(ผู้ฟังเทศน์ประมาณ ๕๕๐ คน)
(มีนักเรียนโรงเรียนอุดรพิทยานุกูลและวิทยาลัยพลศึกษา ร่วมฟังด้วย)
เมื่อวานนี้ได้ทองคำ ๖ บาท ๗๕ สตางค์ ดอลลาร์ ๒๙๐ ดอลฯ ได้ไปทุกวัน ๆ แหละ ไม่มากก็น้อยได้ไปทุกวัน มันก็ถึงจุดของมันเอง จุดของมันอยู่ที่ ๔,๐๐๐ กิโล ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวง ๔,๐๐๐ กิโล มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๑,๐๓๗ กิโลครึ่ง ฝากกับคลังหลวงอีก ๑,๐๒๕ กิโล รวมทองคำที่มอบและฝากไว้กับคลังหลวงเวลานี้ได้ ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง ทองคำหลังจากมอบและฝากไว้ในคลังหลวงแล้วนั้น ได้เพิ่มอีก ๔๘ กิโล ๔๔ บาท ๕๔ สตางค์ นี่ยังไม่ได้หลอม รวมทองคำทั้งหมดทั้งที่หลอมแล้วและยังไม่หลอมได้ ๒,๑๑๑ กิโล ยังขาดทองคำอยู่ ๑,๘๘๙ กิโล จะครบจำนวน ๔,๐๐๐ กิโลที่กำหนดไว้
พี่น้องชาวไทยเราไม่ควรขาดใน ๔,๐๐๐ กิโลที่กำหนดไว้นี้ ไม่หนักเกินไป เราพิจารณาเรียบร้อยแล้วเห็นว่าพอเหมาะพอดี ถ้าต่ำกว่านั้นไม่เหมาะเลย เห็นว่า ๔,๐๐๐ กิโลนี้เป็นอย่างน้อย บรรดาพี่น้องชาวไทยรวมกันมาให้เป็นเนื้อเป็นหนัง บวกกันเข้าแล้วได้ ๔,๐๐๐ กิโล ส่วนเงินสดที่เราเก็บไว้ธนาคารเวลานี้นั้นเราเจียดไว้แล้ว ๘๐๐ ล้าน อันนี้เราจะซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเหมือนกัน ส่วนเศษออกไป ๕๐ กว่าล้านนั้นเรายังไม่แน่ใจ ก็เพื่อทำประโยชน์ให้โลกนั้นแหละ อันไหนจำเป็นหนักเบามากน้อยเพียงไร จะแยกจำนวนนี้ออกไปตามความจำเป็น ส่วนที่ได้เจียดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ๘๐๐ ล้านนั้นเป็นประกาศตายตัวแล้ว ต้องซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงโดยถ่ายเดียวเท่านั้น แม้เราตายแล้วก็ต้องเดินตามนั้นไม่ให้เป็นอื่นเลย
เราพยายามที่สุดที่จะทำประโยชน์ให้แก่โลก เพราะฉะนั้นอันใด ๆ ต้องคิดแล้วคิดเล่า บวกลบคูณหาร มีน้ำหนักหนักเบามากน้อยต่างกันยังไง เราจะพิจารณาตามนั้นและปฏิบัติตามนั้นตลอดไป เวลานี้จิตใจเราเน้นหนักอยู่ที่ทองคำมากกว่าอย่างอื่นนะ เพราะฉะนั้นเอะอะจึงทองคำ ๆ อย่างปีนี้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายว่าจะให้เป็นกฐินทองคำ เราเห็นด้วยทันทีเลย คำว่ากฐินทองคำนี้ เงินได้มาจะเป็นทองคำก็ดี เงินสดก็ดี ถ้าเป็นเงินสดก็จะเอาไปซื้อทองคำเข้ามารวมเป็นกฐินทองคำในพรรษานี้ ดูจะเป็นวันที่ ๒๑ ตุลาฯ มัง นี่ละจะให้เป็นกฐินทองคำ คือจะหาทองคำเป็นกรณีพิเศษอีกสำหรับเข้าคลังหลวงเรา เรียกว่า กฐินทองคำ หลักใหญ่จะไปทางทองคำ
ส่วนปลีกย่อยก็มีเป็นธรรมดา เพื่อจะช่วยโลกสงสารช่วยประเทศไทยเราทั่วประเทศ ต้องเอาเงินแยกไปจากทองคำไปช่วย เพราะมันจำเป็นด้วยกัน อวัยวะส่วนใหญ่ส่วนย่อยจำเป็นในตัวของเราด้วยกันหมด สำคัญอย่างนี้ ปีนี้กะว่าจะให้ได้ทองคำมากหน่อย ทีนี้ถ้าหากว่าเป็นไปตามอันนี้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใดแล้ว ๘๐๐ ล้านในเงินสมัยปัจจุบันนี้ก็คงไม่ต่ำกว่า ๒ ตัน สองตันนี้ต่อยอด สี่ตันคือ ๔,๐๐๐ กิโลนี้รวมเป็นอวัยวะเป็นตนเป็นตัวขึ้นมา สองตันจาก ๘๐๐ ล้านนี้จะขึ้นต่อยอด อย่างน้อยไม่ควรจะต่ำกว่าที่กำหนดไว้นี้
ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบตามนี้ และตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติและขวนขวายหาสมบัติเข้าสู่คลังหลวงของเรา ซึ่งเป็นชีวิตจิตใจของพี่น้องชาวไทยเราทั่วประเทศ อยู่ในจุดเดียวกันหมด หลวงตาเองก็เน้นหนักอยู่จุดนั้น ๆ เพราะฉะนั้นใครจะมายุ่ง มาแตะต้องหรือมาทำลายไม่ได้ ประหนึ่งว่าคอขาดเลยเทียว ไม่ยอมให้ทำลาย เพราะนี้เป็นหัวใจของชาติ ถ้าอันนี้ถูกทำลายก็เท่ากับชาติไทยนี้คอขาดไปหมดด้วยกัน นั่นฟังซิโทษมันหนักขนาดไหนที่มาทำลายกองสมบัติอันใหญ่หลวง เช่นคลังหลวงอันนี้ นี้คือหัวใจของชาติไทยรวมอยู่นี้หมดเลย ถ้าลงอันนี้ถูกทำลายแล้วชาติไทยของเราก็เท่ากับคอขาดไปหมดทั้งชาติ ไม่มีสาระอะไรเลย จึงต้องรักสงวนและรักษากันอย่างเข้มงวดกวดขัน
พูดตามภาษาของโลกก็เรียกว่า ใครมาแตะไม่ได้ว่างั้นเลย ต้องคอขาดใส่กันเลย คือชีวิตของชาติไทยเราอยู่ที่คลังหลวงนี้ เราก็พยายามเต็มกำลังความสามารถ ขอให้พี่น้องทั้งหลายต่างคนต่างเป็นจิตเป็นใจต่อสมบัติของตน ด้วย ๑. การขวนขวาย ๒.การรักษา รักษา ๆ แบบไหน นั่นฟังซิ เขามีเงินในบ้านสมบัติในบ้าน เขารักษาแบบไหน เรามีสมบัติในประเทศไทยของเราซึ่งเป็นที่รวมหัวใจของชาติคือคลังหลวง เราจะรักษาแบบไหน ต้องเอาให้ถึงเหตุถึงผลทุกอย่างซิ อย่าเหลาะ ๆ แหละ ๆ นะ
เราผู้ที่สอนนี้เราไม่ได้นำธรรมะข้อใดที่เป็นธรรมะเหลาะแหละมาสอนนะ สอนเป็นที่แน่ใจทุกอย่าง ๆ การสอนพี่น้องทั้งหลายในเวลาออกช่วยชาตินี้ เราสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย มาพิจารณาดูข้อต้องติของเราในการสอนพี่น้องชาวไทย เรายังไม่เห็นนะ เรียกว่าการขวนขวาย ได้มามากน้อยเราเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียวเลย ไม่ยอมให้รั่วไหลแตกซึมไปไหนได้เลย นี่ก็เรียกว่าจริงจังต่อสมบัติ นี่ไม่บกพร่อง ได้มามากน้อยเราปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังของเรา ไม่มีคำว่ารั่วไหลแตกซึมเลย แล้วการแนะนำสั่งสอนทั้งอรรถทั้งธรรมทั้งด้านวัตถุแก่พี่น้องชาวไทย เราก็สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนกัน จากนั้นก็เรื่องอรรถเรื่องธรรมเข้าสู่ใจให้เป็นหลักเป็นเกณฑ์ นี่เรียกว่าเราสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีอะไรบกพร่อง
ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของพี่น้องชาวไทยชาวพุทธเรา จะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าปฏิบัติตามนี้แล้วจะแคล้วคลาดปลอดภัย ทั้งตัวเองและส่วนรวม ถ้าผิดพลาดจากนี้แล้วไม่ได้แน่ ผิดพลาดก็เพื่อความล่มจมนั่นแหละไม่ใช่เพื่ออะไรนะ
เวลานี้ชาติไทยของเรากำลังอยู่ในมรสุม เราเองเป็นผู้นำนี้ก็อดสลดสังเวชไม่ได้ มันหากเป็นอยู่ในใจ พยายามที่สุดที่จะทำชาติไทยของเราให้ฟื้นฟูขึ้นมา ทั้งด้านวัตถุและศีลธรรม มีความมุ่งหมายเต็มหัวใจ ที่นำออกสอนก็สอนแบบนั้นด้วย ครั้นแล้วก็เรื่องข้าศึกศัตรูมันก็เกิดเป็นหนอนในไส้ของเรานั้นแหละ มันเกิดขึ้นอยู่เวลานี้น่ะ แบบไม่มองบุญมองบาป ไม่มองเหตุมองผล ไม่มองผิดมองถูกประการใดเลย มองแต่จะเอาจะให้ได้ท่าเดียว ๆ นี้คือตัวร้ายกาจมากที่สุด เลวที่สุด ในใจกลางของชาติไทยเราเวลานี้ เราเกิดมาเราพูดจริง ๆ เราก็ยังไม่เคยเห็น พึ่งเริ่มมาเจอตอนนี้ จึงได้เตือนได้ต้านทานด้วยอรรถด้วยธรรม เพื่อเข้าสู่ความพอเหมาะพอดี ควรหนักก็หนัก ควรเบาก็เบา เป็นธรรมดาของเหตุการณ์ที่ควรจะหนักเบามากน้อย การแนะนำสั่งสอนจะออกไปตามนั้น ๆ
ให้ต่างคนต่างมีเหตุมีผลมีหลักมีเกณฑ์ ต่างคนต่างเป็นนักเสียสละเพื่อชาติไทยของเราทุกคน ๆ ถ้าต่างคนต่างเสียสละเพื่อเหตุเพื่อผลโดยความถูกต้องเป็นธรรมแล้ว ชาติไทยของเราจะแน่นหนามั่นคง ทั้งวัตถุและทางด้านจิตใจนะ ถ้าจิตใจอ่อนเสียอย่างเดียวไม่มีความหมาย อะไรไม่มีความหมายทั้งนั้นแหละ
นี่ละเรื่องของความโลภ ความเห็นแก่ได้ ความเห็นแก่เอา เห็นแก่อำนาจบาตรหลวงป่า ๆ เถื่อน ๆ มาบีบบังคับคนทั้งชาติ ด้วยความเลวร้ายของตัวเอง ๆ เพียงเท่านี้ก็กระเทือนทั่วประเทศไทยแล้วเวลานี้ พิจารณาซิ นี่ละสิ่งเลวร้ายทั้งหลายไม่ได้มากนะ ถ้าเป็นคนก็สองสามคน สองสามคณะ คณะละไม่กี่คนรวมกันแล้วเป็นคณะใหญ่ เพียงเท่านี้สามารถทำลายชาติไทยเราได้นะ ความเลวร้าย เหมือนระเบิดนั่นแหละ นิวเคลียร์นิวตรอนลงลูกเดียวนี้หมดเลย ฟังซิ สิ่งทำลายมันง่าย ที่จะปรับปรุงขึ้นมาให้ดีนี้มันยาก ๆ เรานี้อ่อนใจเหมือนกันนะบางครั้ง แต่มันก็กรรมของสัตว์เป็นระยะเป็นเวล่ำเวลา มันก็มีของมันอย่างนั้น เราก็พยายามสอน พยายามฉุดลาก
เพราะการแนะนำสั่งสอนของเรานี้เรียกว่า เอาธรรมมาสอนโลก ธรรมนี้เหนือทุกอย่าง ไม่ได้ต่ำกว่าสิ่งใด ในสมมุตินี้ธรรมเหนือหมด เอาธรรมมาสอนจึงสอนตามเหตุตามผลตามอรรถตามธรรม หนักเบามากน้อยจะพูดไปตามนั้น สอนไปตามนั้น สอนอย่างอื่นไม่ได้ไม่ถูกธรรม ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก อย่างที่เราสอนมาเรื่อย ๆ นี่ นี้คือธรรม เป็นแบบเป็นฉบับได้ ไม่เป็นข้าศึกศัตรูต่อผู้ใด สอนให้ละชั่วทำดีเป็นหลักใหญ่
เมืองไทยเราก็เป็นเมืองพุทธ ควรจะลงกันได้ด้วยเหตุด้วยผลแห่งเราเป็นชาวพุทธ ผู้ที่ได้เปรียบด้วยความเห็นแก่ร่ำแก่รวยแก่อำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ ของตนนั้น ได้มาร่ำรวยมาด้วยวิธีการอย่างนี้ก็ไม่เห็นมีความสุขอะไร เกินกว่าเมืองไทยที่เขาถูกบีบถูกบี้นะ ผู้ที่ว่าตัวเหนือกว่า ตัวมีกำลังมากกว่า หรือตัวมีอำนาจมากกว่านี้ ผู้นี้เสียเองจะจม คนไทยทั้งชาติ หัวใจของคนไทยทั้งชาติไม่ยินดีในพิษภัยและเนื้อร้ายเหล่านี้เลยนะ นั่นฟังซิ เราจะเอาสิริมงคลมาจากไหน สมบัติเงินทองข้าวของได้มา อำนาจบาตรหลวงได้มามากน้อยจะเป็นประโยชน์อะไร เมื่อโลกไม่ยอมรับ ความถูกต้องดีงามไม่ยอมรับ เราจะเอาความผิดพลาดนี้เป็นสิริมงคลแก่เราไม่มีทาง ไม่เคยมีมาแต่กาลไหน ๆ มันควรที่จะลงรอยกันได้ ใครผิดถูกประการใดก็ควรจะแก้ไขดัดแปลงในฐานะเราเป็นลูกคนไทย นี่ศาสนาสอนอย่างนี้ ให้พากันเข้าใจเอานะ
เราไม่ได้เอารัดเอาเปรียบผู้ใด..ศาสนาไม่มี จะเอาแพ้เอาชนะกับผู้ใดก็ไม่มี..ศาสนา มีแต่สอนเพื่อความดีงามทั้งนั้น ๆ เพราะคำว่าศาสนาได้แก่ธรรม เป็นที่ตายใจได้แล้วของสัตวโลกทั่ว ๆ ไป สอนลงตรงไหนสอนลงด้วยความเป็นธรรม ๆ ทั้งนั้น เราก็เป็นลูกชาวพุทธน่าจะพิจารณาแก้ไขดัดแปลง ไม่ควรจะเห็นสิ่งที่เลวร้ายทั้งหลายว่าเป็นมหามงคลแก่ตัวเอง แต่เหยียบย่ำคนอื่นให้ฉิบหายวายปวงไปหมด อย่างนี้ใช้ไม่ได้เลย ในสายตาของธรรมเรียกว่าดูไม่ได้ว่างั้นเถอะ
หูมีตามีทุกคน ต่างคนต่างก็เรียนมาด้วยกัน ทั้งผู้ที่อยู่ในวงการหน้าที่การงานเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งผู้ที่อยู่นอกวงการซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน ต่างคนก็มีความรู้วิชาเหมือนกัน ทั้งภายในวงราชการ ทั้งนอกวงราชการ ความรู้วิชาเรียนมาทุกคน เป็นแต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของใครของเราต่อไปเท่านั้น ฉะนั้นเราก็ควรพิจารณาความผิดถูกชั่วดี เมื่อส่วนใหญ่ตำหนิตรงไหนเราควรแก้ไขดัดแปลง ไม่ควรจะไปถือทิฐิมานะดันทุรัง แบบยักษ์แบบผี แบบโจรแบบมาร แบบมหาโจรทำลายชาติของตน อย่างนี้ไม่สมควรอย่างยิ่งแก่พี่น้องชาวไทยเรา ใครเก่งขึ้นมาแบบนี้แล้วนั้นคือความเลวที่สุด ตีตรากันไว้ตลอดไปเลยนะ
เช่นอย่างรัฐบาลอย่างนี้ รัฐบาลไหนเป็นรัฐบาลที่ทำลายจิตใจและสมบัติของประชาชนมากขนาดไหนเพียงไร รัฐบาลนี้ประชาชนเขาต้องการไหม ไม่มีใครต้องการ เรายกตัวอย่างกลาง ๆ อย่างนี้นะ ไม่มีใครต้องการ แล้วสิ่งที่ประชาชนต้องการก็คือความถูกต้อง กฎหมายบ้านเมืองก็มี ศีลธรรมก็มี นำเอามาประกอบบวกกันเข้าแล้วปฏิบัติตามนั้น ศีลธรรมจะเป็นศีลธรรมขึ้นมา บ้านเมืองจะมีความสงบร่มเย็นขึ้นมา ประชาชนกับวงส่วนรวม เช่น รัฐบาล เป็นต้น ก็จะเข้ากันได้ ถ้าต่างคนต่างดันทุรังแล้วดีไม่ดีประชาชนกับรัฐบาลจะฟัดกัน เราพูดจริง ๆ นี่นะ เพราะประชาชนก็มีหัวใจ รัฐบาลมีหัวใจกี่หัวใจ คนหนึ่ง ๆ มีหัวใจอันเดียวชีวิตอันเดียวกัน ประชาชนก็มีหัวใจ มีประมาณสักเท่าไร คนในเมืองไทยเรานี้ ๖๒ ล้านคนมีหัวใจทุกคน เรียนมาทุกคน ผิดถูกดีชั่วมีทุกคน มันมีแก่ใจด้วยกัน นั้นละเมื่อลงกันไม่ได้แล้วก็เป็นไปได้นะ
เราอย่าเข้าใจว่าอำนาจนี้จะเหยียบโลกไปโดยถ่ายเดียว อำนาจเหยียบตัวเอง เหยียบชาติบ้านเมืองของตัวเองลงได้ไม่สงสัย ถ้าไม่ยอมรับศีลรับธรรมคือความถูกต้องดีงามเข้ามาบวกกันแล้ว ประสับประสานกันด้วยความถูกต้องดีงาม แก้ไขดัดแปลงไปอย่างนั้นจะเป็นไปได้ ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามถ้าพูดถึงเรื่องรัฐบาล ถ้าเป็นรัฐบาลดันทุรังแล้วเป็นตีตราให้ประชาชนเขาทราบเลยว่า รัฐบาลนี้มาจากก๊กไหนนู่นน่ะ ดีไม่ดีเขาจะถามทางนู้นนะ มาจากก๊กไหน ใครเป็นก๊กรัฐบาลนี้ เขาจะตีตรากันไปโน้น แล้วเป็นยังไงคนทั้งชาติตีตราแล้วเป็นยังไง ใครมีความปรารถนายังไง แล้วจะเอาอำนาจวาสนา เอาอำนาจบาตรหลวงมาจากไหนมาบังคับคนทั้งชาติ บังคับไม่ได้นะ คนมีหัวใจทุกคน ให้คิดอย่างนี้ด้วยกันผู้ปกครองบ้านเมือง ถึงจะถูกต้องดีงาม
กฎหมายบ้านเมืองก็มี ความถูกต้องดีงามมีไว้สำหรับพาพี่น้องชาวไทยทั้งชาติดำเนินในฐานะที่เราเป็นผู้นำ ก็ต้องดำเนินด้วยความถูกต้องดีงาม อย่ากีดอย่าขวางอย่าขัดอย่ากันอย่าทำลายกันด้วยความไม่เป็นธรรม เด็กมันก็รู้ สิ่งใดไม่เป็นธรรมเด็กก็รู้ ยิ่งศาสนาด้วยแล้วรู้ละเอียดลออมากทีเดียว นอกจากไม่แสดงออกมาเท่านั้น อะไรจะละเอียดลออยิ่งกว่าศาสนา กฎหมายบ้านเมืองหรือหลักวิชาเรียนมานี้ เป็นหลักวิชาของวัฏจักร หลักวิชาของกิเลสต่างหากนะ วิวัฏจักรวิชาธรรมของพระพุทธเจ้าที่แสดงออกมาประกาศสอนโลกนี้ เป็นวิชาเหนือโลกทุกอย่าง ทำไมจะไม่รู้เรื่องโลกเรื่องวัฏจักร วิชาของวัฏจักรมันเดินยังไง วิชาของธรรมเดินยังไง ความผิดถูกชั่วดีมันจะออกแง่ไหนทำไมธรรมจะไม่รู้ รู้หมด นั่นละ
ท่านสอนท่านเอาสิ่งที่ถูกต้องดีงามมาสอนพวกเรา ควรจะฟังเสียงซิเราเป็นลูกชาวพุทธ ฝืนไปทำไมฝืนพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะฝืนธรรม ธรรมของพระพุทธเจ้าทุกองค์แสดงแบบเดียวกันหมด ไม่มีอะไรขัดแย้งกันแม้พระองค์เดียวไม่มี ถูกต้องดีงามเหมือนกันหมด จึงเรียกว่าธรรมนี้เป็นคู่โลกคู่สงสาร
เราเป็นลูกชาวพุทธควรจะปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ให้เหมาะสมกับชาติบ้านเมืองของเรา เมืองนอกเขาจะไม่ได้ชี้หน้าชี้ตา โหย เขาดูถูกเหยียดหยามนะเวลานี้ เขาเริ่มดูถูกเหยียดหยามแล้วว่า เมืองไทยเรานี้กำลังเรียนวิชาหมา จะมากัดกัน หางไม่มีละ กำลังจะเริ่มกัดกัน ใครก็ว่าใครเก่ง ๆ เก่งต่อเก่งมันก็ฟัดกันได้ ทางหนึ่งเก่งผิด ทางหนึ่งเก่งถูก มันจะเอากันตรงนั้นละ ผู้ถูกมันจะยอมรับผิดได้ยังไง ผู้ผิดไม่ยอมรับถูก มันก็ฟัดกันล่ะซิ ถ้าต่างคนต่างปรับปรุงเข้าความถูกต้องนี้ มีเท่าไรอยู่กันได้ทั้งนั้นมนุษย์เรา ให้พากันจำข้อนี้เอาไว้ นี้คือธรรมสอนโลก เราสอนไว้อย่างกลาง ๆ อย่างนี้
เราไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้ใด เราพูดตรง ๆ หัวใจเราไม่มีแล้วในโลกธาตุอันนี้ที่จะมาเกี่ยวข้องกับหัวใจเราว่า ไปยึดเอาคนนั้นมาเป็นพิษ ไปยึดเอาคนนี้มาเป็นภัย เป็นข้าศึกศัตรูหรือเป็นมิตรต่อเรานี้ เราไม่ได้ยึด วางเสมอภาคไปโดยหลักธรรมชาติของจิตที่พอตัวแล้วทุกอย่าง เป็นธรรมธาตุล้วน ๆ นำธรรมธาตุนี้มาสอนโลก เราไม่ได้สอนธรรมดานะ เราจึงพูดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกอย่างของธรรมที่เห็นว่าถูกต้องดีงาม เปิดทุกอย่างให้พี่น้องชาวไทยได้ทราบทั่วถึงกัน เราไม่มีคำว่าแพ้ว่าชนะ เราไม่เคยมี เหนือทุกอย่างแล้วธรรมธาตุอันนี้ จะมาเอาแพ้เอาชนะกับกองขี้หมูขี้หมาอะไร
วัฏจักรก็เท่ากับถังขยะนั่น มาเอาแพ้เอาชนะกับขี้หมูขี้หมามีอย่างเหรอคนทั้งคน ไปตีกองมูตรกองคูถ ไปเอาแพ้เอาชนะกับกองมูตรกองคูถ คนทั้งคนมันน่าดูไหมพิจารณาซิ นี่กองมูตรกองคูถอยู่ตรงนี้ คนนั้นไปฟัด ทั้งเตะทั้งต่อยทั้งถีบทั้งยัน ฟาดจนติดหน้าเจ้าของเลอะหมดทั้งตัวเป็นยังไง คนไปเล่นกองมูตรกองคูถ จะถือว่าตัวเป็นคนเตะคนต่อย กองมูตรกองคูถมันเละเทะอยู่เฉย ๆ มันแพ้เราวันยังค่ำ แพ้ก็แพ้แต่หน้ามันเลอะด้วยขี้ นี้คือกองมูตรกองคูถ เลวยิ่งกว่ากองมูตรกองคูถไปอีกคนผู้ชนะคนนี้น่ะ เข้าใจไหม คนที่เอาชนะคนอื่นด้วยทิฐิมานะ ด้วยความดันทุรังนี้ก็เป็นแบบเดียวกันนั่นละ ไม่ยอมลงใคร ตัวนี้ตัวเลอะนะ
แล้วประชาชนอย่าเข้าใจว่าเป็นมูตรเป็นคูถนะ ไม่ได้เป็นมูตรเป็นคูถ อันนี้เป็นข้อเปรียบเทียบเฉย ๆ ความเลวร้ายที่จะไปต่อสู้กัน นี่หมายถึงธรรมที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับโลกมูตรคูถ มาเกี่ยวข้องกับมันได้ยังไง ความหมายว่าอย่างนั้น จึงไม่มีคำว่าแพ้ว่าชนะกับกองมูตรกองคูถกองถังขยะเหล่านี้เลย มีแต่เมตตาสงสารสั่งสอนให้เป็นอรรถเป็นธรรมเท่านั้น นี่ละข้อเปรียบเทียบระหว่างธรรมกับโลก ระหว่างวิวัฏธรรมกับวัฏจักรต่างกันอย่างนี้ แล้วจะมาเอาแพ้เอาชนะกับมันทำไม ความหมายว่าอย่างนั้น นอกจากสอนให้ดิบให้ดีให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเท่านั้น
ให้พากันฟังเสียงอรรถเสียงธรรมบ้างซีเราเป็นลูกชาวพุทธ ไม่ใช่เปรตใช่ผี สร้างภาพเรื่องเปรตเรื่องผีไว้ แต่ตัวตายไปแล้วจะไปอยู่โลกไหนล่ะ โลกไหนก็ไม่ใช่โลกเหนือกรรมนะ สร้างมากเท่าไรกรรมชั่วยิ่งได้มาก กรรมดีสร้างมากเท่าไรยิ่งได้ดี เรื่องอำนาจของกรรมไม่มีใครบังคับบัญชาได้ สัตว์ตัวเดียวไม่มี ในสามแดนโลกธาตุนี้ พระพุทธเจ้าก็ยอมรับกรรม จึงได้นำกรรมมาสอนโลกว่า กรรมนี่เหนือทุกอย่าง กรรมดีมีอำนาจเต็มส่วนของกรรมดี กรรมชั่วมีอำนาจเต็มส่วนของกรรมชั่ว ถ้าใครรักความชั่วเกลียดความดี คนนั้นจะเจอตั้งแต่ของเลว ๆ ที่สุดทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ในภพใดชาติใดมีแต่ความเลวร้าย มีแต่ความทุกข์ความทรมานประจำตัวเต็มหมด ถ้าคนใดสร้างความดี ไปที่ไหนเคลื่อนไปไหน มีตั้งแต่ความดี ๆ ตลอดไปเลย จำเอา เอาละวันนี้ ให้พร
พวกเด็กทั้งหลายก็จำเอานะที่หลวงตาสอนนี่ สอนเป็นกลาง ๆ ให้เป็นคนดีทุกคน เด็กเริ่มเรียนหนังสือก็เริ่มเป็นผู้เป็นคน คนดิบคนดีจะนำชาติบ้านเมืองไปได้ ถ้าเด็กเลวใช้ไม่ได้นะ
เราทำประโยชน์ให้โลก วันหนึ่ง ๆ โถ โกยของออกไปทานน้อยเมื่อไร เมื่อวานนี้ก็มา ๓ โรง โรงพยาบาล วันละ ๓ โรง ๔ โรง บางวันถึง ๙ โรงก็มี มานี่เอาของให้เต็มรถ ๆ ไปหมดทุกคัน ตบท้ายให้ก็เติมน้ำมันให้ทุกคันรถเลย อย่างนี้เป็นประจำ น้ำมันเราก็มีปั๊มอยู่นั่น ปั๊มน้ำมันเราเป็นถัง ๆ น้ำมันก็หลายประเภทแล้วแต่รถจะควรกับน้ำมันชนิดใด เราก็ให้ชนิดนั้นไปเรื่อย ๆ นี่เราช่วยโลก พิจารณาซิพี่น้องทั้งหลาย จะมีอะไรติดเนื้อติดตัว วันหนึ่ง ๆ โถ จ่ายนี้แหม ไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว เราอยากคุยว่าองค์ไหนน่ะที่จะมาแซงการทำบุญให้ทานของเราได้ ว่าอย่างนั้นเลยนะ เรายังไม่เห็นนี่
เราไม่ใช่ยกตนข่มท่านนะ เราทำเต็มกำลัง เราไม่เคยมีเงินติดเนื้อติดตัวเรานะ อย่างที่เขาร่ำลืออยู่ทั่วประเทศไทยตลอดถึงเมืองนอก หลวงตาบัว ๆ รู้กันหมด เขาต้องยกฐานะให้หลวงตาบัวเป็นมหาเศรษฐี มหาเศรษฐีเงินไม่มีใครเกินหลวงตาบัว ครั้นมาดูตัวจริงแล้ว โอ๋ หนูก็มีแต่ร่างกระดูกของหนู ไม่มีเนื้อติดตัวหนูเลย นั่นละหลวงตาบัวเป็นหนู อ้าว จริง ๆ ไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว นี่ละอำนาจแห่งความเมตตาไม่ใช่อะไรนะ หมดแล้วยังอยากให้ อย่าว่าแต่มีอยู่อยากให้เลย หมดแล้วยังอยากให้ นี่ละความเมตตา
ไม่ได้เหมือนความตระหนี่ ความตระหนี่ได้เท่าไรไม่พอ ๆ เอารัดเอาเปรียบทุกแง่ทุกมุม คือความตระหนี่ถี่เหนียว เป็นภัยของโลกทั้งนั้น อันนี้เป็นคุณต่อโลก ไปที่ไหนเย็นไปหมดเลย อ้าว จริง ๆ เราไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวนะ ให้นี้แหม ทั่วประเทศไทยเลยนะ เช่น การสงเคราะห์คนทุกข์คนจนนี้ ที่เราเคยประกาศ อันไหนที่เป็นเรื่องของบุคคลโดยเฉพาะ ๆ เรารักษาเกียรติ เขามีเกียรติเหมือนกันมนุษย์ มีเกียรติเหมือนกัน ให้เฉพาะเป็นราย ๆ แล้วผ่านเลย ๆ เหมือนไม่ได้ให้
เช่นอย่างเราเทศน์อยู่หน้าวัดวันเกิดนั้น คนที่ได้รับการสงเคราะห์จากเราไม่น้อยนะ นั่งฟังอยู่ตามแถวนั้น เข้าใจไหมล่ะ นี่เราให้แบบเงียบ ๆ เขาได้แบบเงียบ ๆ เขาก็ทราบล่ะซีเราประกาศออกไป ค้านไม่ได้พวกนี้ เต็มท้องนาอยู่นั่นน่ะ คนที่รับการสงเคราะห์จากเราแบบนี้มากขนาดไหน เพียงเท่านั้นก็ทราบแล้ว นี้ทั่วประเทศไทย ทุกภาคนะเราให้ ให้แบบเงียบ ๆ เท่าไร ๆ บางทีเป็นล้าน ๆ ล้าน ๆ นู่นน่ะไม่ใช่เล่นนะ คือสงเคราะห์ตามความจำเป็นจริง ๆ เช่น ถูกบีบถูกบังคับ ถูกคดโกงรีดไถ เขาเป็นคนดี สืบทราบละเอียดลออมาตั้งแต่ต้นตอ สมควรจะได้รับสงเคราะห์แล้วเราให้เลย
ทุ่มลงเป็นล้าน ๆ ก็มี เป็นล้าน ๆ ล้าน ๆ ก็มี คือไม่อย่างนั้นจมเลยไม่มีทางเลย เอามาไต่ถามเรื่องราวอะไร ๆ นี้เป็นคนดี แต่ถูกคดถูกโกง คงจะเป็นกรรมของเขาแต่ชาติก่อน เลยแก้กรรมให้เขา อย่างนี้ละที่เงียบ ๆ เป็นอย่างนี้ละ โห ไม่ใช่เล่น ๆ นะช่วยโลกนี่ เพราะฉะนั้นใครจึงจะมาหาเรื่องหาราวว่าหลวงตาบัวมีอะไรกับใคร ซุบ ๆ ซิบ ๆ ว่าหลวงตาบัวเอาเงินไปรั่วไหล อย่ามาหาเรื่องนะบอก หาเท่าไรก็ไม่มี สำหรับเราไม่มีจริง ๆ ขนาดนั้น ใครจะมาหาเรื่องหาราวกับเราอะไร ๆ เป็นเรื่องเอาไฟเผาปากตัวเอง ๆ ทั้งนั้นแหละ ไม่ได้เผาปากเรานะ เราทำด้วยความบริสุทธิ์ต่อโลก
นี่ที่ว่าเราช่วยทั่วประเทศไทย คือทุกภาค ให้แบบเงียบ ๆ ให้ทั่วไปหมด อันนี้เงียบเลยไม่บอก เพราะฉะนั้นเวลาเราเทศน์อยู่นั้น คนที่เขารับสงเคราะห์จากเรามีน้อยเมื่อไรอยู่ในนั้น เขารับทราบ ๆ แล้วเขาก็รู้เฉพาะ ๆ เหมือนอย่างที่เราให้เฉพาะ ก็อย่างนั้นละพิจารณาซิ ส่วนใดที่เราจะพูดบ้าง เช่น เขาออกหนังสือพิมพ์ เขาถ่ายภาพมา เขียนบ้านเลขที่อะไร ๆ เรียบร้อยแล้วเราก็ติดตามไปดู ถ้าบ้านเช่นนั้นเวลาเราสงเคราะห์มาแล้ว เราอยากพูดก็ได้ไม่อยากพูดก็ได้ เพราะเป็นสาธารณะแล้ว ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะแล้วเราจะเป็นเฉพาะ เราไม่เหมือนใครถ้าว่าเฉพาะ-เฉพาะเลย ถ้าว่าเปิดก็เปิดได้ เปิดเต็มที่ก็ได้ ถ้าอันไหนปิดเต็มที่ปิดเลย
เพราะเราไม่ต้องการชื่อเสียงกิตติศัพท์กิตติคุณ ว่าได้ช่วยคนนั้นคนนี้เอาหน้าเอาตา เราไม่ต้องการ มีแต่การสงเคราะห์โลกด้วยความเมตตาของเรา ให้เขาได้รับความสุขจากการสงเคราะห์จากเรา เราเป็นที่พอใจ ๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงผ่านไปเงียบ ๆ ไม่ว่าใกล้ว่าไกล ฟังแต่ว่าทั่วประเทศไทย เดินไปไหนเห็นไปหมด บางทีปลูกบ้านให้บ้างอะไรบ้าง บางทีบ้านเขาปลูกแล้วจะถูกริบ ถูกริบด้วยเหตุผลกลไกอะไรสืบทราบอีก ไม่ใช่ว่าปลูกบ้านแล้วเขามาริบ แล้วจ่ายให้ ๆ ไม่นะ เราต้องตามให้ถึงต้นตอ ด้วยเหตุผลกลไกอะไร เอ้า ช่วยเลย ๆ ผ่านเลย ช่วยเลย ผ่านเลย อยู่อย่างนี้
ให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า เรานี้ไม่มีอะไรกับใครเลยในโลกอันนี้ ไม่มี ใครจะมาหาเรื่องหาราวอะไรก็เป็นอย่างว่าละ เป็นไฟเผาปากมันเอง นี่ก็ยังบอกไว้แล้วว่า เวลาเราตายนี้ งานศพของเรามีผู้นำมาบริจาคมากน้อยเพียงไร เราเขียนพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว หลักฐานพยาน ชื่อของเราก็ลงเรียบร้อยในพินัยกรรม เวลาเราตายแล้ว เงินทั้งหมดที่เขานำมาเผาศพเรา จะไม่ให้นำออกไปใช้ประโยชน์อย่างใด ทั้งหมดเลยนะ เราจะนำเงินก้อนนี้เข้าซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมดเลย นี่เรียกพินัยกรรม ในการเผาศพเรา
เวลาเรามีชีวิตอยู่เราก็ช่วยโลกอย่างนี้เต็มกำลังความสามารถ เวลาตายไปแล้วสมบัติเงินทองข้าวของที่พี่น้องชาวไทยมาบริจาคเพื่อเผาศพเรานั้น เราจะเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมด สำหรับตัวหลวงตาเองนั้นจะเผาด้วยไฟ ไม่ได้เผาด้วยเงิน เงินเอาไปทำประโยชน์อย่างอื่น ไฟเป็นประโยชน์จะเผาเรา เอามาเผาเรา เอาละเลิก ๆ
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
www.luangta.com