เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
ใครจะเป็นสมภาร
(แม่บังอร ชลบุรี ถวายของมา ๔ รายการมี น้ำมันพืช ๓๖๐ ขวด น้ำปลา ๓๖๐ ขวด ขนมปัง ๓๐ ปีบ ผ้าขาว ๓๗ พับครับ) แม่บังอรศรัทธาสำคัญ เรียกว่าเป็นอันดับหนึ่งของเมืองชล ฐานะการเงินการทองหน้าที่การงานก็กว้างขวางมาก แม่บังอรพ่อเป็นคนจีน เสียไปแล้วไม่นาน ท่านพฤกษ์ไปอยู่เขาเขียว เขาเขียวเหมาะสมมากทีเดียวกับการบำเพ็ญธรรม เราได้ไปดูแล้วไปดูถึงที่เลย ขึ้นบนเขา เดี๋ยวนี้เขาเลี้ยงสัตว์อยู่ทางใต้ เราขึ้นข้างบน เป็นป่ารกชัฏ มีสัตว์มีเนื้อมีเสือ โอ๊ย สัตว์ทุกประเภทอยู่ในนั้นหมดแหละ ดูเหมือนจะมีถึงกระทิง วัวแดงละมังอยู่ที่นั่น พวกสัตว์พวกหมูพวกกวาง อีเก้งอะไรเต็มอยู่นั้น
เราได้ขึ้นไปดูแล้ว มีกุฏิสามสี่หลัง เป็นกุฏิเหมาะสมกับผู้บำเพ็ญภาวนา นั่นละที่เขาโจมตีว่า ท่านพฤกษ์เอาเงินสงฆ์จากวัดป่าเขาเขียวมาสร้างรีสอร์ต เราจึงค้านแทนท่านพฤกษ์ทันทีเลย ใครเป็นคนหาเรื่องใส่ เราไปดูแล้ว เราแก้แทนเจ้าของสกุลท่านพฤกษ์ได้เลย บอกตรงๆ เลย สถานที่นั่นเป็นอย่างนั้นๆ เขาว่าท่านเอาเงินสงฆ์ไปสร้างรีสอร์ต เงินสงฆ์เงินแส็งอะไรมันหาเรื่องมนุษย์เรา แปลกอยู่นะ นี่ก็เราไปเห็นเอง มันตาบอดไอ้คนมาหาเรื่อง ถ้าคนตาดีจะหาไม่ลง เพราะไม่มีสาเหตุใดเลยพอที่จะได้เงินมาสร้างรีสอร์ตรีแสด คนเราถ้าเจตนาร้ายมันเป็นได้อย่างนั้นแหละ
สกุลของท่านพฤกษ์ เป็นสกุลที่มั่งคั่งสมบูรณ์เป็นอันดับหนึ่งในเมืองชลแหละว่างั้นเถอะ อยู่ในกลางตลาด ตึกรามนี้ โถ ใหญ่โต การค้าขายกว้างขวางมาก นี่ก็ส่งน้ำตาลมาสักเท่าไรเร็วๆ นี้น่ะ ส่งมาเรื่อยนะ น้ำตาลทรายส่งมาเรื่อย อะไรๆ ส่งมาเรื่อย จนกระทั่งหมาก็ส่งมาเรื่อย หมาอยู่นี่ก็มาจากเมืองชล ที่น่ารักๆ นี่ ไอ้เหาะ ไอ้เหิน มาจากเมืองชลทั้งนั้น ก็ท่านพฤกษ์ละส่งมา ส่งเครื่องบินมาลงทางนี้ เขาติดต่อทางโน้นให้คนมารับเข้ามานี้
ที่ท่านพฤกษ์อยู่นี้เหมาะสมมากนะ เป็นป่าจริงๆ บนหลังเขาเขียวจริงๆ ที่บริเวณที่ท่านพักอยู่มีพวกสัตว์พวกเนื้อเต็มไปหมด พวกหมูพวกกวาง พวกเก้งพวกอะไร ดูจะมีกระทั่งกระทิง วัวแดง แต่มันก็ไม่อยู่ในบริเวณนั้น หากอยู่รอบๆ นั้นแหละ ทำเลดี ที่นี่แหละที่ว่าเขาหาเรื่องใส่ท่านพฤกษ์ว่า เอาเงินสำนักสงฆ์เขาเขียวไปสร้างรีสอร์ต เราไปดูมันไม่มีอะไรพอจะได้เงินมาสักบาทหนึ่ง ก็ไม่มีทำเลที่หาเงิน มีแต่ทางจงกรมทำความเพียรภาวนา สิ่งก่อสร้างต่างๆ ไม่มีเลย นั่นฟังซิ แล้วเงินมันจะมาจากไหนพอจะได้ไปสร้างรีสอร์ต เราก็ค้านได้ทันทีเลยก็เราไปเห็นเอง ตอบเลยทันที ใครมันตาบอดเหรอ มันหาเรื่องมาฟ้อง ไปดูเสียก่อนจะไม่มีทางฟ้อง นี่มันคนตาบอดฟ้องอยู่ เราตาดีเราแก้แทน เราแก้เลยก็เราไปเห็นแล้ว อย่างนั้นละหลวงตาบัวไม่ได้ถอยใครนะ ถ้าผิดหลักความจริงแล้วใส่เปรี้ยงเลยเทียว
ไม่ว่าผู้ใหญ่ผู้น้อยไม่มีอะไรเหนือธรรม ธรรมเหนือโลก เอาธรรมออกพูด เอ้า ค้านมา ไม่มีอะไรใหญ่กว่าธรรม ใครจะใหญ่โตขนาดไหนก็มีแต่ลมปาก ธรรมแท้ใหญ่แท้ ใหญ่จริงจังมาดั้งเดิม โลกกราบไหว้บูชาธรรมมาตลอด ไอ้ใหญ่พองตัวขึ้นมานี้ไม่มีใครกราบแหละ พองตัวแบบอึ่งอ่าง อึ่งอ่างกับวัวในนิทานอีสปเราเอามาเทศน์ เขาก็เอาไปจากหลักธรรมไปเขียนเป็นนิทานอีสปสอนนักเรียน เวลาเราเป็นนักเรียนเราก็ได้อ่านนิทานอีสปอันนี้แหละ เราจึงไปเจอในคัมภีร์นู้น เวลาบวชไปเจอ โอ๋ เอาออกจากนี้นิทานอีสป
มันมีทางที่จะว่าได้มนุษย์เรา สมมุติต่อสมมุติมันก็เป็นสนามรบกัน คือสมมุติต่อสมมุติ เช่นอย่างเราก็เป็นสมมุติอันหนึ่ง ปากเขาก็เป็นสมมุติอันหนึ่งเขาก็ว่าได้ สนามโลกธรรมก็คือตัวบุคคลแต่ละคน หน้าที่การงานมากน้อยเพียงไรมันหาเรื่องใส่กันได้หมดนั่นแหละ ถ้าธรรมแล้วหาไม่ได้นะ อย่างที่เรานั่งอยู่นี้ก็อยู่ในสนามโลกธรรม เขาไม่พอใจเขาก็จะหาเรื่องว่าเราได้ ทั้งๆ ที่เรานั่งอยู่นี้ หาเรื่องว่าหลวงตาบัวไปทำอย่างนั้นไปทำอย่างนี้ก็ได้ เพราะมันเป็นสมมุติด้วยกัน แต่ความจริงที่เป็นธรรมแล้วไม่มี อย่างเราเราไม่มี หมดโดยประการทั้งปวง ในสมมุติแดนโลกธาตุนี้หมดจากหัวใจ มีแต่กิริยาที่ใช้อยู่
นี่ละกิริยาที่แสดงอยู่นี้เรียกว่าสนามแห่งโลกธรรม เขาพอใจเขาก็ชม เขาไม่พอใจเขาก็ตำหนิ หรือฟ้องร้องต่างๆ ก็มีแต่อันนี้ละอยู่ในสนามโลกธรรม ส่วนจิตที่บริสุทธิ์สุดส่วนแล้วนั้นจะเอาอะไรไปใส่ มันเหนือทุกอย่างแล้ว อย่างที่เราพูด พูดอย่างจังๆ นี้ หัวใจเราหมดแล้วจากสภาพสมมุติทั้งปวง สามโลกธาตุไม่มีในหัวใจเลย ปล่อยวางหมดโดยสิ้นเชิง อันนั้นใครจะไปฟ้องมันได้ แต่หลวงตาบัวนี้เขาว่าได้ใช่ไหมล่ะ มานั่งอยู่นี้ หลวงตาบัวดุอย่างนั้นเอ็ดอย่างนี้ยุ่งไปหมด พูดออกมานิดหนึ่งก็ว่าเอ็ด พูดออกมานิดหนึ่งก็ว่าดุ แล้วจะไม่ให้พูด ไม่มีทางพูด ลมก็ไม่มีทางออก ก็ตดออกละซี เขาก็จะว่าตดอีกแหละ
มีแต่เรื่องยุ่ง โลกธาตุโลกสมมุติเป็นอย่างนั้น ส่วนจิตมันหมดโดยสิ้นเชิงเราพูดจริงๆ เราหมดโดยสิ้นเชิง ในสามแดนโลกธาตุไม่มีในจิต ปล่อยวางโดยสิ้นเชิง ว่างเปล่าหมดเลย เรียกว่า สุญฺญโต โลกํ คือสูญจากจิต จิตนี้ว่างหมดไม่มีอะไรเข้าไปสวนเลย ท่านว่า สุญฺญโต โลกํ พิจารณาโลกให้เป็นของว่างเปล่า ว่างจากจิต จิตว่างเสียอย่างเดียวไม่มีอะไรเข้ามาขวาง นั่นละท่านว่า สุญฺญโต โลกํ พิจารณาโลกให้เป็นของสูญเปล่า คือมันสูญภายในจิต ไม่มีอะไรเข้าไปผ่าน ก็เรียกว่าจิตว่างไปหมดเลย ส่วนธาตุขันธ์มันไม่ว่างแหละ ไปที่ไหนก็ถูกตำหนิติชมเป็นสนามแห่งโลกธรรมคือร่างกายของเรา กิริยาแสดงออกยังไงเขาพอใจเขาก็ชม ไม่พอใจเขาก็ตำหนิ อันนี้สนามโลกธรรม ส่วนใจไม่มีอะไร หมดจากสมมุติทั้งปวงแล้ว จะไปว่าอะไรก็ว่าไม่ได้แหละ หมด มันเหนือแล้ว
วันนี้ก็ไม่มีอะไร นอกจากจะไปเยี่ยมศพท่านด้วงเท่านั้นเอง วัดโยธานิมิตรเป็นวัดที่เราบวชอยู่ เราบวชอยู่วัดโยธานิมิตร ๒ พรรษา จากนั้นก็ออก ออกเตลิดเปิดเปิงจนกระทั่งบัดนี้ ไม่เคยได้มาจำพรรษาวัดโยธานิมิตรอีกเลย ไปพักก็พักชั่วคราวนิดหน่อย คืนสองคืนเท่านั้น วัดโยธานิมิตรนี่ท่านด้วงตายแล้วใครจะเป็นสมภาร เราจะต้องได้พิจารณาอีกทีนึง ให้คำแนะนำอีก วัดนี้เป็นวัดที่เราบวช บวชอยู่ที่วัดนี้แหละ อยู่ได้ ๒ พรรษา จากนั้นก็ออก ออกก็ออกจนกระทั่งป่านนี้ ไม่ได้เข้าไปจำพรรษาอีกเลย ที่วัดโยธานิมิตรนี้
วันนี้เราอาจจะไปเยี่ยมศพท่านด้วงหน่อย ออกจากนี้แล้วก็จะไปเยี่ยมศพท่าน แล้วจะได้สืบถามดูเรื่องราวของผู้ที่จะมาแทนวัด เป็นสมภาร สมภารนี้สำคัญมากนะ ถ้าสมภารเป็นยักษ์เป็นผีก็กินวัดกินวาไปหมดเลย ถ้าสมภารเป็นธรรมแล้วก็ให้ความร่มเย็นแก่วัดวาอาวาสตลอดประชาชน ถ้าสมภารไม่เป็นท่าแล้วก็เป็นข้าศึกต่อวัด ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ อย่างที่ท่านพระครูเสีย ตอนนั้นท่านด้วงยังเป็นพระหนุ่มน้อยอยู่ แล้วท่านเจ้าคุณวัดโพธิท่านจะจัดพระให้มาเป็นสมภารวัดนี้ เราเข้าขวางทันทีเลย
วัดโยธาเป็นวัดของเราเราต้องพิจารณาเสียก่อน เราเห็นสมควรเราถึงจะยอมรับ ถ้าไม่เห็นสมควรเราไม่รับ บอกตรงๆ เลย จะเอาองค์นั้นมาองค์นี้มา ปัด ปัดหมดๆ สุดท้ายก็มาอยู่ท่านด้วง ท่านด้วงยังพรรษาน้อย น้อยก็ตาม มันจะมากขึ้นทุกวันๆ นั่นแหละ มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เราว่า น้อยเป็นพระดีจะเป็นไรไป ใหญ่โตเป็นยักษ์เป็นผีใช้ไม่ได้เราบอก ไม่ให้เอามา บอกให้ท่านด้วงเป็นสมภารอยู่นี้ก่อน เรานะสั่งเอง ท่านจะจัดพระที่มีอายุพรรษาอะไรมาเป็นสมภาร อายุพรรษาทั้งยักษ์ทั้งผีมันมาด้วยกัน ก็เราเห็นหมดนี่ ไม่เอา ไม่ให้มา เราว่าอย่างนี้เลย เราสั่งขาดเลยเทียว
เอาท่านด้วงเป็นสมภารอยู่นี้ อายุพรรษาน้อยมันก็จะมากต่อไป มันกินทุกวันนี่น่ะเราว่า มันมีตลกอยู่ในนั้นละ พรรษาน้อยก็ตาม ว่าเป็นเด็ก เด็กก็ตามมันกินทุกวัน มันก็โตเราว่า มันมีตลกอยู่ในนั้นแหละ สุดท้ายแกอายุพรรษาก็มาก พอดีเสียเสียแล้ว นี้ใครจะมาเป็นสมภารอีก
พูดท้ายเทศน์
วัดโยธานิมิตรนี่ก็ท่านพระครูปลัดอ่อนตา คนบ้านเหล่า ท่านมาเป็นสมภารอยู่วัดโยธานิมิตร ก็มีองค์เดียวจนกระทั่งท่านมรณภาพ แล้วท่านด้วงเป็นสมภารแทน ตอนนั้นท่านด้วงอายุพรรษาน้อยมาก แต่เราไปบังคับเอาเลย ท่านจะเอาพระผู้ใหญ่อะไรมานี้ พระผู้ใหญ่องค์ไหนๆ เรารู้หมด ดีชั่วขนาดไหน เรารู้หมด เราจึงบอกไม่รับ บอก ให้องค์นี้เป็นสมภาร ท่านด้วงยังเป็นเด็ก เด็กก็เด็กเถอะน่ะ มันกินทุกวัน มันก็โตขึ้นเราก็ว่าอย่างนี้ มันก็โตขึ้นจนกระทั่งตายเข้าใจไหม องค์นี้ละเป็นสมภารแทน
ทางวัดโพธิท่านจะส่งสมภารมา ไม่เอา เราดันไว้เลย เราพิจารณาหมดแล้วองค์ไหนจะมาเป็นสมภาร เรารู้หมดแล้ว ให้องค์นี้เป็นสมภาร องค์นี้อายุพรรษาน้อย น้อยมันก็จะใหญ่ มันกินทุกวันนี่นะ เราว่างั้น เถียงกันเลย เถียงแบบนี้แหละ มีตลกอยู่ในนั้น น้อยมันก็จะใหญ่ ก็มันกินทุกวัน สุดท้ายก็ท่านด้วงเป็นสมภารมาตลอดจนกระทั่งตาย เห็นไหมล่ะ ก็เรียบร้อยมาตลอด สมภารเป็นของง่ายเหรอ สมภารวัดเป็นสำคัญมาก
ส่วนวัดป่าบ้านตาด หลวงตาบัวนี่เป็นสมภารหลายด้านมากทีเดียว สมภารพระก็เป็น สมภารโยมก็เป็น สมภารหมาก็เป็น มีทุกอย่าง เราปกครองกว้างขวางมากนะ วัดเราเราปกครองกว้างขวางมาก ปกครองทั้งพระทั้งเณร ทั้งประชาชน ปกครองทั้งหมูทั้งหมา อยู่ในวัดนี้หมดนั่นแหละ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|