ยอมรับจอมปราชญ์
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 เวลา 8:10 น. ความยาว 26 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐

ยอมรับจอมปราชญ์

ก่อนจังหัน

         พระเท่าไรวันนี้ (๒๗ ครับผม) พระทั้งหมดดูเหมือน ๕๗ หรือไง เดี๋ยวนี้เราก็ปล่อยให้พระไปเที่ยว ส่วนมากไปทางภาคเหนือ เราเห็นด้วยๆ เราบอก ถ้าไปทางภาคเหนือไปเถอะเพราะเราเคยไปมาแล้ว ภาคเหนือดี ภูเขาที่สงัดวิเวกมีเยอะ ที่อื่นๆ หายากอยู่นะ ทางเชียงใหม่เยอะ ทางภาคเหนือดี เมื่อวานดูไม่ได้ไปไหน  วานซืนวันยุ่ง วันที่ ๑๘ ยุ่งมากกฐินวัดโพธิ ๑๙ ดูไม่มีอะไรก็มีแต่เราไปส่งของตามโรงพยาบาล ให้พร

หลังจังหัน

ระยะนี้กำลังทอดกฐิน เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์นี้เต็มไปหมดแต่กฐิน นอกจากนั้นก็มี วันธรรมดาก็มี จวนจะสิ้นฤดูกฐินยิ่งเร่งละ วันนี้ขึ้นกี่ค่ำ (๑๑ ค่ำ เจ้าค่ะ) นั่นน่ะจวนแล้ว ยังอีก ๔ วันก็สิ้นฤดูทอดกฐิน กรรมฐานเรามีที่ไหนตกค้างบ้างกฐินน่ะ ไม่มีใครไปทอดกฐินเลยวัดกรรมฐานเรามีวัดไหนบ้างทราบไหม (ไม่มีหรอกค่ะ) คือถ้าไม่มีกฐินก็เอาผ้าป่าใส่ปุ๊บเข้าไป ผ้าป่าใหญ่กว่ากฐิน พระพุทธเจ้าขึ้นผ้าป่าก่อนรับกฐิน ปํสุกูลจีวรํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา นั่นขึ้นแล้ว บังสุกุลเป็นอันดับแรก

กฐินนี้พระที่มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า มาจากเมืองอะไรเราลืมชื่อแล้ว มาเข้าเฝ้าไม่ได้ มาตามทางฝนตกเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าไม่ได้ นั่นละเป็นเหตุ พระองค์เลยทรงอนุญาตผ่อนผันให้มีกฐิน เรื่องราวมัน แต่ก่อนไม่มี วัดกรรมฐานแถวๆ นี้ไม่มีใครไปทอดผ้าป่าหรืออะไรให้มีหรือเปล่า (ไม่มีเจ้าค่ะ) ถ้าไม่มีจริงๆ เราจัดการปุ๊บปั๊บเลย คือมวยนี้ไม่ได้ยกครูนะ ต่อยเลย ชนะไปเลย ถ้าไม่ชนะตกเวทีก็ไปเลย ไม่ยกครู

วัดแถวนี้ที่ว่างอยู่ไม่มีใครไปทอดบังสุกุลให้พระกรรมฐานมีไหม (ไม่มีค่ะ ทอดหมดแล้ว ภูหินร้อยก้อนก็ทอดไปแล้ว ) ภูหินร้อยก้อนแต่ก่อนเป็นดงใหญ่ เป็นภูเขาเป็นดงใหญ่ เดี๋ยวนี้เขาถากเขาถาง ปลูกอะไรต่ออะไร แล้วมีวัดอยู่แถวนั้น เรียกว่าภูหินร้อยก้อน อยู่กลางภูเขาในป่า แต่ก่อนเป็นดงเป็นภูเขาเป็นที่อยู่ของเนื้อของสัตว์เต็มไปหมด พวกช้าง กระทิง วัวแดง หมูกวาง สัตว์ป่าเต็มในดงนี้แหละ ดงที่ว่านี่

นี่ยังเหลืออีก ๔ วันกฐินนะ ส่วนบังสุกุลผ้าป่านี้มีได้ตลอดไป ส่วนกฐินมีกำหนดถึงวันเพ็ญเดือน ๑๒ ก็สิ้นเขตกฐิน ส่วนผ้าป่าบังสุกุลนี้มีได้ตลอดเลย แต่ไหนแต่ไรมีตลอดไปเลย

พอพูดถึงเรื่องผ้า เขาไปทอดผ้าป่าถวายพ่อแม่ครูจารย์มั่น ไปบังสุกุล เขาบังสุกุลแต่ละครั้งๆ นี้ไม่น้อยนะ ประชาชนญาติโยมมาจากที่ต่างๆ ไปทอดผ้าป่า บังสุกุลถวายท่านที่วัดหนองผือ ก็ไม่พ้นเราเป็นผู้รับภาระอยู่โดยดี เขามาถวายผ้าป่าเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านก็โยนตูมให้เรา เออ ท่านมหาดูแลนะ องค์ไหนๆ อดอยากขาดแคลนตรงไหนให้ท่านมหาดูแลนะ เท่านั้นท่านไปแล้วหายเงียบเลย ก็เป็นเรื่องเราคอยดูแลพระเณร บกพร่องตรงไหนๆ องค์ไหนบกพร่องอะไรๆ เราจะต้องจัดให้เรียบร้อย อย่างนั้นเป็นประจำนะถ้าเราอยู่นั่น

ครั้นเวลาเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านกะประมาณว่า ไทยทานที่เขามาถวายเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว ท่านถามเรื่องสิ่งเหล่านี้แหละ ถามแล้วก็ย้อนเข้ามาหาเรา ท่านไม่ถามต่อหน้าเรา จอมปราชญ์นี่วะ อะไรๆ ท่านจะถามลับหลังเงียบๆ นะ แล้วท่านมหาได้อะไรไหมล่ะ พระว่า ท่านไม่เอาอะไร ท่านก็นิ่งไป ถามหลายครั้งต่อหลายครั้ง ท่านมหาท่านก็เป็นคน บทเวลาท่านจะเอานะ พวกเราเป็นคนหรือเป็นหมา เข้าแล้วนะนั่นน่ะบทเวลาท่านจะเอา ท่านมหาท่านก็เป็นคน ฟังทีไรๆ มีแต่ท่านไม่เอาๆ ท่านมหาท่านเป็นคน เราเป็นหมาเหรอ นั่น เอาละนะ

ทีหลังมานี้พอเขามาทอดผ้าป่า เราไม่อยู่ ท่านให้ขนเข้าไปในห้องท่านหมดเลยนะ ห้องท่านเต็มเลยเทียวนะผ้าป่า ท่านทำอย่างนั้นละทำกับเรา เพราะเราไม่เอาอะไรๆ  แต่ท่านไม่ได้ถามถึงเรื่องข้อวัตรปฏิบัติประจำตัวเรา เรามีผ้าสามผืนเท่านั้นเป็นประจำนะ เราไม่เอา มีอะไรเราก็ไม่เอา เพราะเรามีธุดงค์ข้อนี้ประจำตัวเรา เราก็ไม่บอกใครให้ทราบ แล้วท่านก็ถามอยู่เรื่อยอย่างนั้น สุดท้ายก็ขนเข้าไปในห้องท่านเต็มหมดเลย นี่ให้ท่านมหามาเสียก่อน ให้ท่านมหามาเลือกแล้วจะไปไหนค่อยไปท่านว่า ขนเข้าไปนั้นหมดเลยนะที่นี่ นั่น บทเวลาท่านจะเป็นอย่างนั้นละ ไม่ให้เอาไปไหน เขามาทอดผ้าป่า ขนเข้าในห้องท่านเต็มหมดเลยจริงๆ นะ

พอเราเที่ยวกลับมาแล้ว เอา เลือกเอาผ้า สั่งให้พระโกยออกมาเต็มหน้ากุฏิ เอา เลือกเอาจะเอาผืนไหน โอ๊ย กระผมไม่เอา เราก็ไม่ได้บอกว่าเราใช้ผ้าสามผืน จีวร สบง ผ้าสังฆาฏิ แล้วก็ผ้าอาบน้ำเท่านั้น นี่เป็นปรกติของเรา เราใช้เท่านั้น ท่านให้เราเลือกเอา เราไม่เอาเราพอ เรามีพออยู่แล้ว แต่เราไม่ได้บอกว่าเราต้องการผ้าเพียงสามผืนเราไม่เคยบอก เราพอแล้วเราว่า ทีนี้ท่านก็โละเลย โละๆ โละเลย อย่างนั้นละท่านทำกับเรา ท่านจะสอดแทรกถามทีหลัง เพราะเราเป็นผู้จัดอะไรต่ออะไร พอเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านถามพระเณร ท่านมหาจัดเรียบร้อยแล้วหรือ จัดเรียบร้อยแล้ว แล้วท่านมหาได้อะไรบ้าง ท่านไม่เอา ท่านก็นิ่งไป

หลายครั้งหลายหนก็ซัดละซิ สุดท้ายขนไปไว้ในห้องท่านเต็มหมดเลยนะ เราไปก็ขนออกมาให้เราเลือกเอา เราก็ไม่เอาสักผืน เอา โละ แล้วก็โละเลย เป็นอย่างนั้นท่านทำกับเรา ก็เราไม่เอา แต่ไม่ได้บอกท่านนะ คือเราก็มีธุดงค์ของเรา มีผ้าสามผืนเป็นธุดงค์กับผ้าอาบน้ำเท่านั้นละ สบง จีวร สังฆาฏิ แล้วสี่กับผ้าอาบน้ำเท่านั้น เท่านั้นละไม่เอาอะไร แต่ไหนแต่ไรมา ถือเป็นประจำ แต่เราไม่บอกท่านนะ นั่นละจอมปราชญ์ท่านดูทั้งหมดนะ ดูทั้งเราด้วยดูทั้งหมู่เพื่อนด้วย เราปฏิบัติรอบคอบขอบชิดหรือโง่เขลาขนาดไหนท่านก็จะดูในขณะเดียวกันๆ พระเณรท่านก็ดูในขณะเดียวกัน เป็นอย่างนั้นจอมปราชญ์ดูคน

เรานี้ไม่เอา แม้แต่ผ้าห่มเราก็ไม่เคย ไม่เคยห่มผ้าห่มนะ มีเท่านี้ละ มีจีวร สังฆาฏิ พับใส่กันห่มเท่านั้น ให้เท่านั้น หนาวขนาดไหนก็ให้เท่านั้น อยู่ในวัดก็เหมือนกัน ออกนอกวัดก็แบบเดียวกัน ไม่เคยมีผ้าห่ม เราไม่เอา คือดัดเจ้าของ สุดท้ายท่านก็เอาผ้าห่มท่านไปบังสุกุลให้เรา ผ้าห่มท่านห่มทุกวันนะ ถ้าเอาผ้าใหม่ก็ไม่อดอีกอยู่ที่ไหนในวัด ท่านก็กลัวว่าเราจะไม่เอา เพราะถ้าเอาก็เอาแล้วนี่ผ้าเต็มวัด ท่านเลยเอาผ้าห่มของท่านไปบังสุกุลให้เรา สุดท้ายเราก็ความเคารพ จอมปราชญ์กับจอมโง่ เราก็ต้องยอมรับจอมปราชญ์ เราก็ห่มให้ เวลาอยู่ในนั้นห่มให้ ออกไปปล่อยเลย ไปเลย เป็นอย่างนั้น ท่านทำอย่างนั้นกับเรา

สักเดี๋ยวใส่บาตรๆ แน่ะ พระทั้งวัดเห็นเมื่อไรเราทำของเรา พระไม่เห็นนะ เวลาเห็นเป็นท่านเห็น ปุ๊บปั๊บใส่บาตรเรา คือเราบิณฑบาตได้มาเท่านั้นเอาเท่านั้นเรา ปฏิบัติประจำตัวไม่ให้ใครทราบนะ เราทำของเราอยู่อย่างนั้นตลอดมา แต่ท่านเห็นนี่ พระเณรท่านก็ไม่ได้สนใจละ เราก็ไม่สนใจกับใคร เราทำของเรา พอเสร็จแล้วจัดอะไรใส่บาตรปั๊บ เอาบาตรเข้าไปซุกไว้ที่ต้นเสา แล้วก็เอาฝาบาตรปิดแล้วผ้าอาบน้ำปิด จากนั้นก็มาจัดให้ท่าน มาดูของเกี่ยวกับท่าน ทั้งหมดเป็นเราดูทั้งนั้น พอเสร็จแล้วก็ไปนั่ง ครั้นนานเข้าๆ ปุ๊บปั๊บใส่บาตรเรา ขอใส่บาตรๆ ท่านรู้ได้ยังไงว่าเราทำอย่างนั้นของเรา เป็นอย่างนั้นละ ตาท่านแหลมคมมาก

ไปอยู่กับท่านเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยโลกามิสต่างๆ เราไม่มี เรามีแต่ธรรมล้วนๆ เราเอาของเราเท่านั้น จะมีมากมีน้อยเราไม่สนใจ เรามุ่งแต่ธรรมของเรา ปฏิบัติประจำตัวตลอดอยู่อย่างนั้น แต่ทุกวันนี้ผ้ามองไปกุฏินั้นจะไม่เห็นกุฏินะ จะเห็นแต่ผ้าห่มเต็มอยู่ที่กุฏิ ใครก็ขนไปให้ๆ เราก็ไม่ห่มแหละ เราก็ห่มเท่าที่ควรห่มกับนิสัยของเราเท่านั้น นอกนั้นอยู่ที่ไหนก็ให้มันอยู่อย่างนั้น พระเณรนี้ขนเข้าไปผ้าห่มเต็ม เราไม่เคยไปสนใจ กองอยู่นั้นละ เราก็ห่มเฉพาะเราพอดีๆ

ธรรมอยู่กับเราไม่ได้อยู่กับกองวัตถุสิ่งของ อยู่กับเรา ธรรมอยู่กับเรา เรารักษาธรรมเราเสาะแสวงหาธรรม ไม่ได้มาหาสิ่งเหล่านี้นี่นะ นั่น บทเวลาลงกันลงตรงนั้น เราจะมาเห็นสิ่งเหล่านั้นสำคัญยิ่งกว่าธรรมไม่ได้ เราไปหาธรรม ธรรมเป็นยังไงเราต้องเสาะอยู่กับธรรมเสมอตลอด วันนี้ไม่มีธุระอะไรละ จะไปส่งของตามโรงพยาบาลเท่านั้นละ ไปโรงนั้นโรงนี้.. เอามาอะไรนี่ (อาคารเรียนครับ) ไปเอาไป เอามาหาอะไรประสาวัตถุ ไปไหนก็แบกแต่วัตถุไป แบกธรรมซิ ไปเอาไป อย่ามาขวางหน้านะฟาดเข้าป่า เราไม่สนใจกับวัตถุวัตถิ สนใจแต่ธรรมอย่างเดียว ไปที่ไหนมีแต่วัตถุออกหน้าออกตา มันศาสนวัตถุ อะไรนิยมแต่วัตถุๆ ธรรมภายในหัวใจแห้งผากไม่สนใจ ปฏิบัติธรรมยังไงกัน

นี่พูดจริงๆ ทำมาแล้วค่อยพูดนี่นะ เราไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผ้าก็สามผืนตลอด สี่กับผ้าอาบน้ำเท่านั้นละ สบง จีวร สังฆาฏิ แล้วก็ผ้าอาบน้ำเท่านั้นเป็นประจำมาตลอด เพราะฉะนั้นพ่อแม่ครูจารย์จึงเอาผ้าไปบังสุกุลให้เราเรื่อย ท่านเห็นว่าเราไม่มีอะไรๆ เราไม่เอานี่ สุดท้ายท่านเอาผ้าห่มของท่านไปบังสุกุลให้เรา ก็เราไม่เอา แน่ะ ดัดเจ้าของดัดอย่างนั้น แต่ไม่ให้รู้นะว่าเราดัดเจ้าของ เราทำเฉพาะตัวของเรา ไปอยู่กับใครก็ไม่ได้ทำกับใครทำกับเรา ธรรมอยู่กับเรา เราหาธรรมเราต้องปฏิบัติต่อธรรมอยู่กับเรา เราจะไปเห็นแก่วัตถุสิ่งของต่างๆ ไม่ได้ ธรรมะท่านอยู่กับเรา ถ้าเสาะแสวงหาธรรม อะไรจะถูกธรรมเหมาะสมกับธรรมเอาอันนั้นละ อะไรที่ขวางธรรมไม่เอาๆ แต่ไหนแต่ไรมา

นี่ละได้มาเป็นอาจารย์สอนหมู่เพื่อนอยู่ เป็นมาด้วยแบบนี้นะ เราไม่ได้เป็นมาด้วยความฟุ้มเฟ้อเห่อเหิม อย่างนั้นไม่มีเรา เราไม่มีจริงๆ ตัดออกหมด ตัดออกตลอดเวลาไม่เข้ามายุ่งเลย มีผ้าสามผืนๆ เท่านั้น จนครูบาอาจารย์เอาผ้าห่มผ้าอะไรมาบังสุกุลให้เรา ว่าเราไม่มีละท่า มันอดอยากอะไรแต่เราไม่เอา ท่านก็เลยตีความหมายว่า ถ้าท่านมาบังสุกุลให้เราแล้วเราต้องห่ม ความหมายว่างั้น ท่านก็รู้อยู่ผ้าห่มเต็มวัดแต่เราไม่เอา ก็เราดัดเรา

ไปป่าไปเขาที่ไหนเอาผ้าไปที่ไหนไม่เอานะ มีผ้าสามผืนเท่านั้น ห่มเท่านั้น เอาๆ นอนได้ก็นอน นอนไม่ได้ไม่ต้องนอน บางคืนตลอดรุ่งนอนไม่หลับ ไม่หลับก็ไม่หลับกลางวันนอนก็ได้นี่วะ แน่ะ ดัดกันอย่างนั้น ถ้าจะเอาแบบนอนหมูขึ้นเขียงตายหมดละพวกนี้ตายหมด เราได้ธรรมมาสอนหมู่สอนเพื่อน เวลาเราทำใครรู้กับเราเมื่อไร เราเอาเป็นเอาตายตลอดมานะ ไปกับหมู่กับเพื่อนก็ไม่ได้เหมือนใคร มันหากเป็นอยู่ในจิตนี้แหละ

ใครเป็นยังไงเราก็ดูรู้เรื่อง แต่ไม่เคยพูดไม่เคยสนใจกับใคร สนใจแต่กับเรา เช่นอาหารบิณฑบาตมา ได้ของมามากมาน้อยนี้ไม่สนใจเลย เอาเฉพาะในบาตรเท่านั้นๆ เป็นประจำสำหรับตัวเรา ใครมาใส่ไม่ได้นะใส่บาตรเรา พอได้มาปั๊บมีอะไรจัดใส่ปุ๊บๆ สอดเข้าฝาปั๊บเลย จากนั้นก็มาปฏิบัติต่อหมู่ต่อเพื่อนครูบาอาจารย์ สำหรับเราเองเราไม่เอา เพราะเราดัดเราอยู่ตลอดเวลานี่ ทำฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัวไม่ได้ไม่ใช่ธรรม เป็นเรื่องของกิเลสกินไม่พอได้ไม่พอ ท้องป่องแตก ธรรมะแห้งผากภายในใจ ไม่เอาอย่างนั้น เอาละวันนี้ ให้พร

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก