เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
นิสัยวาสนาชอบความสมาน
ก่อนจังหัน
นี่เราว่าทำไมจึงได้ลงไปกรุงเทพวันที่ ๕ นะว่า แล้วทราบแล้วเมื่อเช้านี้ พวกที่เขานิมนต์มานี้ นิมนต์เทศน์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ ๖ นั่น เอ๊ะ ทำไมไปวันที่ ๕ ไงนะ วันที่ ๖ เขามานี้ถึงรู้ แน่ะอย่างนั้นแหละ พระมาฉันเท่าไรวันนี้ (๒๓ ครับผม) พระ ๒๓ พระมาฉัน ๒๓ องค์ ท่านทั้งหลายจงฟังพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมจึงได้เป็นศาสดาเอก สอนโลกทั้งสามขึ้นมา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมเพราะปฏิบัติธรรม ผลที่ได้ที่ได้ตรัสรู้สิ่งที่เป็นภัยภายในพระทัยคือใจ ขาดสะบั้นไปหมด นำธรรมที่ชุ่มเย็นแก่โลกทั้งสามนี้มาสอนโลกทั้งสามนั้นแหละ นี่คือธรรม ใครอย่าเหยียบย่ำทำลายไป คือเหยียบย่ำตัวเอง ล่มจมทั้งนั้น ใครส่งเสริมธรรมผู้นั้นจะเจริญ คือส่งเสริมตัวเอง ธรรมอยู่กับตัวของเรา ธรรมอยู่กับใจของเรา อย่าฟุ้มเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว มันจะจ่มกันทั้งประเทศนะประเทศไทยเราน่ะ
นี่ก็จะอะไรกำลังจะดิ้นเป็นบ้าเข้ามาเป็นนายกอีกนี่ มันจะมาเผาบ้านเผาเมืองอีกแล้วน่ะ ไอ้ทักษิณนี้เป็นลูกศิษย์ของเรา เรายกเราอุ้มมันขึ้นเพื่ออุ้มชาติบ้านเมือง มันแล้วไปกลืนชาติบ้านเมือง เราตำหนิเลยละ นี่ฟังว่ามันบืนจะเข้ามาเป็นนายกอะไร นี่นายกนาแย๊กอะไรก็ไม่รู้นะ มันจะมาขยี้ขยำบ้านเมืองของเรา นี่ละธรรมไม่มีคำว่าคำกลัวต่อผู้ใด เอาความเป็นจริงออกพูดเลย บ้านเมืองถ้าบกพร่องธรรมแล้ว ถ้าบกพร่องมากเท่าไรก็ยิ่งเสียหายมากนะ ธรรมเป็นของสำคัญมาก จอมปราชญ์ทั้งหลายเทิดทูนมากี่กัปกี่กัลป์ ไม่มีจอมปราชญ์พระองค์ใดที่จะเหยียบย่ำทำลายธรรม เพราะท่านเป็นจอมปราชญ์ เพราะท่านปฏิบัติตามธรรม
เราก็ขอให้มองดูธรรม อย่ามองดูตั้งแต่กิเลสคือส้วมคือถานคือฟืนคือไฟ มันเผาไหม้หัวใจพวกเราที่ส่งเสริมมันนั้นแหละ ไม่ได้ไปเผาผู้ใดที่ไหนนะ ว่าเจริญๆ มันมีแต่กิเลสหลอกหัวใจว่าเจริญ แต่ก็กิเลสนั้นละที่ล่มจมลงไปเพราะใจนั้นแหละล่มจมลงไป เพราะทุกข์กิเลสเหยียบย่ำทำลาย ขอให้พากันคิดกันอ่านนะ ใครเก่งกว่าธรรมคนนั้นจมๆ ธรรมนี้เหนือโลกมาตลอด ท่านจึงเรียกว่าโลกุตรธรรม แปลว่าธรรมเหนือโลก ไม่ได้ยินว่าธรรมต่ำกว่าโลกนะ โลกคือโลกกิเลสตัณหา โลกฟืนโลกไฟ โลกส้วมโลกถาน ทำความเดือดร้อนเสียหายแก่สัตว์โลกทั้งหลาย เพราะฉะนั้นจึงต้องเอาธรรมซึ่งเป็นน้ำดับไฟ หรือน้ำชะล้าง เอามาชะล้างเอามาดับไฟให้พออยู่พอเป็นพอไปนะ
ถ้าไม่มีธรรมแล้วจม ใครอย่าอวดเก่งกว่าธรรมนะ เรื่องกิเลสต้องอวดเก่งกว่าธรรมเสมอ มันเป็นคู่แข่งของธรรม ต้องเหยียบย่ำทำลายธรรม ก็คือเหยียบย่ำทำลายตัวเองและส่วนรวมนั้นแล ไม่มีคำว่าเจริญ ธรรมนี้เป็นธรรมยังสัตว์ทั้งหลายให้มีความเจริญรุ่งเรืองนะ ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ อย่าเหลวไหล เวลานี้ธรรมะห่างจากจิตใจชาวพุทธเรามากไปทุกวันๆ แล้วชาวพุทธก็ใกล้ชิดติดพันกับความล่มจมเข้าไปทุกวันเหมือนกัน ให้พากันดูหัวใจตัวเอง หัวใจตัวเองมันจะมีกิเลสมากน้อย นั่นละคือฟืนคือไฟอยู่ที่นั่น เผาตัวเองและเผาส่วนรวม ถ้ามีธรรมแล้วก็จะเป็นน้ำดับไฟชุ่มเย็นไปตามๆ กัน ธรรมะนี้เป็นเครื่องระงับดับทุกข์ของโลกมาแสนกัปแสนกัลป์แล้วนะ แล้วในขณะเดียวกันก็คือกิเลสเป็นเครื่องทรมานสังหารโลกมานานเหมือนกัน
ให้รีบแยกรีบแยะภายในจิตใจของเรา ไม่ดีที่ตรงไหนอย่าเสียดาย อย่าหึงอย่าหวงให้ปัดออก เสียดายก็เสียดายฟืนไฟมาเผาตัวเองและส่วนรวมนั้นละ ธรรมเท่านั้นที่จะทำโลกให้เจริญรุ่งเรือง ไอ้กิเลสไม่เคยได้ยินว่าทำให้โลกเจริญรุ่งเรือง มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาโลก เจริญไปด้วยฟืนด้วยไฟเผาหัวใจโลกให้เดือนร้อนวุ่นวายไปทั่วดินแดนนั่นละ พากันมาวัดมาวาก็ให้ฟังธรรมต่างคนต่างนำไปปฏิบัติ อย่าดีดดิ้นกับกิเลสจนเกินเนื้อเกินตัว ผู้เสียหายก็คือเรา ผู้หลงให้มันจูงจมูกนั้นแหละ ให้เอาธรรมจูงจมูกกิเลสซิ นี่มีแต่กิเลสจูงเราจมูกเรา มองดูที่ไหนมันมีแต่กิเลสจูงจมูกๆ ไม่มีธรรมจูงบ้างเลยนะ เอาเท่านั้นละ ทีนี้จะให้พร
เทศน์วันละเล็กละน้อยให้ท่านทั้งหลายได้นำไปประพฤติปฏิบัตินะ อย่าห่างเหินจากธรรม ในครอบครัวผัวเมียก็เหมือนกัน ถ้าห่างเหินจากธรรมครอบครัวผัวเมียที่ว่าเป็นคู่รักคู่พึ่งเป็นพึ่งตาย นั่นละคือคู่หมากัดกัน ถ้าห่างเหินจากธรรมแล้วผัวเมียแท้ๆได้กันมาจาก ได้ด้วยความรัก ก็นั้นละกัดกันก็คือผัวเมียเพราะห่างเหินจากธรรม และไม่มีธรรมในใจ ใครก็จะเอาแต่ใจตัวเองๆ ตามใจตัวเอง ไม่ยอมรับผิดจากกันและกันอยู่กันไม่ได้ อย่างน้อยทะเลาะกัน มากกว่านั้นแตกจากกันนะ เอาธรรมเข้าไป ใครผิดยอมรับว่าผิด ใครถูกยอมรับว่าถูก อยู่ด้วยกันได้ตลอดไป ถ้าผิดไม่ยอมรับผิด มีแต่ว่าตัวถูกโดยถ่ายเดียวๆ นั่นละแตก อย่างน้อยทะเลาะกันก่อนแตก ถ้ายังไม่ลงกันแล้วก็แตก ต้องเอาธรรมเข้าสมาน ยอมฟังเสียงธรรม
หอันนี้เราเอาธรรมมาสอนเรา ก็เป็นคติได้ดีนะ จะนำมาเป็นคติให้พี่น้องทั้งหลายนะ เราเป็นบ้าวันนั้นน่ะ ทำธุระอะไรอยู่กุฏิ แต่ก่อนไม่ใช่หลังนี้นะ หลังกระต๋อบนะ ทำอะไรจะเขียนหนังหรืออะไรไม่รู้ ลืมเวลา มองดูนาฬิกา โธ่ ตายนี่ว่า คือนึกว่ามันเลยเวลาไปแล้ว คือตามธรรมดาทำข้อวัตรปฏิบัตินี้ใครจะเร็วกว่าเรา เป็นหัวหน้าวัดรวดเร็วทุกสิ่งทุกอย่าง คือเรานำหน้าตลอด นี่ตอนยังหนุ่มนะ ข้อวัตรปฏิบัติเราเหมือนเป็นบ๋อยของวัดนี้เลย เป็นบ๋อยกลางวัดเป็นบ๋อยกลางเรือนนะ คือต้องนำหน้าตลอดๆ มันหากเป็นของมัน ไม่ตั้งใจแต่ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหนมันจะหมุนเข้าตรงนั้นๆ การดูแลหมู่เพื่อนนี้ต้องสอดส่องหูดีตาดี จิตใจคิดอ่านทุกอย่างๆ เป็นผู้นำได้ดี นี่ก็เหมือนกัน จะทำอะไรอยู่ ดูนาฬิกาผิดไป โดดออกมาปัดกวาด นั่นเห็นไหมปัดกวาดเราลงก่อนเพื่อน ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มเป็นน้อยนะ
ไม่ได้พูดปัจจุบันนี้ นี่มีแต่กิน กินก่อนเพื่อนอันนี้น่ะ เข้าใจไหม เวลานี้เป็นเวลากินก่อนเพื่อน พระท่านไปบิณฑบาตหากินอยู่ในบ้านในเมืองยังไม่กลับมา ทางนี้มานั่งปั๊บใส่ปั๊บๆๆ แล้ว พอพระกลับมาที่ไหนอิ่มแล้ว มันดีแต่อย่างนั้นเดี๋ยวนี้ ต้องยกให้ฟังทุกสิ่งทุกอย่าง ทีนี้ก็คว้าได้ไม้ตาดละลง นึกว่าผิดเวลาเลยเวลาไปแล้ว กวาดตาดตั้งแต่บริเวณกุฏิเรา กระต๊อบอยู่ข้างใน ออกมาข้างนอกนี้เงียบเลย ตามธรรมดาพอเราปัดกวาดออกมาข้างนอก พระเณรจะเต็มหมดละบริเวณนี้ คือท่านกวาดจากที่ของท่านๆ แต่ละแห่งๆ ออกมารวมกันเป็นจุดรวมคือศาลา ทุกวันมาพอเราออกมานี้จะเห็นพระเณรเต็มละ ท่านกวาดออกมารวมกันที่ศาลา วันนั้นออกมาเงียบเลยนะ
มีเณรหนึ่งมันอยู่ใต้ถุนศาลารักษาศาลา เณรๆ ว่า เอาใหญ่นะ เอาใหญ่จริงๆ เหมือนจะกัดจะฉีกจะลาบจะก้อยเดี๋ยวนั้นเลยเชียวนะ มันเป็นยังไงพระมันตายหมดทั้งวัดแล้วเหรอว่า ถึงเวลาปัดกวาดทำไมไม่เห็นปัดกวาด ก็ปฏิบัติมาอย่างนี้ตั้งแต่สร้างวัดสร้างวา แล้ววันนี้มันเป็นยังไงพระเณรไม่มีเลย มันตายกันหมดแล้วเหรอ ใครจะไป กุสลาใคร นี่ละคำพูดเข้าใจไหม เด็ดนี่คือเด็ดธรรมเข้าใจไหม ไม่ใช่เด็ดโหดร้ายทารุณกัดฉีกกันนะ นี่ละเด็ดธรรมเพื่อให้ผู้ฟังตื่นเนื้อตื่นตัวเข้าใจไหมละ แล้วนาฬิกามันได้เท่าไหร่เณร เณรก็เณร ไอ้บักทิดหรวดเรานี่ละ เนี่ยบักทิดหรวดเนี่ย มันเป็นเณรมันเป็นลูกพระละ เนี่ยบักทิดหรวดอยู่นี้นะ จรวด ชื่อมันจรวด
นี่ก็มันทำไมไม่เห็นใครปัดกวาดเณร นี่ยังไม่แล้วนะเนี่ยกลางคืนจะประชุม จะถูกขนาบถูกไล่ไปไหนไม่รู้ละนะ นั่นจริงจังขนาดนั้นนะ เข้าใจว่าเจ้าของถูก พองเข้าใจไหม หา เณร เวลามันได้เท่าไหร่นี่ เวลาได้ ๓ โมง ๒๐ นาที คือตามปรกติบ่าย ๔ โมงปัดกวาดเข้าใจไหม แต่นั้นเราหลงบ้าเราไป พึ่งบ่าย ๓ โมง ๒๐ นาที เป็นบ้ากวาดตาดออกมาแล้ว มาขนาบพระเรา ใครจะกุสลาใครมันตายกันทั้งวัดแล้วนี่นะ หือ นาฬิกาได้เท่าไร พึ่ง ๓ โมง ๒๐ นาที เหอ ขึ้นอีกนะ นาฬิกาพึ่ง ๓ โมง ๒๐ นาที หยุดๆ ขึ้น ฟังซิน่ะ หยุดๆ พระนี้มันจะเป็นบ้ากันหมดละนะ ว่าพระตายหมด พระจะเป็นบ้ากันหมด เราเป็นบ้าคนเดียว นั่นเห็นไหม เราจะไปแก้บ้าเรา ปั๊บๆ เดินกลับคืน นี่เราไปแก้บ้าเรา มันไม่ทราบว่าแก้ได้หรือไม่ได้
นี่พูดถึงความเป็นธรรมเข้าใจไหม แผดทีเดียวกับพระกับเณร ยังไม่แล้วนะนั่น กลางคืนจะประชุม ใครควรอยู่ควรไปจะถูกขนาบเพราะขัดจากธรรมผิดศีลธรรม ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด พอว่าเราเป็นคนผิด หยุดๆ ทันที เราจะไปแก้บ้าเรา เราก็เดินกึ๊กๆ เณรมันคงจะหัวเราะ อย่างนั้นละเป็นไฟไปเลยนะ พอเจ้าของผิดเท่านั้นก็บอกว่า จะไปแก้บ้า ฐานให้อภัยนะ ว่าไปแก้บ้าเฉยๆ ไม่ถูกไล่ออกจากวัด จากความเป็นสมภาร เข้าใจไหม พระท่านยังให้อภัย ท่านไม่ได้ขับประชุมขับไล่เราออกจากสมภารไป นี่เพียงแต่ว่าให้ไปแก้บ้า นี่เป็นธรรมเข้าใจไหม เรื่องธรรมไม่เข้าใครออกใคร เจ้าของผิดบอกผิดทันที ถ้าถูกก็บอกถูก พูดตามอรรถตามธรรมต้องตรงไปตรงมานั้นนะ นี่เราพูดถึงเรื่องธรรม ไม่ไว้หน้าใคร ตัวเองก็ไม่ไว้หน้า พอว่าเราผิดเท่านั้นนะ หยุดๆๆ เราจะไปแก้บ้าเรา แก้เอาธรรมมาแก้บ้า อย่างอื่นแก้ไม่ตกนะต้องเอาธรรมมาแก้บ้า
พากันฟังซิพี่น้องทั้งหลาย นี่ละความเป็นธรรม เรานี่เป็นผู้ใหญ่ในวัดนี้ เจ้าของทำผิด สำคัญผิด นาฬิกาพึ่งได้ ๓ โมง ๒๐ ตามธรรมดา ๔ โมงปัดกวาด วันนั้น ๓ โมง ๒๐ นาทีโดดออกมาแล้ว ปัดกวาดกุฏิเจ้าของเสร็จออกมาแล้วออกมาหน้าศาลา น่าจะเห็นพระเต็มอยู่ในนั้นไม่มีเลย ไล่เบี้ยเณร เวลาเณรบอกว่าพึ่งบ่าย ๓ โมง ๒๐ นาที หือ ขึ้นอีกละ บอกบ่าย ๓ โมง ๒๐ นาที หยุดๆ ขึ้นทันที นั่นเป็นอย่างนั้นนะ หยุดๆ คือหยุดปัดกวาดนั่นละ เราจะไปแก้บ้าเรา เดินกึ๊กๆ เลยนี่แก้บ้าเจ้าของ ยังเรียกได้ให้อภัยไม่ได้ถูกขับสมภารวัดออกจากวัดนะ พระท่านก็ยังให้อภัย เราก็พอใจกับท่าน เข้าใจไหม นี่ละพูดมีอะไร มันยังเป็นยังงั้น คำพูดนี่ฟังซิน่ะ เอาละให้พร
หลังจังหัน
นี่ที่หาสมบัติเข้าคลังหลวงเรา เวลานี้ได้ทองคำตั้ง ๑๑,๖๑๒ ช่วยชาติคราวนี้ได้ทองคำเข้าคลังหลวงตั้ง ๑๑,๖๑๒ กิโล เรามีแต่ขนเข้าๆ นะ เพราะงั้นใครจึงมายุ่งคลังหลวงไม่ได้เกิดเรื่องกับหลวงตาทันที เอ้อ มีเรื่องอยู่เรื่อยนะคลังหลวงนั้น เพราะเรื่องหลวงตาเข้าไปอยู่ในนั้น ไอ้พวกนี้มันเคยอีลุ่ยฉุยแฉก มันจะไปเอาสุ่มสุ่มห้า ผู้รักษานั้นมีอยู่ ผู้รักษานั้นเกี่ยวกับเรารู้เรื่องของเราทุกอย่าง ว่าเอาอะไรๆ เข้าไปเท่าไรๆ นั่นละทีนี้เขาก็ส่งข่าวมาหาเราแหละ ว่าเรื่องเป็นอย่างนั้นๆ เราก็เขกเข้าไปเลย ไม่ให้ แน่ะ เข้าใจไหมละ ก็เราเอาเข้านี้มันจะเอาออกไปไหนนี่น่ะว่า
ในคลังหลวงเราก็ได้เข้าไปเกี่ยวข้องนะ ไม่เกี่ยวไม่ได้ นี่คลังหลวงของที่เราเข้าก็เยอะ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องได้เกี่ยวข้อง เขาต้องมาปรึกษาหารือเรา ความหมายว่างั้นละ ปรึกษาหารือเรา เราให้ความเห็นออกไป บางทีเขาที่ว่าจะทำอย่างนั้นแล้ว แต่มีผู้มาบอกเราห้ามไปทันทีเลย อย่างนี้ก็มีนะ เพราะการสั่งการเสียการอนุญาตหรือการคัดค้านต้านทานเราเอาธรรมออกพูดนี่นะ เราไม่ได้เอากิเลสตัณหาทิฐิมานะมาพูดนี่ เพราะงั้นผู้ฟังจึงควรฟังควรปฏิบัติตาม ที่ช่วยชาติคราวนี้ก็ได้ทองคำตั้งหมื่นกว่าแล้วนี่น่ะ ของง่ายเมื่อไร ทองคำเข้าคลังหลวงๆ เราพยายามไขว่คว้าหาทุกแห่งทุกหนที่สมบัติอันมีค่าๆ ที่จะเข้าสู่คลังหลวงซึ่งเป็นหัวใจของประเทศไทยเรา เราพยายามเสมอเอาเข้าๆ
ส่วนดอลลาร์นี้ไม่ได้มากนะ ดอลลาร์ได้เพียง ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่า อันนี้หมายถึงเข้าคลังหลวงแล้วนะนี่ ไม่แยกไปไหนได้เลยละ เอาเข้า ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่าดอลลาร์ ส่วนทองคำเข้า ดอลลาร์มันยังมีแยกมีแยะได้ตามเหตุผลของเราที่เพื่อประโยชน์แก่ชาติ ว่าสมควรยังไงต่อยังไง ควรเข้าหรือไม่ควรเข้า มันควรเข้าเอาไปไหน นั่น เอาไปทำประโยชน์ทางนั้นๆ เพื่อชาติ แน่ะ บางทีเราก็แยก บางทีเราไม่เข้า สำหรับดอลลาร์นะ ส่วนทองคำนี้เรียกว่าร้อยทั้งร้อยเลย เข้าตลอด แยกแยะไปไหนไม่ได้ทองคำเข้าเลย ดอลลาร์มีแยกมีแยะ แต่ก่อนมีเข้า นี้เวลามาจำเป็นเข้าอีกก็เลยต้องแยกดอลลาร์ออกมาช่วยเงินไทยเพื่อช่วยโลก แน่ะ ก็ต้องออกไปอย่างนั้น
เราได้พยายามที่สุดละ เพื่อพี่น้องชาวไทยเรา ส่วนรวมนี้เรารักเราสงวนมากนะ ใครมาแตะไม่ได้ง่ายๆ นะ ถ้าเป็นส่วนรวมเรารักเราสงวนมากทีเดียว การแยกการแยะ นี่เป็นการทำลาย เราไม่เห็นด้วย พอพูดอย่างนี้แล้วก็ทำให้ระลึกถึงเรื่องที่เราเคยปฏิบัติต่อส่วนรวม พระเจ้าพระสงฆ์มีความร้าวรานกัน หรืออะไร เกิดเรื่องเกิดราวอะไร ประชุมชำระอธิกรณ์ซึ่งกันและกันนี้มี โอ๋ย มากนะ เดชะนะละ พอเราเข้าตรงไหนสงบเงียบเรียบร้อยไปเลย ไม่เคยเหยียบหัวเราไปนะ คือเช่นอย่างเขานิมนต์เราไปเข้าประชุม มันลงกันไม่ได้เพราะเหตุผลกลไกอะไร ประชุมกันไม่ลงๆ เขานิมนต์เราเข้าไป พอเข้าไป ทีนี้ถามเหตุถามผลทุกสิ่งทุกอย่างแล้วนี้เราก็ออกชี้แจงละ อันนี้ก็เรียบร้อยไปทุกราย ไม่เคยข้ามเราไปเลย คือว่าเรื่องราวไม่เสร็จ เราเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวอันนี้ไม่เสร็จ เรื่องราวนั้นไปเหยียบหัวเราไปด้วยความเหลวไหลเหลวแหลกว่างั้นเถอะ ไม่มี พอเข้าตรงไหนเรียบเลยเรียบไปเลย
มันก็จะอาจจะเป็นเพราะนิสัยวาสนานี้ก็ได้ ซึ่งเป็นความติดในหัวใจเรานะ ความยุแหย่ก่อกวนที่ทำให้ร้าวรานหรือแตกร้าวนี้เราไม่มี หรือยุแหย่ก่อกวนให้คนนั้นคนนี้นั้นนี้แตกแยกจากกัน ให้เกิดความทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกัน เพราะความยุแหย่เราไม่มี มีแต่ประสานๆๆ ถ้าสมมุติว่าคนนั้นไม่ดีอย่างนั้นแล้วมาฟ้องเรา เอา คนนั้นๆ ไม่ดี ต่างคนต่างมาฟ้องร้องเราอย่างนี้ เราจับเหตุจับผลมาพินิจพิจารณา เสร็จแล้วก็ชี้แจงเหตุให้ทราบทั้งสองฝ่าย สุดท้ายก็สงบกันไปด้วยความยอมรับ แน่ะ มันมีแต่อย่างนั้น ที่จะไปให้ยุแหย่ให้แตกกันไปเลยอย่างนี้ไม่มี เราไม่เคย เขาทะเลาะกันเพื่อจะไกล่เกลี่ยให้เรียบร้อยกันไป แล้วไปแหย่ให้เขาไปแตกอย่างนี้มีนะ แต่เราไม่เคยมี
ทีนี้เรื่องราวอะไรก็ตามถ้าเราได้เข้าไปแล้วไม่เคยผ่านไปได้ละ เรียบร้อยไปเลย บางที่ประชุมกันถึงสองวันสามวัน ประชุมใหญ่โตนะ ไม่ใช่เล่นๆ นะ ซัดกันอยู่สองวันสามวันลงกันไม่ได้เลย เอาผู้ใหญ่เท่าไรๆ มาระงับพิจารณากัน เจ้าคณะภาคนู่นน่ะของเล่นเมื่อไรเอามาประชุม ลงกันไม่ได้ สุดท้ายเรื่องก็มาหาเรา ขอนิมนต์เราไปพิจารณาเรื่องนี้ ได้ประชุมกันมาเท่านั้นเท่านี้แล้วไม่สำเร็จ ขอนิมนต์ เรียกว่าไฟกำลังไหม้วัดวางั้นนะ ขอนิมนต์ไปดับหน่อย บอกว่าขอนิมนต์ไปดับด้วยว่าไม่ใช่หน่อยนะ ดับด้วย เราก็ไป ไปก็เอาจริงเอาจังนะ ไปก็ถามเหตุถามผลทั้งสองฝักสองฝ่าย ให้ได้เหตุได้ผลใจความมีแง่หนักเบาแค่ใดเราก็ประมวลเข้ามา มาพิจารณาแยกแยะๆ ชี้แจง ลง ยอมรับทั้งสองเลิกกันไปเลยด้วยความสงบ นั้นเป็นมีเรื่อยๆ ละ
อันนี้อาจจะเป็นนิสัยวาสนาอันหนึ่ง เพราะอันนี้เราเคยระงับเรื่องมากต่อมากนะ เรื่องใหญ่ๆ อย่างนี้ละ เข้าไปก็ไม่เคยข้ามหัวเราไป โดยเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเรื่องนี้ไม่สำเร็จข้ามหัวเราไปไม่เคยมี เรียบร้อยๆ ลง อันนี้ก็คงจะเป็นวาสนาอันหนึ่งเหมือนกันละนะ เพราะเรื่องยุแหย่ก่อกวนนี้เราไม่มี มีไม่ได้เลยนะ มีแต่เรื่องสมานๆๆ เข้าไป เรื่องราวใหญ่ๆ ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องสงบลงเรียบร้อยๆ ลงตลอดนั่นไม่เคยผ่าน ไม่เคยผ่านหัวเราไป โดยเรื่องนั้นไม่สำเร็จไม่ยอมรับเรานี้ไม่มี นี่ก็คงจะเป็นวาสนาอันหนึ่งเหมือนกันนะ บางทีประชุมกันตั้งสองวันสามวันลงกันไม่ได้เลยอย่างนี้ ตกลงก็มานิมนต์เราไปแน่ะ ไปก็ถามเหตุถามผลทั้งสองฝักสองฝ่ายทุกอย่าง แง่หนักแง่เบาผิดถูกประการใดเอาให้ฟัง
เวลาคณะนี้พูดให้พูดทางนี้ ทางนั้นให้หยุดหมดไม่ให้พูด แน่ะ ไปก็เอาอย่างนั้นเลยนะ เอา มีเหตุผลกลไกอะไรให้พูดมา เราจะฟังให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกอย่าง ทางหนึ่งไม่ให้ขัดแย้งกันนะบอก ให้นิ่งหมดบอก ทางนี้พูดเต็มเหนี่ยวแล้วก็ เอา เสร็จแล้วเหรอ เสร็จแล้ว เอา ทางนี้พูด ทางนี้พูดทางนั้นมายุ่งใม่ได้นะ เข้าใจไหม พอเสร็จแล้วก็เอาทั้งสองเรื่องเข้ามาประสานกัน ระงับดับลงได้ด้วยความลงใจทั้งสองฝ่าย แน่ะก็อย่างนั้นนะ อาจจะเป็นดีอันหนึ่ง จะเป็นนิสัยหรือวาสนาอันหนึ่งเหมือนกันนะ ระงับที่ไหนเรียบร้อยทุกอย่างเลย เพราะนิสัยเราชอบความสมาน ความแตกร้าวไม่ให้เรา เรียกว่ารังเกียจที่สุดเลย ความสมานนี้เป็นความสนิทติดใจของเราตลอดเวลา ตั้งแต่สิ่งที่ภาชนะมันร้าวรานตรงไหนควรเยียวยาๆ ซิ นั่น จะไปทุบมันเลยได้ยังไง ให้มาอันนี้กำลังร้าวอย่างนั้น นี้มาชำระอันนี้ให้หน่อยไม่เป็นท่า มีทางเหรอ ใช่ไหมเขาก็เรียกบ้าซิใช่ไหม
เรื่องบ้านี้คือพระเป็นบ้าพระสนิทกัน พูดถึงเรื่องนี้ไม่พ้นกับท่านอาจารย์หลุยนะ เรากับท่านอาจารย์หลุยนี้สนิทกันมากนะ เข้าไปเราเดินจงกรมอยู่ในป่า ฟังเสียงกุ๊บกั๊บๆ เข้าไป ไปถามหาเรา ไม่เห็นเราอยู่กุฏิ บอกอยู่ทางจงกรมแล้วก็เข้าไปเลย มืดๆ นะ เสียงกุ๊บกั๊บๆ เราก็วิตกถึงพ่อแม่ครูจารย์นะ เอ๊ะ ท่านไม่สบายหรือไงนะ นู่นนะ มีใครเข้ามาหาเรานี้ต้องมีเรื่องกับพ่อแม่ครูจารย์ นู่นน่ะนึก กุ๊บกั๊บๆ เข้าไป ใครมานี่เราว่างั้น มันอยู่มืดๆ ท่านก็รู้ทิศทางเสียงของเรา แล้วท่านก็บุกเข้าไปเลย บุกเข้าไปก็คว้าได้แขนจูงออกมา อย่างนั้นละพระสนิทกันเข้าใจไหมละ ท่านสนิทกันเคารพกัน สนิทกันแบบนั้น ไปก็คว้าแขนออกมา เอ้า จะเอาไปไหนเหรอ เอาไปฟังเทศน์ซี เอ้า เมื่อคืนนี้กระผมไปทำไมท่านอาจารย์ไม่ไป ก็นั่นละซิขึ้นอีก จึงมาเอาท่านมหาไป แล้วท่านอาจารย์เฉพาะท่านอาจารย์ไม่ได้หรือ อู๋ย ไม่ได้ ไปนี้เขกไล่ลงเลย นั่นท่านเมตตาแบบหนึ่งนะนั่นน่ะ คือคนแบบๆ
ลูกศิษย์ท่านเมตตาคนละแบบ อย่างท่านอาจารย์หลุยขึ้นไปหาท่านนี้เอาอย่างนั้นทั้งนั้นละ นี่เป็นนิสัยแบบนี้ ไม่ได้ว่าองค์นี้ผิดองค์นั้นพลาดอะไรนะ ท่านเมตตาของครูบาอาจารย์ท่านจะออกแบบไหนๆ เราคอยจับเอา เรานี้คอยจับเรื่อย ท่านอาจารย์หลุยกับพ่อแม่จารย์นี่ไม่ได้ละ ซัดกันเลย นั่นท่านก็เมตตาไปแบบหนึ่งนั่นน่ะ มันคนละแบบนะ ท่านอาจารย์เป็นแบบหนึ่ง องค์นี้เป็นแบบหนึ่ง องค์นั้นเป็นแบบหนึ่งนะ มีรู้สึกว่ามีเรียบๆ อยู่บ้างก็ เราไม่ได้ยกเรานะ ไม่เคยถูกขู่นะ เราไม่เคย ไปหาท่านไม่เคย ไปทีไรก็ได้ทีนั้นละ นอกนั้นถูกไล่ลงหลงทิศหลงทางไป ข้ามแม่น้ำโขงไม่ทัน เข้าใจไหม หลงทิศหลงทาง ข้ามแม่น้ำโขงไม่ถูก เข้าใจไหม ไปข้ามทะเลหลวงนู่น ข้ามน้ำแม่น้ำโขงมันแคบกว่าทะเลหลวงใช่ไหมละ ไปข้ามแม่น้ำโขงไม่ถูก ฟาดไปข้ามน้ำมหาสมุทร นี่เรียกว่าความสนิทกันเป็นอย่างนั้นละ..
พอดีแหละ จับออกมาเลย จะไปไหน ไปฟังเทศน์ละซิ ดึงไม่ถอยนะ จูงมาเลย ออกมาจนกระทั่งถึงมาทางที่โล่งๆ ถึงปล่อยมือเราก็คุยกันไป เป็นอย่างนั้นละท่านอาจารย์หลุย นิสัยท่านกับเราถูกกันมากอย่างนั้นละ พระสนิทกันสนิทอย่างนั้นดูซิ ไม่ผิด แน่ะเป็นอย่างนั้นละ ไปแล้ว ใครมานี่น่ะ รู้ทิศทางของเราเสียงของเราออกมาจากทางนั้นนะ ผมเองว่างั้นนะ ปุ๊บปั๊บเข้าไปเลย เข้าไปแล้วคว้าแขนเลย ออกมาเลย เดินจงกรมอยู่นะ คว้าแขนแล้วดึงมา เดี๋ยวๆ เอาไปไหน ก็บอกว่าไปหาครูจารย์ เอ้า ครูจารย์ไปไม่ได้หรือ ไปคนเดียวไม่ได้ โอ๋ย ไม่ได้ถูกเขก นั่นท่านก็แบบหนึ่ง พ่อแม่ครูจารย์มั่นกับท่านอาจารย์หลุยเมตตาไปแบบหนึ่ง นั่นละคนละแบบๆ นะ ไม่มีใครผิดใครถูกละ ความเมตตาของท่านจะออกแบบไหนแล้วแต่ท่านจะออกมา นิสัยพ่อแม่ครูจารย์เป็นอย่างนั้นนะ นั่นก็ท่านเมตตาไปแบบหนึ่ง อย่างครูจารย์หลุยนี่น่ะเป็นเมตตาแบบหนึ่ง
เมื่อเช้านี้ลงตอนนั้นปรอทเราลืม ลืมดูปรอท หนาวอยู่นะ เมื่อเช้านี้หนาวอยู่ นั่น ๘โมงครึ่ง เราไปธุระทุกวันๆ หละ (เมื่อวานนี้ให้เครื่องมือตา โรงพยาบาลจังหวัดเลย มีเครื่องช่วยหายใจ ๑ เครื่องราคา ๙ แสน ๘ หมื่นบาท ๒ เครื่องตรวจตาลำแสงแคบ ราคา ๙ แสนบาท รวมให้ ๑ ล้าน ๘ แสน ๘ หมื่นบาท สรุปรวมให้เครื่องมือตา ๑๘ โรงพยาบาล รวม ๑๖๐ ล้าน ๕ แสนบาท)
(จดหมายนิมนต์ไปรับผ้าป่าสงเคราะห์โลกและให้โอวาทตามอัธยาศัย ที่โรงพยาบาลจังหวัดระยอง ในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๐ เวลา ๑๔ นาฬิกา ) แล้วค่อยพูดกันอีกที เท่านั้นหละ เอาละให้พรย่อๆ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|