เทศน์อบรมฆราวาส ณ โรงพยาบาลระยอง จ.ระยอง
เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ (บ่าย)
ที่อยู่ของความอัศจรรย์
วันนี้เป็นวันมหามงคลแก่พี่น้องชาวจังหวัดระยองเรา ได้ก่อร่างสร้างมหากุศลเพื่อชาติไทยของเรา ดังพี่น้องทั้งหลายนำจตุปัจจัยตั้งแต่ทองคำลงมาจนกระทั่งเงินบาท นี้เพื่อชาติไทยของเราโดยตรง หลวงตามาไม่ว่าที่ไหนไปที่ไหน หลวงตาเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมคือชาติไทยของเรา มานี้ก็เพื่อประโยชน์แก่ชาติไทยของเรา ที่แสดงให้เห็นผลมาโดยลำดับแล้วก็คือ ทองคำเวลานี้ได้เข้าสู่คลังหลวง ๑๑,๖๐๐ กว่าเท่าไรกิโล ลืมแล้วละ นี่ละทองคำที่หลวงตาได้พาพี่น้องทั้งหลายออกช่วยชาติคราวนี้ได้ทองคำ ๑๑,๖๐๐ กว่ากิโล นี่เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว สำหรับเงินดอลลาร์นั้นได้เข้าเพียง ๑๐ ล้านกว่า จากนั้นก็เงินไทยของเรากระจายไปทั่วโลกดินแดน
เพราะหลวงตาทำจริงๆ ทำประโยชน์ ไม่หยิบไม่ฉวยไม่เอาอะไร เป็นความมัวหมองในจิตใจเราไม่เคยมี มีแต่ความเมตตาล้วนๆ สงเคราะห์โลกเรื่อยมา ตั้งแต่นำออกช่วยชาติ ไปทุกแห่งทุกหนที่ไหนไปหมด ซอกแซกซิกแซ็ก เพื่อประโยชน์แก่ชาติของเรานั้นแล วันนี้ก็ได้อุตส่าห์แบกร่างแก่ๆ อายุก็กำลัง ๙๕ ปีมาอยู่บนธรรมาสน์ ล้มลุกคลุกคลานมา ก็เพราะน้ำใจที่มีเมตตาแก่ประชาชนทั้งหลายจึงได้มาที่นี่ วันนี้ก็เป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องทั้งหลายได้มาบริจาคทานและได้มาฟังอรรถฟังธรรม
เสียงอรรถเสียงธรรมเป็นเสียงที่เข้าหูเข้าใจได้ยาก ยิ่งกว่าเสียงลูกทุ่งลูกกรุง ลูกทุ่งลูกกรุงนั้นเข้าได้ทุกเวลา เพลิดเพลินเป็นบ้ากันทั้งประเทศไทยของเราซึ่งเป็นเมืองพุทธ แต่คำว่าพุทธไม่ค่อยปรากฏภายในจิตใจ วันนี้เป็นวันที่ท่านทั้งหลายจะได้ยินได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเข้าสู่ใจบ้าง ใจมีแต่เรื่องโลกเรื่องสงสาร เรื่องสกปรกโสมม เรื่องฟืนเรื่องไฟเข้าไปเผาตลอดเวลา หาความสุขไม่ได้ ต้องมีธรรมเข้าแทรกภายในจิตใจจึงจะมีความสุขความเจริญ ใจนี่ถ้าอาหารไม่ถูกต้องแล้วก็เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเอง อาหารที่เลิศเลอที่สุดก็คือ ธรรมะเข้าสู่ใจแล้วมีความสงบร่มเย็น
วันนี้พระท่านก็มาจำนวนมากมายมาฟังอรรถฟังธรรม จากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่หลวงตานำมาแสดงในเวลานี้ วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องทั้งหลายจะได้ยินเสียงอรรถเสียงธรรมเข้าสู่ใจ นำไปประพฤติปฏิบัติให้อรรถธรรมเข้าสู่ใจจะมีความสงบร่มเย็นเป็นลำดับลำดาไป อย่างอื่นอย่างใดที่เข้าสู่ใจส่วนมากมีตั้งแต่ยาพิษกินลงไป คือรับอารมณ์เหล่านี้ละเข้าไปสู่ใจ เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายหาความสงบเย็นใจไม่ได้ ถ้าอารมณ์แห่งธรรมเข้าสู่ใจแล้วจะมีความสงบร่มเย็น
ดังพระพุทธเจ้าได้ธรรมมาสอนโลก ท่านได้มาจากการอบรมจิตใจ มีจิตตภาวนาเป็นสำคัญ องค์ศาสดาของเราตรัสรู้ขึ้นมานี้กระเทือนโลกทั้งสาม ก็เพราะอำนาจแห่งการอบรมจิตใจ จนได้เป็นพระพุทธเจ้าศาสดาของโลกทั้งสามมา แล้วนำธรรมเข้ามาอบรมจิตใจของเราให้พอมีความสุขความสงบร่มเย็นบ้าง ไม่ไขว่คว้านั้นคว้านี้ คว้าอะไรก็เป็นคว้าน้ำเหลวๆ ใจของเราไม่มีธรรมซึ่งเป็นหลักใหญ่ หลักตายตัว หลักพึ่งเป็นพึ่งตายได้เข้าสู่ใจ ใจจึงไขว่คว้าตลอดเวลาหาความสุขไม่ได้
ว่าบ้านนั้นเจริญบ้านนี้เจริญ ที่ไหนก็ว่าบ้านเจริญ หาแต่ความเจริญกัน แต่มันเจริญด้วยอิฐ ด้วยปูน ด้วยหินด้วยทราย ด้วยถนนหนทาง ด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วตั้งแต่เป็นฟืนเป็นไฟ หลอกล่อหัวใจให้ดีดดิ้นไปตามหาความสงบร่มเย็นไม่ได้ ถ้าจิตใจได้มีอรรถมีธรรมแล้วไม่ตื่นเต้นกับอะไร มีความสงบร่มเย็น การอยู่การกินใช้สอยทุกอย่าง รู้จักประมาณ...คนมีธรรม ถ้าไม่มีธรรมแล้วได้ไม่พอ ได้เท่าไรๆ ก็ไม่พอ เอาจนท้องระเบิดก็ไม่พอ
กิเลสก็เหมือนกันกับไฟ ไม่มีคำว่าเชื้อไฟไสเข้าไปแล้ว ไฟนี้พอกับเชื้อทั้งหลาย ไม่เคยมี ไสเข้าไปเท่าไรก็เปลวจรดเมฆๆ นั่นละ นี่กิเลสก็เหมือนกัน ไสเหยื่อเข้าไป เหยื่อความทะเยอทะยานได้เท่าไรไม่พอๆ ไสเข้าไปเท่าไรเจ้าของเลยจะเป็นบ้าทั้งเป็น นั่นเห็นไหมล่ะเรื่องของกิเลสเป็นอย่างนั้น ให้พยายามอบรมศีลธรรมเข้าสู่ใจบ้าง เวลาจะหลับจะนอน
ที่มานั่งฟังเทศน์กันทั้งหมดนี้ มีพุทโธติดตัวมาสักคนไหมล่ะ คนมากๆ นี่ มีพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆติดใจมาไหม รถทั้งคันบรรทุกคนแน่นรถ แต่พุทโธคำเดียวไม่มีในรถ รถนั้นว่างจากอรรถจากธรรม แต่เต็มไปด้วยมูตรด้วยคูถ คือ ความคิดวุ่นวายของจิตใจที่นั่งอยู่ในรถเป็นฟืนเป็นไฟ เผารถทั้งเป็นมาเลยจนกระทั่งมาสู่สถานที่นี่ ทีนี้ให้ได้น้ำคือพุทโธ ธัมโม เป็นเครื่องดับไฟกิเลสทั้งหลายภายในรถ ไปให้มีพุทโธ ธัมโม สังโฆติดตัวไปแล้วจะเย็นใจๆ
ท่านทั้งหลายเข้าใจว่าพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ พระพุทธเจ้าเลิศเลอมานี้ก็เพราะอำนาจแห่งพุทโธ ธัมโม สังโฆนั่นแล กิเลสไม่ได้พาใครให้เลิศเลอนอกจากจะพาคนให้ล่มจมฉิบหายไปโดยลำดับเท่านั้น ถ้าไม่รู้จักประมาณวิ่งตามกิเลสเท่าไรตายทิ้งเปล่าๆ ไม่มีความหมายอะไรในคนทั้งคน เกิดมาทั้งชาติหาความหมายติดตัวไม่มี ตายไปแล้วก็แห่กันไปเผาศพ ครั้นเผาแล้วก็กลับมามือเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร แทนที่จะคิดเรื่องความเป็นความตายของเขา แล้วน้อมเข้ามาคิดถึงเรื่องความเป็นความตายของตัวเองแล้วอุตส่าห์พยายามสร้างความดี ละชั่วทำดี ประพฤติตัวให้มีศีลธรรม ไม่สนใจ
ขอให้ท่านทั้งหลายได้นำธรรมเหล่านี้ไปคิดไปอ่าน ไปปฏิบัติ เมื่อใจมีความสะดวกสบายแล้วอยู่ไหนสบายหมดคนเรา ถ้าใจร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ อยู่โลกไหนหาความสบายไม่ได้ เช่นเดียวกับคนไข้ คนไข้หนักๆ เอาขึ้นไปตึกโรงพยาบาลชั้นไหน เอาไปอยู่ชั้นเฉียดเมฆก็ตาม จรดเมฆก็ตาม มันจะไปร้องครวญครางอยู่โน้นละ เพราะไข้มันอยู่กับคน ไม่ได้อยู่กับตึกกับโรงพยาบาลสูงๆ ต่ำๆ อะไร มันอยู่กับคน เวลาหายไข้แล้วอยู่ที่ไหนก็สบายๆ เราก็พยายามทำจิตใจของเราให้เบาบางจากกิเลสคือความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหาลงบ้าง เราจะเป็นที่สะดวกสบายในใจของเราซึ่งหาความสุขก็จะไม่เจอ
เกิดมาใครก็หาแต่ความสุขๆ ทั่วโลกดินแดน เวลาไปถามความสุขจริงๆ มีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวายเต็มหัวใจ ระบายออกมานี้จนฟังกันไม่ได้ เป็นอย่างนั้นละเรื่องกิเลส ถ้าเรื่องอรรถเรื่องธรรมไปที่ไหนอยู่ที่ไหน พูดกันนี้เป็นชิ้นเป็นอันเป็นเนื้อเป็นหนัง ฟังแล้วซึ้งใจๆ ผู้มีธรรมในใจเป็นอย่างนั้น
เห็นได้ดังพระกรรมฐานท่าน ท่านจะอยู่ในป่าในเขา ท่านเสาะแสวงหาอรรถหาธรรม อยู่ในสถานที่วิเวกสงัดเท่าไรท่านยิ่งปราศจากอารมณ์ต่างๆ ที่ไปก่อกวน แล้วบำเพ็ญจิตให้มีความสงบร่มเย็นขึ้นมา จิตใจมีความสว่างกระจ่างแจ้ง ผลสุดท้ายตรัสรู้ธรรมขึ้นมาภายในใจเป็นใจที่สว่างจ้าทีเดียว นั่นละอำนาจแห่งธรรม มีในใจมากน้อยจะมีความสงบร่มเย็น ขอให้ท่านทั้งหลายสนใจต่อธรรมบ้าง เรื่องกับโลกกับสงสารอันเป็นฟืนเป็นไฟนี้ไม่ทราบว่าใครสนใจไม่สนใจ มันมีเต็มแผ่นดินทั่วโลกดินแดนไม่อดอยากขาดแคลนกับสิ่งเหล่านี้ แต่อรรถธรรมที่จะเข้าสู่ใจ ให้มีความสงบร่มเย็นนั้นมีน้อย
จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญธรรม อย่างน้อยเวลาเราจะหลับจะนอนขอให้กราบพระ ตั้งนโม อิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปันโน จบเรียบร้อยแล้ว ให้ทำความสงบใจ ใจนี้มันดีดมันดิ้นตั้งแต่ตื่นนอนไม่มีเวลาระงับดับลงได้เลย ต้องดับด้วยความหลับ ถ้าใครคิดมาก ยุ่งมาก วุ่นมาก เลยนอนไม่หลับ สุดท้ายการนอนหลับเป็นยาระงับโรควุ่นวาย ก็เลยระงับกันไม่ลงเพราะโรคมันรุนแรง เพราะฉะนั้นจึงให้เอาธรรมเข้าไปสงบระงับจิตใจให้มีความสงบเย็น
เวลาจะหลับจะนอนให้กราบพระเสียก่อน แล้วก็นึก พุทโธ ธัมโม หรือ อิติปิโส ภควา สวากขาโต สุปฏิปันโน จบลงแล้วให้ทำความสงบใจ เราจะนั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งพับเพียบก็ได้ หรือนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ได้ แต่ใจให้มีความสงบอยู่ด้วยบทธรรม เช่น พุทโธ ธัมโม สังโฆ บทใดก็ได้ตามนิสัยชอบ แล้วนำคำบริกรรมนี้เข้าสู่จิตใจ บังคับด้วยสติ ให้สติติดแนบอยู่กับคำบริกรรม นั่นเรียกว่าจิตทำงานโดยธรรมหรือจิตทำงานทางธรรม เมื่อมีสติบังคับบัญชาอยู่ จิตใจของเราจะว้าวุ่นขุ่นมัวไปขนาดไหน จะต้องมีความสงบร่มเย็นลงมา ให้ประจักษ์ใจของผู้ภาวนานั้นแล
ใจเมื่อมีความสงบร่มเย็นแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปิดโล่งไปหมด ถ้าใจตีบตันอั้นตู้ ไปอยู่ในแดนเขตจักรวาลไหน ก็ไปตีบตันอั้นตู้เดือดร้อนวุ่นวายอยู่ในหัวใจของเรานั่นแหละ ถ้าใจมีความสงบเย็น ไปอยู่ที่ไหนก็เย็นก็สบายๆ โลกอันนี้ความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดี มารวมอยู่ที่ใจดวงเดียวนี้ ไม่ได้มีที่ใดเป็นที่รับรองความสุข ความทุกข์ ดินฟ้าอากาศ ต้นไม้ภูเขา ทั่วขอบเขตจักรวาลไม่ใช่เป็นภาชนะสำหรับรับรองความสุขและความทุกข์ สิ่งที่รับรองอย่างแท้จริงก็คือใจ เป็นผู้รับรองทั้งความทุกข์ ทั้งมหันตทุกข์ รับรองความสุข ทั้งเป็นบรมสุข รับรองได้ที่ใจ ถ้าเจ้าของตั้งใจอบรมรักษาจิตใจของเราให้ดีจะได้ชมสมบัติอันล้นค่าภายในใจ
จึงขอให้บรรดาชาวพุทธเรามีความสนใจใคร่ต่ออรรถต่อธรรม เวลาจะหลับจะนอนอย่าปล่อยอย่าวาง มีเหตุการณ์ขนาดไหนบังคับให้ภาวนาพุทโธ อย่างน้อยให้ได้ ๕ นาที เอาพุทโธ ๆ ก็ได้ มีสติบังคับจิตใจ ให้มีความสงบใจ จะได้มากกว่านั้นก็ยิ่งดี ถ้าผู้มีความสงบแล้วเราอย่าว่าแต่ ๕ นาที ๑๐ นาที เป็นชั่วโมงๆ ก็ได้ ลืมเนื้อลืมตัว เมื่อจิตตัววุ่นวายเข้าสู่ความสงบเสียอย่างเดียว จะไม่มีเรื่องอะไรกวนใจเลย ใจจะหยั่งเข้าสู่ความสงบ สังขารร่างกายก็ไม่มีความเจ็บปวดแสบร้อน พอจิตถอนออกมาแล้วมีความสงบเย็น ดูโลกนี้กว้างขวางไปหมดเลย ทางออกนี้กว้างเหมือนท้องฟ้ามหาสมุทร
นี่ละธรรมเข้าสู่ใจ มีทางออกอันกว้างขวาง ถ้ามีแต่กิเลสเข้าสู่ใจแล้วตีบตันอั้นตู้ ไปที่ไหนก็มีแต่ความทุกข์ ความเดือดร้อนวุ่นวาย ไปเกิดในภพใดชาติใดก็ไปเจอตั้งแต่ความทุกข์ความทรมาน เพราะตนมีความรักใคร่ใกล้ชิดต่อการสร้างบาปสร้างกรรม ไปสร้างที่ไหน ไปทำที่ไหน มันก็เป็นเจ้าของ ใจนี้เป็นเจ้าของจะต้องรับเคราะห์รับกรรมของผลแห่งกรรมดีชั่วที่ตนทำ ส่วนมากมักจะมีแต่ทำความชั่วกัน ให้พากันทำความดีบ้าง จิตใจจะได้เห็นความอัศจรรย์ในตัวเอง
เกิดมานี้เราเคยเห็นความอัศจรรย์ที่ไหนบ้าง ท่านทั้งหลายนำมาเล่าให้หลวงตาฟังบ้างซิ มาอยู่ด้วยกันนี้ เราไปเจอความอัศจรรย์ที่ไหน ไม่มี ถ้าเราภาวนาตั้งใจภาวนาดังที่ว่านี้ เช่น พุทโธๆ เป็นต้น วันหนึ่งๆ อย่าให้ต่ำกว่า ๕ นาที นี่เราจะเจอความอัศจรรย์ในหัวใจของเราในวันใดวันหนึ่งแน่นอน ไม่สงสัย จากนั้นก็อัศจรรย์เลยคาดเลยหมายเต็มหัวใจ โลกธาตุนี้เป็นที่อยู่ของความอัศจรรย์คือใจดวงเดียวนี้เท่านั้น นอกนั้นไม่มีความหมาย นี่ละถ้าอบรมได้เป็นอย่างนี้ ถ้าอบรมไม่ได้ก็คือใจดวงนี้ละเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้เรา
ให้พากันอบรมจิตใจบ้าง เวลานี้กิเลสตัณหามันฉุดมันลากจนไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้บาปรู้บุญ ไม่รู้นรกสวรรค์ ไม่รู้เป็นรู้ตาย เกิดมาก็เกิดมากับโลกเขา เขาดิ้นเราก็ดิ้น เขาดีดเราก็ดีด เลยไม่ทราบว่าดิ้นไปหาอะไร ดีดไปหาอะไร มีตั้งแต่ความทุกข์ทั้งเขาทั้งเราเต็มเนื้อเต็มตัว หาความสุขไม่ได้ เพราะฉะนั้นจงให้ยึดธรรมภายในใจ เมื่อได้ยึดธรรมภายในจิตใจดีๆ แล้ว เราจะมีความสงบร่มเย็นๆ ไปโดยลำดับ พี่น้องทั้งหลายขอให้พากันตั้งอกตั้งใจ พระเรานี้ละที่เป็นสำคัญ พระนี้เป็นแนวหน้า ชาวพุทธเราต้องถือพระเป็นสำคัญ
พระไปอยู่สถานที่ใดเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รักษาศีลรักษาธรรม ไม่ลดละปล่อยวาง ใกล้ชิดติดพันกับพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ด้วยการปฏิบัติเคร่งครัดในธรรมในวินัย ผู้นี้แลไปที่ไหนเหมือนตามเสด็จพระพุทธเจ้าไป เพราะธรรมวินัยนั้นแลเป็นศาสดาของเราทั้งหลายแทนพระพุทธเจ้า ไปที่ไหนอย่าปล่อยอย่าวาง พุทโธ ธัมโม สังโฆ อย่าปล่อยอย่าวางข้อวัตรปฏิบัติศีลธรรมของตนที่เคยปฏิบัติ แล้วจิตใจของเราจะประหนึ่งว่าได้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่ทุกอิริยาบถ
ผู้เสาะแสวงหาอรรถหาธรรม ไม่ต้องตามหาพระพุทธเจ้าเมืองนู้นเมืองนี้ เช่นเมืองอินเดียเป็นต้น ผู้ไปก็ไป แต่อย่าตื่นเกินไป ถ้าไปด้วยความตื่นกับเขาเป็นอันใช้ไม่ได้ ไปที่ไหนก็มี ธรรมมี อินเดียก็มี เมืองไทยก็มี ไปอินเดียก็เป็นธรรม ถ้าไปด้วยความเป็นธรรม อยู่เมืองไทยก็เป็นธรรม เมื่ออยู่ด้วยความเป็นธรรม อยู่ที่ไหนเป็นธรรมไปหมด ถ้าคนมีธรรมในใจ ถ้าไม่มีธรรมในใจอยู่ในเมืองอินเดียนั่นมีสัตว์ประมาณเท่าไร ตัวไหนสัตว์ที่ไม่ได้รับความทุกข์ มันทุกข์เหมือนกันกับโลกเรานี่แหละ โลกไหนก็ตามถ้ามีธรรมในใจแล้วเป็นสุข
ให้พากันอบรมจิตใจให้มีความสุขบ้างนะ เฉพาะพระของเรามีหน้าที่อันเดียวในการปฏิบัติธรรม การภาวนาของพระของเราที่เป็นผู้มุ่งมั่นต่อแดนพ้นทุกข์คือมรรคผลนิพพาน ขอให้เป็นผู้ใกล้ชิดติดพันกับสติ สติเป็นของสำคัญในการประกอบความพากเพียร จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอนให้มีสติติดกับใจ หรือผู้บริกรรมธรรมบทใดก็ตามให้มีสติติดแนบอยู่กับใจ ใจจะมีความสงบแน่นอน ขอให้มีสติควบคุมเถิด ถ้าขาดสติแล้วจะเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาก็ไม่มีความหมายอะไร มีตั้งแต่เดินหย็อกๆ นั่งเป็นหัวตออยู่เท่านั้นแหละ ถ้ามีสติควบคุมแล้วเป็นความเพียรตลอดเวลา
การปฏิบัติภาวนาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เริ่มต้นตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลาน จิตมันไม่รวม จิตไม่สงบ จิตยุ่งเหยิงวุ่นวาย บังคับกันด้วยสติ ไม่ให้มันคิดยุ่งเหยิงวุ่นวาย หนักเข้าๆ จิตก็มีความสงบเย็น พอจิตสงบเท่านั้นก็เย็นขึ้นมาสบายขึ้นมาภายในใจ จากนั้นก็ตั้งรากตั้งฐานขึ้นสมาธิ คือความแน่นหนามั่นคงขึ้นโดยลำดับลำดาภายในใจ นี่เรียกว่าเป็นกำลังที่จะหนุนปัญญาให้ออก เพื่อถอดถอนกิเลสประเภทต่างๆ ไม่มีอะไรเหลือด้วยอำนาจแห่งปัญญาเป็นสำคัญ เราออกทางด้านปัญญา ท่านจึงสอนว่าสมาธิปัญญา
ศีลเป็นพื้นฐานของพระผู้บวชแล้ว สมาธิคือการภาวนาเป็นพื้นฐานที่จะให้ใจได้รับความสงบ ปัญญาคือการพิจารณาสอดส่อง ออกทางด้านปัญญาเพื่อแก้เพื่อถอดถอนกิเลสออกจากใจ เมื่อได้ใช้อย่างนี้อยู่ตลอดเวลาด้วยความพากเพียร โดยมีสติเป็นเครื่องกำกับรักษาแล้ว ใจก็จะมีความสว่างไสว ถอดถอนตนออกจากสิ่งพัวพันทั้งหลาย กลายเป็นจิตที่ผ่องใสหรือบริสุทธิ์ขึ้นมาภายในใจ จากนั้นก็พ้นทุกข์พ้นภัย
สิ่งที่ทำให้ทุกข์ก็คือกิเลสเท่านั้น มีมากมีน้อยก่อกวน ยุแหย่ทุกแบบคือกิเลส เมื่อกิเลสขาดสะบั้นไปจากใจแล้ว จิตพ้นทุกข์แล้ว ทุกข์ไม่มี มีแต่ความสว่างไสว เช่นจิตพระพุทธเจ้า จิตพระอรหันต์ เป็นใจที่สว่างไสว กิเลสไม่เข้ามาแทรกได้เลย นี่คือจิตของท่านผู้บริสุทธิ์ หรือจะเรียกว่าจิตเป็นธรรมธาตุก็ได้ จิตเป็นธรรมธาตุจึงบริสุทธิ์สุดส่วน ยังครองร่างกายอยู่ก็เป็น หนึ่งเรียกว่าเป็นพระอรหันต์ สองเรียกว่าเป็นผู้มีจิตบริสุทธิ์ สามเรียกว่าจิตเป็นธรรมธาตุครอบอยู่ภายในหัวใจ พอร่างกายแตกสลายลงไปจิตนี้เป็นธรรมธาตุล้วนๆ แล้วก็เป็นธรรมธาตุไปเลย
จิตทั้งดวงกลายเป็นธรรมธาตุ เพราะอำนาจแห่งการฝึกฝนอบรมตน ให้ถึงที่สุดจุดหมายปลายทาง นิพพานคือความเที่ยงตรง ไม่มีความเอนเอียง อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไม่ถึง ถ้าลงจิตได้ถึงขั้นธรรมธาตุแล้วเป็นอย่างนั้น นี่คือผลแห่งการอบรมจิตใจ
เรื่องศาสนาของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นแต่เพียงว่าเราชาวพุทธไม่ได้ถือเป็นของจำเป็นเท่าที่ควรยิ่งกว่าขี้หมูขี้หมา ที่ต่างคนต่างดีดต่างดิ้นกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่มีเวลาจืดจาง ตายไปกับกองขี้หมูขี้หมาของสกปรกนั่นแหละ หาความดีไม่ได้ ไปเกิดในภพใดชาติใด มันก็เต็มไปด้วยขี้หมูขี้หมาความสกปรกความเดือดร้อนวุ่นวายอยู่ทุกภพทุกชาติ หาความสงบเย็นใจไม่ได้เลย ถ้าได้ปฏิบัติทางด้านจิตใจให้มีความสงบร่มเย็นขึ้นไปจนกระทั่งสว่างกระจ่างแจ้ง จนทะลุถึงนิพพานทั้งเป็น เป็นธรรมธาตุขึ้นภายในจิตใจแล้ว อยู่ไหนสบายหมด กฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา นี้ ไม่มีเข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย นั่นคือนิพพาน
ทุกสิ่งทุกอย่างมีกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา แปรสภาพเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งนั้น แต่จิตที่บริสุทธิ์ล้วนๆ เป็นธรรมธาตุแล้ว ไม่มีกฎใดๆ สมมุติใดๆ เข้าไปเกี่ยวข้องเลย นี่การปฏิบัติจิตใจ เมื่อถึงขั้นจิตได้เป็นธรรมธาตุคือบริสุทธิ์ล้วนๆ แล้ว พ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวง
อย่างนี้ละธรรมของพระพุทธเจ้าประเสริฐ ประเสริฐเลิศเลออย่างนี้ เราชาวพุทธก็ขอให้พากันดำเนินเริ่มตั้งแต่ทาน อย่าตระหนี่ถี่เหนียว มีมากมีน้อยให้แบ่งกินแบ่งทาน อย่าเห็นแก่กินดีกว่าทาน จะไปจนตรอกจนมุมในกาลต่อไปในเวลาต่อไป ภพชาติต่อไป มีทั้งกินทั้งทาน ได้ทั้งโลกนี้ไปโลกหน้าก็ได้ทิพยสมบัติ เราได้ครองสมบัติเหล่านั้นที่เราให้ทานไว้แล้วตั้งแต่โลกนี้ ไปโลกหน้าไปสวรรค์ พรหมโลก จะไปกับอะไรถ้าไม่ไปกับความดีงาม ความดีงามนี้แหละมันเป็นทิพยสมบัติที่เราได้เสวย
อย่าเข้าใจว่าตายแล้วสูญนะ ชาวพุทธเราใครเข้าใจว่าตายแล้วสูญ คนนั้นจมทั้งเป็น ไม่มีค่ามีราคาเลย ยังเหลือแต่ลมหายใจฝอดๆ จิตดวงนี้ไม่เคยตายให้พากันจำเอาไว้ ไม่เคยตายตั้งแต่กาลไหนๆ มา แม้จะไปตกนรกหมกไหม้กี่กัปกี่กัลป์ ทุกข์ขนาดไหนก็ยอมรับว่าทุกข์แต่ไม่ยอมฉิบหายคือใจดวงนี้แล ทีนี้เวลาฟื้นตัวขึ้นมาตามกฎอนิจจังมีความแปรปรวน แม้ตกนรกก็ฟื้นขึ้นมาได้เพราะกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา มันค่อยแปรของมันเอง เมื่อหมดบุญหมดกรรมจากนั้นแล้วก็ขึ้นมาทางฝ่ายดี แล้วปฏิบัติตัวให้เป็นคนดีเป็นลำดับลำดาไป เอาจนกระทั่งถึงความพ้นทุกข์ จิตดวงนี้ก็เป็นธรรมธาตุไปเลยไม่มีคำว่าสูญ
อยู่ในนรกเสวยทุกขเวทนากี่กัปกี่กัลป์ ยอมรับว่าทุกข์แต่ไม่ยอมสูญคือใจดวงนี้ เวลาขึ้นถึงความพ้นทุกข์ ถึงนิพพานก็เป็นธรรมธาตุไปเลย ไม่มีคำว่าสูญในใจดวงนี้ เราอย่าประมาทว่าตายแล้วสูญ จะสร้างแต่บาปหาบแต่กรรมใส่ตัวเอง เพราะหมดหวัง เราทำอะไรแล้วก็ไม่ได้รับผลกรรมแหละ ผลบุญผลกุศลอะไรไม่มีเพราะตายแล้วสูญ คนนี้สร้างบาปมากที่สุดสร้างจนกระทั่งวันตาย ตายแล้วจม ไม่มีวันฟื้นคือคนประเภทนี้แหละ ให้พากันจำเอาไว้
บุญมีบาปมี ใครจะเป็นเจ้าของบุญเจ้าของบาป ก็สัตว์ทั้งหลายไหวตัวตลอดเวลาก็คือ การสร้างบุญสร้างบาป ไม่บอกว่าได้สร้างบาปสร้างบุญก็ตาม เช่น สัตว์เดรัจฉาน เขาทำชั่วทำดีได้เช่นเดียวกับมนุษย์เรา เขาก็มีกรรมดีกรรมชั่วติดตัวของเขา อย่างเราเป็นมนุษย์ก็เหมือนกัน ตายแล้วไปเกิดที่ไหนก็มีกรรมดีกรรมชั่วติดตัวไป ให้ได้กรรมดีติดตัวไป ไม่มีคำว่าตายแล้วสูญ ถ้าสูญแล้วอะไรมาเกิด นั่น คนเต็มโลกเต็มสงสาร สัตว์เต็มโลกเต็มสงสารอะไรมาเกิดถ้ามันสูญแล้ว
เพราะเอาของไม่สูญนั้นแหละมาเกิด มันไม่สูญ หัวใจดวงนี้ไม่เคยสูญ ถึงพระนิพพานก็เป็นธรรมธาตุไปเลยไม่มีคำว่าสูญ อย่าไปฆ่าตัวเองทำลายตัวเองว่าตายแล้วสูญ ใครว่าตายแล้วสูญคนนั้นเรียกว่ายังเหลือแต่ลมหายใจ ไม่มีค่าอะไรกับเขาเลย ถึงจะตั้งยศตั้งลาภขึ้นไปตั้งแต่พื้นๆ ฟาดไปจนกระทั่งดอกเตอร์ดอกแต้อะไร กี่ดอกเตอร์ก็ตามก็มีแต่ลมปาก เจ้าของก็คือไฟนรกเผาทั้งเป็นอยู่ในหัวอก นี่ละความสำคัญตนผิด ทำให้เย่อหยิ่งจองหองสร้างแต่ความชั่วช้าลามก ยังลบล้างด้วยตัวเองว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ให้มีผลแก่ตัว ไม่ให้มียังไงเราก็เป็นคนสร้างเอง เราสร้างอะไรผลก็ต้องมีต่อเรา
อะไรจะหนักยิ่งกว่ากรรม ผลกรรมของสัตว์ในโลกนี้ ต้นไม้ ภูเขา ดินฟ้าอากาศ ว่าหนัก ก็หนักเฉยๆ แต่เราไม่ได้แบกได้หาม แต่กรรมดีกรรมชั่วของสัตว์โลกที่ทำลงไปนี้เราเป็นผู้อยู่ใต้บังคับ การทำดีก็ความดีนั้นแหละจะหนุนเราไป ตั้งแต่พื้นๆ จนกระทั่งถึงสวรรค์นิพพาน ถ้าทำความชั่วแล้วก็จมลงไปเรื่อยๆ นี่ละอำนาจของกรรม น้ำหนักของกรรม ไม่มีอะไรหนักมากยิ่งกว่าอำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่วของสัตว์แต่ละรายๆ สร้างขึ้นมา
อย่าไปลบล้างว่ากรรมไม่มีผล มีอยู่กับทุกคน ไม่มีอะไรหนักมากยิ่งกว่ากรรม ผลของกรรมในโลกนี้ เราจะว่าต้นไม้ ภูเขา หนัก ไม่หนัก อันนั้นไม่มากดขี่บังคับเราเหมือนเราสร้างบาปสร้างกรรม อำนาจของผลของบาปของกรรมนั้นกดเราให้จมลงได้ แล้วความดีงามก็อำนาจแห่งความดีงามพยุงเราจนกระทั่งถึงวิมุตติพระนิพพานได้ นี่เป็นผลอันหนักแน่นเป็นผลมากทีเดียว มีกำลังมากคือผลของกรรม
สิ่งใดก็ตามในโลกนี้ไม่ได้หนักมากยิ่งกว่าผลของกรรมดีชั่วที่สัตว์ทำลงไป ทำลงไปชั่วได้ชั่ว ทำดีได้ดี ถ้าทำดีเท่าไรๆ ได้มากเท่าไรพ้นทุกข์ไปโดยสิ้นเชิง ถ้าทำชั่วเท่าไรก็จมไปเลยๆ กรรมอันนี้หนักมาก ให้พากันระวังกรรมคือการกระทำของตนที่เป็นฝ่ายไม่ดีอย่าทำ ทำแล้วมาทำลายตนเอง ให้ทำตั้งแต่สิ่งที่ดี ทำแล้วพยุงตนเองไปโดยลำดับ เราอย่าลืมเนื้อลืมตัวว่าเรียนได้มากๆ จำได้มาก ได้เป็นชั้นนั้นชั้นนี้ มันมีแต่ลมปากนะนั่น กรรมแท้ๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรียนมากเรียนน้อย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อกับเสียงที่ชมเชยตั้งกันยกยอสรรเสริญตั้งขึ้นมา กรรมเป็นกรรมดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว
ใครเป็นผู้สร้างกรรมมา จะตั้งขึ้นชั้นไหนก็ตามเถิดจมได้ทั้งนั้น ถ้าสร้างความดีเชื่อบุญเชื่อกรรม สร้างตั้งแต่ความดีมีตั้งแต่ความดี อยู่ในโลกนี้ก็ดี ไปโลกหน้าก็ดี ตายไปแล้วก็ไปดีทั้งนั้นละ คนสร้างความดีอย่าประมาทกรรม
คำว่ากรรมนี้เป็นของหนักหน่วงมากที่สุด พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดในโลกธาตุนี้จะมีอำนาจหนักที่สุดยิ่งกว่าอำนาจผลแห่งกรรม ผลแห่งกรรมนี้ทำลงไปแล้วมาบังคับเจ้าของหรือมาส่งเสียเจ้าของ หรืออุดหนุนเจ้าของให้พ้นทุกข์ได้จริงๆ นี่ละอำนาจแห่งกรรมนี้ใกล้ชิดติดพันกับเราผู้สร้างกรรมอยู่ทุกเวลา ให้พากันระมัดระวัง
วันนี้เป็นวันมงคลเราทั้งหลายพร้อมหน้ากัน ในจังหวัดระยองนี่ทั้งจังหวัด รวมทั้งราชการทุกหน่วยมารวมที่นี่หมด เพื่อสร้างความดีงามทั้งหลาย จตุปัจจัยที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้นั้นเรานำออกช่วยโลกทั้งนั้น หลวงตาไม่เอา หลวงตาบอกตรงๆ หลวงตาพอทุกอย่างแล้วใน ๓ โลกธาตุนี้ หลวงตาปล่อยวางโดยสิ้นเชิงไม่เอา อะไรก็ไม่เอา ยังเหลือแต่ธาตุแต่ขันธ์ที่ดูแลกันอยู่นี้เท่านั้น ความเคลื่อนไหวไปมาก็ดูกันอยู่ พอเยียวยารักษาก็รักษากันไป ถ้าเยียวยารักษาไม่ได้ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติของธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งมีส่วนผสมกันแล้วมาตั้ง มีจิตวิญญาณเข้าไปแทรกอยู่ในนั้นก็เรียกว่า เกิดเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เมื่อมันหมดสภาพ แตกแล้วก็ไปเลย
แต่จิตอันนั้นไม่ตายละซิ สำคัญ ไปถือกำเนิดเกิดใหม่ ถ้าทำชั่วมากเกิดใหม่ยิ่งร้ายกว่าเก่าอีก ถ้าทำดีแล้วเกิดใหม่ก็ยิ่งดีขึ้นไปโดยลำดับ เหมือนคนมีทุนมีรอนมีสมบัติ บ้านเรือนถูกพังทลายสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยความมีเงินมากให้ดีกว่าบ้านหลังเก่าก็ได้ ถ้าไม่มีเงินมีทองบ้านหลังเก่าถูกทำลายหลังใหม่ไม่มี แล้วก็อยู่อย่างหนึ่งก็กระต๊อบ อย่างหนึ่งก็ซุกหัวนอนอยู่ตามใต้พุ่มไม้ก็มี อย่างนี้ละอำนาจแห่งกรรมมันขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร
ให้พากันระมัดระวังให้สร้างแต่ความดีงาม อย่าลืมเนื้อลืมตัว การได้มามากน้อยให้มีการเก็บการรักษาสมบัติประเภทนี้จะแบ่งไปได้ส่วนใดบ้าง อันหนึ่งก็คือเพื่อการเจ็บไข้ได้ป่วย เจ็บหัวตัวร้อน ต้องอาศัยอันนี้เป็นเครื่องเยียวยารักษา การอยู่การกิน การหลับการนอนที่หลับที่นอนที่ขับที่ถ่ายอะไร ก็ต้องใช้จ่ายๆ เงิน เราต้องใช้อย่างประหยัดมัธยัสถ์ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว เหมือนหนึ่งว่าเราเป็นมหาเศรษฐีในโลกทั้งสามสู้เราไม่ได้ นั่นละจม คนๆ นั้นสร้างความล่มจมให้แก่เจ้าของ การจับจ่ายเป็นไฟเผาแหลกๆ ไปเลย ถ้าคนรู้เนื้อรู้ตัว การจับการจ่ายก็รู้จักประมาณ ทั้งเก็บทั้งรักษาให้อยู่ในขอบเขตแห่งความพอดี คนนั้นก็ดีไม่จนตรอกจนมุมนัก
ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ เราเกิดมากับพุทธศาสนาให้มี พุทโธ ธัมโม สังโฆ เหตุผลกลไกเพื่อรักษาตัวไม่มีติดตัวเลยนี้ เราจะหวังพึ่งอะไร ไม่มีที่พึ่ง ต้องมีการรักษาตัวเองด้วยเหตุด้วยผล อรรถธรรม จึงจะเป็นไปได้คนเรา มันจมได้ด้วยกันนั่นแหละ ถ้ามีเหตุให้พาจมไม่ฟื้น ถ้ามีเหตุให้พาฟื้น ฟื้นขึ้นเรื่อยๆ เหตุดี ทำดีพากันจำเอา วันนี้ก็ได้มีโอกาสได้มาเยี่ยมพี่น้องทั้งหลาย เพื่อเทศนาว่าการนำสมบัติเงินทองข้าวของมีทองคำเป็นต้นเข้าสู่คลังหลวง และสมบัติทั้งหลายเหล่านี้เช่นเงินบาทนี้ เรานำออกไปช่วยทางอื่นเช่น โรงพยาบาล โรงร่ำโรงเรียน สถานที่ราชการต่างๆ ที่มีผู้มาติดต่อขอร้องความช่วยเหลือจากเรา เราก็แยกให้ๆ ตลอดมา
สำหรับเราเองเราไม่เอาอะไรบอกตรงๆ หลวงตานี้พอแล้วทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่จะเอาอีกแล้วในโลกทั้งสามนี้ พอ หัวใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วด้วยจิตตภาวนา การภาวนาก็ได้ทำมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่บวชได้ ๗ พรรษา พอ ๗ พรรษาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้แค่นั้น ก็ออกเข้าป่าเข้าเขา โรงงานใหญ่ก็คือหลวงปู่มั่น ท่านให้โอวาทแนะนำสั่งสอนมีแก่ใจเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ซัดกับกิเลสเรื่อยมา จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ กิเลสขาดสะบั้นไปจากหัวใจไม่มีสิ่งใดเหลือเลย คำว่าทุกข์ในหัวใจจึงไม่เคยมี ตั้งแต่วันกิเลสขาดลงไปจากใจ มีแต่บรมสุขเต็มหัวใจล้วนๆ นี่คือผลแห่งการปฏิบัติธรรม
เราได้ปฏิบัติมาเต็มที่แล้วในหัวใจของเราไม่เคยมีทุกข์แม้เม็ดหินเม็ดทราย มีก็มีแต่ส่วนร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัวตัวร้อนเหมือนโลกทั่วๆ ไป ซึ่งเป็นสมมุติเหมือนกัน มีเท่านั้น สำหรับใจไม่มีคำว่าทุกข์ ตั้งแต่กิเลสตัวเป็นเหตุให้สร้างกองทุกข์ขาดสะบั้นลงไปจากใจ ทุกข์จึงไม่มีในใจ มีแต่ความบริสุทธิ์และความเมตตาล้วนๆ ที่ดีดที่ดิ้นอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่ดีดดิ้นด้วยความโลภ ความอยากได้เป็นบ้ายศบ้าลาภนะ เราไม่มีอย่างนั้น ยศก็ไม่เอา ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่ายศแห่งธรรมยศแห่งพระ
คำว่าพระคำเดียวแปลว่าประเสริฐแล้ว หายศอะไรมาเพิ่มเข้าไปอีก ยศอะไรก็สู้ยศธรรมไม่ได้ ธรรมเต็มหัวใจแล้วหาอะไร ไม่จำเป็น นั่นละความพอแล้วด้วยธรรม จึงเป็นความเลิศเลอเต็มหัวใจ อย่างอื่นไม่พอ ได้อะไรมาหากมีส่วนบกพร่องแทรกเข้ามาอยู่นั้นละ ที่จะให้สมบูรณ์พูนผลไม่มีในโลกอันนี้ ถ้าธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันเต็มหัวใจแล้วนั้นละเต็ม ที่นี่ธรรมเต็มดวง ใจเต็มกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วนี่ละสมบูรณ์แบบ พอแล้วๆ
นี่ก็แสดงให้พี่น้องทั้งหลายตามที่เราตะเกียกตะกายมาตั้งแต่วันบวช และปฏิบัติมาฟาดกับกิเลสตัณหาทั้งหลายให้ขาดสะบั้นลงไปจากหัวใจ โล่งแจ้ง เหมือนว่าโลกธาตุนี้ว่างไปหมดเลยไม่มีกิเลสตัวใดเข้ามาแทรกภายในจิตใจ เพราะฉะนั้นการสอนโลกเราจึงสอนด้วยความเมตตาล้วนๆ ใครจะมาโจมตีแบบไหนๆ อย่างที่เขาโจมตีหลวงตาบัวเมื่อเร็วๆ นี้ เขาจะได้มาเป็นผู้ทงผู้แทน เขาจะเป็นผู้แทนมาเหยียบหัวธรรม เหยียบหัวหลวงตาบัว หลวงตาบัวเป็นตัวเสนียดจัญไรที่สุดเขาว่างั้น ว่าตัวเสนียด ตัวปลิ้นปล้อนหลอกลวงก็คือหลวงตาบัว แต่ตัวมันไม่เห็น มันว่าเฉยๆ มันกลัวปากแตก ถ้ามาพูดอยู่ใกล้ๆ หลวงตาบัวนี้ฟาดปากมันปากแตกเลย แต่นี้มันไปแล้วเราก็เห่าตามหลังมันไป
มันว่าเราปลิ้นปล้อนหลอกลวง เราปลิ้นปล้อนหลอกลวงอะไร เราอุตส่าห์พยายามหาสมบัติเงินทองเฉพาะอย่างยิ่งทองคำ ได้เข้าสู่คลังหลวงแล้วจากเราพาพี่น้องทั้งหลายขวนขวายหาเข้าสู่คลังหลวงของเรา ได้ทองคำ ๑๑,๖๐๐ เท่าไรกิโล นี่เข้าแล้ว สง่างามอยู่ในคลังหลวง ถ้าว่าดอลลาร์ก็ได้ ๑๐ ล้านกว่า และเงินไทยทั้งหมดที่ได้มาเหล่านี้เรากระจายออกช่วยชาติบ้านเมืองทั่วประเทศไทย ไม่มีภาคนั้นภาคนี้ อันดับหนึ่งคือช่วยโรงพยาบาล โรงพยาบาลนี้มากทีเดียว พิสดารมากด้วย เครื่องไม้เครื่องมือทุกสิ่งทุกอย่าง หลายแง่หลายทางที่จะต้องช่วย อันนี้ช่วยมาก จากนั้นก็โรงร่ำโรงเรียน และที่ราชการต่างๆ สมบัติเงินทองได้มาเหล่านี้เราไม่เอา เราไม่ยุ่ง
เราพอแล้วภายในหัวใจของเรา ตายลงไปนี้เราก็ได้บอกได้เขียนพินัยกรรมไว้เรียบร้อย เราเองเป็นผู้เขียน เขียนพินัยกรรม ติดต่อนักกฎหมายเข้ามาเขียนพินัยกรรมสำหรับเราเวลาตาย ให้นักกฎหมายเข้ามาแต่งสำนวนให้ถูกต้องตามกฎหมายว่า เวลาเราตายนี้ บรรดาพี่น้องทั้งหลายจะนำทรัพย์สมบัติเงินทองข้าวของมาช่วยในงานตายของเรา หลวงตาบัวนี้ตายแล้วเน่าเฟะ ศพนั้นเน่าเฟะอยู่ในโลง โลงคนตายนั้นแหละ แต่สมบัติเงินทองเขาเอามานั้นจะจัดการให้กรรมการทั้งหลายเก็บรักษาไว้หมด เงินจำนวนเหล่านั้น เมื่อได้พอแล้วก็ให้เอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมด ส่วนเราเองจะเผาด้วยไฟเท่านั้น
ใครอย่ามาทำหรูหราฟู่ฟ่าในโลงผีตายนี้ให้แก่เรา เราไม่เอา เราเอาเท่านั้นแหละ นี่เราเขียนประกาศไว้แล้วเป็นพินัยกรรมอย่างดี เราพูดอย่างไรเป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่ก็บอกว่าเงินที่เขาจะมาเผาศพเรานี้จะมีไม่น้อย จะมีมากอยู่ เงินจำนวนนี้ละตั้งกรรมการขึ้นเก็บรักษาเรียบร้อยแล้ว เอาซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงให้หมด สำหรับเราจะเผาด้วยไฟไปเลย ไปอย่างหายห่วง ไม่มีที่จะเยื่อใยกับสิ่งใด หัวใจนี้มันห่วงมันหวง มันหึงมันหวงนี้ก็มีกิเลสเท่านั้นพาหึงหวง กิเลสขาดสะบั้นไปแล้วไม่หวงอะไรเลย มีแต่ธรรมชาติที่เลิศเลอ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้ว เลิศเลอสุดยอด เป็นตายสักแต่ว่าเท่านั้นแหละ ธรรมธาตุนั้นไม่มีคำว่าเป็นว่าตาย
นั่นละสมบัติที่ได้มาจากการบำเพ็ญคือธรรมธาตุ เต็มหัวใจแล้วพอใจ อยู่ก็อยู่ได้ ไปก็ไปได้ ไม่เคยวิตกวิจารณ์กับเรื่องการเป็นการตาย เอ้าเวลามีชีวิตอยู่มันเจ็บไข้ได้ป่วยควรจะรักษากันตามเรื่องของโลกสมมุติ เอ้ารักษากันไป เมื่อรักษาไม่ได้ปล่อยเลยทิ้งปั๊วะไปเลย ห่วงมันอะไรประสากระดูก แน่ะ ก็มีเท่านั้น เมื่อความดีทั้งหลายได้เต็มหัวใจเราแล้ว อันนี้ก็เป็นกากบ้านกากเมืองกากสมมุติไปเท่านั้นไม่เป็นประโยชน์อะไร ส่วนประโยชน์ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วเป็นธรรมธาตุ นั้นแลเป็นสมบัติอันล้นค่าของผู้บำเพ็ญได้ ขอให้ทุกๆ ท่านได้นำไปปฏิบัติ
อย่าเข้าใจว่าบุญบาปเป็นของว่างเปล่าจากโลก บุญและบาป นรกสวรรค์ พรหมโลกนิพพานนี้ไม่ได้ห่างจากโลก ไม่ได้ห่างจากตัวของเรา ถ้าเราสร้างบาปเป็นบาปทันที บาปกับทางนรกมันเป็นสายเกี่ยวโยงกันตลอด บุญกับทางสวรรค์ พรหมโลก นิพพานเป็นสายเกี่ยวโยงกัน ให้สร้างแต่คุณงามความดี ตายแล้วอย่างน้อยได้มาเกิดเป็นมนุษย์ก็ยังดี อย่างที่เราเห็นกันอยู่นี้ ถ้ามากกว่านั้นก็ขึ้นเทวบุตรเทวดา อินทร์พรหมถึงนิพพาน เพราะอำนาจแห่งการสร้างความดี
การสร้างความดีนี่ว่าสร้างยากๆ ผู้ไม่อยากสร้างความดีมันสร้างยาก แต่ผู้อยากสร้างความดีสร้างได้ง่ายนิดเดียวๆ พอได้มาปั๊บได้สมบัติอะไรมาก็ตาม มันคิดถึงพระก่อนละ ผู้มีใจเป็นบุญเป็นกุศล ใจรักใคร่ต่ออรรถต่อธรรม พอได้อะไรมาเป็นของดิบของดีแทนที่จะคิดถึงปากถึงท้องตัวเองไม่คิด คิดถึงพระเจ้าพระสงฆ์ครูบาอาจารย์ก่อนอื่น แล้วก็คัดเลือกอะไรดีๆ เอาไปให้ทานทั้งหมด เจ้าของกินเศษกินเดนอะไรก็ได้ แต่ของเลิศเลอเอาไปถวายพระ กลับมาเป็นของเลิศเลอในหัวใจของตัวเอง นี่ละให้พากันจำเอา
การทำบุญให้ทานส่งไปข้างนอกกลับเข้ามาหาตัวเองอย่างนี้แหละ ผู้ที่มีใจบุญใจกุศลพอได้อะไรมาคิดถึงพระก่อนๆ แล้วก็คัดเลือกอะไรดีๆ แล้วก็ไปถวายพระ เจ้าของกินเศษกินเดนอะไรก็พอใจ ขอให้ได้ทำความดีงามเช่นการให้ทานเป็นต้นอย่างสมใจก็พอใจแล้ว นักบุญเป็นอย่างนี้ ครั้นเวลาไปแล้วผลที่เอาไปนั้นที่เรารักสงวนมากๆ เอาไปทาน กลับมาเป็นสมบัติของเรา เป็นอาหารทิพย์หรือเป็นสมบัติทิพย์ ส่งตัวเองขึ้นไปจนถึงนิพพานก็เพราะจิตประเภทนี้ ถ้าจิตมีแต่ความตระหนี่ถี่เหนียวได้มาไม่อยากทำบุญให้ทาน จิตนี้จิตเพชฌฆาต มันฆ่าตัวเอง
ได้อะไรมาก็กลัวแต่จะไม่ได้กินๆ ตายแล้วจมไปเลยไม่เป็นท่า จำเอานะทุกท่านมีเท่าไร มีห้ามีสิบ เอ้าให้ทานลงไป กินลงไป ใช้ลงไป ตามความคิดอ่านไตร่ตรองเรียบร้อยแล้ว ว่าในสมบัติเหล่านี้เราจะคัดเลือกใช้อย่างไร กินอย่างไรให้พอเหมาะพอดี นี่ละเป็นผู้มีธรรม พากันจำเอานะ
โลกนี้เป็นโลกมีบาปมีบุญมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์ไหนๆ เราเกิดมาจากโลกไหนเราจะมาปฏิเสธว่าบาปบุญไม่มี นรกสวรรค์ไม่มี พรหมโลกนิพพานไม่มี เรามาจากโลกไหน พระพุทธเจ้าก็เกิดในโลกนี้ ไม่มีพระองค์ใดที่จะตรัสรู้ขึ้นมานี้ ไม่ต้องนับว่าล้านๆๆๆ ไปเลยทีเดียว สอนแบบเดียวกันหมดว่าบาปมีบุญมี นรกมีสวรรค์มี เพราะท่านรู้ท่านเห็นประจักษ์กับพระทัยท่านเรียบร้อยมาสอนด้วยความเป็นจริง แต่เราไม่เห็นตาบอดหูหนวกไปลบล้างบาปบุญนรกสวรรค์ได้อย่างไร มันไม่พิสดารมากไปเหรอ มนุษย์ลูกชาวพุทธของเราในเมืองไทยนี้น่ะ
พระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านมาประกาศตามหลักความจริงว่าบาปมีบุญมี นรกมีสวรรค์มี นิพพานมี ทุกพระองค์ไม่มีองค์ใดค้านกันเลยสอนแบบเดียวกันหมด เพราะรู้แจ้งเห็นจริงประจักษ์พระทัย แต่เราหูหนวกตาบอดเดินไปไหนชนดะๆ แล้วไปกล้าสามารถไปลบล้างบาปบุญ นรกสวรรค์ว่าไม่มี อันนี้จมตั้งแต่ยังไม่ตายนะ อย่าลืม ใครคิดอย่างนี้ให้รีบแก้ไขใหม่ ไม่แก้ไขใหม่จะจมทั้งเป็นเวลานี้นะ เอาละการเทศนาว่าการก็เห็นว่าสมควรแก่ธาตุแก่ขันธ์แก่กาลเวลา ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตาได้ที่
www.luangta.comหรือwww.luangta.or.th
สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|