เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
ภายในใจพอแล้วไม่กังวลกับสิ่งภายนอก
ปรอทลงแค่ ๑๙ เท่านั้นหนาวแล้ว เวลาดัดสันดานอยู่ในป่าพอดีนะ มานี้ผ้าห่มกี่ผืนก็ยังว่าไม่อุ่น อยู่ในป่าผ้าห่มไม่ให้เลยนะ มีเท่านี้ จีวร สังฆาฏิพับซ้อนกัน ให้เท่านั้นเอง บางคืนหนาวขนาดนอนไม่หลับตลอดรุ่งเลย หนาวขนาดนั้นละอยู่ในภูเขา ผ้าห่มไม่มี มีเฉพาะผ้าสังฆาฯกับจีวรพับแล้วนอน กลางคืนต้องอาศัยนั่งมาก คือเวลาเรานั่งมันอุ่นนะเข้าไปข้างในไม่หนาว เวลาเรานั่งภาวนานี้หายเงียบไม่มีหนาว เวลาออกจากภาวนาว่าจะนอน ไม่หลับมันหนาวตีขึ้นๆ เข้านั่งอีก พอนั่งแล้วจิตเข้าข้างใน ไม่หนาว พอนั่งภาวนานี่จิตเข้าข้างในแล้วก็ไม่หนาวแหละ พอออกจากภาวนาหนาว นอนให้หลับไม่หลับ
เดี๋ยวนี้แถวนี้น้ำค้างไม่เห็นตกตามวัดเรา อันนั้นมันเหมือนห่าฝน มันซ่าๆๆ ตอนตี ๕ น้ำค้างมันตกลงมาเกาะบนใบไม้ ตกลงซ่าๆ แต่นี้ไม่เห็นมี หน้าแตกนะเหล่านี้ แตกหมดเลย ตกกระหมดคือมันหนาว รู้สึกว่าหนาวมากอยู่ในภูเขา ตามแขนตามขาตามนี้ตกกระหมดเลย แต่สำคัญที่ว่าเราไม่เคยมีผ้าห่มติดตัว ไม่ให้มี มีผ้าสังฆาฏิกับจีวรพับครึ่ง ให้เท่านั้น ผ้าห่มไม่เคยติดตัว แม้อยู่กับหมู่กับเพื่อนก็ไม่มีผ้าห่ม มีผ้าสังฆาผ้าจีวรพับเท่านั้นละ
แต่อยู่ในหนองผือกับหลวงปู่มั่น ท่านตาดีมากนะ ท่านเอาผ้าห่มของท่านไปบังสุกุลให้เรา ดูซิน่ะ คือเราตั้งใจไม่เอา ผ้าห่มอดอยากอะไรในวัด ไม่เอา สุดท้ายท่านก็เอาผ้าห่มท่านห่มอยู่ทุกวัน พับเรียบร้อยนะไปบังสุกุลให้เราที่ที่นอน พับเรียบร้อยไปวางไว้ที่นอน แล้วมีเทียนสองเล่มและดอกไม้ วางทับ เป็นคติทุกอย่างนะ ดู อ้าว ผ้าห่มผืนนี้ ผ้าห่มพ่อแม่ครูจารย์ ก็เราพับเราเก็บอยู่ทุกวันนี่ คือท่านเห็นเราไม่มีผ้าห่ม ก็เราไม่เอา ท่านเอาไปบังสุกุลให้ ถ้าท่านมาบังสุกุลให้ก็ต้องได้ห่มซี จอมปราชญ์กับจอมโง่ต่างกันอย่างงั้นละ ก็ท่านจอมปราชญ์เราจอมโง่ ท่านเอาผ้าห่มท่านละ ถ้าเอาผ้าธรรมดา ผ้าห่มก็มีอยู่ทั่วไปในวัดไม่อด เราไม่ห่มเฉยๆ ท่านเอาผ้าห่มท่านละ ไปบังสุกุลให้เรา ถ้าเอาผ้าใหม่ กลัวเราจะไม่ห่ม ท่านเอาผ้าห่มของท่านที่ห่มทุกวันไปบังสุกุลให้เรา เราไม่ลืม
พ่อแม่ครูจารย์ทำกับเรา เราไม่ลืม ทำทุกแบบกับเรานะ จอมปราชญ์ตามจอมโง่มันก็ทันน่ะซิ ท่านทันหมดทันเรา เดินบิณฑบาตมานี่เหมือนกัน บิณฑบาตมามีอะไร ได้เฉพาะที่ได้มาในบ้าน อย่างมากหยิบใส่นิดหน่อยๆ ใส่ในบาตร ปั๊บเอาไปซ่อนไว้ต้นเสา เอาฝาบาตรปิด แล้วเอาผ้าปิดปั๊บทิ้งไว้นั่น แล้วก็ไปจัดอะไรให้ท่าน เรียบร้อยๆ ของเราเองเราไม่สนใจ นานๆ ท่านก็มาใส่บาตรให้ทีหนึ่ง อย่างงั้นละ พอเราเตรียมจะฉัน ปุ๊บปั๊บใส่เลยนะ ไม่ทัน เปิดฝาบาตร อ้าวๆ ศรัทธามาสายๆ ท่านว่า ใส่ปั๊วะเลย ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเปิดให้ท่าน ท่านมาเปิดเอง ปุ๊บปั๊บใส่ให้
เพราะท่านเห็นเราไม่เอาอะไร ที่บิณฑบาตได้มาเท่าไรเอาเท่านั้น เขาจะมาถวายอาหารตามหลังนี้ ไม่เอา ท่านตามเห็นหมด พอได้มาแล้ว มีอะไรเราจัดใส่ปั๊บ เอาไปวางไว้ข้างฝาติดกับต้นเสา ฝาปิดปุ๊บ แล้วก็มาจัดอาหารให้ท่าน เสร็จแล้วถึงจะไปฉัน อาหารที่ท่านใส่บาตรเรา ก็เราเป็นคนจัดใส่บาตรท่าน ก็มีแต่อาหารประณีตบรรจงตามสมมุตินิยมนั่นละ เราจัดให้เรียบร้อย แล้วท่านก็เอานั่นละมาใส่บาตรเรา พ่อแม่ครูจารย์ โอ๊ ท่านทำทุกอย่างกับเรานะ ทำทุกอย่าง
ผ้าห่มก็เอาไปบังสุกุลให้ ที่บังสุกุลให้ก็หากสมควร คือเราไม่ใช้ผ้าห่มเลย ท่านก็คงสงสาร หนาว ท่านเอาผ้าของท่าน ผ้าห่มท่านนะ ถ้าเอาผ้าห่มอื่นมากลัวเราจะไม่ใช้ ท่านเอาของท่านที่ห่มอยู่ทุกวันไปบังสุกุลให้เรา พ่อแม่ครูจารย์นี่ตามติด เราจอมโง่ท่านจอมปราชญ์ อะไรๆ ท่านตามทันหมดเลย พวกอาหารอะไร ๆ นี้ท่านตามทันหมดเลย ก็เราไม่เอา ได้อะไรใส่มานิดหน่อยพอๆ เวลาจะมาใส่บาตรท่านเอาของของท่านละใส่บาตรให้เรา ปุ๊บปั๊บ เปิด ใส่บาตรหน่อยๆ อาหารก็เป็นอาหารเราจัดถวายท่าน ท่านก็เอาอันนั้นละมาใส่บาตรเรา แต่ท่านไม่ใส่ซ้ำๆ ซากๆ นะ ห่างๆ ใส่ทีหนึ่ง ห่างๆ ใส่ทีหนึ่ง
จอมปราชญ์ในสมัยปัจจุบันคือพ่อแม่ครูจารย์มั่น เรียกว่าจอมปราชญ์ในสมัยปัจจุบัน ศาลา ท่านกั้นห้อง ห้องศาลา ท่านไม่ได้นอนกุฏินะ ไปที่ไหนท่านก็ไปกั้นห้องศาลาละ นอนอยู่ที่ศาลาอย่างนั้น ที่หนองผือมีกุฏิเล็กๆ คือพวกประชาชนชาวบ้านหนองผือ เขามาขอร้องให้ท่านอาจารย์ฝั้น มาขอร้องพ่อแม่ครูจารย์ อยากจะปลูกกุฏิถวาย ท่านไม่เอา ไม่กล้าขอท่าน ท่านอาจารย์ฝั้นก็เลยขอท่าน กุฏิที่อยู่ทุกวันนี้หนองผือ นั่นท่านอาจารย์ฝั้น คือประชาชนมาขอร้องกับท่าน อยากจะสร้างกุฏิถวายท่าน
เรื่องที่หลับที่นอนท่านไม่สนใจนะ อะไรท่านอยู่ได้หมด ไปที่ไหนก็ไปกั้นห้องศาลาอยู่นั้นเสีย กั้นห้องศาลาอยู่นั่นเสีย บ้านโคก บ้านนามน บ้านหนองผือ เหมือนกันหมด ท่านอยู่สบายมาก ก็คือร่างกายมันก็ซากผีดิบ ไปปลงไว้ที่ไหนพออยู่ได้ก็อยู่ไปอย่างงั้น เพราะภายในของท่านจ้าครอบโลกธาตุอยู่แล้ว ท่านจะมาสนใจอะไรกับร่างกระดูกนี้ ล้มตัวที่ไหนท่านก็นอนได้สบายๆ เพราะภายในพอทุกอย่างแล้ว ภายในใจท่านพอหมด แล้วก็ไม่กังวลกับสิ่งภายนอก อยู่ไหนสบายหมด ก็มีกุฏิใหญ่ที่หนองผือเท่านั้นแหละ นอกนั้นไม่มี ท่านกั้นห้องศาลาอยู่ อยู่สบายๆ
ที่หนองผือนั่นก็คือประชาชนเขามาขอร้องท่านอาจารย์ฝั้น อยากสร้างกุฏิถวายท่าน ท่านดุเหมือนกันละ มายุ่งทำไม อันนี้ก็ดีอยู่แล้วคือห้องศาลา แล้วมันก็ดีอยู่แล้วนี่ ยุ่งทำไม ท่านอาจารย์ฝั้นท่านก็กราบเรียนเรื่องราว เลยทางนี้ก็ถือเอานั้นละ ให้โยมเขาสร้างกุฏิถวายท่านอยู่หนองผือ ธรรมดาท่านไม่ให้สร้างนะ สกลกายท่านรู้สึกสะดวกมาก ท่านไม่กังวล อยู่ที่ไหนท่านอยู่ได้ทั้งนั้น บ้านโคกนามน มีแต่กั้นห้องอยู่ มาหนองผือก็กั้นห้องศาลาอยู่ ทางนี้เขามาขอร้องท่านอาจารย์ฝั้น ให้ท่านอาจารย์ฝั้นขอร้องท่านสร้างกุฏิ นั่นละจึงได้มีหนองผือ กุฏิหลังนั้น ท่านอาจารย์ฝั้นขอร้องท่านจึงมี ไม่งั้นไม่มีละ ท่านกั้นห้อง
คือใจพอเสียอย่างเดียวมันไม่กังวลกับอะไร ขอให้ใจพอ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันพอเสียอย่างเดียว แล้วอะไรๆ มันได้หมดเลย ไม่ยุ่งกับอะไร ตัวยุ่งก็คือใจ พอธรรมเข้าสู่ใจใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วสบายเลย พอใจสบายที่ไหนอยู่ได้ทั้งนั้น อยู่ได้กินได้นอนได้ ไปได้หมด ใจสบายเสียอย่างเดียว มันยุ่งอยู่กับใจนะ เขาสร้างตึกสร้างร้านฟาดเสียกี่ชั้นๆ ก็หนังห่อกระดูกขึ้นไปอยู่ ทำโก้ขึ้นเฉยๆ กิเลสมีไม่พอ กิเลสตัวสกปรกมันทำความสะอาดทำความสวยงาม เพื่อกลบความสกปรกของมันต่างหาก ใครก็ไม่รู้ สร้างอะไรขึ้นหรูหราฟู่ฟ่าแข่งกันแหลกไปหมดเลย แข่งกันแข่งกิเลส มันกลบความสกปรกของมัน ให้ทำนั้นให้สวยอันนี้ให้งาม กิเลสมันสกปรกไม่สวยไม่งาม ต้องเอาสิ่งเหล่านั้นมาสร้างกลบเอาไว้ๆ แล้วก็โอ่อ่าเป็นบ้าด้วยกันกับกิเลส
ธรรมดาแล้วไม่มีอะไร อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ ขอให้อบรมใจให้ดีเสียอย่างเดียวอยู่ไหนอยู่ได้หมด สบายหมด ถ้าใจยุ่งเสียอย่างเดียวอยู่หอปราสาทก็เหมือนเอาคนไข้ไปไว้โรงพยาบาล ชั้นไหนก็ชั้นเถอะน่ะ ไปครวญครางอยู่ข้างบน ถ้าหายไข้อยู่ไหนอยู่ได้ แน่ะ จิตใจสบายอยู่ไหนอยู่ได้หมด ท่านจึงสอนให้ฝึกหัดจิตใจอย่าให้มันดีดมันดิ้น ใจดีดดิ้นเสียอย่างเดียวอะไรก็ไม่สบาย ไม่มีสบาย ใจตัวดีดตัวดิ้น ถ้าใจสงบแล้วอะไรก็สบายๆ ยิ่งสงบราบด้วยแล้วสบายหมดเลย อยู่ไหนสบายหมด เพราะใจเป็นตัวคึกตัวคะนองตัวดีดตัวดิ้นอย่างเดียว พอตัวนี้สงบแล้วอะไรก็สบายหมด อยู่ไหนอยู่ได้สบาย
พ่อแม่ครูจารย์เรานี่สบายมาก พ่อแม่ครูจารย์มั่นเราท่านสบายมาก อยู่ไหนอยู่ได้หมด ก็คือทางนี้สง่าจ้าอยู่แล้ว ไม่มีกังวลอะไร แล้วไปดิ้นหาอะไร อะไรมันก็ดีหมด อยู่ได้ นอนได้ นั่งได้ กินได้ ธรรมดาหมดเลย ใจพอเสียอย่างเดียวไม่มีอะไรดีด อันนั้นไม่พออันนี้ไม่พอ อันนั้นไม่ดีอันนี้ไม่ดี แล้วอันนั้นดีนะอันนี้ดีนะ ดิ้นมีแต่จิตเป็นบ้านะ พอจิตสงบเสียอย่างเดียวไม่ดิ้น อยู่สบาย ปราชญ์สมัยปัจจุบันก็คือพ่อแม่ครูจารย์มั่นเรา ท่านหาที่ต้องติไม่ได้ ไปอยู่กับท่าน ๘ ปี ตั้งแต่วันเข้าไปถึงท่านปั๊บนั้นเลย จนกระทั่งท่านมรณภาพจากไปหาที่ต้องติไม่ได้.วันนี้ไม่มีอะไรละ จะปล่อยหมาก็ปล่อย
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |