เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
ทำไมพระจึงมีหลายนิกาย
ก่อนจังหัน
วันนี้พระออกมาฉันเท่าไร (๓๐ ครับผม ) พระออกมาฉัน ๓๐ พระทั้งหมด ๕๘ ทั้งหมดรวม ๕๘ วันนี้มาฉัน ๓๐ ขาดไป ๒๘ อาหารการกินกับธรรมะภายในใจ คืออาหารภายในท้องกับธรรมะภายในใจนี้ ส่วนมากจะแพ้อาหารภายในท้อง ใจแห้งผากจากธรรม อาหารเต็มท้อง แต่ใจแห้งผากจากธรรมมักเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเอาให้จริงให้จัง ให้ถึงมรรคถึงผลจึงต้องฟัดกันกับสองอย่างนี้ คือลิ้นนี่มันดิ้นใส่อาหาร จิตดิ้นใส่ธรรม เอาทางไหนๆ ส่วนมากมักแพ้ แพ้อาหาร อาหารเต็มท้อง จิตใจแห้งผากจากธรรม มักเป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติอรรถธรรม เพื่อมรรคเพื่อผลจริงๆ จึงต้องได้รบกับปากกับท้องของตัวเอง คือปากมันหิวมันอยากอะไร มีแต่อยากๆ ดิ้นให้เห็นชัดเจน จิตที่จะดิ้นกับธรรมนี้รู้สึกว่าน้อยมาก จึงต้องได้อาศัยกำลังวังชา ศรัทธาความเพียรนั้นแหละหนุนทางด้านธรรมะเข้าสู่ใจ ปัดอาหารการบริโภคเหลือเฟือฟุ่มเฟือยนั้นออกๆ อย่างนั้นละ
ปากท้องนี่สำคัญมาก ธรรมภายในใจ มักจะไปแพ้ฝ่ายอาหารภายในท้อง ธรรมภายในใจจึงมักไม่ค่อยมี ให้ท่านทั้งหลายจำไว้ คำเทศน์อย่างนี้ไม่มีใครนำมาเทศน์ละ เราเทศน์เพราะเราเคยปฏิบัติมา ได้ฟัดกันเต็มเหนี่ยวๆ อาหารนี่ละสำคัญมาก มันรบธรรม เอาให้ธรรมหมอบราบๆ อาหารขึ้นหน้าๆ จึงต้องได้เอากันอย่างเต็มเหนี่ยว ไม่เช่นนั้นไปไม่รอด นี่หมายถึงธรรมขั้นปฏิบัติธรรมดาและเริ่มต้น แต่ถึงธรรมขั้นอัตโนมัติแล้วนั้น ธรรมนี้เหยียบตลอด เรื่องอาหารการอยู่การกิน เรื่องโลกเรื่องสงสารเหยียบไปเลยๆ
เมื่อถึงขั้นความเพียรอัตโนมัติ เห็นคุณค่าของอรรถของธรรม และเห็นโทษของการเกิดตายโดยลำดับแล้วนี้ ความเพียรนี้จะเน้นหนักๆ เรื่องที่ว่าอาหารการกินนี้เหยียบไปเลย ถึงขั้นมีกำลัง ใจดวงเดียวท้องอันเดียวปากอันเดียวนั่นแหละ แต่เมื่อใจมีกำลังทางด้านอรรถธรรมแล้ว มุ่งต่อธรรมล้วนๆ ไปเลยที่นี่ เพราะรสแห่งธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง
การปฏิบัติธรรมจึงลำบากในขั้นเริ่มแรก เริ่มแรกลำบาก จิตใจก็รวมได้ยาก สงบได้ยาก แต่ความฟุ้งซ่านนั้นเร็วๆ ตลอด ต้องได้ใช้อุบายทรมานกันหนักนะ ไม่เช่นนั้นเป็นไปได้ยาก นักภาวนาจะรู้เรื่องรู้ราวของพุทธศาสนา ที่เป็นเครื่องชำระซักฟอกสิ่งไม่ดีทั้งหลายได้ดี เพียงแต่ถือเฉยๆ ถือศาสนาๆ เฉยๆ มันไม่มีหลักนะ หลักลอย ถึงอย่างไรก็ตามแต่เมื่อมีที่ยึดอยู่บ้างเราก็ยังดี เช่นถือศาสนาพุทธ พอระลึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ ได้บ้างก็ยังดี ดีกว่าผู้ไม่มีอะไรยึดเลย แต่ถ้าธรรมที่ว่าศาสนาเข้าถึงใจแท้แล้ว ไม่ต้องบอกละ หมุนติ้วเลยเชียวนะ การประกอบความเพียร
เรื่องพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เลิศเลอ ขอให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ การกล่าวทั้งนี้ เราไม่ได้กล่าวเพื่อดูถูกศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น แต่เรากล่าวตามหลักความเป็นจริง ซึ่งได้ผ่านมาพอประมาณเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ศาสนาใดสอนว่ายังไงๆ เราเข้าเกี่ยวข้องๆ ทดสอบหาเหตุหาผล หาหลักเกณฑ์ แล้วสุดท้ายก็มาลงที่พุทธศาสนา แล้วย้ำเข้าไปให้เป็นที่แน่ใจ เอาภาคปฏิบัติพุทธศาสนา ศาสนาพุทธเป็นยังไง จับเอาพระพุทธเจ้าเป็นหลักเกณฑ์ พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญยังไงๆ จับพระพุทธเจ้าเป็นแนวทาง ต่อไปก็เบิกกว้างๆ ยอมรับ ทีนี้ยอมรับหมดเลย พุทธศาสนาคือศาสนาที่เลิศเลอ ยอมรับ ไม่ดูถูกศาสนาใดแหละ ของจริงจับปั๊บติดปุ๊บเลย เป็นอย่างงั้นแหละ เอาละให้พร
หลังจังหัน
วัดป่าบ้านตาดนี้เนื้อที่มันตั้ง ๓๐๐ กว่าไร่นะ ทีแรกก็มีกำแพงนี่ละเขตวัด ครั้นต่อมาเขาก็ถวายขยายออกไปเรื่อย เลยเป็น ๓๐๐ กว่า เดิมมัน ๑๖๓ ไร่ที่มีกำแพงกั้น แล้วกำแพงนอกอีกก็พอๆ กัน มันจะเป็น ๓๐๐ กว่าไร่แหละ ที่วัดกว้างขวางก็ดีทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมเพราะวัดนี้เป็นวัดของแผ่นดิน ทำประโยชน์ก็เพื่อแผ่นดิน ต้นไม้อะไรปลูกขึ้นมาเป็นดอกเป็นผลนี้แจกกันทั่วทั้งบ้านทั้งเมืองเลย เป็นอย่างนั้นละ เฉพาะวัดป่าบ้านตาดยิ่งเป็นวัดที่เปิดโล่งเลย มีอะไรกินด้วยกันหมดเลยสำหรับวัดนี้
หลวงพ่อมาสร้างวัดนี้ดูเหมือนได้ ๕๐ กว่าปีแล้วมั้ง ๙๘ จำพรรษาที่จันท์ ๒๔๙๙-๕๐๐ จนกระทั่งทุกวันนี้ ดูเหมือนได้ ๕๐ กว่าปีวัดนี้ แล้วขยายออกไปอีกนู้น เดิมมีกำแพงกั้น ครั้นต่อมาเขาถวายที่ออกไปกว้างพอๆ กันแหละ รวมแล้วเกือบจะถึง ๔๐๐ ไร่ละมัง วันที่ ๑๐ นี้ก็ฟ้าหญิงท่านเสด็จมาพักค้างที่นี่คืนหนึ่ง ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ พักค้างที่นี่คืนหนึ่ง ท่านเสด็จมาบ่อยแหละ เพราะท่านถวายองค์ของท่านเป็นลูกบุญธรรม เลยมาเยี่ยมเรื่อย
มาทีแรกเอาของมาพะรุงพะรังเอามาถวาย เอามาหาอะไร ลูกมาเยี่ยมพ่อมาแต่ตัวจะเป็นอะไร ตั้งแต่นั้นจึงไม่เอาอะไรมา ไม่ให้เอาอะไรมา เดินเข้ามา ลูกไปหาพ่อ พ่อไปหาลูก เหมือนกัน ว่างั้น ไม่ให้เอาอะไรมา จึงไม่ได้เอาอะไรมานะ ไม่ได้พูดธรรมดา ดุด้วย มาพักอยู่ที่นี่คืนหนึ่ง ท่านภาวนาดีนะ สนใจภาวนาดี ถาม ว่าอยู่ปทุมธานี กว้างขวางอยู่ ท่านนิมนต์เราไปตำหนักที่ปทุมธานี เราไปให้หนหนึ่งหรือสองหน บริเวณทำเลภาวนาดี ท่านเสด็จมาบ่อยแหละมาที่นี่
สำหรับวัดนี้เราให้เป็นวัดภาวนาล้วนๆ วัดป่าบ้านตาดให้เป็นวัดภาวนาล้วนๆ คงเส้นคงวาหนาแน่นด้วยข้อวัตรหลักธรรมวินัยตรงเป๋ง ไม่ให้เคลื่อนคลาดนะ พระจะมากน้อยปฏิบัติเป็นแบบเดียวกันหมด คลาดเคลื่อนไม่ได้ อย่างน้อยเตือน มากกว่านั้นดุ เลยจากดุก็ขับ เป็นอย่างนั้นนะข้าหลวงคนนี้ ทีแรกเตือน ถ้าผิดเตือน เตือนหนักเข้าถ้ายังไม่ดีก็ขับออก วัดนี้ให้เป็นวัดภาวนาล้วนๆ นี่ละบริเวณคนมาให้อยู่บริเวณศาลาแค่นี้ ใครจะมามากน้อยให้มาอยู่แค่นี้ ไม่ให้เข้าไปข้างใน เพราะข้างในเป็นทำเลภาวนาของพระล้วนๆ เลยเต็มไปหมด ไม่ให้เข้าไปยุ่ง ท่านภาวนาจริงๆ มีมากมีน้อยต้องสม่ำเสมอกัน การภาวนา ไม่ให้มีงานอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องสำหรับวัดนี้
พระเณรมีมาก นี่ดูว่า ๕๘ ละมัง เราก็บอกว่ารับอย่างมาก ๕๐ มันปาเข้า ๕๘ ของเล่นเมื่อไร วัดนี้ถ้ารับพระเณรมาก อู๋ย เต็มไปหมดนะ ต่างชาติก็เยอะ เราก็แบ่งรับเอา หลายชาติมาอยู่ที่นี่ หลายประเทศ แบ่งประเทศละหนึ่งองค์สององค์ไม่ให้มากกว่านั้น เพื่อพระไทยเราซึ่งเต็มทั่วเมืองไทย ทุกภาคมาอยู่นี้หมดละ วัดป่าบ้านตาดรับพระทุกภาค ในเมืองไทยเราทุกภาคอยู่นี้ แล้วก็พระทางประเทศอื่นก็มา รับเพียงพอประมาณ ดูเหมือน ๓-๔ องค์เท่านั้นละมั้ง ปีนี้มีกี่องค์พระฝรั่ง มาอยู่ที่นี่ คือแบ่งรับทางโน้นทางนี้ให้ได้ประโยชน์ทั่วถึงกัน
ทางวัดนี้ปฏิบัติสอนทางด้านจิตตภาวนาล้วนๆ อย่างอื่นไม่ให้มีงานการไม่ให้มีในวัดนี้ไม่ให้มีเลย ให้มีแต่งานภาวนาล้วนๆ หากจะมีธุระเกี่ยวข้องก็มีแต่เรา เราก็เกี่ยวกับศาลาทางนี้ออกข้างนอกไม่ให้เข้าไปยุ่งกับพระภายใน ให้ท่านภาวนาของท่าน เพราะหลักพุทธศาสนานี้การภาวนาเป็นหลักใหญ่ การภาวนาคืออบรมทางด้านจิตใจ ถ้าอบรมทางด้านจิตใจดีแล้วไม่ว่าประชาชนญาติโยมไม่ว่าพระดีไปหมด ถ้าไม่ได้รับการอบรมทางด้านจิตใจพระก็เหลว ประชาชนก็เหลวใช้ไม่ได้ ธรรมจึงเป็นของสำคัญมาก
ไปอยู่ที่ไหนต้องมีธรรมแทรกอยู่ ถ้าไม่มีธรรมมันเลอะๆ เทอะๆ ได้นะ ถ้ามีธรรมคอยควบคุมเป็นเบรกเป็นคันเร่งห้ามล้อ เหยียบคันเร่ง งานที่ดีไม่ค่อยผิดพลาด สงบร่มเย็นดี วัดนี้มีแต่ทางด้านภาวนาล้วนๆ ไม่ให้มีงานใดเข้ามายุ่ง มีงานภาวนาเท่านั้นสำหรับวัดป่าบ้านตาด มีพระเณรมากขนาดไหนก็เป็นเรื่องภาวนาล้วนๆ ทั้งนั้น ไม่ให้มีการมีงานสำหรับวัดนี้ ให้มีแต่การเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาดูหัวใจตัวเอง หัวใจมันดีดมันดิ้น ไม่มีเวลาอยู่เป็นสุข หัวใจมันดิ้น ต้องเอาสติปัญญาครอบมันไว้ ให้มันคิดแต่สิ่งที่ดีงาม
พูดออกมาทำออกมา เป็นสิ่งที่เป็นอรรถเป็นธรรมเป็นประโยชน์แก่ตนและส่วนรวม อะไรที่จะเป็นโทษแก่ตนและส่วนรวมแล้วให้ปัดออกๆ ด้วยการภาวนาใคร่ครวญดูจิตใจที่มันเคลื่อนไหวตลอดเวลา คือจิตใจคิดไปได้หลายแง่หลายมุม ต้องมีสติปัญญาคอยควบคุม คิดไม่ดีปัดออก พูดไม่ดีไม่ให้พูด ทำไม่ดีไม่ให้ทำ ให้ทำแต่สิ่งที่ดีงาม นั้นเรียกว่าภาวนาอบรมใจ ถ้าอบรมได้แล้วใจก็สงบเย็น พระพุทธเจ้าเจ้าของศาสนาพุทธเราก็คือองค์ภาวนา ไปอยู่ในป่าอิสิปตน เมืองพาราณสี ๖ ปีทรงบำเพ็ญ สลบไป ๓ หนกว่าจะได้ตรัสรู้ขึ้นมาเป็นศาสดาของโลก
พระพุทธเจ้าเราสลบ ๓ หนนะไม่ใช่เล่น ประกอบความพากเพียร ท่านอยู่ในป่าๆ ทั้งนั้น ท่านมีไว้ว่า คามวาสี อรัญวาสี คามวาสีอยู่ในแดนบ้าน หรือในกลางบ้านก็มีวัดอย่างนั้นละ และนอกบ้านก็มี ถ้า ๒๕ เส้นขึ้นไปแล้วเรียกว่าอรัญวาสีแดนป่า ๑ กิโลขึ้นไปเรียกว่าแดนป่า อย่างวัดป่าบ้านตาดนี้ตั้งแต่ก่อนมัน ๒ กิโล เดี๋ยวนี้บ้านเขาลุกลามออกมาก็ได้สักกิโลกว่าๆ ถึงบ้านเขา แต่ก่อน ๒ กิโล จากนี้ไปบิณฑบาตในหมู่บ้านเขา ๒ กิโล เวลานี้ย่นเข้ามา เพราะหมู่บ้านขยายออกๆ มา
วัดนี้มีตั้งแต่ภาวนาล้วนๆ ไม่ให้มีงานใดเข้ามายุ่งเลย ให้มีภาวนาล้วนๆ มีขอบมีเขต ประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องกับวัด ตั้งแต่ ๔ โมงเย็นแล้วก็เขียนประกาศไว้นั้นไม่ให้เข้ามายุ่ง เปิดประตูวัดไว้แต่กลางวัน พอค่ำเข้ามาก็ปิดประตู มารถจอดข้างนอก ถ้าจำเป็นที่ควรจะเข้ามาข้างในก็ให้เข้ามา ไม่ให้รถเข้ามาตั้งแต่ ๔ โมงไปแล้ว เรามีขอบเขตตลอด ไม่มีไม่ได้มันเลอะเทอะ ความเลอะเทอะดีเมื่อไร อยู่ที่ไหนเลอะไปหมด ความเรียบร้อยมีกฎมีเกณฑ์มีเหตุมีผลดี ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์เหตุผลบังคับเอาไว้เลอะเทอะไปหมด
มนุษย์เลอะเทอะไม่เหมือนสัตว์ทั้งหลายเลอะเทอะนะ ทำความเสียหายได้มาก มนุษย์เราเลอะเทอะ ส่วนสัตว์เขาเลอะเทอะโดดลงไปเล่นน้ำในบึงในคลองขึ้นมาก็สลัดขนปั๊วะแล้วก็ไปสบายเขา คนเราเลอะเทอะไม่เป็นอย่างนั้นมันเปื้อนอยู่ในหัวใจ ความประพฤติหน้าที่การงานเปื้อนไปหมดใช้ไม่ได้นะ จึงต้องรักษาใจให้ใจสะอาดเสมอ รอบคอบในหน้าที่การงานของตัว นี่ก็ตั้งมาได้ ๕๐ กว่าปีแล้ววัดนี้ ดูมัน ๕๑-๕๒ ปีแล้วมั้งวัดนี้ สร้างมานะ เราละมาสร้างที่นี่
ทีแรกมาพักอยู่นอกบ้านทางนู้น เขานิมนต์ให้มาพักที่นี่ เขาถวายที่สองเจ้าถวายหมดเลยให้เป็นวัด จึงกลายเป็นวัดขึ้นมา แล้วก็สงบสงัดดี เป็นเอกเทศ ทางด้านนู้น เลยไปทางนู้นมันก็เป็นที่ทำเลของเขา สำหรับในวัดเรานี้ก็มีเป็นเนินอยู่เท่านี้แหละ แล้วก็ลุกลามออกไปนอกๆ ไปต่ำๆ นู้นหน่อย ฟากกำแพงทางโน้น ในกำแพงเข้ามานี้มันเป็นเนินเฉพาะ เดี๋ยวนี้มันขยายออกไป
วันพระหรือวันเสาร์วันอาทิตย์วันว่างควรจะหันหน้าเข้าวัดเข้าวา ถึงไม่เข้าวัดก็หันหน้าเข้าศีลเข้าธรรม ศีลธรรมอยู่กับตัวในบ้านก็มี ถ้าให้มีศีลธรรมถ้าคิดให้มี ถ้าไม่ให้มีอยู่ในวัดก็ไม่มี วัดก็กลายเป็นส้วมเป็นถานไปได้ พระเณรกลายเป็นมูตรเป็นคูถไปได้ภายในวัดถ้าปฏิบัติไม่ดี ถ้าปฏิบัติดีวัดเป็นวัดพระเป็นพระ โยมก็เป็นโยมไป เป็นคนละฝักละฝ่าย ถ้าว่าพระเลอะเทอะอะไรก็เลอะเทอะไปหมด ต้องปฏิบัติตัวให้มีขอบเขต การอยู่กินใช้สอยพี่น้องชาวไทยเราอย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัวนะ เมืองไทยเราเป็นเมืองฟุ้งเฟ้อ มีอะไรมาคว้ามับๆ ของทุกอย่างทั่วโลกดินแดนมารวมอยู่ในเมืองไทยหมด อะไรมาก็คว้ามับๆ เมืองไทยเราเสียตรงนี้ ตรงไม่รู้จักประมาณ ไม่สงวนเนื้อหนังของตัวเอง อะไรเข้ามาคละเคล้ากันไปหมด เลยเลอะเทอะ ไม่มีกฎมีเกณฑ์ไม่ดีนะ ให้มีกฎมีเกณฑ์บ้างถึงจะดี
ท่านบอกให้รู้จักประมาณ การอยู่การกินใช้สอยอย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ให้อยู่พอประมาณๆ ดี เห็นไหมพระพุทธเจ้าท่านชักผ้าบังสุกุลมาเย็บปะติดปะต่อ เห็นไหมพระท่านบางองค์มองเห็นเหมือนกับลายเสือโคร่งเสือดาว ท่านปะท่านชุนผ้าจีวรของท่าน ท่านยินดีเฉพาะของมีอยู่ ทำความปรารถนาน้อย ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม แต่ทางด้านธรรมนี้สนใจหนักเข้าไปทุกวันๆ พอใจดีแล้วไปที่ไหนมันก็ดีหมด ถ้าใจไม่ดีเอาอะไรมาประดับมันก็เหมือนเอามูตรเอาคูถมาโปะตัวของเรา เลอะเทอะไปหมดนะ ขอให้ใจดีเสียอย่างเดียวไปที่ไหนก็ดี พากันจดจำเอา
วันพระ วันเสาร์ วันอาทิตย์เป็นวันว่าง ว่างจากการงานภายนอกให้มาบำเพ็ญงานทางด้านจิตใจ อบรมจิตใจให้ดีงาม ถ้าจิตใจดีอยู่ที่ไหนก็ดี ถ้าจิตใจเสียเสียอย่างเดียวไม่เป็นท่า แม้ภายในวัดก็กลายเป็นส้วมเป็นถานไปได้ พระเณรกลายเป็นมูตรเป็นคูถไปได้ภายในวัด เราอย่าเข้าใจว่า พอเห็นผ้าเหลืองอยู่ในวัดแล้วจะเป็นวัดไปเลยเป็นพระไปเลยไม่ได้นะ ของสกปรกมันอยู่ในวัดจนกลายเป็นส้วมเป็นถานไปมีเยอะ วัดมีแต่วัด พระเณรก็เลยกลายเป็นมูตรเป็นคูถเพราะปฏิบัติตัวเหลวแหลก ถ้าตั้งใจปฏิบัติดีวัดก็เป็นวัดพระก็เป็นพระ ประชาชนก็เป็นประชาชน มันคนละสัดละส่วน ถ้ามีขอบเขตเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่มีขอบเขตก็เลอะเทอะไปหมด
ยิ่งพระดีดดิ้นไปทางโลกทางสงสาร เห็นแก่โลกามิสความร่ำความรวย ความสรรเสริญเยินยอยิ่งแล้วใหญ่นะ ไม่มีอะไรเกินพระละในศาสนานี้ คำว่าพระอันเดียวก็แปลว่าประเสริฐแล้ว ปฏิบัติตัวให้ประเสริฐด้วยศีลด้วยธรรมเท่านี้พอ ไม่มีอะไรจะงามยิ่งกว่าพระผู้ทรงศีลทรงธรรม และไม่มีอะไรเลวยิ่งกว่าพระผู้ห่างเหินจากศีลจากธรรม อันนี้เลว พระเราเลวนี้เลวยิ่งกว่าประชาชนนะ ประชาชนเขาเลวก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ส่วนพระเลวนี้ดูไม่ได้
เพราะฉะนั้น จึงต้องปฏิบัติตัวของเราให้เข้มงวดกวดขันทางด้านศีลด้านธรรม มันถึงเป็นพระเป็นเณรสมบูรณ์แบบ มีสมบัติก็คือมีศีลมีธรรมอยู่ภายในใจ นี่ละพระเณรเราเอาอันนี้เป็นสมบัติเครื่องประดับตัว ไม่ได้เอาเครื่องภายนอกมาประดับให้สวยงามเหมือนอย่างโลกเขา เอาศีลธรรมเข้าประดับแล้วสวยงามมาก ไม่มีอะไรสวยงามยิ่งกว่าพระผู้มีศีลมีธรรม พระผู้มีศีลมีธรรมอยู่ที่ไหนงามตางามใจ มองเห็นกันยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ระแคะระคายความประพฤติของกันและกัน เพราะถูกต้องตามหลักศีลธรรมด้วยกัน ไปที่ไหนก็ชุ่มเย็น พระก็ตายใจกันได้
ที่พระแตกร้าวหรือแยกเป็นนิกายนั้นนิกายนี้ เพราะความปฏิบัติไม่ลงรอยกัน หลักธรรมวินัยมีอยู่มันไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัย แหวกแนวไปปฏิบัติออกนอกลู่นอกทาง ผู้รักษาศีลธรรมอยู่มันก็รังเกียจกัน เรียกว่าผู้รักษาศีลธรรมเป็นผู้สะอาด ผู้ไม่รักษาเป็นผู้สร้างความสกปรก ความสกปรกกับความสะอาดเข้ากันไม่ได้ ทีนี้มันก็แตกกัน กลายเป็นนิกายนั้นนิกายนี้ไป เพราะความประพฤติไม่ลงรอยกันตามหลักธรรมหลักวินัย ให้พากันเข้าใจ
ทำไมพระจึงมีหลายนิกาย ก็เพราะอย่างนี้ละ ความสกปรกกับความสะอาดมันเข้ากันไม่ได้ คนหนึ่งปฏิบัติอยู่รักษาอยู่ ความสะอาดสะอ้านทางศีลทางธรรมมีอยู่ ผู้หนึ่งมีแต่ทำลายๆ ก็เข้ากันไม่ได้ ต่อจากนั้นมันก็แตกแยกกันเป็นนิกายนั้นนิกายนี้ นิกายแปลว่าหมู่ว่าคณะ แตกเป็นคณะนั้นคณะนี้ไปอย่างนั้นละ วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ละ จะให้ศีลให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |