เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
สำคัญหลักใจ
จากนี้ไปถึงบ้านแพงราว ๒ ชั่วโมง ๒๓-๒๕ นาที เคยไปเคยมาที่ไหนมันก็จำได้หมดนั่นละ ไปบ้านแพงก็จะไปค้างที่บ้านแพงคืนนึง พอฉันเสร็จแล้วก็กลับ ถึงนี้ในราวบ่ายหรือเที่ยง อยู่ในย่านนี้แหละ เพราะเราเคยไปเคยมา มันจำเวลาได้หมดละ ส่วนมากนิสัยมักจะสังเกต ไปถึงที่ไหนๆ เวลาเท่าไรๆ กี่กิโล มักจำได้เสมอ แต่เดี๋ยวนี้จำไม่ได้นะ นิสัยสังเกตยังมีตามเดิม แต่ความจำไม่มี แต่ก่อนสังเกตด้วยจำได้ด้วย ไปที่ไหนๆ จำได้หมด ไปถึงเป็นระยะๆ เช่นอย่างกรุงเทพฯ ไปถึงสัตหีบ ๑๗๕ กิโล จากสัตหีบไประยอง ๒๒๒ กิโล จำได้แต่ก่อน เดี๋ยวนี้ไม่ได้นะ มันเป็นนิสัยของมัน ไปที่ไหนสังเกตๆ แยกเข้าสัตหีบไปทางระยองอะไรๆ แยกกิโลที่เท่าไรนี้มันจำได้นะ
เมื่อเช้าลงดูเหมือน ๑๗ หรือไง ปรอทลง ความหนาวลงดูเหมือน ๑๗ ที่กุฏิเรา เมื่อวาน ๑๗ ครึ่ง วันนี้ ๑๗ ลงมาเรื่อยๆ ละ สำหรับวัดป่าบ้านตาดนี้ลงสุดขีด ตั้งแต่เรามีปรอทแล้วมาสร้างวัดนี้ ลงต่ำสุด .๕ ปี ๒๕๑๖ ลงถึงจุดห้า ต้นไม้ในนี้ตายหมดนะ ไม่ถึงศูนย์ ถึงจุดห้า วันนี้ก็คงจะเอาผ้าห่มติดตัวไปด้วย ค้างบ้านแพงคืนนึง บ้านแพงเราก็สร้างให้หลายอย่างอยู่นะ (เมรุเผาศพ) เอ้อ เมรุเผาศพนี่ตั้งหกแสนเจ็ดแสนนะ กุฏิสมภาร ศาลาใหญ่ เขารับเครื่องมุง นอกนั้นเราเอาหมดเลย
ที่บ้านแพงตอนนั้นดูเป็นดงหมดนะ วัดบ้านแพงเป็นดงหมดเลยละแถวนั้น พ่อแม่ครูจารย์ไปพักที่นั่น คือเรามักไปเสมอ ถ้าพ่อแม่ครูจารย์ไปที่ไหนเรามักไป จากนั้นเข้าไปตลาดไกลเป็นดงทั้งหมด แล้วรอบๆ วัดนี้เป็นดงทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวนี้เป็นบ้านเป็นไร่เป็นนาไปหมดแล้ว บ้านติดกับวัดเลยเดี๋ยวนี้ แต่ก่อนอยู่กลางดงนะนั่น พ่อแม่ครูจารย์พักอยู่ที่นั่น ท่านเล่าให้ฟังเวลาท่านเทศน์ คือท่านไปอยู่สามผง ท่านกำลังเทศน์ ความรู้ของท่านนี่หยั่งไปนู้น พญานาคกับบริวารมาฟังเทศน์อยู่ที่ลำแม่น้ำสงคราม อยู่ลำแม่น้ำสงคราม พญานาคกับบริวารฟังเทศน์ ท่านเทศน์อยู่นี่ท่านมองไปเห็น พ่อแม่ครูจารย์มั่นท่านเล่าให้ฟัง พญานาคมาฟังเทศน์ว่างั้น อยู่แม่น้ำสงคราม
จากนั้นมาสามผงก็ดูไม่ไกลนัก ท่านไปอยู่สามผงหลายปี เป็นดงทั้งหมดเลยสามผง เราก็เคยไปพักที่นั่น ตั้งแต่เที่ยวเก่งๆ อยู่ ไปเที่ยวทางสามผง เข้าไปทางนู้นละจากบ้านนามน บ้านโคกนามน พ่อแม่ครูจารย์ไป ไปเที่ยวทางโน้น เข้าไปถึงสามผง ดงน้อย เป็นป่าเป็นดง แต่ก่อนเที่ยวเก่งนะ ตอนนั้นเที่ยวเก่ง แต่ไปแต่องค์เดียวนะ แปลกอยู่ ไปเที่ยวกรรมฐานไปแต่องค์เดียว นิสัยเป็นอย่างงั้นละ ถ้าไปสององค์มันเป็นน้ำไหลบ่า ไหลบ่าทางนี้ ถ้าสามองค์ไหลบ่าทางนี้ไม่เป็นท่า แน่ะ ถ้าองค์เดียวแล้วป่าช้าอยู่กับเราเท่านั้นพอ คำว่าป่าช้าอยู่กับเรามอบนี้หมดเลย เด็ดมันก็เด็ด เพราะฉะนั้นถึงไปแต่องค์เดียว เป็นนิสัยอย่างนี้ละ มันเด็ดจริงๆ นะ ว่าอะไรเป็นอันนั้นๆ ไปเลย ไม่มีวอกแวก เป็นน้ำไหลบ่า เอียงนู้นเอียงนี้ไม่เป็นละ นิสัยนี้ไม่เป็น พุ่งเลย ตรงไหนตรงนั้นเลย
ว่าไปไป ว่าอยู่อยู่ เป็นอย่างนั้น มันหากเป็นนิสัยมาตั้งแต่ฆราวาส พอบวชเป็นพระมาอ่านธรรมะนี้จึงรู้ว่า โอ้ นิสัยเรามีคำสัตย์คำจริงมาตั้งแต่เป็นฆราวาสแล้ว คือว่าอะไรเป็นอย่างนั้นแต่ก่อน เป็นฆราวาสเหมือนกัน ว่าไปไป ว่าอยู่อยู่ ว่าทำทำเลย ทีนี้เวลามาบวชเป็นพระมาอ่านธรรมะนี้มันจึงย้อนหลังทราบ โอ๊ นิสัยเรามีคำสัตย์คำจริงมาตั้งแต่เป็นฆราวาสโน่น มันจริงจังมาตั้งแต่โน้นละ
พอพูดอย่างนี้ก็ระลึกได้ มีเพื่อนของพ่อมาเล่าให้ฟัง เพื่อนของพ่อละชวนเรา เรามีหมาพรานเข้าล่าสัตว์ในป่าเก่ง มาชวนเราไป โอ้ ไปไม่ได้ละได้ลั่นคำว่าจะทำอันนั้นให้พ่อ วันพรุ่งนี้จะทำทั้งวันเลยจนเสร็จ ไม่ได้ไปแหละ ทีนี้เพื่อนของพ่อก็เป็นอันว่าไม่ได้ไป เลยดอดไปถามพ่อ ไหนไอ้บัวมันว่า เราชวนมันไปล่าสัตว์ในป่ามันบอกว่าไปไม่ได้ คือหมาเรามันหมาพราน มันไปไม่ได้วันนี้ มันได้ลั่นคำแล้วว่าจะทำอันนั้นๆ ให้พ่อ แล้วมันทำหรือเปล่าล่ะ ถามพ่อ โอ๋ย ไอ้นี่ถ้าลงมันได้ลั่นคำแล้วไม่ต้องบอก ถ้ามันเฉยแล้วอย่าไปใช้เลยไม่เป็นท่า ถ้าลงมันลั่นคำแล้วอะไรเป็นอันนั้นหมดละไอ้นี่น่ะ นี่มันทำแล้ว มันทำเรียบร้อยแล้ว อย่างนั้นละเราไม่ลืมนะ
พ่อละมายกยอว่า ไอ้นี่ถ้าลงมันได้ลั่นคำแล้วเรียบเลย ถ้ามันไม่พูดแล้วอย่าไปใช้มันเลย เฉย เหมือนหูหนวกตาบอด ถ้าลงมันได้ลั่นคำแล้ว เอาเลย นี่มันทำเรียบร้อยแล้ว อย่างนั้นละเราไม่ลืมนะ นี่คือคำสัตย์คำจริง ถ้าลงได้ลั่นคำแล้วเหมือนว่ามันเป็นไฟอยู่ในนี้ ไม่ได้ทำอยู่ไม่ได้ ต้องทำเสียก่อน ถ้าลงได้ลั่นคำแล้วขาดอยู่ในนี้เลย เป็นนิสัยแต่ฆราวาสมาก็เป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ได้ลั่นคำแล้วก็เตร็ดเตร่เร่ร่อนอะไรไปได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าลงลั่นคำแล้วลงช่องเดียวเลย ต้องไปต้องทำ เป็นอย่างนั้น
วันนี้ก็ต้องไปค้างบ้านแพงคืนหนึ่ง วันพรุ่งนี้กลับ วันนี้ไม่ได้อยู่ละ ฉันจังหันเสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปบ้านแพง ก็ราว ๒ ชั่วโมง ๒๔-๒๕ นาทีถึงบ้านแพง รถก็อืดอาดๆ แล้วไปหายุ่งกันนะรถน่ะ วิ่งตัดหน้าตัดหลังกัน อันหนึ่งมีธรรมมีวินัยติดอยู่กับหัวใจ อันหนึ่งมีแต่เตร็ดเตร่เร่ร่อนไม่มีหลักมีเกณฑ์ มันดีดมันดิ้นไปทางไหนมันก็รู้หมด อันหนึ่งตรงแน่วอยู่กับหลักธรรมหลักวินัยความสัตย์ความจริง ตรงแน่วๆๆ เลย อันนี้ไม่มีหลัก จิตใจไม่มีหลัก กิริยาแสดงออกก็ไม่มีหลัก อะไรถ้ามีหลักใจแล้วสำเร็จทั้งนั้น สำคัญหลักใจ ถ้าหลักใจไม่มีทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จ ไขว่คว้านั้นๆ นี้ๆ ไม่ได้เรื่อง ถ้ามีหลักใจแล้วทำอะไรพุ่งๆ ขาดไปเลยๆ หลักใจจึงเป็นของสำคัญ
วันนี้ก็ไปค้างบ้านแพงคืนนึง ไปโน้นก็ไปเทศน์ ค่ำวันนี้เต็มไปหมดละบ้านแพง ที่บ้านแพงพูดคนเต็มศาลาหัวเราะลั่นทั้งศาลาเลย เขาถามอะไรขึ้นมา มีผู้หญิงคนหนึ่งเขามีครอบครัวมาได้หลายปีแล้วไม่มีลูก เขาว่างั้น อ้าว เจ้าก็ตรวจดูผัวเจ้าซิมันมีอะไร หัวเราะลั่นเลย มาถามข้อยยังไงข้อยไม่ใช่ผัวเจ้านี่ เจ้าต้องถามผัวเจ้าซีมันขัดข้องตรงไหนถามซิ คนหัวเราะบนศาลานี้เสียงลั่นเลย ก็พอถามปั๊บตอบเลยทันที เหมือนว่าไม่ได้คิด ถามปั๊บมันก็รับกันปุ๊บๆ ใส่เปรี้ยงๆ เลย คนหัวเราะลั่นบนศาลา เราก็ไม่ลืมเพราะมันหัวเราะลั่นทั้งศาลา พอถามปั๊บปุ๊บออกเลย มันก็เสียงดังละซี ถามปั๊บ ปุ๊บออกรับกันมันก็เสียงดัง คนได้ยินกันทั้งศาลา ว่าไม่มีลูก ก็ถามดูซิผัวของเจ้ามันเป็นยังไงมันขัดข้องตรงไหน ขบขัน นั่นละคนเลยหัวเราะลั่น
คือธรรมดาพูดจริงๆ เราไม่มีอะไรกับใคร สามแดนโลกธาตุมันหมดเสียจริงๆ พอพูดปั๊บดับพร้อมไปเลย แต่พวกเขาไม่ได้ดับซิ ทั้งวันเขาจะเอาไปขยี้ขยำกันอยู่นั้นละ เอ๊ะ ทำไมท่านว่าอย่างนั้น ทำไมท่านว่าอย่างนี้ พวกบ้า เราพูดแล้วแล้วเลยเราไม่มีอะไรกับใคร เพราะฉะนั้นมันจึงพูดได้สะดวกสบาย พอปั๊บๆ ออกเลย หายเงียบไปเลย ทางนั้นเอากันแหลกไปเลย มาถามว่ามีผัวมาหลายปีแล้วยังไม่มีลูก เราก็ซัด ผัวของเจ้าเป็นยังไงเอามาตรวจตราดูซิ คนหัวเราะลั่น จะเอากันก็ตรวจตราเสียก่อนซิ นี่ที่คนหัวเราะนะ เราพอพูดแล้วแล้วเลย พูดธรรมดา ก็เราไม่มีอารมณ์กับอะไร พูดปั๊บหายเงียบไปเลยไม่มีอารมณ์ อันหนึ่งมันมีอยู่ มันเอาไปขยี้ขยำ วันนั้นคงจะทั้งวันละเพราะพูดขบขันนี่นะ พอถามปั๊บๆ ออกเลย คนหัวเราะกันทั้งศาลา เป็นอย่างนั้นละ ก็เราไม่มีอารมณ์ พูดอะไรก็แล้วไปเลย
นี่ละเข้าใจไหม จิตที่มันขาดเสียทุกสิ่งทุกอย่างแล้วมันไม่มีเงื่อนต่อ พูดอะไรไม่มีอารมณ์ จะพูดขนาดไหนๆ เหมือนกันหมด เป็นคำเหมาะสมๆ ในขณะที่พูด เสร็จแล้วผ่านเลยๆ ไม่มีอะไร แต่เขาไม่ผ่านละซี เขาเอามาอุ่นกินกันอยู่งั้นละ พอว่าอุ่นกินนี้ก็ เราคิดเห็นท่านเจ้าคุณอุดร วัดโพธิเรานี้ นิสัยดุใครไม่เป็น นิสัยเรียบ ดูว่ามีองค์นี้ละที่เด่นมากที่สุด ดุใครไม่เป็น นิสัยเรียบตลอด วันนั้นชำระอธิกรณ์กัน เราเป็นผู้ชำระ แต่ก็เดชะนะ ไปที่ไหนลงทั้งนั้นละถ้าเราลงได้เข้าชำระแล้ว เรียบยอมรับหมดเลย
อันนั้นก็ซัดกัน ประชุมกัน ๒ วันไม่เสร็จ วันที่ ๓ ท่านเจ้าคุณเลยเอาจดหมายน้อยให้เณรถือมาแค่นี้ แต่ก่อนไม่มีรถ ถ้าหน้าแล้งก็มีแต่ทราย เดินมานะ ถ้าหน้าฝนมีแต่ตมแต่โคลน วันนั้นเณรเอาจดหมายน้อยมาแค่นี้ เดินมานะไม่มีรถ ไม่มีทางรถมา มาเราก็อ่านดู ขอนิมนต์ท่านอาจารย์ไปดับไฟวัดโพธิให้ด้วย เวลานี้ไฟกำลังโหมลุกไหม้วัดโพธิจะหมดวัดแล้วแหละ ขอนิมนต์ท่านอาจารย์ไปดับไฟวัดโพธิให้ด้วย เวลานี้ไฟกำลังโหมวัดโพธิ ไฟไหม้วัดโพธิแหลกหมดแล้วแหละว่างั้น พอเสร็จแล้วเราก็ เราไม่สบายอยู่แต่เราก็ไป เพราะฟังว่าประชุมกันอยู่ ๒ วันไม่เสร็จ เราก็เลยไป พอไปก็เอากันเลย เราไม่ลืม ๔๕ นาที ใส่เปรี้ยงๆ ดักนั้นดักนี้ซัดนั้นซัดนี้ สุดท้ายยอมหมดเลย
ฝ่ายอธิกรณ์เรียกว่าฝ่ายข้าศึกก็มีผู้ว่าเป็นผู้นำมา ทางฝ่ายวัดก็ทั้งวัด เอากันเสีย ๒ วันไม่ลง เจ้าคณะภาคที่ไหนมาประชุมก็ไม่ลงกัน นั่นละจึงได้เขียนจดหมายน้อยมาหาเรา ไปก็ซัดกันเลย ๔๕ นาที เอาเปรี้ยงๆ ยอมรับหมดเลย เป็นอันว่าหาที่ค้านไม่ได้แล้ว ยอมรับกันทั้งวัด ทั้งสองฝ่ายยอมรับด้วยเหตุผล นั่นเห็นไหมล่ะ พอเสร็จแล้วเราก็เหนื่อย ๔๕ นาทีประชุมกัน มัดเข้าๆ สุดท้ายสู้ทางนี้ไม่ได้ยอมรับ พอยอมรับเราก็เหนื่อยเราก็แผ่สองสลึงนอน พวกพระก็มานวดเส้นให้
ทีนี้ท่านเจ้าคุณอุดร นิสัยเรียบนะ ดุใครไม่เป็น พอนั่งอย่างนี้ เงียบๆ ละ พระเณรนวดเส้น ถ้าอยากเห็นฤทธิ์อาจารย์ของเราให้มาดูเวลาขึ้นเวทีว่างั้นนะ ถ้าอยากเห็นฤทธิ์เดชอาจารย์ของเราให้มาดูเวลาขึ้นเวทีว่างั้น มันอะไรกันก็ไม่รู้นี่ก็ดี เราก็ทำท่าขู่ เพราะนิสัยดุใครไม่เป็น เราทำท่าขู่ มันอะไรไม่รู้แหละ ของมันเสร็จสิ้นไปแล้วกินจนบูดจนเสียแล้วมันมาอุ่นกินอะไรกันอีกนี่น่ะ เราทำท่าอย่างนี้นะ พูดเรียบๆ นะ อุ่นกินทั้งวันมันก็น่ากิน เพราะกินเมื่อไรก็ดีทุกทีๆ ไม่มีท้องเสีย ไม่บูดไม่เสีย พูดอย่างสบายนะ
เราทดลองดู เราทำท่าขู่นะ เพราะเรารู้นิสัยอยู่แล้ว จะออกแบบไหน ก็ออกแบบเก่า แบบเฉยสบาย โอ๋ย นี่ก็แบบเก่า ชอบกลนะ กินทั้งวันก็ไม่มีเสียไม่มีบูด กินได้ทั้งนั้น ขบขันดีเจ้าคุณอุดร ดุใครไม่เป็นละองค์นี้ก็ดี ส่วนเรานี้ถ้าไม่ได้ดุไม่ได้นะ ต้องสะพายยาทันใจไปเต็มย่ามนั่นละเข้าใจไหม ไปที่ไหนถ้าไม่ได้ดุแล้วปวดหัว ต้องกินยาทันใจ ยาทันใจหมดย่ามแล้วเอาละวันนั้นสบาย เป็นอย่างนั้นละ นิสัยมันต่างกัน เท่านั้นละ อันนี้ไม่มีอะไรละ เสร็จแล้วก็จะไป
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|