ผมตายแล้วพวกท่านจะอาศัยใคร?
วันที่ 23 ตุลาคม 2550 เวลา 7:55 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

ผมตายแล้วพวกท่านจะอาศัยใคร?

ก่อนจังหัน

         นั่นดูผ้าพระท่านกำลังครองเป็นยังไง ดูซิ นั่นละมหาเศรษฐีท่านก้าวเดินอย่างนั้น คนทุกข์คนจนจะฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม มหาเศรษฐีท่านเดินอย่างนั้น นี่เศรษฐีธรรมเศรษฐีเงินก็เป็นแบบเดียวกัน ประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เป็นเศรษฐีเงินได้ อันนี้ก็ประหยัดทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเศรษฐีธรรมได้ ผ้ารอยปะรอยชุน พระพุทธเจ้าทรงออกหน้าเดินหน้าเลย ความทุกข์ความจนไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้า ให้ถือผ้าบังสุกุล เก็บมาปะติดปะต่อเย็บกัน ควรจะเป็นสบงก็ได้ จีวรก็ได้ สังฆาฏิก็ได้ ให้เก็บมาปะติดปะต่อ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมทำคนให้ลืมตัว จมได้ คนไม่ลืมตัวไม่จมท่านว่า

ศาสนาไม่มีที่บกพร่องตรงไหน ดูตรงไหนๆ แหมอัศจรรย์ ดูศาสนาพาก้าวเดิน ดูกิเลสพาก้าวเดินพาคนจมๆ ลืมเนื้อลืมตัว ได้เท่าไรไม่พอๆ กินฟุ้งเฟ้อ ใช้ฟุ้งเฟ้อ ทุกอย่างฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมแล้วก็จม หัวใจละจมก่อนอื่น เศรษฐีเงินเศรษฐีธรรมเดินให้ดูเอานะ พวกเศรษฐีเงินเดิน เศรษฐีธรรมเดิน จะไม่เดินด้วยความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เดินด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว เดินด้วยความประหยัดมัธยัสถ์ คณะเศรษฐีธรรมคณะเศรษฐีเงินเดินกันอย่างนั้น พวกเศรษฐีความจนนี้เดินอีกแบบหนึ่ง ได้เท่าไรไม่พอๆ เอามาอวดกันๆ ใช้ไม่ได้นะ เอาละให้พร 

หลังจังหัน

(ตอนหลวงตาหนุ่มๆ เคยอ่านเรื่องเณรนาคเที่ยวกรรมฐานไหมคะ) ดูว่าเป็นหลานหลวงปู่มั่นหรือไง เที่ยวอยู่ทางภาคใต้ ภาวนาเก่งทางกายวิภาคเก่ง ตายเสียยังหน่มน้อยอยู่ ดูว่ายังเป็นเณร (อันนั้นสามเณรประมัยเจ้าค่ะ) เออ อันนี้นาคนะ เราก็ได้ยินแต่ข่าวเหมือนกันกับเณรประมัย (ท่านมามรณภาพที่ป่าช้าบางพระ ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน) บางพระ เมืองชล ท่านอาจารย์เกิ่ง ท่านเป็นคนสามผงท่านไปก่อนไปกรรมฐานลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ท่านอาจารย์เกิ่งเป็นลูกศิษย์ดูว่ารุ่นใหญ่ของท่าน ท่านอาจารย์สิงห์ อาจารย์มหาปิ่น ท่านอาจารย์เกิ่ง เหล่านี้เป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ๆ  ท่านอาจารย์เกิ่งเป็นลูกศิษย์ขั้นผู้ใหญ่ เป็นอุปัชฌาย์ ท่านอาจารย์สีลา ก็เป็นอุปัชฌาย์ เปลี่ยนหมดปริยัติก็ดี เพราะเคารพเลื่อมใสในหลวงปู่มั่น ออกกรรมฐานท่านอาจารย์เกิ่งออกลงไปทางเมืองชล ไปอยู่บางพระ ท่านจึงมีสำนักบางพระทางแถวเมืองชลหลายสำนัก เพราะท่านอาจารย์เกิ่งนี่ละไป โอ๊ย ใจเด็ดมาก

เราเห็นท่าน ไปพบท่าน ท่านมาหาหลวงปู่มั่นเราที่บ้านโคกนามน ท่านบอกว่าท่านมาจากเมืองชลมาที่บ้านนามน ไม่ได้คุยกันมาก แต่ได้ดูลักษณะท่าทางจริตนิสัยท่านเต็มเม็ดเต็มหน่วย ท่านไปหนเดียว แต่ดูจริงๆ นะนี่เพราะได้ยินชื่อท่านอยู่แล้วว่าเป็นลูกศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่นไปอยู่ทางเมืองชลคือท่านอาจารย์เกิ่ง พอดีท่านมานั้นเราจึงได้ดูถนัดชัดเจนมาก จากนั้นมาไม่ได้พบกันอีกนะ ท่านใจเด็ด นิสัยใจเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด เป็นอุปัชฌาย์ เดินตามอุปัชฌาย์ญัตติหมดเลย เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นเรา แต่ก่อนเป็นมหานิกาย

ท่านอาจารย์สีลา อยู่อากาศอำนวย เป็นอุปัชฌาย์ ญัตติหมดเลย ท่านอาจารย์เกิ่งก็เป็นอุปัชฌาย์ ญัตติหมด ถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ออกกรรมฐาน แต่ท่านอาจารย์เกิ่งออกอย่างเด็ดเชียว ออกจากนี้ก็ลงไปทางเมืองชล ท่านไปสร้างวัดแถวนั้นที่ว่าบางพระๆ ท่านอาจารย์เกิ่งไปอยู่ที่นั่น ลูกศิษย์ของท่านเยอะนะพระ ท่านไปอยู่บางพระ

ท่านอาจารย์เกิ่งเคยเป็นอุปัชฌาย์ ท่านอาจารย์สีลา อยู่อากาศอำนวยก็เป็นอุปัชฌาย์ ท่านอาจารย์เกิ่งไปอยู่สามผง เป็นอุปัชฌาย์ หลวงปู่มั่นไปกรรมฐานที่บ้านสามผงที่ตั้งวัดอยู่ทุกวันนี้ แต่ก่อนเป็นดง เดี๋ยวนี้กลายเป็นทุ่งขยับเข้าไป ท่านไปอยู่ที่นั่นแล้วท่านอาจารย์เกิ่งท่านอาจารย์สีลาไปฟังโอวาทคำสอนของท่านที่นั่น ท่านอาจารย์สีลา ท่านเป็นอุปัชฌาย์ ท่านอาจารย์เกิ่งท่านเป็นอุปัชฌาย์ โละหมดอุปัชฌาย์ ญัตติเป็นธรรมยุตเป็นกรรมฐานทั้งหมดเลย เจ้าคุณธรรมเจดีย์ไปญัตติให้ทางสามผง  เอาโบสถ์น้ำ สีมาน้ำ บวช

ท่านอาจารย์เกิ่งได้ลูกศิษย์ลูกหามาก เฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายพระอยู่ทางเมืองชล ฆราวาสไม่ค่อยมี แต่พระมีเยอะ ท่านไปอยู่ต้นๆ บางพระ แถวนั้นแหละ จากนั้นขยายออกวัดวา เราไปเที่ยวหมดแถวนั้นตามหลังท่านไป สำนักท่านอาจารย์เกิ่งๆ เราไปเที่ยวตามหลังท่าน ดูลักษณะท่าทางเป็นคนน่าเกรงขามมากนะ ท่านมาหาหลวงปู่มั่นเราที่บ้านนามน ตอนนั้นเราอยู่บ้านนามน ท่านมาจากจังหวัดชลกับตาปะขาวโยมคนหนึ่ง ช่วยถือจตุปัจจัยนั่นแหละค่าเดินทาง ไปที่บ้านนามน ได้คุยกันเท่านั้นไม่ได้มาก ดูลักษณะท่าทีของท่านโฮ้ น่าเกรงขามมาก เคร่งขรึม เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดดูลักษณะ เราไปเห็นทีเดียวแหละ

ท่านอาจารย์เกิ่งเป็นอุปัชฌาย์ ญัตติบวชในสำนักหลวงปู่มั่น ถวายตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน พอดีไปเจอกันที่บ้านนามน เราจึงได้สังเกต โห ท่านมีวาสนาอยู่ ได้ทราบว่าอัฐิของท่านอาจารย์เกิ่งกลายเป็นพระธาตุ เราเชื่อทันที เพราะดูลักษณะนิสัยจริงจังมากทีเดียว ไปพบกันอยู่ที่บ้านนามน พูดกันไม่มากนักเพราะท่านเข้าไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่น เราก็อยู่ที่นั่นคุยกันที่อยู่ใกล้เคียงพ่อแม่ครูจารย์มั่นก็ไม่ได้คุยมากอะไรนัก แต่พอได้ใจความ จากนั้นท่านก็ไปสามผง จากสามผงกลับไปทางเมืองชลอีก ท่านเป็นพระมีวาสนาองค์หนึ่ง ดูลักษณะท่าทางเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดน่าเกรงขาม

ท่านอาจารย์สีลาท่านนุ่มนวล นุ่มนวลมากไปอีกคนละแบบ ท่านอาจารย์สีลาคนอำเภออากาศอำนวย นี่ก็เป็นอุปัชฌาย์ ญัตติเป็นธรรมยุต ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ท่านอาจารย์เกิ่ง ก็เป็นอุปัชฌาย์ ญัตติ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นพร้อมกัน พรรษาดูเหมือนจะไล่เลี่ยกัน อาจารย์สีลานุ่มนวล ท่านอาจารย์เกิ่งนี้เด็ดเดี่ยวเฉียบขาด จริงไปคนละทางๆ ท่านอาจารย์เกิ่งนี้เด็ดเดี่ยวเฉียบขาด พอท่านมรณภาพแล้ว ทราบว่าอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ ยอมรับทันทีเรา

เราดูลักษณะแล้ว ดูลักษณะท่าทางตอนท่านไปนามน เพราะได้ยินชื่อของท่าน มันต้องดูซิ เพราะเราได้ยินชื่อมาก่อน ถ้าปรากฏว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้างแล้ว มันยิ่งจะดูถนัดนะเรา มันเป็นนิสัยอย่างนั้นดูจริงๆ ท่านอาจารย์เกิ่งมีวาสนาน่าเกรงขาม ท่านเด็ดขาด ท่านก็คุยกับเราบ้างเล็กน้อย ในฐานะว่าเราเป็นมหาแหละ อยู่บ้านนามน จากนั้นท่านก็ไปสามผง แล้วก็กลับออกลงไปทางนู้นอีก

เหตุที่เราจะทราบทางเมืองชลก็คือเราไปเที่ยวทางโน้น ท่านไปก่อนหน้าแล้ว เบิกทางกว้างขวางไว้หมด วงกรรมฐานเข้าใจกันพอสมควรแล้ว เราไปตามหลัง ท่านอาจารย์เกิ่งเบิกทางก่อน สมชื่อสมนามที่ท่านเคยเป็นอุปัชฌาย์ ญัตติปุ๊บเป็นธรรมยุต ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น เรียนก.ไก่ ก.กา ใหม่ ตั้งใหม่เลย เป็นผู้ใหม่เป็นลูกเขยใหม่ มันก็เข้มแข็งซิลูกเขยใหม่ใช่ไหมล่ะ นิสัยท่านดูลักษณะท่าทางน่าเกรงขาม ท่านอาจารย์สีลานุ่มนวล องค์นั้นเข้มแข็ง แล้วก็ญัตติพร้อมกัน

หลวงปู่มั่นเรานี้ชื่อท่านโด่งดังมานานแล้ว ท่านเหล่านี้เป็นอุปัชฌาย์ๆ ญัตติเป็นลูกศิษย์ของท่านๆ มากนะ มาแถวอำเภอสว่างฯ ส่องดาวเหมือนกัน ทางแถวนี้ก็เยอะ จิตของท่านเข้มแข็งมาแต่โน่นละ หลวงปู่มั่นมีลูกศิษย์ฝ่ายพระละมาก ส่วนฝ่ายฆราวาสไม่ค่อยมากนัก ลูกศิษย์ฝ่ายพระมากเพราะอะไร เพราะท่านอยู่ในป่าในเขา พวกพระทั้งหลายเข้าถึงๆ เข้าไปหาท่านถึง แล้วก็มาเป็นครูเป็นอาจารย์สอนบรรดาประชาชนทั้งหลาย ออกมาจากป่าจากเขาที่ท่านอยู่ทั้งนั้นแหละ ไปฟังอรรถฟังธรรมของท่านในป่าในเขา

ท่านไม่ค่อยออกมานะ มาอยู่ทางสกลนครก็อยู่ในป่าในเขา อยู่ทางไหนก็เหมือนกัน เชียงใหม่ยิ่งแล้ว อยู่ลึกๆ เพราะฉะนั้นชื่อเสียงของท่านจึงดังมากทีเดียว ยิ่งประวัติของท่านออกด้วย ประวัติหลวงปู่มั่น พอพูดเรื่องประวัตินี้ก็ ตอนนั้นเรากำลังหมุนนะจิตเรา ท่านเริ่มป่วย ตอนนั้นจิตของเราหมุนอยู่แล้ว หมุนเป็นธรรมจักร ไม่ได้นอน ถ้าตามธรรมดาแล้วทั้งวันทั้งคืนมันจะตายทิ้งเปล่าๆ ต้องได้พัก หักเอาไว้ รั้งเอาไว้ อยู่ๆ ท่านพูดลักษณะเอะใจขึ้นมา เราคิดไว้แล้วนะ เป็นแต่เพียงว่าไม่พูด ท่านเอะใจขึ้นมา เอ้อ เราก็มีลูกศิษย์ลูกหาหลายองค์ เฉพาะอย่างยิ่งคือพระ เราเทศนาว่าการสอนมานี้นานแสนนาน ใครได้คิดอะไรไว้บ้างไหม ท่านว่างั้นนะ ใครคิดอะไรไว้บ้างไหม

ทางนี้เราก็กราบเรียนทันทีเลย ขึ้นก่อนใคร เราขึ้นเลย คิดเต็มหัวอกเราบอก แต่เวลานี้งานกำลังเต็มหัวใจ เราว่าอย่างนี้ ท่านปุ๊บมาหางานเต็มหัวใจเลย เพราะท่านเคยทราบจากเราแล้ว ที่ขึ้นหาท่านบางทีวันละสองหนสามหน จิตใจมันหมุน นั่นละท่านก็ทราบแต่นั้นแล้ว แต่เวลางานนี้กำลังเต็มหัวใจ เอ้อ ขึ้นเลย เอาๆ งานของตนให้ได้นะ งานนั้นเป็นงานนอก เอางานของตนให้ได้ พระพุทธเจ้าเอางานของตน สำเร็จแล้วสอนโลก สาวกทั้งหลายเอางานของตนสำเร็จแล้วสอนโลก นี่เอางานของตนให้สำเร็จสอนโลกท่านว่า

เรื่องของท่านว่าใครคิดอะไรบ้างไหมเลยไม่พูดถึง คิดอะไรก็คือว่า จะจดจารึกเรื่องราวอะไรของท่าน อรรถธรรมของท่านนั่นแหละ เราก็ตอบขึ้นทันทีเลย เพราะเราเข้าใจแล้ว พอท่านพูดอย่างนั้นเข้าใจ คิดเต็มหัวใจ แต่เวลานี้งานกำลังเต็มหัวอก ท่านก็ปั๊บมาทางงานเต็มหัวอกเลย เพราะเคยกราบเรียนท่านอยู่แล้ว ตั้งแต่ท่านไม่ถามข้อนี้ จิตของเรากำลังหมุนแล้ว ท่านเลยหมุนเข้ามา เอางานของตนให้ได้ ถ้างานของตนเสร็จแล้วจะแตกกระจายไปหมด งานนั้นเป็นงานนอกท่านว่า งานในเป็นสำคัญ ท่านเลยหมุนมาทางงานในเสีย

หากเป็นความจริง งานแต่งหนังสือก็งานภายในของเราออกแต่งประวัติท่าน งานภายนอกก็เรื่องราวของท่าน งานภายในแทรกเข้าไปที่เป็นสาระสำคัญๆ แทรกเข้าๆ เพราะความรู้เวลาปฏิบัติท่านก็รู้ เราก็รู้ มันก็วิ่งถึงกันได้ ไม่ได้คุยนะ เวลาเขียนประวัติหลวงปู่มั่น จิตของเรามันกระจ่างแล้วนั่น เพราะฉะนั้นท่านออกแป๊บนึงมันจับได้ปุ๊บๆๆ ออกตามกันไปเลย ได้เขียนประวัติท่านไว้กว้างขวางอยู่ ปี ๒๕๑๔ ละมั้งถึงได้ออกแจก ประวัติหลวงปู่มั่น ๒๕๑๓ แต่ง เราเขียนเองประวัติ เรียนพิมพ์ดีดมาแต่งหนังสือประวัติของท่านโดยเฉพาะกับปฏิปทาพระกรรมฐาน สองเล่มเท่านั้น เราเรียนพิมพ์ดีด พอจบสองเล่มนี้ เราทิ้งพิมพ์ดีดเลย ไม่เอา ได้แต่งหนังสือสองเล่ม หนังสือประวัติพ่อแม่ครูจารย์มั่นหนึ่ง หนังสือปฏิปทาของพระธุดงคกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นหนึ่ง สองเล่มเท่านั้น จากนั้นก็ทิ้งหมด พิมพ์ดีดก็ทิ้ง อะไรทิ้งหมดเลย

อันนี้เราเคยพูดแย็บให้ลูกศิษย์ลูกหาฟังแล้วมัง เรื่องพ่อแม่ครูจารย์มั่น ที่ว่าท่านนอนให้พระนวดเส้นอยู่ ๒-๓ องค์ เวลาท่านจะขึ้น คือตอนนั้นท่านก็ทราบแล้วว่าจิตของเรากำลังหมุน ท่านทราบอยู่แล้ว ท่านเอะใจขึ้นมา เอ้อ นี่เวลาผมตายแล้ว พวกท่านจะอาศัยใคร จะเกาะใครล่ะ พระก็นิ่ง สักเดี๋ยวเอะขึ้นมาอีก เอ้อ ให้อาศัยท่านมหานะ ท่านไม่พูดมากละ พูดกับพระ ท่านไม่พูดกับเราแหละ เอ้อ ให้อาศัยท่านมหานะ ท่านมหานี่สำคัญอยู่มากนะ ทั้งภายนอกภายใน ท่านเล่าให้พระฟัง

ถ้าท่านเล่าเรื่องของเราให้พระฟังแล้ว พระต้องมาเล่าให้เราฟังหมดแหละ แต่เราก็เฉยเหมือนไม่รู้ ท่านก็เฉยเหมือนไม่รู้ เวลาท่านเล่าเรื่องของเรา ให้อาศัยท่านมหานะ ให้เกาะท่านมหานะ ท่านมหาสำคัญอยู่มากทั้งภายนอกภายใน ท่านว่างั้น ภายนอกก็ข้อวัตรปฏิบัติ หลักธรรมวินัยตรงเป๋งๆ ไม่เคลื่อนคลาด หลักภายในก็คือภายในจิตใจได้แก่จิตตภาวนา ก็หมุนติ้วอยู่แล้ว ท่านก็พูดเท่านั้น เพราะฉะนั้นเวลาท่านล่วงลับไปเท่านั้น พระเณรจึงเกาะเราพรึบเลย พระเณรจับอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยสนใจกับใคร เราไปแต่องค์เดียวเราไปเที่ยว บทเวลาท่านมรณภาพ พระเณรเกาะพรึบเลยเชียว เรื่อยๆ มาจนกระทั่งป่านนี้แหละ

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก