เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
อัศจรรย์สองหน
ท่านแบน วัดดอยธรรมเจดีย์ เคยรับกฐินเขาเสร็จแล้วยกมาถวายวัดป่าบ้านตาดอยู่เสมอ วันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงก็จะยกขบวนจากโน้น พอเขาถวายกฐินเสร็จที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ก็จะยกขบวนมาถวายวัดป่าบ้านตาด มาถึงนี้ก็ในราวเที่ยงพอดี วัดดอยธรรมเจดีย์นี้เคยกระเทือนจิตเราอยู่สองสามพักนะ พักหนึ่งที่ไปอัศจรรย์ตัวเองก็อยู่วัดดอยธรรมเจดีย์ อัศจรรย์ลมๆ แล้งๆ ไปอย่างนั้นละ ยังไม่ถึงขั้นอัศจรรย์จริงๆ ก็อยู่วัดดอยนี้แหละ เดินจงกรมอยู่ตอนตี ๔ ตี ๕ ทางจงกรมจากทิศใต้ทิศเหนือยาว ตี ๔ ไปเดินจงกรมอยู่จิตมันสว่างไสวมันว่างไปหมดเลย ยืนอยู่พื้นแผ่นดินนี้แต่จิตมันว่างหมดเลย นี่ก็ไปอัศจรรย์ตัวเอง มันขึ้นอุทานภายในใจ โอ้โห จิตของเราทำไมถึงอัศจรรย์เอานักหนา ทั้งสว่างไสวทั้งว่างไปหมดเลย
ความคิดเหล่านี้มีตอนตี ๔ เช้าๆ สักเดี๋ยวผุดขึ้นมา พอเราอัศจรรย์จิตของเราที่มันสว่างไสวมันว่างหมดเลย มันก็อุทานขึ้นมาว่า ทำไมจิตของเราถึงได้สว่างไสวอัศจรรย์เอานักหนา พอหยุดลงก็มีธรรมะผุดขึ้นมา คือมันว่างหมด แต่จุดตรงกลางที่มันว่างมันไม่ว่าง พระธรรมท่านก็สอนขึ้นมาตรงนั้นเลย ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ คือจุดต่อมแห่งความสว่างไสว เหมือนตะเกียงเจ้าพายุ ไส้ตะเกียงมันใสกระจ่างแจ้ง ตรงนั้นละมันเป็นจุดสว่างไสว บอกว่าถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ เราเลยงง แก้ปัญหาไม่ตก
ถ้าเล่าให้พ่อแม่ครูจารย์ฟังในขณะนั้นที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นี้ ท่านจะจี้ทันที ก็จุดนั้นแหละทันทีเลย ดีไม่ดีมันจะบรรลุธรรมในเวลานั้นเลย ก็มันมีจุดเดียวเท่านั้น ออกจากนั้นมันก็หมด จิตอันนี้มันว่างไปหมดโลกธาตุ มันสว่างไสว เลยอัศจรรย์ตัวเอง ทำไมถึงได้อัศจรรย์นักหนาจิตนี้ แล้วพระธรรมท่านก็เตือน กลัวจะหลง คือมันว่างไปหมด ตัวภายในมันยังไม่ว่าง ท่านจึงบอกว่าถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ ตัวนี้แหละตัวภพ ถ้าเล่าถวายพ่อแม่ครูจารย์ฟังท่านจะจี้ตรงนั้น อาจจะบรรลุผึงในเวลานั้นเลยก็ได้ แต่นี้ท่านเสียไปแล้ว เราไปเป็นตอนเดือน ๓ เดือน ๖ ก็มาปลงกันที่นั่น วัดดอยธรรมเจดีย์จึงกระเทือนใจอยู่ถึงสองพักทีเดียว
คราวหนึ่งก็พักอัศจรรย์ตัวเอง พักที่สองอัศจรรย์สุดขีด เป็นสองพักวัดดอยธรรมเจดีย์ เวลามันว่างมันว่างจริงๆ มันน่าอัศจรรย์อยู่นะ มันว่างหมดเลยเทียว จิตนี้สว่างจ้าครอบไปหมด ทั้งๆ ที่กิเลสยังมีอยู่มันก็อัศจรรย์ขนาดนั้น บทเวลาถึงขีดมันแล้วที่ว่าตัวสว่างจ้าหมดเลย ดับหมดเลย สว่างธรรมชาติแท้ขึ้นมาแทน คือมีอยู่นั้นแล้วอันนี้ปิดเอาไว้เฉยๆ พอสว่างอันนี้ตกไปปั๊บ สว่างอันนี้ก็จ้าครอบเลย วัดดอยธรรมเจดีย์เป็นอยู่สองครั้งเราไม่ลืมนะ ครั้งที่มันสว่างข้างนอกแต่ข้างในยังท่านก็บอกว่า ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ นี่ตัวนี้ยังไม่ว่าง แล้วก็มาปลงกันตรงนี้ละ ปลงอันนี้ลงที่วัดดอยธรรมเจดีย์ตอนเดือน ๖ กลับมา ขึ้นวัดดอยของเก่า เดือน ๓ ขึ้นไปไปสว่างอย่างนั้นละ พอกลับมาเดือน ๖ ความสว่างอันนี้หายไป ความสว่างธรรมชาติแท้ขึ้นมาแทนที่เลย ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ เป็นของอัศจรรย์สองหนนะเรา
วันนี้เป็นวันปวารณา วันออกพรรษาว่างั้นนะ เข้าพรรษาครบไตรมาส ๓ เดือน ก็มาครบวันนี้ แล้วออกวันนี้ ครบ ๓ เดือน ตามธรรมดาพอออกพรรษาแล้วนี้ท่านก็เตรียมออกเที่ยวละพระกรรมฐาน อยู่จำพรรษาในสถานที่ที่จำกัด พอออกพรรษาแล้วนี้ท่านก็ออกเที่ยวละ เที่ยวเบื้องต้นนี่ก็อยู่ตามป่าเสียก่อน ยังไม่ขึ้นภูเขา พอตอนเดือนมีนา เมษา หน้าร้อนนี่ขึ้นเขา อยู่บนถ้ำบนอะไรเย็นๆ สบายๆ ตอนนี้อยู่ตามป่าไม้ธรรมดา พอเดือนมีนาเข้าไปแล้วก็ขึ้นภูเขา ขึ้นอยู่บนถ้ำ เย็น ในถ้ำมันเย็นสบายดี
นี่ท่านแบนก็จะมาตอนเที่ยงวันพรุ่งนี้ ท่านรับกฐินเสร็จแล้วเคยยกมาถวายวัดนี้หมดเลยนะ ท่านแบน วัดดอยธรรมเจดีย์ เอามาถวายวัดนี้หมด พอถวายวัดนี้ ทีนี้กระจายออกทั่วโลกเลย มาถึงจุดนี้แล้วออกๆ ทั่วโลกเลย ออกหมดละวัดนี้ ไม่มีเก็บ ไม่เก็บอะไรวัดป่าบ้านตาด สงเคราะห์โลกล้วนๆ เลย ได้มามากน้อยออกหมดๆ ไม่มีคำว่าเก็บ ออกหมดเลย
วันนี้คนก็เต็มศาลา ศาลาหลังนี้น้อยเมื่อไร ดูซิ แต่วันเช่นนี้ไม่มีความหมายเต็มหมดเลย นี่ก็กระทิงแดงละมาสร้างศาลาใหญ่หลังนี้ขึ้นมา สั่งไม้มาจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว ต้นเสาๆ สั่งมาจากเมืองนอก มาอยู่ตั้งสองปี ว่าจะสร้างทีไรก็กลัวโดนดุๆ เห็นว่าเราไม่ชอบการก่อสร้าง สุดท้ายก็เลยมาสารภาพ จะมาปลูกที่นี่ว่างั้นนะ หยั่งเสียงเรา มาปลูกที่นี่ ไม่ปลูกที่อื่นแหละ เล่าเหตุเล่าผลให้ฟังเรียบร้อย เหตุผลก็ดีทุกอย่าง เราก็อนุญาตทันทีเลย เอ้า สร้างได้ว่างั้น เพราะตอนนั้นตอนช่วยชาติเวลาฝนตกคนเปียกปอนหมด ไม่มีศาลาพัก เปียกหมดเลยคน ก็เลยสร้างในเวลานั้น ศาลาใหญ่หลังนี้สร้างขึ้นมา นี่ละเวลาคนมามากๆ ดูซิ แน่นหมดเลย คนมาก
ทองคำเราที่ขนเข้าคลังหลวงคราวนี้เท่าไร (๑๑,๕๘๕ กิโล) นี่ละทองคำที่เราขนเข้าคลังหลวงคราวนี้ได้ ๑๑,๕๘๕ กิโล ทองคำล้วนๆ เอาเข้าคลังหลวงที่ช่วยชาติคราวนี้ ทองคำตั้ง ๑๑,๕๘๕ กิโล ไม่ใช่น้อยๆ นะ กองพะเนินทองคำเราเข้าคลังหลวง เราพยายามขนเข้าคลังหลวงให้มากๆ มีแต่ขนเข้าละเรา ไปที่ไหนตีเข้ามาๆ ขนเข้ามาในคลังหลวงของเรา สำหรับดอลลาร์นั้นได้เพียง ๑๐,๒๐๐,๐๐๐ กว่า ดอลลาร์ที่เข้าคลังหลวง จากนั้นดอลลาร์ก็ออกมาช่วยเงินไทย เงินไทยช่วยโลกไม่พอใช้ เพราะเราหยุดเทศน์ จตุปัจจัยไทยทานมันก็หมดไปตามๆ กัน ทีนี้ความจำเป็นของคนที่มาขอร้องความช่วยเหลือจากเรานี้ ไม่หยุด มากต่อมาก ก็เลยต้องเอาเงินดอลลาร์เข้ามาช่วยสมทบกับเงินไทยออกช่วยโลกเวลานี้ คือออกช่วยโลกสร้างนั้นสร้างนี้ ส่วนมากเป็นโรงพยาบาล โรงพยาบาลนี้มาทั่วประเทศไทยนะ แต่ภาคอีสานรู้สึกจะมากกว่าเพื่อนหน่อย เพราะเป็นภาคคนจน ภาคอื่นก็ไปหมดทั่วประเทศ ที่ช่วยโรงพยาบาล สร้างนั้นสร้างนี้ให้หมดเลย
ที่ทางโน้นมาอนุโมทนามาช่วยเหลือ ก็เพราะเห็นว่าทางวัดป่าบ้านตาดนี่ออกช่วยชาติอยู่แล้ว มีเท่าไหร่มาก็ออกหมดเลย วัดป่าบ้านตาด ออกช่วยชาติบ้านเมืองของเราหมด สำหรับในวัดนี้ไม่ให้เก็บ ไม่ให้มีเก็บอะไรเลย มีแต่ออกๆ ทั้งนั้น ได้มากได้น้อยออก เรียกว่าออกทั่วประเทศทุกภาค เราออกทั้งหมด ทางไหนจำเป็นอะไรๆ ส่วนมากจะเป็นโรงพยาบาล สร้างตึกสร้างอะไร เครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศไทย เราออกช่วยตลอด เฉพาะดวงตาก็ตั้งร้อยกว่าล้าน ศูนย์ดวงตานี้ ร้อยเท่าไหร่ล้านนะ (๑๕๓ ล้าน ๑ แสน) เอ้อนี่เฉพาะตาล้วนๆ ๑๕๓ ล้าน อย่างอื่นไม่นับ
ตานี่ไปกว้างขวางมาก ไปทางไหนๆ บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เชียงใหม่ (มันจะมีโรงพยาบาลอุดรธานี ศูนย์ปิ่นปัว สาธารณรัฐประชาชนลาว โรงพยาบาลบุรีรัมย์ โรงพยาบาลมหาราช นครเชียงใหม่ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลจังหวัดเลย โรงพยาบาลหนองบัวลำภู โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น สกลนคร โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ อุดรธานี โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ โรงพยาบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี โรงพยาบาลนครปฐม โรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โรงพยาบาลอำนาจเจริญ รวมทั้งหมด ๑๘ โรงพยาบาล ที่หลวงตาเมตตาให้เครื่องมือแพทย์รักษาดวงตา) นี่เฉพาะตานะ ๑๕๓ ล้านหนึ่งแสน เฉพาะตา ที่อื่นไม่นับ ก็มาเท่าไรมันก็ออกหมดช่วยทั้งนั้น โห เยอะอยู่นะ เยอะอยู่ ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน
ให้พากันตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตามศีลตามธรรมนะ ของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมชั้นเอก เยี่ยมยอด ยอดเยี่ยมที่สุด ให้พากันมีธรรมอยู่ในใจ อยู่ในบ้านในเรือน ไปอยู่ที่ไหนให้มีธรรมอยู่ภายในใจ มีพุทโธๆ เป็นต้นนะ ให้ติดใจ จิตถ้าประหวัดถึงธรรมแล้วจะไม่โหดร้ายทารุณ ถ้าจิตระลึกถึงธรรมปั๊บจะสงบเหมือนกับน้ำดับไฟ ไฟคือกิเลส น้ำคือธรรม พอระลึกถึงธรรมนี้ สิ่งทั้งหลายที่มันร้ายแรงจะสงบลงๆ ธรรมเป็นของสำคัญมาก เป็นน้ำดับไฟ เราก็ช่วยเต็มกำลังละ ช่วยโลกคราวนี้ ช่วยทุกสิ่งทุกอย่างหมดเลย เราไม่เอาอะไรทั้งนั้น เราช่วยโลกทั้งหมดเลย ทุกสิ่งทุกอย่างออกกระจายทั่วโลก เรียกว่าช่วยโลก เราไม่เอาอะไร เราพอทุกอย่างแล้ว
การหาธรรมเราก็พูดจริงๆ ท่านทั้งหลายเคยได้ยินไหม การหาธรรม เสาะแสวงหาอรรถหาธรรม หาบุญหากุศล เราหยุดหมดแล้ว เราไม่หา หาบุญก็ไม่หา หาธรรมก็ไม่หา มารวมอยู่ที่ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกัน พอใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้ว สิ่งทั้งหลายก็หมดปัญหาโดยสิ้นเชิง มารวมอยู่ที่ใจกับธรรมเป็นธรรมธาตุอันเดียวกัน ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้ว ยุติหมดเลย ไม่หาอะไร พออยู่ที่นั่นหมด นี่ท่านว่าหาธรรม มาบรรจุหรือมาเต็มตื้นอยู่ที่ใจ พอใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วก็หมดการที่จะหา หาอะไรอีก ให้มันเห็นชัดๆ ในใจ
คำพูดเช่นนี้ท่านทั้งหลายเคยได้ยินไหม หลวงตาบัวก็ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยคิดแต่ก่อน แต่เมื่อมาเป็นอยู่ที่หัวใจแล้วพูดได้เต็มปาก พอใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วก็ไม่ทราบจะไปหาธรรมที่ไหน ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันเรียกว่าธรรมธาตุ อยู่ที่นั่นหมด สว่างจ้าอยู่ นั่นละธรรมแท้เป็นอย่างงั้น มารวมอยู่ที่ใจ ทุกข์มหันตทุกข์ก็มารวมอยู่ที่ใจ สุขเป็นบรมสุขก็มารวมอยู่ที่ใจ ใจเป็นที่รับทราบเรื่องความสุขความทุกข์ทั้งมวลสามแดนโลกธาตุมารวมอยู่ที่ใจ สุขบรมสุขก็อยู่ที่ใจ มหันตทุกข์ก็อยู่ที่ใจ
เมื่อใจชำระซักฟอกให้เรียบร้อยทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกัน กลายเป็นธรรมธาตุล้วนๆ แล้ว ใจนั่นละแสนสบาย บรมสุขอยู่ที่นั่น หาแล้วมาเจอที่ใจนะ หาธรรมก็หา มารวมอยู่ที่ใจ หาสุขหาทุกข์ เวลามารวมๆ อยู่ที่ใจ ทุกข์เป็นมหันตทุกข์ก็อยู่ที่ใจ เวลาชำระกิเลสตัวเป็นภัย สั่งสมทุกข์ขึ้นมาต่อสัตว์โลกให้สิ้นซากลงไปแล้วก็เป็นบรมสุขขึ้นมาที่ใจ
ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ เราพูดนี่เราพูดได้อย่างเต็มปาก เราหาได้อย่างเต็มใจแล้ว ไม่มีอะไรบกพร่องแล้วภายในใจของเรา เราจึงกล้าสามารถเทศนาว่าการได้ทุกแห่งทุกหน อย่าว่าแต่มนุษย์มนา เทวดาอินทร์พรหมก็เทศน์สอนได้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ฐานะที่มนุษย์จะมาฟังเสียงเทศน์เทวดา คือไม่จำเป็นต้องพูดถึง เวลาพูดถึงมนุษย์ เทวดาก็ไม่มาเกี่ยวข้อง เทวดาก็เป็นเทวดา มนุษย์เป็นมนุษย์ เวลาสอนเทวดา มนุษย์ก็ไม่ไปเกี่ยวข้อง เทศน์สอนเทวดา
ธรรมของพระพุทธเจ้าสอนได้หมด ภพฺพาภพฺเพ วิโลกานํ เล็งญาณดูสัตวโลกใครจะมีนิสัยปัจจัยมากน้อยเพียงไร ควรจะได้บรรลุธรรมขั้นใดๆ ทรงทราบในเวลาทรงเล็งญาณนั่นแหละ ตอนเที่ยงคืน อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหากํ ทรงแก้ปัญหาและเทศนาว่าการอบรมพวกทวยเทพทั้งหลายนับแต่ท้าวมหาพรหมลงมา เป็นธรรมพระพุทธเจ้าทั้งนั้นเทศน์สอน อย่างอื่นไม่มี ไม่ควรแก่ท่านเหล่านี้ ธรรมนี้ควรหมดในสามโลกธาตุ ธรรมเหนือหมดทุกอย่างเลย สอนได้หมดนั่นละ ออกพรรษาไปแล้ว ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญความดีนะ กิเลสมันไม่ได้ออกพรรษาด้วยเรานะ กิเลสมันอยู่ในใจของเรา วันนี้วันออกพรรษา เรานึกว่ากิเลสมันจะออกไป มันไม่ได้ออกนะ มันอยู่ที่ใจ การชำระใจเพื่อความเป็นคนดี ต้องได้ชำระตลอดทั้งในพรรษาทั้งนอกพรรษาตลอดกาลเลย นี่เรียกว่าชำระกิเลส กิเลสสิ้นไปแล้วในพรรษานอกพรรษาไม่มีปัญหา สว่างจ้าอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา นั่นคือใจของผู้บริสุทธิ์ท่านเป็นอย่างงั้นละ เอาละวันนี้จะให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |