มันเป็นอยู่เรื่อยๆ
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา 8:00 น. ความยาว 36 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐

มันเป็นอยู่เรื่อยๆ

         (แม่บังอร ชลบุรี ส่งของจำพวกข้าวสาร น้ำตาลและอื่นๆ มาถวายเจ้าค่ะ) บังอรนี่ก็แม่ของพระพฤกษ์ ที่เขากล่าวหาหรือฟ้องร้อง ว่าท่านไปเอาเงินจากเขาเขียวมาสร้างรีสอร์ต อย่างนั้นมันก็หาพูดได้ปากอมขี้ ก็พอดีเราไปได้เห็นตัวจริงเข้า คำฟ้องเขานี้กับสิ่งที่เขาฟ้องนั้นมันเข้ากันไม่ได้เลย หาว่าท่านพฤกษ์นี้เอาเงินจากสำนักเขาเขียวนี้มาสร้างรีสอร์ต สำนักเขาเขียวนั้นเราก็ขึ้นไปดูแล้ว นี่ที่มันชัดเจน อยู่บนหลังเขาจริงๆ สำนักเขาเขียว น่าอยู่ แต่เราไม่มีเวลามาก ไปเดินเที่ยวรอบๆ นั้นน่าดูมากนะ พวกสัตว์เต็มอยู่นั้น สัตว์อยู่บริเวณนั้นอยู่กับคน มีกระทั่งพวกหมี พวกเสือ พวกหมู เก้ง อะไรหลายชนิดนะ อยู่บน คนอยู่ที่นั่น เขาก็อยู่รอบๆ นั้นแหละ เราก็ขึ้นไปเที่ยวดู มีกุฏิสามสี่หลัง เหมาะ สงบสงัดดี ขึ้นจากสวนสัตว์ จากนั้นขึ้นไปดูเลยไปเห็นทุกอย่าง เหมาะ ท่านพฤกษ์ท่านก็อยู่ข้างบน มีกุฏิสามสี่หลัง มีทางจงกรม

แต่เราไม่มีเวลามาก เที่ยวรอบๆ ตามบริเวณกุฏิหมดนั้นแล้วเราก็ลงมา ไม่ได้เที่ยวออกไปข้างนอกๆ ซึ่งเป็นทำเลสัตว์ป่าอยู่เยอะ สัตว์ป่ามีเยอะ พวกกระทิง วัวแดง อยู่ข้างบน หมู กวาง เก้ง โอ๊ย เต็มไปหมดอยู่ข้างบน คือเขาอาศัยพระ แล้วตรงนั้นเป็นป่าสงวนด้วย สงวนสัตว์ สงวนป่าด้วย คนจึงไม่กล้าขึ้นไป พระก็อยู่ข้างบน เราขึ้นไปดูไม่ค่อยได้ทั่วถึงเสีย เราไม่ได้ไปได้กว้างขวางตามสถานที่มีอยู่นั้น ซึ่งเป็นสถานที่น่าดูมากน่าชมมาก เวลาไม่พอ แล้วก็ลงมา ขึ้นจากสวนสัตว์ไปโน้น แล้วลงมาทางสวนสัตว์มาเลย

ทางนี้ก็อาศัยคุณแม่บังอรแม่ของท่านพฤกษ์ส่งของมาเรื่อยๆ ตะกี้นี้ก็ส่งมาเยอะ เพราะทางนู้นก็ได้มาดูสภาพความเป็นอยู่ของวัดป่าบ้านตาด ความเป็นไปของวัดป่าบ้านตาดได้ดี เพราะฉะนั้นไปอยู่นู้นแล้วจึงส่งของมาเรื่อยๆ เพราะเห็นว่าสถานที่นี่เป็นสถานที่บริจาคทาน ไม่ใช่สถานสั่งสม มีเท่าไรออกหมดๆ ทางนู้นก็เลยส่งมาเพื่อช่วยกันบริจาคทานบรรเทาทุกข์แก่ผู้ยากจน

วันนี้ดูเหมือนบ่าย ๓ โมงฟ้าหญิงท่านก็จะเสด็จเข้าที่ตำหนัก ค่ำกว่านั้นหน่อยบ่ายๆ ก็จะเข้าไปหาเรา หลังจากนั้นไปแล้วก็ไม่มีอะไร ตอนเช้าประมาณ ๗ โมงเช้าเราก็ลงมา ท่านก็เสด็จมาที่นี่(ศาลา) มามีอะไรๆ ก็พูดกันตรงนั้นแหละ พอฉันเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างแล้วท่านก็เสด็จกลับ วันพรุ่งนี้นะ

เมื่อคืนไม่ทราบเป็นยังไงมันเพลียบอกไม่ถูก ตั้งแต่ยังไม่ถึงทุ่ม เข้ากุฏินอนเลย มันอ่อนไปหมดหาเหตุหาผลก็ไม่ได้ นอนเลยจริงๆ ตั้งแต่ยังไม่ถึงทุ่มเข้าในห้อง เพราะมันเหนื่อยเป็นกำลัง เข้าไปก็นอนเลย จนกระทั่งสามทุ่มกว่าๆ ให้หลับมันไม่หลับแหละ แต่นอนสงบอารมณ์ สงบอารมณ์มันไม่รู้แหละพวกบ้านี่ มีแต่ว่าบ้าอารมณ์ แต่บ้าอารมณ์มันจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่รู้นะ นั่นละสงบอารมณ์ถึง ๔ ทุ่มจึงลุกออกมา อยู่ข้างในมันเหนื่อย ๔ ทุ่มจึงลงมาเดินมาดูครัว หมาก็เข้ากรงแล้ว มาดูครัวเห็นเงียบหมดเลย ๔ ทุ่มนะเราจึงได้ลงมาจากห้อง ไปตั้งแต่ยังไม่ถึงทุ่ม เข้าห้องเลย มันเพลีย เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนั้นแหละพูดไม่ถูก เวลามันจะเป็นอะไรขึ้นมานี้มันเป็นของมัน

อย่างเมื่อวานนี้มันเป็นขึ้นมาเราก็เลยเข้าห้องตั้งแต่ยังไม่ทุ่ม นู่นจวน ๔ ทุ่มถึงได้ออกจากห้อง มันไม่หลับนะ สงบอารมณ์อยู่นั้นแหละ สงบจิตสบายใจอยู่นั้น ให้หลับมันไม่หลับ พอหลังจากนั้นก็ ๔ ทุ่มก็ลงมาดูครัว เพราะครัวเกี่ยวกับหมา ท่านปฏิบัติยังไงต่อหมา มา เงียบ หมาก็เข้ากรงหมดแล้ว พระก็หนีแล้ว เพราะเราบอกว่าตั้งแต่ ๒ ทุ่มไปแล้ว ให้เอาหมาเข้ากรง พอหลังจากนั้นแล้วพระจะไปทำธุระหน้าที่ของตนก็ได้ ไม่มีอะไรจำเป็น เพราะในครัวไม่มีสิ่งของหรือของจำเป็นอะไรที่จะต้องรักษา ตั้งแต่ ๒ ทุ่มล่วงไปแล้วครัวก็ว่าง คือพระที่รักษาดูแลหมานั่นก็ ๒ ทุ่มไล่หมาเข้ากรง จากนั้นพระก็แยก

ทีละ ๒ องค์มั้ง ในครัว ก็จะมีวาระๆ ละ ๗ วันๆ วาระละ ๗ วัน ดูวาระหนึ่งก็มีประมาณ ๒ องค์ แล้วแต่กรณี ถ้ามีความจำเป็นก็เพิ่มพระอีก ถ้าไม่จำเป็นก็อยู่ประมาณ ๒ องค์ในครัว คอยดูเกี่ยวกับหมานั่นแหละ พอเอาหมาเข้ากรงเสร็จเรียบร้อย พระก็หมดภาระไป เพราะไม่มีอะไรจะรักษา

เมื่อวานนี้มันจะเป็นจะตายของมัน พูดไม่ถูกนะ คนแก่ทุกวันนี้ ไม่ว่าที่ไหนละคนแก่ คนหนุ่มคนสาวคาดไม่ได้นะ คาดคนแก่ เวลามันเป็นไม่รู้นะ ก็เราก็ไม่เคยแก่ ก็เพิ่งมาแก่นี้ เข้าใจไหม เพิ่งมาแก่เลยได้รู้เรื่องเจ้าของ โห มันเป็นอย่างนี้เอง เวลามันจะเหน็ดจะเหนื่อยเมื่อยล้าแบบไหนๆ มันจะเป็นของมันขึ้นมาๆ เราคาดไม่ถูกละ เมื่อคืนนี้ยังไม่ถึงทุ่มนะ มันอ่อนเป็นกำลัง เอ๊ ไม่ไหว ทำไมเป็นอย่างนี้ เข้าห้องเลย พอมืดเท่านั้นละ เข้าห้องนอนเลย สงบอารมณ์ จนกระทั่งเริ่ม ๔ ทุ่ม มันไม่หลับละ คือสงบอารมณ์ ถ้าว่าภาษานอกไปจากนั้นอีกก็เรียกว่าภาวนา เรียกว่าสงบอารมณ์

กำลังจะถึง ๔ ทุ่มลุกขึ้น พอ ๔ ทุ่มก็ลงมาครัวไฟ หมาก็เงียบ พระก็เงียบ เมื่อวานเพลียเป็นกำลัง เพลียผิดปรกติ เข้าห้องดูเหมือนประมาณ ๖ โมงครึ่งมั้ง เข้าห้องเลย เพราะมันดูอาการอะไร มันบอกไม่ถูก บอกออกมาข้างนอกไม่ถูก แต่ว่าดูตัวเองรู้ว่ามันไม่ไหวแล้ว ก็มีแต่เข้าพักจะบรรเทากันบ้าง เราก็เข้าพัก นอน พักอารมณ์ สงบความคิดความปรุงที่อยู่ในขันธ์นี้เรียกว่าดับหมด เรียกว่าระงับขันธ์ ขันธะแปลว่ากอง แปลว่าหมวด ขันธ์ ๕ รูป กาย เวทนา ความสุขความทุกข์ในกาย เฉยๆ สัญญาความจำได้หมายรู้ สังขารความคิดความปรุง วิญญาณความรับทราบ

ที่ว่าไปสงบอารมณ์คือไม่คิดไม่ปรุง ขันธ์ระงับเงียบไปเลย ควรแก่กาลมันก็รู้เองเจ้าของรู้เอง แล้วก็ลุกขึ้นมา ทีนี้จะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเห็นควรแก่กาล ธาตุขันธ์มีกำลังพอสมควรแล้ว เราจะเคลื่อนไหวไปมาอะไรก็ทำได้แหละ เมื่อคืน ๔ ทุ่มถึงออกจากกุฏิ มันเพียบขนาดนั้นละ ๖ โมงครึ่งเพียบแล้ว มันเป็นอยู่เรื่อยๆ นะ เป็นแบบนี้มันเป็นอยู่เรื่อยๆ คนแก่ นี่ก็อายุ ๙๕ กำลังย่างเข้า ๓ เดือนแล้ว

วันนี้ฟ้าหญิงท่านจะประทับค้างที่นี่ แล้วตอนค่ำพวกตำรวจจะเต็มไปหมดแถวนั้น จะไม่มีใครมา ประชาชนก็ไม่มีใคร ประชาชนเขาก็อยู่ข้างนอกเป็นปรกติ พวก ต.ช.ด. เขาอยู่นอกกำแพง กำแพงในนี้นะไม่ใช่กำแพงนู้น ก็มีแต่พระอยู่ข้างใน แล้วก็มีพวกตำรวจ กุฏิหมออวยพวกตำรวจก็นอนอยู่แถวนั้น พวกทำงานก็ทำ พวกนอนก็นอนพัก กุฏิหมออวยวันนี้เรียกว่าเป็นสถานที่พักที่นอนของพวกตำรวจละวันนี้ ไม่มีใครมาเกี่ยวข้อง มีก็มีแต่เรา

ไอ้เรามันไปได้ทุกเวลา เขาก็รู้แล้ว เราไปเราก็ไปเงียบๆ ของเรา เห็นคนนั้นยืนที่นั่นคนนี้ยืน เราก็เดินของเราไปเรื่อย เขาเห็นแล้วก็ยกมือไหว้ๆ หรือทำตะเบ๊ะตะแบ๊ะอะไรไม่รู้ เราก็เดินของเราไป เป็นปรกติที่เราเดินตรวจวัด นี่เป็นปรกติละ เดินไปข้างในนู้น เข้าไปข้างในออกมาข้างนอก เดินตามบริเวณ ถ้าวันไหนสะดวกสบาย ถ้าไม่สบายก็ไม่ออกไม่เดิน

ท่านก็จะมาพักค้างคืนหนึ่ง มาก็พูดธรรมะละ ฟ้าหญิงท่านชอบภาวนา อยู่ที่กรุงเทพท่านอยู่ปทุมนะ ท่านอยู่พระตำหนักปทุมธานี เราก็เคยไป ท่านนิมนต์ไปทีแรก .วางฤกษ์วางเถาอะไรปลูกสร้างบ้าน จากนั้นมาแล้วดูว่าได้ไปอีกหนหนึ่งหรือไงนะ ที่ปทุมธานี ท่านไม่ได้พักอยู่ในพระราชวังสวนจิตร ท่านประทับอยู่ที่ปทุมธานี เวลาจะเทศน์ เวลามีงานที่ท่านเสด็จนี้ เขาจัดที่ประทับ พวกเก้าอ้งเก้าอี้อะไรนี้ ท่านจะมาประทับรอเวลา พอถึงเวลาเราไปแล้ว พอเราขึ้นธรรมาสน์ปั๊บ ท่านก็เสด็จปุ๊บมานั่งประทับนั่งข้างนี่นะ มานั่งข้างๆ ธรรมาสน์ เราก็เทศน์

เวลาท่านถวายของอะไรๆ บ้าง นั่นละตอนจะถาม เราก็ลงไปรับของ ถามว่าเป็นยังไงล่ะฟังเทศน์ ท่านก็รับสั่งเหมาะเจาะดี ไม่มากนะ โห ท่านพ่อเทศน์มันสงบแน่วเลยจิต ไม่ออกนะ สงบแน่วเลยจิต แต่เวลาบรรยายออกไปบางทีกายเหมือนไม่มีนะ เพราะจิตมันเพลินๆ เข้าข้างใน บอกว่าท่านพ่อเทศน์ไม่ได้เหมือนใครเทศน์ว่างี้เลย องค์อื่นๆ ท่านเทศน์ท่านก็เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ไป ท่านพ่อเทศน์ตีเข้ามานี้ๆ จิตมันก็หดเข้ามาๆ สงบ แน่ะท่านก็รู้เห็นไหมล่ะ เราเทศน์อย่างนั้นจริงๆ ตีเข้ามาหาตัวกองทุกข์ มันฟุ้งซ่านออกไปตีเข้ามานี้มันก็หมอบๆ สงบ เป็นอย่างนั้นละ

เอ๊ เมื่อวานนี้เอาของไปส่งจิตเวชหรือไง ที่จังหวัดเลย ทั้งจังหวัดมี ๒ โรงพยาบาล เราได้ไปส่งทั้ง ๒ โรงเลย ตามธรรมดาจังหวัดต่างๆ ไม่ไปนะ เราจะไปแต่อำเภอของจังหวัดนั้นๆ เท่านั้น เห็นว่าจังหวัดพอสมควร แต่จังหวัดเลยนี้ขาดแคลนมากเราจึงต้องไป ไปตัวจังหวัดเลย แล้วก็ไปโรงพยาบาลจังหวัดแล้วก็โรงพยาบาลจิตเวช ๒ แห่ง เมื่อวานหรือวันไหนเราก็ไปจิตเวช เอาของไปเท นี่ละวันหนึ่งไปอันหนึ่งๆ ถ้าวันราชการไปตามโรงพยาบาล โรงนั้นโรงนี้เอาของไปเทให้ แล้วก็มอบเงินให้โรงละสองหมื่นๆ ไปอย่างนั้นละ สงสารจะว่าไง

ความสงสารนี้มันล้นฟ้าล้นแผ่นดินนะ ก็ไม่มีอะไรในจิต มีแต่ความสงสารเท่านั้น อย่างอื่นไม่ปรากฏ เรื่องราวอะไรที่จะมาในจิตไม่มีเลย สังขารคิดปั๊บดับพร้อม แน่ะมันเป็นธรรมชาติของมัน มันไม่สืบต่อ เพราะตัวสมุทัย คือ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ไม่ส่งออกมา อวิชชาดับ สังขารก็เป็นสังขารประจำขันธ์ไปเสีย ก็เรียกว่าขันธ์ล้วนๆ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เหล่านี้เป็นขันธ์ล้วนๆ ไป ไม่ได้เป็นขันธ์เจือปนกับกิเลส ท่านจึงเรียกว่าขันธ์ล้วนๆ ขันธ์ก็ไม่มีกิเลส ถ้ากิเลสไม่ผลักดันออกมาใช้ขันธ์เป็นเครื่องมือเสียอย่างเดียว ขันธ์ก็เป็นขันธ์ธรรมดา

ระยะนี้เราก็ไม่ค่อยได้อยู่ละ ทั้งเหนื่อยด้วย อย่างเมื่อคืนนี้ที่ว่านี่ละ นอนแน่วเลย เป็นอย่างนั้นละ ถ้ามันเป็นของมันแล้วมันก็รู้เฉพาะเจ้าของ ถ้าวันไหนมันไม่อยากเคลื่อนอยากย้ายไปไหนแล้วก็นอนเท่านั้น ถ้าวันไหนมันพอเป็นพอไปเราก็ลุกไปที่นั่นที่นี่บ้าง ถ้าวันไหนมันเพียบมากเราก็ไม่ไปเสีย นั่นละ นี่วันนี้ฟ้าหญิงจะมา ตอนบ่ายๆ ก็จะเข้า แล้วก็หยุด ตอนเช้ามาอีกทีหนึ่ง มีอยู่สองวาระ นอกจากนั้นก็มีแต่ตำรวจเต็มแถวนี้ กับเราเท่านั้นละ สำหรับพระท่านไม่ค่อยมาละ ท่านมาก็มาแค่ศาลา มาครัวมาศาลานี้ ออกไปนู้นท่านไม่ไป ปรกติท่านก็ไม่ไป ส่วนเราไปได้ทุกแห่ง ไปหมด นู้น เข้าไปนู้นออกมานี้ เวลาตำรวจมามากๆ เราเดินมาตำรวจเขาก็ทำความเคารพธรรมดา ยืนอยู่คนละแห่งๆ ห่างๆ กันตามนั้น

วันนี้ก็ยังจะไปโรงพยาบาลอยู่นะ วันที่ ๑๖ วันศุกร์ ยังไปอยู่ พอ ๑๗ วันเสาร์ วันอาทิตย์ไม่ไป วันที่ ๑๖ อาจจะไปโรงใดโรงหนึ่งอยู่ เราเอาของไปเทให้เรียบร้อยแล้วก็มอบเงินให้สองหมื่นแล้วก็ไป ไปทุกโรง เราทำอย่างนั้น บางทีไปเจอตำรวจตรวจอยู่ตามถนนหนทาง จอดรถปั๊บเรียกตำรวจมา มาอยู่นี้กี่คนด้วยกัน มาบางทีตั้ง ๒๐ กว่าก็มีเราให้คนละห้าร้อยๆ แล้วผ่าน ก็อย่างนั้นจะว่าไง มันเป็นของมันเองเป็นอยู่ในนี้ พูดไม่ถูก ถ้าพูดกว้างๆ ออกมาก็เรียกว่าความเมตตาเท่านั้น ไปเจอเรื่อยตำรวจ เจอที่ไหนก็ได้ให้ละ มันหากสงสารเอง ให้คนละห้าร้อย ไม่มากกว่านั้น บางแห่งก็ตั้ง ๒๐-๓๐ คนก็มีตำรวจ เหมือนว่าเป็นกองทัพเลย เต็มถนน บางที ๔-๕ คนก็มี ๗-๘ คนก็มี ส่วยมากมักจะเจอทางจังหวัดเลย ไปที่อื่นๆ ไม่เหมือนจังหวัดเลย ทางจังหวัดเลยนี้เจอตำรวจบ่อยตามสายทาง วันนี้ก็ไม่มีอะไร ไม่พูดอะไรมากละ เหนื่อยแล้ว เทศน์ก็เทศน์พอแล้ว

(อยู่ในท่านอนเข้านิโรธสมาบัติได้ไหมเจ้าคะ) สำเร็จได้ทุกอิริยาบถ บางองค์สำเร็จอิริยาบถนอนก็มี ๔ อิริยาบถเช่นพระอานนท์ ยืนเดินนั่งนอนก็ไม่ใช่ทั้งนั้น เอนลงยังไม่ถึงหมอน (หลวงปู่ฝั้นท่านเข้าสมาบัติตั้งแต่ท่านเป็นอนาคามี ท่านรักษาโรคหัวใจท่านได้) ท่านบอกเหรอว่าท่านเป็นอนาคามี ( ก็ตอนนั้นท่านบอกว่าท่านเป็นโรคหัวใจ แล้วท่านหลบลงไปอยู่ที่แจ๋วไงฮะ แล้วพ่อแม่ครูจารย์ก็บอก แจ๋วนั่นน่ะ) ท่านเล่าให้ฟัง แต่นั่นท่านพูดถึงตอนเผาศพแล้วท่านก็มา ท่านเล่าเรื่องนี้ละ เราได้สะดุดขึ้นปั๊บเลย

เพราะเราจะไปคุยธรรมะกับท่านทีไรไม่มีโอกาสจะคุย หากมีแขก พระนั่นละทีละสององค์บ้างสามองค์บ้างอยู่กับท่าน  เพราะท่านเป็นนิสัยอย่างนั้น เรานิสัยคนเดียว เข้าใจไหม ไม่มีใครจะมาอยู่กับเราได้ เข้าใจ แต่ท่านมีอย่างน้อยสององค์อยู่กับท่าน จะไปคุยธรรมะอะไรก็ไม่ได้คุย เอ๊ะ ยังไง ก็เลยไปจับได้ตอนที่ท่านเล่าเรื่องเผาศพพ่อแม่ครูจารย์มั่นเราแล้วกลับมา นั่นละที่ว่ามันเข้าจิตใสแจ๋วนะ ทางนี้ปุ๊บว่า ยังตายอยู่นี่เหรอเราว่างั้นนะ มันรู้ทันทีนะพอแย็บออกมานั่นน่ะ โธ่ ยังตายอยู่นี่เหรอเราว่างั้น

นี่ละธรรมต่อธรรมพูดกัน เสียความเคารพไม่มี ไม่มีอาวุโส ภันเต ธรรมต่อธรรมตอบโต้กัน เข้าใจไหมล่ะ ยังตายอยู่นี่เหรอ นั่น ทางนี้ตอบออกนะนี่ มันรู้ทันที พอทางนั้นพูดแป็บมาทางนี้รู้แล้ว โฮ้ ยังตายอยู่นี่เหรอนึกว่าไปถึงไหนแล้ว ต่อจากนั้นท่านก็ไปผ่านได้ละ คือตอนที่ท่านว่าเผาศพพ่อแม่ครูจารย์มั่นมานั่น ท่านมาเป็นขึ้นมานี้ เหมือนว่ามันจะไปจริงๆ จิตหดเข้าหมดเลย ยังเหลือตั้งแต่ใสแจ๋วเท่านั้น ทางนั้นจับปุ๊บเลย ยังนอนตายอยู่นี่เหรอ นั่นเห็นไหม ถ้ามันผ่านแล้วมันจะไม่มีคำว่านี้ เอาละไปละ

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก