เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
ไม่อยากให้ตาย
อาการของเราไข้หวัดนะ มันเปิดออกมากระจายออกมาหวัดชัดเจนวันนี้ คือตัวมันวิ่งไปฟากแม่น้ำโขงแล้ว จะให้เราเก็บซากมัน เอายามาฉันแก้หวัดๆ แก้อะไรมันเผ่นเลยแม่น้ำโขงไปแล้วก็ไม่รู้ ไปไล่มันอะไร วันนี้เปิดเผยมากไข้หวัด ทุกวันมันไม่ค่อยเปิดนะ เป็นอยู่ในธาตุในขันธ์ บ่มอยู่อย่างนั้นละ ไม่สบายอยู่ ฝังอยู่ลึกๆ วันนี้ค่อยเปิดออกมา คือมันลดแล้วค่อยเปิด
เมื่อวานก็ได้ไปโคราชละมั้ง วันก่อนหรือ ไปไหนมันก็จำไม่ได้แหละเราทุกวันนี้ ความจำหดเข้ามาๆ เช่นอย่างเมื่อวานไปไหน วันนี้ระลึกไม่ได้แล้ว ความจำหดเข้ามาๆ หวัดนี้ก็เอาการอยู่ วันนี้เปิดเผยออกมาละ เสียงก็เป็นเสียงหวัด เปิดเผยออกมาว่าเป็นหวัดชัดเจน แต่ก่อนมีแต่มาสุมอยู่ภายใน แต่เราก็ฉันยาแก้หวัดอยู่ มันจะค่อยคลี่คลายไปละหวัด หวัดอย่างนี้หนักลึกๆ อยู่จนเป็นไข้มาได้ ๓-๔ วันนี้ วันนี้ค่อยเบาลง มันเป็นอยู่ลึกๆ หวัด
ถ้าเป็นตั้งแต่หนุ่มน้อย เราไม่มีปัญหาอะไรกับหวัดๆ แหว็ดๆ เราไม่เคยสนใจกับมัน แต่เวลาเฒ่าแก่มานี้อะไรก็เป็นพิษหมด เล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นใหญ่ขึ้นมา ตั้งแต่ยังหนุ่มน้อยเราไม่สนใจกับมัน จนกระทั่งพูดเสียงไม่มีเลย มันรุนแรงมากก็ไม่สนใจกับมัน แต่ธาตุขันธ์มีกำลังพอเท่านั้นเอง สนใจกับมันอะไรหวัดๆ แหว็ดๆ เวลานี้อะไรเล็กน้อยก็เป็นใหญ่เป็นโตขึ้นหมด คือธาตุขันธ์มันอ่อนลงๆ มันอ่อนลงเองของมันนะ กำลังไม่มี อ่อนลงๆ ๙๕ ย่าง สิงหา กันยา ย่างเข้ามาเดือนกว่าแล้ว
เราอยู่ด้วยอายุ ๙๕ แล้ว คนทั้งหลายก็ภูมิใจละว่าเราอยู่มาอายุได้ ๙๔-๙๕ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายภูมิใจ ยังจะให้อยู่ต่อไปอีกตั้งร้อยกว่าปี แต่ผู้แบกธาตุแบกขันธ์คือเรา เรารู้เราทุกอย่างหมดอาการความเคลื่อนไหว ฟังให้ชัดเสียนะภาคปฏิบัติธรรม โลกทั้งหลายเขาเห็นแบบเดียวกันหมด มีเห็นแปลกออกก็คือเรากับท่านผู้มีธรรม คือจิตใจแบบเดียวกันกับเรา จะเห็นแบบเดียวกันหมด ไม่ขัดแย้งกัน มีอะไรมีตั้งแต่รับผิดชอบธาตุขันธ์เท่านั้นนะอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้ภูมิใจกับความเป็นอยู่ ในชีวิตสังขารร่างกายเคลื่อนไหวไปมา ด้วยการแบกการหาม แล้วหามกองทุกข์ไปด้วยนี้เลย เราไม่ได้ยินดีในนี้นะ
บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายเห็นก็ยังไม่อยากให้ตาย คนอายุ ๑๒๐ ปี ๑๓๐ ปี อยากจะฟาดปากเอานะ พ่อแก่มึงแบกขันธ์อยู่ไม่รู้เหรอ เข้าใจไหมพ่อแก่ ภาษาภาคอีสานเรียกพ่อแก่ แบกธาตุแบกขันธ์มึงไม่รู้เหรอ กูเป็นคนแบกนี่นะ ว่างั้นละ ก็มันไม่มีอะไรในจิต ก็มีแต่แบกธาตุแบกขันธ์อยู่เฉยๆ จิตจะมีอะไร ขอให้มันหมดไปดูซิ กิเลสตัวเดียวเท่านั้นเป็นข้าศึก พอกิเลสสิ้นไปแล้วทุกข์ไม่มีในใจของท่านผู้สิ้นกิเลสแล้ว ไม่มี ทุกข์ในใจไม่มีเลย ตั้งแต่ขณะกิเลสขาดสะบั้นลงไป ทุกข์ก็มีแต่ทุกข์ทางร่างกาย ถ้าปัดนี้ปั๊วะดีดผึงเลย ก็เท่านั้นแหละ หลักความจริงเป็นอย่างนี้
ไปไหนมาไหนแบกหามกันไป เขาก็ภูมิใจ โธ้ หลวงตาบัววันนี้ท่านแข็งแรงนะ คนหนึ่งกำลังจะตายแบกธาตุแบกขันธ์ไปนี่ อู๊ สบายดีนะ สบายตายอะไร มันไม่รู้ใจ ใจจะแบกอะไรกัน มีแต่จ้าอยู่อย่างนั้น พูดให้มันชัดเจน ไม่มีทุกข์อันใดเข้าแฝงแม้เม็ดหินเม็ดทรายเลยในใจดวงนั้น แต่เรื่องธาตุเรื่องขันธ์นี้ มันหมุนไปเวียนมากวนตลอด ถึงไม่เข้าถึงใจ ใจก็ต้องรับทราบ เพราะใจเป็นผู้ครองธาตุขันธ์เหล่านี้อยู่เรียกว่ารับผิดชอบ
ใครมาพูดอย่างที่เราพูดเวลานี้ ไม่ใช่คุย ถอดออกจากความจริงมาพูดนี่ จิตเมื่อผ่านไปหมดแล้วมันไม่มีอะไร ก็มีแต่สมมุติทั้งหลาย ธาตุขันธ์ก็เป็นสมมุติ มันก็ดีดก็ดิ้นตามเรื่องของมันนั่นแหละ เราก็รับทราบๆ ไม่เข้าถึงใจให้ได้รับความทุกข์กับมันก็ตาม มันก็รับทราบอยู่ตลอด เพราะเรารับผิดชอบใจดวงนี้ บริสุทธิ์แล้วก็คือใจดวงนี้ มันก็ทราบหมด ไปไหนมีแต่แบกแต่หาม อะไรจะหนักยิ่งกว่าธาตุกว่าขันธ์ อะไรจะหนักยิ่งกว่าแบกสมมุติ สมมุติภายในคือธาตุขันธ์ ก็ยังต้องแบกอยู่ในวงแคบนี่ละ
ข้างนอกปล่อยหมด อันนี้ปล่อย แต่อันนี้ยังสัมผัสสัมพันธ์กับจิตอยู่ เจ็บท้อง ปวดศีรษะ เป็นไข้เป็นหวัด เป็นไอมันก็กระเทือนถึงกันอยู่อย่างที่ว่านี้ ไม่สบายมาได้ ๔ วันเป็นหวัด แน่ะ ก็ว่างั้นแหละ ไม่สบาย ใจจะเป็นหวัดอะไร อันนี้ต่างหากให้ชื่อมันว่าเป็นหวัด มันเกี่ยวโยงกันอยู่ รับผิดชอบกันอยู่ มันก็รับทราบกันอยู่ ถึงไม่ทุกข์กับมันมันก็รับทราบ พอสลัดนี้ปั๊บพรึบหมดเลย สมมุติไม่มีเลยในจิตดวงนั้น เป็นธรรมธาตุ แม้ครองร่างอยู่นี้ก็เป็นธรรมธาตุอยู่อย่างนั้นแล้ว ถ้าว่าจิตๆ ไม่ถนัดที่จะพูด ถ้าว่าจิตก็จิตบริสุทธิ์เสีย ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วคือธรรมธาตุนั่นเอง จิตที่บริสุทธิ์ล้วนๆ แล้วเป็นธรรมธาตุ
ให้มันเห็นเข้าไปซิ มันจะไปตื่นเต้นกับอะไรไม่มี ธรรมชาตินั้นไม่มีอะไรเข้าถึงละ นินทาสรรเสริญเข้าไม่ถึงทั้งนั้น มันเข้าถึงกันอยู่ตั้งแต่สมมุติด้วยกัน ธาตุขันธ์อย่างนี้กิริยาอาการแสดงออกจากสมมุติด้วยกัน สมมุติต่อสมมุติมันก็รับกัน ก็มีติฉินนินทาสรรเสริญเยินยอว่ากันได้ตามวงของสมมุติด้วยกัน ธรรมชาตินั้นไม่มี ฟังเอาซิผู้ปฏิบัตินักปฏิบัติทั้งหลายทำจิตให้มันเป็นอย่างนั้นแล้วไม่ต้องถามกันละ ไม่ถามถามหาอะไร พระพุทธเจ้ามีกี่องค์ผางขึ้นมาแล้วเป็นอันเดียวกันหมด เป็นน้ำมหาสมุทรทะเลหลวงอันเดียวกันหมด
เทียบปั๊บเข้าไปก็เป็นน้ำมหาวิมุตติมหานิพพานเหมือนกันหมด ท่านจะไปถามกันอะไร พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ก็อันเดียวกันนี้ เหมือนน้ำมหาสมุทรหยดไหนๆ ลงไปมหาสมุทรแล้วเป็นน้ำมหาสมุทรเหมือนกันหมด จิตเมื่อก้าวเข้าสู่ความบริสุทธิ์แล้วเป็นมหาวิมุตติมหานิพพานเหมือนกันหมด แล้วท่านจะถามกันอะไร พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ท่านถามอะไร ท่านยอมรับกันเต็มที่ด้วยความเป็นอันเดียวกัน พระพุทธเจ้าก็คือผู้บริสุทธิ์ สาวกทั้งหลายก็คือบริสุทธิ์ อรหันต์ทั้งหลายคือความบริสุทธิ์เป็นอันเดียวกันแล้วถามกันหาอะไร ถ้าเป็นน้ำก็เป็นน้ำมหาวิมุตติมหานิพพานด้วยกัน ท่านไม่ถามกันละ ถึงขั้นไม่ถามแล้วไม่ถาม
กราบพระพุทธเจ้าอยู่ทุกวัน พุทโธ ธัมโม สังโฆ ดังที่เราเคยพูดนั่นละ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี้ติดหัวใจมาตั้งแต่วันรู้จักเดียงสาภาวะ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ถึงวาระสุดท้าย พอกิเลสขาดสะบั้นไปหมดแล้ว พุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นอันเดียวกันเลย หือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันเดียวกันได้ยังไง มันเป็นแล้วนั่น ใครมาบอก ไม่บอกมันก็รู้เป็นอันเดียวกันแล้ว เป็นธรรมทั้งแท่งเรียกว่าธรรมธาตุ เท่านั้นพูดได้ ว่าธรรมธาตุเท่านั้นเอง จิตที่บริสุทธิ์เป็นอย่างนั้น
คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบทุกอย่าง มันเหลวๆ ไหลๆ แหวกออกนอกลู่นอกทางก็คือพวกเราละมันถึงได้บ่นความทุกข์ความยากลำบากทั่วโลกดินแดน ถ้าเห็นไปตามพระพุทธเจ้าแล้วจะรู้หมด ทุกข์ภายนอกคือส่วนร่างกายสมมุติ ทางภายในไม่มีทุกข์ เหลือแต่ใจที่บริสุทธิ์ ไม่มี หมด
อยู่ทุกวันนี้ว่าเป็นสุขเหรอ แบกธาตุแบกขันธ์ไปมานี้เป็นสุขเหรอ แต่พวกประชาชนทั้งหลายคนทั่วโลกเขาก็ยินดี ยิ่งได้ครูบาอาจารย์ที่เขาเคารพนับถือแล้วเขาไม่อยากให้ตายเลย แต่ผู้นั้นแบกขันธ์แบกกองทุกข์จะเป็นจะตายเขาไม่ดู แบกขันธ์จะว่าไง จิตไม่เป็นทุกข์แต่ขันธ์มันแสดงของมันก็รับทราบๆ ก็เรียกว่าเป็นทุกข์ด้วยกัน นั่นเขาไม่รู้
นี่ก็เป็นหวัดมา ๔ วัน วันนี้เริ่มเปิดเผยออกมา วันนี้ก็ไม่มีอะไรละ แต่สำคัญที่กลางวี่กลางวันจะห้ามเขาได้ยังไง หลั่งไหลอยู่นี้ เรานั่งอยู่กุฏิมองออกมาผ่านมามองเห็นคน เขาไม่เห็นเราแต่เรามองออกมาเห็น ผ่านป่าไม้ออกมานี่ ยั้วเยี้ยๆ มาศาลาๆ หลั่งไหลเข้าหลั่งไหลออกอยู่ตลอด เราอยู่กุฏินี้เราก็ออกไม่ได้นะ ถ้าออกมันรุมเหมือนแม่ต่อแม่แตน เขาไปเจอที่ไหนรุมเลย เราก็ต้องได้ใช้วิชา วิชาเต็มอยู่นี้ สะพายย่ามสองย่ามมีแต่วิชาแก้ตัว วิชาหลบหลีกภัยเข้าใจไหม มนุษย์นี้เป็นมหาภัย กวน ไม่มากอะไรมหาภัยของมนุษย์ที่กวน แค่นี้ก็เอา ยกขึ้นใหญ่ๆ ว่ามหาภัย มันเป็นอะไรมหาภัย เขากวน
ขึ้นทีแรกมหาภัยเหมือนว่าเป็นอะไรมาจากไหน ครั้นเวลาตอบออกไปว่า เขากวน เท่านั้นเอง ไปนี้ต้องเฉยนะ เราทำได้ทุกแบบ ก็ไม่มีอะไรกับโลกนี่วะ เราทำได้ทุกแบบ ไปเต็มยั้วเยี้ยๆ นี้ไม่พูดกับเขาสักคำเดียวเลย เต็มอยู่นั้นเราเดินออกมา เวลาจำเป็นเราออกไปมันเต็มอยู่สองฟาก เขานั่งพนมมือแล้วเราก็เฉยเสียเหมือนไม่เห็นไม่รู้ เขาก็จะว่าหลวงตามันบ้าหรือไง พวกนี้บ้าล้วนๆ เขาไม่ว่า เขามาว่าคนดี ว่าคนดีนี้ว่าเป็นบ้า คนดีคืออะไร เราเตรียมพร้อมแล้ววิชาแก้ตัวกับคนเข้าใจไหม วิชาของเราเต็มย่ามสองย่ามหนักเลยเทียวไป
พอจะพูดก็พูดเสียบ้าง มันหากเป็นของมันเอง คือธรรมชาตินี้มันจะบ่งบอกอยู่ตลอด ธรรมชาตินี้มันโง่เมื่อไร พูดให้มันชัดเจน ถึงจะเป็นงุ่มง่ามต้วมเตี้ยมก็ตามธรรมชาตินี้จะไม่เป็นเลย ไม่มีอิริยาบถไม่มีการยืนการนั่งการนอน ธรรมชาตินี้เป็นธรรมธาตุมันแพรวพราวๆ จ้าของมันอยู่ตลอด ควรจะปฏิบัติกับสิ่งใดเท่าไรมันจะเป็นในนี้เอง จะแย็บออกมา เหอ.ถามเรื่องนั้นเรื่องนี้.ถ้าไม่อะไรทางนี้ปรกติอยู่ นี้ปรกตินี้ดีกว่าที่จะแสดงออก ก็ไปตามปรกติเสียเฉยไปเลย มันหลายแบบ ถ้าจะถามก็เอาๆ ถาม มันหากมีอยู่ในนี้ละบอก บอกใครไม่ได้แต่มันรู้ในเจ้าของ
บางทีไปก็เฉย บางทีก็ขู่เอา มาอะไรกัน เอาละนะที่นี่ มาธุระอะไร มาเซ่อๆ ซ่าๆ อะไร หือ มาอะไร ไม่ได้เรื่องแล้วไล่กลับเดี๋ยวนั้น ขู่ด้วยนะ บทเวลาจะเอานี้แตกฮือ กำลังลงรถทัวร์รถเทีย ๒ คัน ๓ คันเต็มอยู่กำลังจะเข้ามา มาอะไรถาม ยืนจังก้าอยู่ประตูนะ นั่นเห็นไหมห้ามทัพ รถ ๒ คัน ๓ คัน มาธุระอะไรถามดู ตั้งใจจะมาชมวัด ที่ไหนไม่มีวัด.. ที่ไหนมันก็มีวัดเต็มบ้านเต็มเมืองมาอะไรที่นี่ มีธุระอะไร มาดูวัด กลับไปหาดูวัดไหนก็ได้ ไล่เดี๋ยวนั้นเลยแตกฮือไม่ให้เข้าเลย อย่างนั้นละหลวงตาปฏิบัติได้ทุกอย่างกับโลกสมมุตินี้ อันนั้นไม่ใช่สมมุติจะว่าอะไร ว่าแล้วเฉยเหมือนว่าขู่จะกัดจะฉีกนะ แต่ความจริงไม่มี มันหากเป็นของมันเองอยู่ในนี้ ใครไม่รู้แต่รู้เราคนเดียว
บางทีก็เหมือนจะกัดจะฉีก เหมือนยักษ์เข้าใจไหม แต่กิริยาเฉยๆ ภายในไม่มี เขาก็กลัวซิเขากลัวแต่ภายนอก ภายในเขาไม่เห็น เป็นอย่างนั้นละ ขบขันดีนะเล่นกับโลก มันเล่นได้ทุกแบบนี่ ใช้ได้ทุกแบบ ก็สมมุติเฉยๆ จะว่าอะไร ธรรมชาติอันนี้ไม่มีไม่มีในสมมุตินี้ ต่อจากนี้จะให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |