนี้เป็นลังๆ เทลงเลยๆ อย่างนั้นละ ไม่ให้อดอยาก เราสนับสนุนพระเรา

เราพอใจในพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เห็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมันชุ่มใจนะ มองเห็นแล้วชุ่มใจชื่นใจ เราเองเป็นพระด้วยกัน มองเห็นราบรื่นทันทีเลย ถ้ามองเห็นขวางหูขวางตาไม่อยากไปเล่นด้วย ภูวัวนี่ก็ได้ ๒๐ กว่าปีแล้วเลี้ยงมา ถ้าเราไม่ตายนี้เลี้ยงตลอดไปเลย เว้นแต่เราตายแล้วก็สุดวิสัย พระก็ไม่สามารถที่จะรับเลี้ยงกันได้ละ แต่เรายังมีชีวิตอยู่นี้ก็ยังพอมีความสามารถเลี้ยงท่านได้ตลอดมา

สถานที่ภูวัวนี้เหมาะสมมากทีเดียว พอตอนค่ำท่านก็เอาเทปมาเปิดฟัง มานั่งภาวนาอยู่ที่กุฏิกับศาลาอันเดียวกันนั่นแหละ เพราะมันเป็นหินดานสะอาดสะอ้านอยู่ใต้ถุนอยู่ที่ไหนได้หมดเลย มาเปิดเทปฟัง นั่งภาวนาเปิดเทปอย่างน้อยหนึ่งม้วน จากนั้นใครอยากจะลุกไปก็ลุกไป ไม่อยากลุกจะนั่งภาวนาอยู่นั้นก็แล้วแต่เป็นประจำนะวัดนั้น สงัดมาก นี่เป็นที่เพาะอรรถเพาะธรรมเพาะมรรคผลนิพพาน คือพระประเภทนี้ละ

พระที่มีคุณธรรมสำคัญๆ ส่วนมากพูดตรงๆ ตรงไปตรงมามักจะอยู่ในป่าในเขา องค์ไหนพูดธรรมะสู่กันฟังเพลินๆ ท่านพูดธรรมะก็เหมือนเราพูดทางโลก เพลินทางโลก ลืมเวล่ำเวลา ทีนี้เวลาท่านคุยธรรมะเพราะจิตใจท่านกับธรรมะเกี่ยวพันกันตลอด เวลาคุยธรรมะนี้รื่นเริงบันเทิงก็ลืมเวล่ำเวลา เพราะเรื่องมรรคเรื่องผลเป็นเรื่องที่ละเอียดสุขุมมากทีเดียว พูดเข้าไปนี้มันซึ้งใจ ใครอยู่ที่ไหนๆ ไปรู้ไปเห็นอย่างไรมาเล่าสู่กันฟัง ต่างองค์ต่างก็เสริมซึ่งกันและกัน รื่นเริงบันเทิง นี่ละเรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น

เราจึงพยายามที่จะบำรุงส่งเสริมพระที่ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เอา ถึงไหนถึงกัน อย่างที่วัดถ้ำภูวัวรับเลี้ยงมาแล้วตั้ง ๒๐ กว่าปี เลี้ยงทั้งวัดเลยนะพระเรา ประมาณสัก ๓๐ นั่นละ อยู่ในศูนย์กลาง ๓๐ สามสิบกว่า ๒๗-๒๘ องค์เป็นประจำกระทั่งทุกวันนี้ เราก็รับเลี้ยงตลอดเลย เราไปไหนมาไหนถึงเวลาเขาไปของเขาเอง คือเราสั่งขาดตัวแล้ว เราจะไปไหนมาไหนอย่ามาถือเป็นอารมณ์ ให้ถือหน้าที่ของตัวเองที่เคยทำอย่างไรมา นั้นละเป็นกิจจะลักษณะอันสำคัญมาก ถึงเวลาแล้วไป อย่างวัดภูวัวนี่ถึงเวลา ๒๖-๒๗ จวนสิ้นเดือนแล้วท่านก็ไปส่งๆ ไปแต่ละเที่ยวไป ๔ คันรถเลย บองขึ้นเต็มหมดเลย พวกอาหารข้าวสาร คือพวกข้าวสารพวกน้ำตาลเป็นพื้นฐาน จากนั้นก็เครื่องกระป๋งกระป๋องอาหารยาว ใส่เป็นลังๆ ไปกองพะเนิน

คือเราเห็นสภาพของเราเที่ยวกรรมฐานอย่างทุกวันนี้เราก็สงสารพระ มาจากดั้งเดิมที่เราปฏิบัติ คือเราปฏิบัติอย่างนี้ไม่มี จนขนาดไหนก็จน บิณฑบาตมากับบ้านเรือนเขาอยู่ในภูในเขาสี่หลังคาเรือนห้าหลังคาเรือน กระต๊อบกระแต๊บเขาอยู่ของเขา เราก็บิณฑบาตกับเขาได้มาเท่านี้พอ  ฉันข้าวเปล่าๆ นั่นแหละ ส่วนมากมีแต่ฉันข้าวเปล่าๆ มันจะฉันได้มากอะไรข้าวเปล่าๆ ฉันแล้วเศษมันเหลือก็ไปวางไว้ตามขอนไม้ให้กระรอกกระแต กระแตมาหากิน อย่างนั้นเป็นประจำ ฉันเสร็จแล้วล้างบาตรขึ้นเขาๆ

นี่เราปฏิบัติตัวมา ที่ได้มาแนะนำสั่งสอนพี่น้องทั้งหลายเป็นของเล่นเมื่อไร เรารอดเป็นรอดตายมาตลอดนะ เวลานั้นเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อมูตรห่อคูถ คุณธรรมของเราก็ยังไม่มีพอ เรียกว่ามูตรว่าคูถเสีย กิเลสตัณหาขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง อยู่ในหัวใจ ผ้าขี้ริ้วก็คือตัวของเราเอง ห่อมูตรห่อคูถก็คือใจที่เต็มไปด้วยกิเลส มันไม่ใช่ผ้าขี้ริ้วห่อทองนะ ไปปฏิบัติทุกข์จนข้นแค้นขนาดไหนมันสำคัญอยู่ที่ความมุ่งมั่นต่อธรรมนะ ถ้าความมุ่งมั่นต่อธรรมมีมากเท่าไรแล้วเรื่องการอยู่การกินอาหารไม่สำคัญเลย พอยังมีชีวิตเท่านั้นพอๆ ไม่ได้เหลือเฟือนะผู้ปฏิบัติ

เพราะฉะนั้นเราถึงได้สงสารพระที่ท่านอยู่ตามถ้ำตามไหนทางภูวัว เราจึงจัดอาหารไปส่งเลย เพราะเราเคยสมบุกสมบันมาแล้วทุกข์มากที่สุด แต่เราไม่ถือว่าเป็นความทุกข์ เรื่องอรรถเรื่องธรรมที่เรามุ่งมั่นอย่างแรงกล้านั้นเต็มหัวใจ อันนั้นละพาเราให้บึกบึน นี่ก็ได้ธรรมมาสั่งสอนพี่น้องทั้งหลาย การปฏิบัติธรรมก็ได้สมมักสมผล หายสงสัย ในเรื่องพุทธศาสนานี้เราหายสงสัยทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเราเสาะ ถ้าจะว่าเสาะแสวงหาธรรมอีกเราก็ไม่หา แสวงหาอะไร ว่าบุญว่ากุศลเราไม่มีเจตนา แต่ความดีงามที่ออกจากเมตตานี้ทำตลอด ไม่เคยลดเคยละ แต่ถ้าว่าแสวงหาบุญอย่างนั้นอย่างนี้เราไม่มีในหัวใจ พูดให้มันชัดเจน ให้พี่น้องทั้งหลายได้ฟังเสีย

ตั้งแต่การปฏิบัติมานี้แทบเป็นแทบตาย ใครไปเห็นเมื่อไรจะตายอยู่ในภูเขา มีแต่เรื่องความลำบากลำบน แต่สำคัญที่ใจกับธรรมมุ่งมั่นต่อกัน หนักแน่นอยู่ตรงนั้น มันก็อยู่ได้คนเรา ทุกข์ยากขนาดไหนก็อยู่ได้ ขอให้ธรรมกับใจสัมผัสสัมพันธ์กันอย่างแน่นหนามั่นคงเถอะ ไม่ได้สนใจกับเรื่องการอยู่กินหลับนอนอะไรละ อยู่สบายๆ ทางใจกับธรรมฟัดกันตลอดกับกิเลสไม่มีหยุดมีถอย นี่ก็ได้มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ๙ ปีเต็มๆ ตั้งแต่ออกปฏิบัติ ที่ว่าตกนรกทั้งเป็น เพราะนิสัยนี้มันเป็นนิสัยผาดโผนด้วย ไม่ได้เหยาะๆ แหยะๆ ทำความเพียรออดๆ แอดๆ เนือยนาย สำหรับเราเองเราบอกตรงๆ เราบอกเราไม่มีอย่างนั้น

ถึงจะล้มลุกคลุกคลานก็ซัดกันแบบล้มลุกคลุกคลาน ไม่ถอยกัน ธรรมะสูงเท่าไรมันยิ่งหมุนติ้วๆ เลย ฟาดเสียกิเลสขาดสะบั้นลงจากหัวใจแล้วสบายหายห่วง หมด ไม่มีอะไรกวนใจ มีกิเลสเท่านั้นชี้ได้เลย มีมากมีน้อยเป็นเสี้ยนเป็นหนามเสียดแทงจิตใจตลอดเวลา พออันนี้ขาดสะบั้นลงไปโล่งหมดเลย ทั่วแดนโลกธาตุไม่มีอะไรมาขัดใจ นั่นละอำนาจของธรรม มันอยู่ที่ใจนะธรรม ธรรมอยู่ที่ใจ ต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศไปที่ไหนก็มี แต่ธรรมที่จะมีในใจของสัตว์โลกนี้น้อยมาก

ยิ่งชุมนุมชนหนาแน่นเท่าไรมีแต่กองกิเลสตัณหา มีแต่ส้วมแต่ถานเต็มไปหมด ออกมาเรื่องใดมีแต่การชิงดีชิงเด่น มันมีแต่ความชั่วทั้งนั้นนะชิงกันนั่นน่ะ ไม่ได้มีความดีละ ชิงดีชิงเด่นเรื่อย แล้วความดีหาไม่มีในการชิงกัน เป็นอย่างนั้นละโลกทุกวันนี้ ชิงมูตรชิงคูถ พวกสกปรกโสมมชอบกันนัก โลกกิเลสตัณหากับมูตรกับคูถเข้ากันได้สนิท แต่โลกอรรถโลกธรรมกับสิ่งเหล่านี้เข้ากันไม่ได้ ถ้าเกี่ยวกับธรรมแล้ว เอา ทุกข์เป็นทุกข์ เป็นก็เป็น ตายก็ตายเลย ซัดกันเลยอย่างนั้น นี่ละที่ได้ธรรมะมาสอนพี่น้องทั้งหลาย

เราจึงบอกว่าเราหายสงสัยทุกอย่างแล้วในสามแดนโลกธาตุ ขึ้นชื่อว่าสมมุติหมด ปล่อยวางโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือ มีแต่ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วจ้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่ายืนว่าเดินว่านั่งว่านอน ธรรมชาตินี้จะไม่ปล่อยตัว นั่นละท่านว่านิพพานเที่ยง คือธรรมธาตุครองอยู่ในธาตุขันธ์ ใจที่บริสุทธิ์สุดส่วนเรียกว่าธรรมธาตุ ครองอยู่ในร่างกาย ถึงกาลเวลาของมันจะเป็นอย่างไรก็ดูแลกันไป เจ็บไข้ได้ป่วยปวดหัวตัวร้อนไม่เป็นอารมณ์ แต่การรักษาก็รักษาไปตามธรรมดา ไม่ได้เป็นอารมณ์กับมัน มันจะอยู่ก็อยู่ รักษาไม่ได้จะไปก็ไป

โลกไม่เป็นอย่างนั้นซิ เจ็บไข้ได้ป่วยนิดหน่อยมันไปเจ็บอยู่ที่หัวใจ ใจละเป็นทุกข์มากที่สุด เจ็บไข้ได้ป่วยเล็กๆ น้อยๆ แล้วกังวล สร้างความกังวลขึ้นที่ใจ ได้รับความทุกข์ความลำบากมากยิ่งกว่าโรคทางร่างกายเสียอีก ถ้าจิตใจมีธรรมแล้วไม่ยุ่ง เจ็บไข้ได้ป่วยหนักขนาดไหนใจไม่ได้ป่วย ใจมีความสง่างามอยู่ด้วยอรรถด้วยธรรมก็สบายๆ คนเรา ปฏิบัติให้เป็นอย่างนั้นซิ นี้ก็พูดตรงๆ ใครเอานั้นมาปรนมาปรือเราจึงไม่อยากยุ่งนะ คือมันพออยู่ในหัวใจนี้เลยพอหมด อยู่อะไรอยู่ได้ กินได้ นอนได้ ไม่ได้สนใจกับอะไร

อาหารการบริโภคมีมากมีน้อย เอาแต่ความจำเป็นที่พอดิบพอดีกับธาตุขันธ์เจ้าของเท่านั้นพอ อะไรจะมาเท่าไรไม่เอาๆ นี่ละความจำเป็น ความพอดิบพอดีนี้คือธรรม อยู่ที่ตรงนี้ ไม่ได้อยู่กับความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เห็นแก่ปากแก่ท้องเห็นแก่อยู่แก่กินใช้ไม่ได้ ยิ่งพระเราด้วยแล้วเห็นแก่ปากแก่ท้องเห็นแก่อยู่แก่กินนี้เลวที่สุดยิ่งกว่าประชาชน พระต้องเป็นผู้มีความมักน้อยสันโดษ ได้อะไรมาก็กินตามเกิดตามมีเท่านั้นพอๆ นี้เรียกว่าพระแท้ เป็นอย่างนั้น

แต่พระเห็นแก่ปากแก่ท้อง ตื่นขึ้นมาให้เขาต้มข้าวต้มมาให้กินแล้ว กว่าจะฉันจังหันฟาดเสียสองสามเที่ยวแล้ว มันพระอะไรแบบนั้น ดูไม่ได้นะ มองดูกันอิดหนาระอากันนะพระเรา ถ้าพระองค์ไหนเห็นแก่ปากแก่ท้องสำหรับเราพูดจริงๆ เราเข้าไม่ติดพระประเภทนั้น เข้าไม่ติดจริงๆ เราพูดจริงๆ เราก็ไม่ได้อวด เราไม่เคยเป็นอย่างนั้น ความเห็นแก่ปากแก่ท้องอย่างนี้แม้กิเลสมีอยู่ก็ตามมันไม่มี พอได้อาศัยกันไปเท่านั้น ส่วนมากจะพิจารณาเรื่องคนอื่นมาก ไม่ให้เจ้าของเหนือคนอื่นไป เป็นอย่างไรดีไม่ดีถ้ามันมีน้อยให้หมู่เพื่อนหมด เราไม่เอา เป็นอย่างนั้นนะ ไม่ได้กว้านเข้ามานะนี่ ไม่กว้าน ไม่เคยกว้าน ไปอยู่กับหมู่กับเพื่อนอยู่ที่ไหนก็อยู่

เพราะฉะนั้นพูดให้ตรงๆ เสียว่าไปที่ไหนพระเณรจึงติด ติดเพราะเหตุนี้เอง ยิ่งพ่อแม่ครูจารย์มรณภาพใหม่ๆ นี้ แหม หลบหลีกหมู่เพื่อนหนีเข้าป่าเข้ารกเข้าเขาตามทัน จมูกหมาสู้ไม่ได้นะ พระนี้ตามทันหมด หมาดมนั้นดมนี้ไม่ได้เรื่องมันก็กลับมา พระนี้ไม่ยอมนะ ดมตามเข้าไปในป่าในเขาลูกไหนติดตามเข้าไปจนถึงตัว นี่ละจึงว่าจมูกพระดีกว่าจมูกหมา เราว่าอย่างนี้ ว่าก็ตาม เฉย ขอให้ได้อยู่ด้วยก็พอ นั่นน่ะอย่างนั้นนะ เราเอาจริงๆ เพราะเราหลีกหาที่สงัด พระก็ตามยุ่งเรา

การปฏิบัติศีลธรรมทำมาอย่างนั้นละ ท่านทั้งหลายก็รู้นิสัยของหลวงตาเป็นนิสัยอย่างไร ท้อแท้อ่อนแอขี้เกียจขี้คร้านหรือเปล่า ดูก็รู้นี่นะ อะไรจริงทุกอย่างๆ เลย ถ้าว่าภาวนาฆ่ากิเลสก็หลังจากฟังธรรมพ่อแม่ครูจารย์ลงมาแล้วลงใจ เอา ว่าอย่างไรที่นี่ ตายเท่านั้น นั่นเห็นไหมล่ะ มันลงใจแล้ว มรรคผลนิพพานมีอยู่โดยสมบูรณ์ ทีนี้จะเอามรรคผลนิพพานให้ได้ มันก็ฟัดกันใหญ่เลย เป็นก็เป็น ตายก็ตาย นี่ได้ธรรมมาสอนหมู่เพื่อนได้มาอย่างนี้นะ ไม่ใช่ได้มาอย่างอืดอาดเนือยนายๆ ทุกสิ่งทุกอย่างฝึกอะไรฝึกจริง ทำเจ้าของเราไม่ทำเล่นๆ

พูดอย่างนี้ก็ยังไม่ลืม เคยเล่าให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายฟัง เวลาจะเตรียมของ ท่านพระครูท่านมาอยู่วัดบ้าน วัดบ้านบางทีก็ร้าง บางทีมีพระอยู่ที่สถานีวิทยุนี่แหละ แต่ก่อนวัดอยู่ที่นั่น เขานิมนต์ท่านมาทำบุญที่นั่น แล้วจะไปพร้อมท่านเวลาท่านจะกลับไปวัดโยธา แม่ก็ปั๊บๆ มา มานั่งปั๊บลง นี่นะแม่จะบอกนะลูก แม่เป็นห่วงอย่างเดียวลูกคนนี้ อย่างอื่นไม่ห่วง  เรื่องหน้าที่การงานความประพฤติปฏิบัติตัวแม่ไม่ห่วง แม่ห่วงอย่างเดียวคือนอนนะลูก บอกอย่างนี้ นอนแล้วเหมือนตายนะลูก บอกซ้ำอีกด้วย

ไม่เหมือนพี่ชาย พี่ชายเขาบอกแม่ว่าตอนเช้าให้แม่ปลุกแต่เช้า เขาจะไปธุระอะไรแต่เช้า ให้แม่ปลุก บางทีแม่ก็ได้ปลุก บางทีไม่ปลุกเขาไปแล้ว อันนี้ให้แม่ปลุกวันพรุ่งนี้จะไปแต่เช้า ตายเลยนอน ไม่เคยตื่นโดยลำพังตนเอง นี้ละแม่วิตกมากนะลูก คือแม่ไม่รู้ความในใจของเรา ความในใจของเรานั่นคือว่าได้สั่งแม่แล้ว แม่ทราบแล้ว ทีนี้ก็นอนทอดอาลัย ถึงเวลาแม่ก็มาปลุกเอง จึงไม่เคยลุกโดยลำพังตนเอง เพราะฉะนั้นแม่ถึงวิตกมาก บทเวลาออกไปฟิตปุ๊บทีนี้เป็นคนใหม่ขึ้นมาทุกอย่างเลย ฝึกเจ้าของ ๑๘ ปี ถึงได้ฝึกใหม่

ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วัดวันแรกเป็นนาค ตั้งแต่นั้นการฝึกเจ้าของนอนนี่เหมือนแม่เนื้อตื่นนายพรานดีดผึงๆๆ ถึง ๑๘ ปี ดีดผึงๆ ตลอดจนกระทั่งมันชิน พอรู้สึกนี้มันจะดีดของมันทันทีเลย นี่การฝึกตนเองฝึกอย่างนั้น ได้ ๑๘ ปีถึงได้ฝึกใหม่ ฝึกการนอนให้รู้ทิศเหนือทิศใต้พอดีสมควรแล้วค่อยลุกขึ้นมาธรรมดา อย่าลุกแบบนี้ ลุกแบบนี้คือแบบนักรบนั้นยกให้ นักรบต้องสู้ตลอดๆ ท้อถอยอ่อนแอไม่ได้ ทีนี้เราก็เอาแบบนักรบมาใช้ไปถึง ๑๘ ปี ถึงได้ฝึกหัดนอนใหม่ พอมันตื่นมันดีดเลยนะ

จากนั้นมาก็ฝึกหัด ทุกวันนี้มันฝึกได้เรียบร้อยแล้วนะ ตื่นขึ้นมาพลิกทางนี้ ตื่นจากนี้พลิกทางนี้ จนกระทั่งหมู่เพื่อนจะได้ปลุกมากินข้าวก็ยังไม่ตื่น เข้าใจไหม นี่คืออะไร คือฝึกได้แล้ว ฝึกได้เรียบร้อยแล้ว เป็นอย่างนั้นละ แต่ก่อน โถ พูดอะไรให้ฟังก็ยากนะ นิสัยของเราเป็นอย่างนั้น ว่าอะไรเป็นจริงทุกอย่าง เรียกว่าขาดสะบั้นไปเลย ไม่มีเงื่อนต่อ เจ้าของก็ต่อไม่ได้ สมมุติว่าตกลงอย่างนี้แล้วถ้าหากว่าจะมาแก้ไขเหตุผลอันนี้ถ้าไม่เหนือกว่าแก้ไม่ได้ เจ้าของเองตั้งไว้แล้ว ถ้าไม่เหนือกว่ามาแก้เหตุผลเจ้าของไม่ได้นะ เราทำอย่างนั้นของเราเรื่อยมา

การปฏิบัติธรรมจึงเอาสุดเหวี่ยงเลย เอาตายเข้าว่าเลย นั้นละที่ได้ธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ได้มาด้วยเหตุนี้นะ ไม่ได้มาด้วยความท้อแท้อ่อนแอนะ ไม่มี บอกตรงๆ ดีดผึงๆ ตลอดเวลาเลย เวลานี้มันไปคนละโลกนะ เฒ่าแก่มานี้ไปคนละโลก คือปล่อยตัว ปล่อยไปเลย มันกลายเป็นเด็กไปแล้วนะ อาบน้ำนี้อยากอาบเมื่อไรก็อาบ ไม่อยากอาบได้อาทิตย์หนึ่งก็ตาม เฉย นี่ละพลิกแล้วนะ มันพลิกอย่างนี้ก็บอก แต่ก่อนมันจะหนาวขนาดไหนก็ตามการอาบน้ำวันละหนไม่เคยละ ไปอยู่ในภูเขาหนาวๆ พอบ่ายสองโมงสามโมงลงไปแล้วไปอาบน้ำ เพราะค่ำเข้ามาอาบไม่ได้ มันหนาวมาก นี่ให้ได้ทุกวันเป็นกิจประจำวัน

แต่ทุกวันนี้แล้วแต่มันจะอาบ ไม่อยากอาบอาทิตย์หนึ่งก็เฉยไปเลย บางทีพระท่านเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ คือเราไม่อาบน้ำ นี่มันลงสภาพนี้นะ เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้น สภาพเหมือนเด็ก เราก็พิจารณาตัวของเรา เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นเด็ก ทำอะไรๆ เหมือนเด็กนะ ยกเว้นจิตเสีย คือจิตไม่มีละเรื่องอย่างนี้ แต่ธาตุขันธ์มันเป็นของมัน อาทิตย์หนึ่งไม่อาบน้ำ พระท่านต้องเอาผ้าชุบน้ำอะไรมาเช็ดให้ เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้น นุ่งผ้าก็นุ่งพอสมควรแล้วพระมาเปลี่ยนผ้าให้ เอาผ้าใหม่มาให้นุ่ง ถ้าลงได้นุ่งผืนไหนขาดกับตัวเดี๋ยวนี้น่ะ มันไม่สนใจนะ ถ้าได้นุ่งได้ห่มผืนไหนแล้วขาดกับตัวๆ ไม่สนใจจะพลิกจะเปลี่ยนอะไร พระต้องหาผ้าใหม่มา นุ่งพอสมควรแล้วพระเอาผ้าใหม่มาเปลี่ยนผ้าเก่าไปซัก ถ้าถอดออกไปแล้วต้องได้ซัก ไม่อย่างนั้นอีแร้งอีกามันบินตาม

เป็นอย่างนั้นละเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้กำลังเป็นอย่างนั้นก็บอกให้ชัดเจน แต่ก่อน โหย เป็นไม่ได้เลย ถ้าพูดถึงเรื่องดีดเรื่องดิ้นนี้ผึงๆ ตลอด เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้นละ มันเฒ่ามันแก่มันปล่อยนะ เดี๋ยวนี้ปล่อยไปหมด ไม่ทราบเป็นอะไร มันหากเป็นอยู่ลึกๆ ในจิต ปล่อยไปหมด การปกครองดูแลเพื่อนฝูงไม่ดูละเดี๋ยวนี้ หูหนวกตาบอดก็เลยไปเสีย มันเลยหูหนวกตาบอด มันไม่สนใจ เป็นอย่างนั้นละ แต่ก่อนนี่เข้มแข็ง โอ๋ พระเณรไม่ทันเราเรื่องข้อวัตรปฏิบัติ ในวัดในวาเหมือนว่าออกหน้าตลอดๆ ๆ ใครมาเก้งก้างไม่ได้ ก็หัวหน้าเป็นอย่างนั้น ลูกวัดจะมาเก้งก้างอยู่ได้อย่างไร มันก็ต้องดีดผึงๆ ไปตาม นี่ละแต่ก่อน

เดี๋ยวนี้พลิกไปคนละโลก ปล่อยตามเรื่องเลย การหลับการนอนนี้เหมือนกันเรียกว่าปล่อยหมด แล้วแต่มันจะเป็นอย่างไรต่ออย่างไร นี่เรามาคิดเรื่องภายนอกเป็นอย่างนี้นะ ทีนี้เป็นอย่างไรมันถึงเป็นอย่างนั้น มันไม่ใช่ภายในอืดอาดเนือยนายเหรอ มันถึงกิริยาภายนอกอืดอาดเนือยนายอย่างนี้ กิริยาภายในคือจิตแท้เป็นอย่างไร มันไม่เป็นจิต จิตไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ มันเป็นแต่เรื่องธาตุเรื่องขันธ์เฉยๆ เรื่องจิตนี้ไม่มี ถ้าว่าสง่าก็จ้าตลอดเวลา

นี่ละจิตฝึกได้แล้ว จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วจะให้ฝึกอะไรอีก มันพอแล้ว ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกัน แล้วฝึกไปหาอะไร หาธรรมหาอะไรธรรม ใจกับธรรมก็เป็นอันเดียวกันแล้วหาธรรมหาอะไร ให้มันชัดอย่างนั้นซิ เวลาถึงขั้นมันพอแล้วพออย่างนั้น ว่าธรรมก็ไม่หา บุญก็ไม่หา บาปก็ไม่หา คือมันพอเสียทุกอย่าง คำว่าพอนี้พออย่างเลิศเลอเสียด้วย ไม่ใช่พอธรรมดาเหมือนเขากินข้าวกินน้ำพอ แล้วตอนบ่ายมาหิวอีก อันนี้พอตลอดไปเลย อนันตกาลก็อยู่อย่างนั้นละ ท่านว่านิพพานเที่ยง หรือธรรมธาตุ ได้แก่จิตที่ฝึกตายตัวเป็นจิตหลักธรรมชาติ ไม่มีอะไรแฝงแล้วนั้นละท่านว่าพอ

นี่ก็เป็นปีใหม่แล้วให้ตั้งอกตั้งใจปฏิบัติตัว ปีใหม่ปีเก่ามันก็คนคนเก่า ตรงไหนไม่ดีให้ฝึกเสียตั้งแต่บัดนี้ ตายแล้วจะไปฝึกกันได้อะไร เคาะโลงโป๊กๆๆ รับศีลนะพ่อ รับศีลนะแม่ มีอย่างเหรอคนตายเอามารับศีล ถ้าอย่างนั้นศาสนาของพระพุทธเจ้าก็เป็นศาสนาของคนตายซิ ถ้ายังเป็นอยู่นี้ไม่ได้ขัด ต้องปล่อยให้ไปหมดเลย เป็นลิงเป็นค่างเป็นอะไรก็แล้วแต่เถอะ ตายแล้วค่อยมาฝึก เคาะโลงโป๊กๆ รับศีลนะพ่อนะแม่นะ ก็ศาสนาคนตาย นี่ศาสนาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นคนเป็น เลิศเลอใครจะเกินพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นคนเป็น พวกเราไม่ใช่คนตายให้ฝึกตัวนะ เอาละพอ

(คำสอนของหลวงตาทำให้หนูไม่กลัวความตาย แต่ก่อนหนูกลัวความตาย พ่อหนูเสีย พอเขาผ่ามะพร้าวใส่หน้าหนูวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง เดี๋ยวนี้หนูใจแข็งขึ้น แต่ยังกลัวผีอยู่ค่ะ) ผีมันอยู่กับเราจะกลัวไปไหนล่ะ ความตายมันก็อยู่กับเรากลัวไปไหนล่ะ (หนูฟังเทศน์จากหลวงตาทุกวัน หนูใจแข็งขึ้น หนูจะพยายามไม่กลัวนะคะ) พยายามอย่ากลัว กลัวไปหาอะไร

(โรงพยาบาลน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น กราบขอความอนุเคราะห์จากหลวงตา เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ เครื่องอบฆ่าเชื้อด้วยแก๊ส) ฟัง ว่าฆ่าเชื้อๆ นี้มันขัดข้องต่อหัวใจเรา เพราะฉะนั้นเราจึงไม่อยากให้ เป็นตายก็ตายไปด้วยกัน อย่าไปฆ่าเขา มันขวางว่าฆ่าเชื้อ เอามาให้เราไปฆ่าเชื้อ โธ่ มีศรัทธาไปฆ่าเชื้อมันฟังไม่ได้นะ สะดุดกึ๊กๆ เลย เข้าใจหรือยัง คือจิตนี้มันเป็นขนาดนั้นละ นิดหนึ่งก็ตามเรียกว่าธรรมฆ่าไม่ได้ มันขวางทันทีเลย นี่ยังจะเอาไปฆ่าเชื้อนั้นเชื้อนี้ ให้หลวงตาเป็นผู้เสริมเครื่องฆ่า ให้เครื่องมือไปฆ่าด้วย แหม ว่าอย่างนั้นเลย

ไม่ให้ พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้ละ ตายก็ตายไปด้วยกันกับเขานะโรค ทั้งคนทั้งโรคตายไปด้วยกัน เราถ้ามีโรคอยู่ในท้องเอาตายไปด้วยกัน อย่าไปหาอะไรมาฆ่าเชื้อโรคให้ตายไปให้เรายังอยู่ เราเป็นไปไม่ได้หลวงตาบัว พูดให้ชัดนะ วันนี้มันถึงกาลที่จะพูดแล้ว มันขนาดนั้นนะจิตดวงนี้ พูดให้ชัด เราปฏิบัติธรรมมานี้เราหายสงสัยในโลกทั้งหมดแล้ว สัตว์แม้นิดหนึ่งก็ตามถ้าลงว่าเป็นสัตว์แล้วฆ่าไม่ได้ เราตายตายไปเลย ที่จะให้ฆ่าสัตว์เราฆ่าไม่ลง เข้าใจเหรอ

นี่ละจิตดวงนี้อ่อนขนาดนั้นละฟังซิ ให้เสมอภาคไปหมด เขาไม่ตายเราไม่ตาย เขาตายเราตาย ให้เห็นแก่เราเราไม่ตาย ให้เขาตายไปเพื่อเราไม่เอา เข้าใจแล้วนะ อยากให้แต่ไม่ให้ มันขัดกัน ให้ไปฆ่ากัน อู๊ย ฟังซิให้ไปฆ่ากัน ตั้งแต่บวชมานี้เอาเจตนาหยาบๆ อย่างนี้นะ ตั้งแต่บวชมานี้เราไม่เคยฆ่าสัตว์ด้วยเจตนา แม้ตัวเดียวเราไม่เคยมี ที่จะถูไถไปมาเหยียบทับสัตว์อันนี้มันเป็นธรรมดา ไม่เห็นสุดวิสัยใช่ไหม ที่จะตั้งเจตนาให้ฆ่าไม่มีเลยเรา ตั้งแต่วันบวชมาไม่เคยมี

ทำบุญเป็นบุญ ทำบาปเป็นบาป ทำอะไรๆ ทำด้วยน้ำใจจริงๆ เหมาะสมแล้ว พระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลายเป็นเนื้อนาบุญของโลก ใครทำบุญให้ทานกับท่าน ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส นื้อนาบุญของโลก ผู้ทำก็ปลื้มปีติยินดี เป็นบุญเป็นกุศลเต็มหัวใจๆ อย่างนั้นละท่านผู้เป็นเนื้อนาบุญจริงๆ พระพุทธเจ้า-พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าเป็นเนื้อนาบุญ ใครเป็นทำเป็นบุญเต็มสัดเต็มส่วนไม่บกพร่องขาดเขินแต่อย่างใด

นี่เราก็พยายามฟิตตัวพระ สำหรับวัดนี้ไม่ได้นะ ใครเคลื่อนคลาดไม่ได้ พระจะมีมากน้อยขนาดไหนในวัดเราหาที่ต้องติไม่ได้ ต้องตรงเป๋งตามหลักธรรมหลักวินัย อยู่กับเรามีมากมีน้อย แฝงไม่ได้นะ อย่างน้อยเรียกมาถามเป็นเพราะเหตุไรเลย มากกว่านั้นไล่ออกจากวัดไปเลย เราไม่มีอนุโลม หลักธรรมวินัยเรียนมาทุกคน ทำไมทำผิด เอาอย่างนี้ปฏิบัติตลอดมานะสำหรับพระวัดป่าบ้านตาด จะมีมากมีน้อยเท่าไรกฎระเบียบของธรรมของวินัยต้องแน่วไม่ให้เคลื่อน อยู่ด้วยกันได้

ถ้ามีขัดมีข้องตรงไหนนั่นละขัดแย้งแล้ว ถ้าร่างกายของเราไม่สมประกอบ เจ็บนั้นปวดนี้ไม่สมประกอบ คนไม่สมบูรณ์ ให้มันเต็มสมบูรณ์แบบ ร่างกายเต็มสมบูรณ์แบบใจก็ดีอยู่แล้ว  ประกอบหน้าที่การงานไม่ว่าฝ่ายโลกฝ่ายธรรมดีด้วยกันหมด มันสมบูรณ์แบบ เข้าใจเหรอ นี่เราพยายามฝึกฝนอบรมพระเราเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน บุญเป็นบุญ บาปเป็นบาปมาแต่กาลไหนๆ ผู้ที่จะรับประกันเรื่องบุญเรื่องบาปก็คือพระ เอาทำบุญได้บุญจริงๆ ไปทำบาปบาปนะ นั่นจริงๆ นั่นละพระแท้ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกท่านเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เหลาะๆ แหละๆ ทำอะไรเหลาะๆ แหละๆ ได้บุญก็แบบเหลาะๆ แหละๆ ไม่ดี ทำอะไรให้จริงจัง เสร็จแล้วจะให้พร

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก