เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
เรื่องธรรมใครคาดไม่ถึง
กล้วยไม้เห็นไหมนี่ เดินมา ได้ปลูกกุฏิให้หลังหนึ่ง มันไม่สะดวก อยู่กับหมู่กับเพื่อนด้วย ไม่สะดวกเฉพาะอย่างยิ่งการขับการถ่าย เราเลยปลูกกุฏิเล็กให้หลังหนึ่ง น่าจะเสร็จแล้วมั้ง เมื่อเช้าวานนี้เราเข้าไปดู ดูเหมือนค่อนข้างจะเสร็จแล้ว ปลูกกุฏิให้หลังหนึ่ง ข้างๆ ที่จะออกมาถนน แต่ห้ามไม่ให้มีประตู จากประตูหน้าตำหนักนู่น ไปทางนู้นที่เป็นสังกะสีแถวนี้ ไม่ให้มีประตู ก็คือให้ออกทางเดียวๆ ถ้ามีประตูนี้จะเป็นภัย เข้าออกได้ทุกแบบ จุ้นจ้าน เสียหายอย่างรวดเร็ว เลยห้ามเสียก่อน ไม่ให้มีประตูทางนั้น ให้ออกทางด้านนู้นทั้งหมดเลย น่าจะเสร็จแล้ว เมื่อวานนี้เราเข้าไปดูไม่เห็นมีคนทำงานเลย แสดงว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วแหละ นี่ละกล้วยไม้นี้อวัยวะไม่สมประกอบอะไร จึงได้อนุเคราะห์อย่างงั้นละ ปลูกกุฏิให้มีห้องน้ำห้องอะไรเสร็จเรียบร้อย แล้วไม่ให้สูง ไปถึงนั่งปั๊บได้เลย
ทางข้างในนี้กุฏิพระจะมีแต่กระต๊อบๆ นะ พวกหมอทางศิริราชเขามาเยี่ยมดูวัด เราให้พระพาไปดูเลย ดูให้ละเอียดเราบอกอย่างงี้นะ ให้ไปดู เอะใจไปเรื่อยๆ จนกระทั่งออกมา โอ๊ย ผิดคาดผิดหมาย วัดป่าบ้านตาดนี่นึกว่าอะไรจะหรูหราทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีที่ไหนจะเกินวัดป่าบ้านตาด เพราะมีชื่อเสียงโด่งดังมากว่างั้นนะ ครั้นเข้าไปแล้วดูกุฏิเท่ากำปั้น ผิดหวัง ไปหาปลูกหอปราสาทแข่งเมืองสวรรค์ไป เราว่างี้ละ นั่นละสมหวังละ ไป ไปหาที่สมหวังเราว่า พวกหมอศิริราช
นั่นละเรื่องของธรรมท่านเป็นอย่างงั้น ท่านไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมนะเรื่องธรรม เพราะฉะนั้นจึงสงบเย็นทุกอย่าง ท่านกะแต่พอดีๆ สัลเลขธรรม ๑๐ ข้อนี้ สำหรับพระผู้ปฏิบัติออกหน้าแหละ อัปปิจฉตา มักน้อย แน่ะ เหมือนท่านอาจารย์หลุย ไปหาซิลูกศิษย์หลวงปู่มั่นเราองค์ไหนจะเหมือนท่านอาจารย์หลุยไม่มี เรายกให้เลยเรื่องมักน้อย จนกระทั่งย่ามขาดหมดข้างนอกข้างใน มันมีสองชั้น เราไปจับย่าม จับทำไม ขึ้นทันทีเลย มันยังดีอยู่นี่ มันดีอะไรไม่ใช่คนตาบอดดู มันดีอยู่ข้างในคือชั้นในดีอยู่ ท่านพูดของท่านก็ถูก ไอ้เราไปจับก็ถูก ก็เราดูมันดูไม่ได้ดูข้างนอก อย่างนั้นละท่านใช้
มักน้อยที่สุดก็คือท่านอาจารย์หลุย บรรดาลูกศิษย์พ่อแม่ครูจารย์มั่นเด่นทางมักน้อย ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีคำว่าสดสวยงดงามอะไรเลย ผ้าก็เอาจีวรเก่าๆ มาอย่างงั้นละ ท่านมักน้อยมาก ในบรรดาลูกศิษย์พ่อแม่ครูจารย์มั่นเรานี้ท่านอาจารย์หลุยเป็นที่หนึ่ง ความมักน้อยนะ เห็นไหมล่ะอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุแล้ว นั่นละตีตราบอกแล้วนั่นคือพระอรหันต์ ถ้าลงอัฐิกลายเป็นพระธาตุแล้วประกาศป้างขึ้นมา ทางส่วนสกลกายภายนอกอย่างแจ้งชัด ภายในนั้นท่านรู้กันมาละ ในวงกรรมฐานรู้กัน องค์ไหนภูมิจิตภูมิธรรมอยู่ชั้นใดภูมิใดนี้รู้กันในวงกรรมฐาน ท่านพูดกันเรียกว่าธรรมะในครอบครัว ท่านพูดกันในวงปฏิบัติเงียบๆ รู้กันเงียบๆ อยู่งั้นละ ท่านไม่ฟู่ฟ่า ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่โอ้ไม่อวด
ท่านอาจารย์ฝั้นนี้ชุ่มเย็นมาก ท่านอาจารย์ฝั้นเป็นพระที่ชุ่มเย็นมากทีเดียว เป็นฝ่ายเรานะโจมตีท่าน ท่านไม่ว่าอะไรเราแหละ เห็นเรามานี้ ท่านกำลังแจกเหรียญอะไรให้เขาอยู่ พอเห็นเราไป หยุด จะพูดธรรมะ ปิดทันทีเลย ไม่ให้เราเห็นนะ จะถูกโจมตีใช่ไหมล่ะ แจกของขลังน่ะ ขลังตั้งแต่ภายนอกภายในไม่ได้ขลัง นั่น จะเอากันตรงนั้น ท่านเห็นเรา มีแต่เราละเป็นฝ่ายโจมตี ไปหาครูบาอาจารย์องค์ไหนก็เหมือนกัน เพราะเรามันนิสัยอย่างนี้ ว่ากล้าก็กล้าจริงๆ กล้าโดยอรรถโดยธรรม กลัวโดยอรรถโดยธรรมละเรา
บรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็มีแต่เราละเป็นฝ่ายโจมตี ค้านไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นท่านอาจารย์ฝั้นท่านกำลังแจกของขลังเหรียญอะไรๆ พอเห็นเราโผล่เข้ามานี้ หยุดๆ จะพูดธรรมะ หยุดทันทีเลย ปิดปุ๊บเลยทันที ไม่งั้นเอาจริงๆ นะนั่น นี่หรือของขลัง จะซัดกันเลยนะนั่น เห็นท่านเราก็ไม่ว่า แต่ท่านเป็นฝ่ายระวังเรา เราเป็นฝ่ายโจมตีท่าน กับเรานี้สนิทกันมากนะ ท่านอาจารย์ฝั้น ท่านกลัวเราก็จริงแต่กลัวเป็นธรรมนะ เพราะเราเอาจริงนี่ กำลังแจกของขลังอยู่ เหรียญนั้นเหรียญนี้ แจกนั้นแจกนี้ พอเห็นเราโผล่เข้าไป หยุดๆ จะพูดธรรมะ หยุดทันทีเลย ไม่ให้ออกเลย ไม่งั้นจะถูกโจมตี เราก็ไม่ว่าอะไร รู้แล้วว่าท่านระวัง ท่านอาจารย์ฝั้น
แต่กับเรานี่เป็นยังไงไม่รู้นะ เจดีย์ของท่านก็เรานั่นละสร้างให้ ๑๒ ล้านนะ เจดีย์ของท่านอาจารย์ฝั้น เราละเป็นคนสร้างให้ พอท่านมรณภาพก็ประกาศลั่นกันขึ้นเลยว่าจะสร้างเจดีย์ เราก็ประกาศทันทีเลยว่าสร้างก็สร้าง แต่อย่าให้เราเข้าไปเกี่ยวข้องนะ เราทำมีแต่ทำให้หลวงปู่มั่นเรียบร้อยแล้ว นี่เราแก่แล้ว เราไม่เป็นประธานละ เขามาให้เราไปเกี่ยวข้องก็คือเป็นประธาน เป็นประธานมันหนักมาก ไม่ใช่เล่นๆ ทีนี้ทำไงมันก็ไม่ขึ้นน่ะซี ฟาดเสีย ๓ ปี นู่นน่ะเห็นไหมล่ะ ประชุมกันแล้วประชุมกันเล่า ปีที่สามนี้มาประชุมกันมีคณะกรรมการมา ๕ คน หมดหวังละ
ก็ท่านสุวัจน์กับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจสกลนครมาเลย กับพวกญาติโยมผู้มีเกียรติแห่กันมาเลย ไปกุฏิเรา เพราะเราปัดแล้วตั้งแต่ต้น เราไม่เอา มาก็มาพูดเรื่องสุดๆ สิ้นๆ ให้ฟัง แล้วเราเคารพท่านอาจารย์ฝั้น เคารพมากนะ ทั้งรักทั้งเคารพ แต่โจมตีเป็นฝ่ายเรา รักและเคารพ ท่านก็ระวัง แต่ท่านก็เมตตาเรามากนะ ท่านอาจารย์ฝั้นน่ะ ท่านเมตตาเรามากอยู่ ทีนี้ถึงวาระนั้นสุดท้าย ๓ ปียังไม่ขึ้น มีคณะกรรมการมาประชุมเพียง ๕ คน เป็นอันว่าล้มเหลว ท่านสุวัจน์นั่นละเป็นหัวหน้า ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจพากันมา พวกประชาชนญาติโยมผู้มีเกียรติละมา แห่กันมา ก็มาพูดเรื่องความสุดๆ สิ้นๆ เรื่องเจดีย์ท่านอาจารย์ฝั้นให้ฟัง แล้วก็ไม่มีที่ไหน ก็มองเห็นแต่ท่านอาจารย์เท่านั้นละ ถ้าท่านอาจารย์หยุดเสียเลยอย่างเดียวแล้วก็เป็นอันว่าล้มไปเลย
ทีนี้ความเคารพท่านก็เต็มหัวใจเรา ท่านอาจารย์ฝั้นเราเคารพมากนะ แต่โจมตีเป็นฝ่ายเราโจมตีท่าน แล้วท่านก็เมตตาเรามากอยู่นะ แปลกอยู่ มาเล่าให้ฟังสุดสิ้นแล้ว ไม่มีทางแล้ว ตกลงเราก็เลยรับเป็นประธานให้ พอเรารับเท่านั้น ออกไปก็ไปประกาศกันลั่นเลย ขึ้นทันทีเลย เจดีย์ ๑๒ ล้านนะ เราหาเงินให้ทั้งหมดเลย เจดีย์ท่านอาจารย์ฝั้น ๑๒ ล้าน เราเป็นประธาน แล้วก็หาเงินให้ด้วย ๑๒ ล้าน พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เงิน ๑๒ ล้านเศษไปแปดแสน ยังเหลือแปดแสน แปดแสนนี่ก็มอบให้วัดอุดมสมพร วัดอุดมสมพรนี่รับเป็นรับตายอยู่นี้หมดละ บรรดาเรื่องของท่านอาจารย์ฝั้นจะอยู่ที่วัดอุดมสมพร อันนี้เงินมันเหลืออยู่สร้างเจดีย์แปดแสน มอบให้วัดอุดมสมพรเลย คณะกรรมการว่าไง พวกคณะกรรมการก็ยอมรับตามเรา ก็มอบเงินแปดแสนให้วัดอุดมสมพร ๑๒ ล้านเป็นเจดีย์ทั้งหมด แล้วก็เรียบร้อยมาเลยอย่างงั้นแหละ
ทีนี้เวลาท่านมรณภาพ ท่านเกี่ยวกับเราตั้งแต่วันท่านมรณภาพนะ ท่านอาจารย์ฝั้น รู้สึกเมตตามาเกี่ยวข้องกับเรา เราไปอยู่ที่วัดดงศรีชมภู คือเราจะออกเดินทาง อย่างพรุ่งนี้ละ กลางคืนนี่ท่านเสียแล้ว พอท่านเสียก็ฝนตกทั้งคืนละวันนั้น เราจะออกเดินทางไป ขัดข้องทั้งหมดเลย นี่อำนาจเมตตาธรรมของท่านมาเกี่ยวโยงกับเรา ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะออกเดินทางขัดไปหมดเลย จนกระทั่งเราได้ออกพูดเสียงลั่นโก้กขึ้นมาเลย วันนี้จะมีเหตุการณ์อะไรแน่นอนนะคอยดู สะเทือนใจมา ๓ หน นี้หนที่สาม ทีนี้พูดได้ละคอยดูก็แล้วกัน อะไรมันขัดไปหมดเลย เรื่องของเราที่จะกลับวัดอุดมสมพร
เริ่มแรกตั้งแต่ไปรถเขา มันพลิกตาลปัตรไปเลย จะว่าเป็นธรรมไม่เป็นธรรมก็ตาม แต่ความดลบันดาลจิตใจของท่านมาเกี่ยวกับเรา เราจะมาวันนั้นก็รถติดขัดไปหมดเลย รถที่จะไปรับเราไปไม่ได้ น้ำท่วมหมดตามทุ่งนา ตกลงเขาก็ต้องเดินทางไปเองไปหาเรา เดินทางไปจากบ้านนาขามไปวัด เดินทางไปเอง คือรถไปไม่ได้
นั่นก็ท่านทุยเป็นผู้จัดการให้เราทุกอย่าง ขัดไปหมดเลย มันแปลกอยู่นะ รถที่จะมารับท่านพลิกตาลปัตร ท่านทุยไปสั่งว่า รถที่จะมารับท่านอาจารย์วันนี้เป็นรถเก๋งนะ มานี้จะเข้าไม่ได้รถเก๋ง ข้ามทุ่งนาไม่ได้ ให้เอารถที่บ้านเราว่างั้นนะ ท่านไปบอกเองท่านทุย ที่บ้านเราคือบ้านโยมอุปัฏฐากท่าน มีรถอยู่สองคัน ให้เอารถที่บ้านเราไปรับท่านอาจารย์มาขึ้นรถเก๋งคันนี้กลับอุดรว่างั้นนะ ท่านทุยสั่งเรียบร้อยแล้ว พอรถมาก็พลิกตาลปัตร บอกว่ารถมานี้ให้รออยู่นี้ รถเก๋งมาก็ให้รออยู่นี้ ท่านจะเดินทางมาเอง ดูซิน่ะ
บ้านที่ท่านทุยไปสั่ง เขามีรถอยู่สองคัน ให้เอารถที่บ้านไปรับท่านอาจารย์มา เพราะรถนี่มันบุกน้ำได้ว่างั้นเถอะ ครั้นมานี้ก็บอกรถคันนี้ว่าท่านอาจารย์จะเดินทางมาเอง ดูซิน่ะเดินทางมาเอง แน่ะมันขัดขนาดไหน ตกลงก็เลยไม่ได้ จนสายคนขับรถเก๋งเขาก็เดินทางไปหาเรา เขาดูทางไป พอเล่าให้ฟังอย่างนั้นแล้ว อ้าว ทำไมเป็นอย่างนี้ ก็เราสั่งอย่างนั้นๆ ทำไมเป็นอย่างนี้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันมันหากเป็นอย่างนี้ ตายๆ ท่านทุยก็เดินจีวรปลิวมาเลยละ จะมาเอารถที่ท่านสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว มันไม่ได้อย่างนั้นซิ
ครั้นมาบ้านนี่แล้วรถในบ้านไม่มีสักคันเดียว จนกระทั่งบ่ายสองโมงรถจึงไปจากปากคาด รถสองแถวคันหนึ่ง มาก็ลากเอารถสองแถวไปรับเรา นี่ก็คิดดูซิ ตั้งบ่ายสองโมงแล้ว เราจะมาอุดรมาไม่ได้รถติดขัด ครั้นไม่ได้รถนี่แล้วท่านกลับไปอีก พอมาถึงบ้านนาขาม รอรถอีกตั้งบ่ายสองโมงไม่มีรถคันไหนเข้ามาเลย รถที่ว่าเหลวไปหมดเลยจะทำไง พอบ่ายสองโมงมีรถสองแถวคันหนึ่งเข้าไป แต่เข้าไปแล้วติดเครื่องยังไงก็ไม่ติด นั่นเห็นไหมล่ะ เห็นชัดเจนมาก เราเป็นคนนั่งรถอยู่ ติดเครื่องยังไงมันก็ไม่ติด ดับปุ๊บๆ อยู่อย่างนั้น มันสะเทือนใจเรื่อย ถึงหนที่สามเลยพูดป้างออกมา วันนี้จะมีเหตุการณ์นะ มีแน่ๆ กระเทือนใจถึงสามหนแล้ว คอยฟังก็แล้วกันนะวันนี้จะมีเหตุละ
รถนี่มันไปไม่ได้อย่างนี้ ขึ้นนั่งรถแล้วติดเครื่องไม่ติด พอดีท่านเอียนก็ไปจากอุดร ไปฉันจังหันบ้านตังล้ง ได้ทราบข่าวท่านอาจารย์ฝั้นมรณภาพจากนั้นท่านเอียนก็ไปหาเรา นี่ละรอข่าวท่านเอียนเอาข่าวท่านอาจารย์ฝั้นไปหาเรา เห็นไหมติดขัดตลอด พอเราพูดอย่างนั้นแล้วมันจะมีเหตุอะไรแน่นอนวันนี้คอยดูก็แล้วกัน พอท่านเอียนได้ข่าวนี้เรียบร้อยแล้วก็ไป เอาข่าวนี้ไปหาเรา เราต้องรอข่าวนี้ตลอด นั่นน่ะอำนาจท่านอาจารย์ฝั้นนะเกี่ยวกับเรา พูดง่ายๆ ว่าเกี่ยวกับเรา จะไม่ให้เรากลับอุดร จะให้ไปอุดมสมพรก่อนท่า
พอท่านเอียนไปจากอุดร ท่านลงรถปั๊บวิ่งมาหาเรา รถกำลังจะไปติดเครื่องไม่ได้อยู่นั่นละ พอท่านเอียนวิ่งมาปั๊บก็มากระซิบว่า ท่านอาจารย์ฝั้นเสียแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ดูว่า ๖ โมง ๕๐ นาที ท่านเสียแล้วเมื่อวานนี้ นี่ละเรื่องราว พอว่างั้น เออ เอาละเข้าใจ เอาไม่ต้องติดเครื่องก็ได้ที่นี่เราว่างั้นเลย เหยียบคันเร่งเลยเราบอก ก็มันมีเรื่องอันเดียวนี่เข้าใจไหม บอกว่าไม่ต้องติดเครื่องรถนี่น่ะ เหยียบคันเร่งไปเลย พอติดเครื่องปุ๊บผึงไปเลยจริงๆ ออกไปนี้ นู่นฟาดไปวัดอุดมสมพร แทนที่จะมาอุดรไม่มานะ ไปวัดอุดมสมพร ทางนู้นก็รอเราอยู่แล้วเอาอีกแหละ นั่นละเรื่องราวท่านอาจารย์ฝั้น พลิกตาลปัตรกับเรานะ เราเลยต้องไปวัดอุดมสมพร ทางโน้นก็รอเราอยู่แล้ว
ไปเราก็สั่งเสียเรื่องนั้นเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราถึงได้มาจากวัดอุดมสมพรตรงมาอุดรทีเดียว เราไปวัดหนองกอง จะไปทอดผ้าป่าไปไม่ได้ ท่านอาจารย์ฝั้นขวางตลอดเลย เราเลยว่าจะเกิดเหตุอะไรวันนี้คอยดูก็แล้วกัน เป็นจริงๆ พอทราบว่าท่านอาจารย์ฝั้นเสียแล้วเมื่อวานเวลาเท่านั้น เออ ไปได้ รถนี้ไม่ต้องติดเครื่อง เหยียบคันเร่งเลยคราวนี้ ไปได้เลย ติดเครื่องปึ๊งก็ไปเลย ก็เลยถาม รถนั้นมันเป็นยังไงแต่ก่อน ก็ดีๆ ธรรมดา แต่วันนี้เป็นอย่างนี้ นั่นละเรื่องราวท่านอาจารย์ฝั้นน่ะ
จึงได้ไปโน้นกลับมาจึงได้ไปหนองกอง จากนั้นแล้วก็เป็นภาระของเราทั้งหมดเลย สุดท้ายสร้างเจดีย์ขึ้นมาก็เป็นเราหาเงินให้ด้วย ๑๒ ล้าน เจดีย์ก็เราเป็นประธาน หาที่ไหนไม่ได้ๆ สุดท้ายมีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจและประชาชนชาวสกลนครแห่ไปหาเรา ไปพูดถึงเรื่องจะล้มเหลวเรื่องการสร้างเจดีย์ เราเคารพท่านมาก ตกลงเราก็เลยรับให้ พอรับให้ปั๊บก็ขึ้นเลยทันที เป็นอย่างนั้นละ เรื่องท่านอาจารย์ฝั้นเกี่ยวข้องกับเรานี้เกี่ยวจริงๆ เกี่ยวอย่างเห็นได้ชัดเลย
รถติดเครื่องจะติดไม่ติด อะไรมันก็ไม่ติด จนร้องโก้กขึ้นเลยมันจะมีเรื่องวันนี้คอยดู พอทราบข่าวท่านอาจารย์ฝั้น ท่านเอียนไปเล่าให้ฟังเท่านั้น เอ้า ทีนี้เหยียบคันเร่งเลยไม่ต้องติดเครื่อง ไปเลย เป็นอย่างนั้นนะ เรื่องธรรมใครคาดไม่ถึง อย่าไปคาดนะเรื่องธรรม ยกตัวอย่างท่านอาจารย์ฝั้นกับเรานี่แหละ คือท่านเกี่ยวข้องกับเรา ท่านเมตตาให้เราเป็นภาระ ความหมายว่างั้น พอทราบเรื่องของท่านแล้วก็เป็นเราทั้งหมด จนกระทั่งก่อเจดงเจดีย์ เราทำให้ท่านทั้งหมดเลย นี่พูดถึงเรื่องธรรมบันดาล ใครไปคาดไม่ได้นะคาดธรรม ยกตัวอย่างอย่างท่านอาจารย์ฝั้นเสียนี่ อำนาจธรรมของท่านอำนาจใจของท่านมาเกี่ยวข้องกับเรา บังคับไว้หมด ไปไม่ได้เลย
พอทราบเรื่องของท่านเท่านั้น เอ้าที่นี่ไม่ต้องติดเครื่อง เหยียบคันเร่งเลย ปึ๋งเลยไปเลย ก็อย่างนั้นแหละ มันไปไม่ได้ ติดแล้วมันดับๆ อยู่งั้น มันไปไม่ได้ พอทราบท่านอาจารย์ฝั้นเท่านั้นปั๊บ เอ้า เหยียบคันเร่งเลยที่นี่ไม่ต้องติดเครื่อง เราว่างั้น มันมีอันเดียวนี้ละที่เป็นเหตุ ที่เราบอกว่าวันนี้จะมีเหตุอะไรแน่นอนคอยฟังนะ มีแล้วนี่น่ะ ทราบแล้วที่นี่ เอ้าเหยียบคันเร่งเลยไม่ต้องติดเครื่อง พอติดเครื่องปึ๊งก็ไปเลย อย่างนั้นแหละอำนาจธรรมของท่าน
ท่านอาจารย์ฝั้นท่านมีนิสัยทางด้านจิตตานุภาพนะ อานุภาพของใจท่านเก่งมาก รถวิ่งไปนี้ให้หยุดหยุดเลย ไม่ให้ไปก็ไปไม่ได้แหละท่านอาจารย์ฝั้น กับท่านอาจารย์ลีพอๆ กันอำนาจของใจ ท่านอาจารย์ลี วัดอโศการามหนึ่ง ท่านอาจารย์ฝั้นหนึ่ง พอๆ กัน ท่านอาจารย์ลีก็เหมือนกัน แต่ทั้งสองนี้จะเมตตาเรามากทั้งสองนะ อย่างวัดอโศการามมีงานขึ้นสองอาทิตย์ยังไม่ถึงไหนเกิดเรื่องขึ้นแล้วในงานวัดอโศการาม นี่ก็ท่านพ่อลีละสั่งไปเลยว่า ให้มหาบัวไประงับเหตุในครัว ห้ามใครไปแทนเป็นอันขาด บอกให้ท่านอาจารย์เจี๊ยะไปหาเรา ให้เราไประงับเหตุการณ์ในครัว
เราบอกไปหาองค์อื่นไม่ได้หรือ ท่านห้ามเด็ดขาด ให้ท่านอาจารย์เท่านั้นไประงับเหตุการณ์ในครัว ตกลงเราก็เลยไป ครัวก็มีแต่เขาโค้งๆ พูดให้มันชัดๆ เสีย โอ้โหย ไม่ใช่เล่นๆ นะ นั่นก็เอาอีกแหละ เข้าไปก็ใส่เปรี้ยงเลยเทียว ในครัวเรียบวุธเลย เห็นโทษของตัวเองหมด ยอมรับตามเหตุผลของเราทุกอย่าง เรื่องก็ขึ้นเลย ท่านเลยขยายงานออกไปอีกเป็นสามอาทิตย์ ทีแรกสองอาทิตย์ เห็นว่าเรียบร้อยแล้วทุกอย่างก็ให้เลื่อนงานออกไปอีกเป็นสามอาทิตย์ แต่เราไปไหนไม่ได้นะ ท่านเห็นหน้าเราก็ว่า มหาบัวไปไหนไม่ได้นะ ท่านอาจารย์ลี เรามักจะเป็นอย่างนั้นละ ก็เดชะอยู่ไประงับที่ไหนเรียบทุกแห่ง ไม่เคยเหยียบหัวเราไปด้วยงานไม่สงบไม่เรียบร้อยไม่มี ไปทีไรก็เรียบร้อยทุกอย่าง อย่างวัดอโศการามก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อันนั้นก็เรียบไปเลย เป็นอย่างนั้น
หลวงปู่หลุยนี่ยกให้เป็นพระที่ปรารถนาน้อยที่สุด มีความมักน้อยมาก แต่กับเรานี่ก็คุ้นกันมาก อันนี้ก็แบบเดียวกัน ขบขันจะตายไป เราเดินจงกรมอยู่ในป่าลึกๆ หนองผือ ท่านไปหาเรา ไปหาที่กุฏิไม่เจอ ถามพระว่าท่านมหาไปไหน ท่านเดินจงกรมอยู่ในป่า ทางเข้าไปนี่ในป่า ท่านก็ไปเลยไปหาเรา นี่ละมันขบขัน ที่ว่าท่านสนิทกับเรามากนะ พอเข้าไปเสียงกุบกับๆ กลางคืน ก็ไม่มีไฟนี่ ไปก็โดนนั้นโดนนี้ไปเสียงกุบกับๆ เราก็เดินจงกรมไม่มีไฟอีกแหละเราก็ดี พอไปก็ประมาณต้นเสานี่ละ กุบกับๆ เข้าไป เราวิตกถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่นนะ เอ๊ พ่อแม่ครูจารย์เป็นอะไรน้า มีใครมาหาเราละนี่ เกี่ยวกับท่านแน่ๆ
พอไป เราก็เลยถามใครมานี่ ผมเองท่านว่า ท่านก็รู้ทิศทางของเราว่าอยู่ตรงไหนเข้าใจไหม กุบกับๆ เข้ามา ใครมานี่ ผมเอง ท่านว่าอย่างนั้นนะ พอท่านรู้ทิศทางแล้วท่านก็ตรงเข้ามาเลย มาก็คว้าแขนเรา จูงเลย ดึงจากนั้นมา เอ้า จะเอาไปไหนอีก ไปหาท่านอาจารย์ละซี ไปหาอะไร ไปฟังเทศน์ อ้าวเมื่อคืนนี้ผมก็ไป ทำไมท่านอาจารย์ไม่ไป เราว่า ก็นั่นนะซีขึ้นเลย ถ้าไปแต่ท่านไม่ได้ โอ๊ย ถูกเขกไล่ลงๆ เราไปท่านไม่ว่าอะไร ก็นิสัยต่างกัน นั่นท่านเมตตาแบบหนึ่งนะ
ท่านอาจารย์หลุยขึ้นไปนี่ มาอะไรหลุย ขึ้นเลยนะ ไล่ บางทีก็ไล่ลงไป ไปนะ ไล่ นี่คือเมตตาแบบหนึ่ง เข้าใจไหม ใช้ต่อลูกศิษย์นี่คนละแบบๆ ไม่ซ้ำกันนะ กับท่านอาจารย์หลุยนี้แบบนี้ กับท่านอาจารย์หลุยท่านใช้เมตตาแบบนั้น กับลูกศิษย์คนนี้ใช้เมตตาแบบนี้กับลูกศิษย์คนนี้ ไม่ได้ซ้ำกันนะพ่อแม่ครูจารย์มั่น เรื่องความมักน้อยนี่ยกให้ท่านอาจารย์หลุย ไม่มีใครสู้ มีอะไรๆ ไม่เอา ใช้ของใหม่ๆ ไม่ใช้ ใช้แต่ของเก่าๆ ทั้งนั้นละ นี่อัฐิของท่านก็กลายเป็นพระธาตุแล้วพูดถึงเรื่องความสนิทกัน ท่านสนิทมากกับเรา ท่านอาจารย์หลุย คิดดูซิเข้าไป ไปจับแขนจูงมาเลย มืดๆ นะ จูงมาจากทางจงกรมในป่า เอ้าจะเอาไปไหนนี่ ไปฟังเทศน์ละซี จูงไม่ถอยนะนั่น จูงมาเรื่อย บุกออกมาจากป่า จนกระทั่งมาถึงที่โล่งแจ้งถึงปล่อยมือ แล้วก็เดินไปด้วยกัน
เป็นอย่างนั้นละท่านอาจารย์หลุย ท่านนิสัยชอบพูดเล่น ไม่ถือเนื้อถือตัว การถือเนื้อถือตัว ไม่มี สำหรับท่านอาจารย์หลุย แต่ท่านมักน้อยมาก บรรดาลูกศิษย์หลวงปู่มั่นไม่มี มีท่านอาจารย์หลุยองค์เดียวเป็นผู้มักน้อยมากทีเดียว วันนี้หมดแล้ว จะเลิกและให้พร จะไปละสายแล้ว
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |