เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
อะไรๆ ท่านก็ได้จากเรา
เราพูดนี่ไม่มีอะไร แต่เขาเอาไปขยี้ขยำกันแหลกหมด เขาไม่แล้ว เราพูดนี่แล้วไปเลยๆ คือพูดแบบไหนก็ตาม แล้วไปเลยๆ ไม่มีอารมณ์ แต่เขามีอารมณ์ พอพูดอะไรๆ ทำไมท่านว่าอย่างนั้น ทำไมท่านว่าอย่างนี้ ไปขยี้ขยำแหลก เราไปได้ห้าทวีปแล้ว เป็นอย่างนั้นละ
จิตใจมันหมดสมมุติพูดตรงๆ อย่างนี้เลย เมื่อหมดสมมุติแล้ว พูดปั๊บดับพร้อมๆ ไปเลย ไม่เป็นอารมณ์ ไม่มีอารมณ์ มันหมด เป็นปัจจุบันล้วนๆ ด้วยความบริสุทธิ์ของใจ อย่างสมมุติเข้าไปแทรกปั๊บ ตกปั๊บๆ เช่นอย่างพูดแต่ละคำๆ ตกไปๆ หายเงียบๆ พอเสร็จแล้วหายเลย นั่นละฟังเสีย ผลของการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างนั้น
อย่างที่พูดนี้ถอดออกมาจากนี้มาพูด ไม่เป็นอารมณ์กับอะไร ไม่มี กิริยาที่ใช้ในขันธ์ซึ่งเป็นสมมุติด้วยกัน ก็ใช้ไปตามสถานที่บุคคลที่เห็นว่าควรไม่ควรเพียงไร เรียกว่าสมมุติอันนี้นะ มีสมมุติยังไงก็ปฏิบัติไปตามสมมุติเท่าที่จะปฏิบัติได้ ส่วนจิตนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่ง ไม่ได้มาเข้ากับสิ่งเหล่านี้เลย เพราะฉะนั้นเราจึงบอกว่าวัตถุร่างกายของเรานี้เป็นสมมุติ สมมุติทั่วๆ ไปก็เข้ากันได้ เพราะฉะนั้นอันนี้มันจึงอยู่ในจุดโลกธรรม ๘ อยู่ในจุดนี้ มาที่นี่รับกันที่นี่ๆ นอกจากนี้แล้วไม่มี หมด
วันนี้ก็จะได้เอาของไปส่งโรงพยาบาล ดูแค็ตตาล็อกไประยะไหน วันที่เท่าไรๆ ดูไปตามนั้น ถ้าไม่มีแล้วไม่ได้มันซ้ำซาก บางทีเวลากระชั้นชิดก็ไปอีก ไม่เอา ไปตามระยะๆ ที่ไหนๆ ไปแล้ววันที่เท่าไรๆ โรงไหนที่ควรจะไป วันนี้จะไปโรงไหน ดูแค็ตตาล็อก ไปตามนั้นๆ อย่างนั้น
เมื่อวานนี้ไปวัดถ้ำผาปู่ วัดถ้ำผาปู่นี้เป็นวัดท่านอาจารย์คำดี เป็นพระที่ไม่นอนใจตลอดเฒ่าแก่ ท่านไม่ได้นอนใจ กับเราสนิทสนมกันมากทีเดียว แต่พูดว่ายังไงท่านก็ไม่ฟัง ท่านเป็นพระประเภทกตัญญู พูดยังไงก็ไม่ฟัง เราเคารพนับถือท่านมากขนาดไหน ท่านไม่ได้เอามาพูดอันนั้น ท่านเอาคุณธรรมระหว่างเรากับท่านสงเคราะห์กันมาพูด ออกอันนี้แหละ ถึงขนาดที่ว่าท่านมหาบัวเป็นอาจารย์ของอาตมา โอ๊ย เราขยะไปเลย โอ๊ย ทำไมจึงพูดอย่างนั้น เราเคารพเลื่อมใสท่านเต็มหัวใจเรานี้เลย ยังไงก็ตามขอให้พูดให้สมใจก็แล้วกันท่านว่าอย่างนั้น พูดให้สมใจ
แต่ท่านมีญาณสำคัญนะ ญาณความรู้ของท่าน เช่นอย่างเราจะไปนี้ ตอนเช้าท่านตื่นมาท่านบอกพระแล้ว เออ วันนี้ท่านมหาบัวจะมา แน่ะบอก ในย่านระยะจวนเที่ยง ระยะนี้ท่านฉันเสร็จแล้วท่านมา จวนเที่ยงหรือเที่ยงท่านมา พระเณรเราอย่าไปที่ไหน คอยต้อนรับท่าน ว่าอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเวลาเราไปเห็นพระเณรจุ้นจ้านๆ อยู่รอบๆ กุฏิท่าน ไม่ใช่น้อยๆ นะหลายองค์ พระมาอะไรมากมายก่ายกอง เขามาคอยต้อนรับเรา ว่าท่านอาจารย์ท่านบอก นั่นเห็นไหมล่ะ วันนี้ท่านมหาจะมา ส่วนมากท่านจะมาถึงตอนเที่ยงระยะนี้แหละ พระเณรเราอย่าหนีไปไหน คอยต้อนรับท่าน เห็นพระเณรเต็มอยู่บริเวณกุฏิของท่านอยู่ เป็นอย่างนั้น
เรื่องญาณของท่านแน่นอน อย่างที่ว่าให้พระมารักษาศาลาที่วัดศรีฐาน ที่สามเหลี่ยมแต่ก่อนเป็นดงนะ ขอนแก่นน่ะ สามเหลี่ยมขอนแก่นทางแยกไปชุมพงชุมแพอะไรที่นั่น เป็นดงหนาป่าทึบนะนั่น นั่นละวัดศรีฐานอยู่ในนั้น เราก็หนีจากหมู่เพื่อนไปองค์เดียว ท่านทราบแล้วนะนั่น จะมีพระองค์สำคัญมาหาเราในระยะเร็วๆ นี้ เราจะได้พบพระองค์สำคัญว่าอย่างนั้นนะ องค์ไหนก็ไม่รู้แหละ ท่านหากบอกว่าพระองค์สำคัญ แล้วจัดพระให้ไปรออยู่ที่ศาลา ไปรอรับท่านจะมาในเร็วๆ นี้แหละ สั่งเสียแล้วก็ให้พระมารออยู่นั้น
เราไปคนเดียวนี่ สะพายบาตรไปคนเดียว ปุ๊บๆ เข้าไปนั้น พระก็ไม่รู้เราว่าเป็นใครมาจากไหน พอไปก็เห็นพระท่านเฝ้าศาลาอยู่ ท่านก็มาต้อนรับปราศรัย แล้วก็เล่าให้ฟังว่า ที่มานี่คือท่านอาจารย์ท่านสั่งให้มา บอกว่าท่านจะได้พบพระองค์สำคัญเร็วๆ นี้ จึงให้กระผมมาเฝ้าศาลาเป็นระยะๆ กันในช่วงนี้ว่าอย่างนั้น แล้วท่านมาพักอยู่ที่นี่ได้กี่คืนแล้วล่ะ ได้สองคืนแล้ว มาเฝ้าศาลาเฝ้าคอยพระองค์สำคัญนั่นละ องค์ไหนก็ไม่รู้ ว่าองค์สำคัญจะมาถึงเร็วๆ นี้ว่าอย่างนั้น ให้ผมมารออยู่นี้ ผมก็เลยมาตามคำสั่งของท่าน
ทีนี้พอมาแล้วเราก็ดูไปศาลา ท่านจะหาอุบายอะไรหรือว่ามีของสำคัญอยู่ในศาลาหลังนี้บ้าง ท่านให้พระมาอย่างนี้ หรือจะมีของสำคัญอยู่นี้ ครั้นมองไปที่ไหนๆ ถ้าว่ากระโถนก็กระบอกไม้ไผ่ เข้าใจไหมไม้ไผ่ตัดตรงกลางแล้วตั้งเป็นกระโถนๆ มองดูก็ไม่เห็นมีสาระอะไร เราก็ลงใจละ พูดไปพูดมา คือท่านสั่งว่าให้มารอรับจะมีพระองค์สำคัญจะพบกันเร็วๆ นี้ท่านว่าอย่างนั้น ผมก็มาตามท่านสั่ง แล้วมาพักอยู่นี้ได้กี่คืนแล้วล่ะ สองคืนนี้ว่าอย่างนั้น
พระองค์นั้นไม่รู้เราว่าเป็นใครนะ เราไม่ได้บอกใครง่ายๆ เรื่องอย่างนี้ คุยกันไปคุยกันมา ท่านอาจารย์ชื่อว่ายังไง ถามไปทำไมเราว่าอย่างนั้น โอ๋ เวลาท่านถามว่ามีพระองค์ไหนๆ มานี้ ก็ต้องได้กราบเรียนเรื่องรายชื่อให้ท่านทราบ ว่าอย่างนั้น เราก็ติดซิ เพราะมีเหตุผลใช่ไหม เราก็เลยบอกว่าพระมหาบัว หรืออาจารย์มหาบัวเหรอ ถามไปหาอะไรนัก ว่าให้อีก จี้เรื่อย ท่านก็เลยทราบ ท่านเปิดออกมาตั้งแต่ท่านอาจารย์คำดีสั่งให้มารอรับ ท่านบอกว่าท่านจะได้พบพระองค์สำคัญเร็วๆ นี้
แปลกอยู่นะท่านอาจารย์คำดี ท่านเมตตามากสำหรับกับเรา แต่ท่านไม่ได้ว่าเมตตา ท่านบอกว่าเราเป็นอาจารย์ท่านว่าอย่างนั้นเลย พูดกับใครก็ตาม บอกว่าท่านมหาบัวเป็นอาจารย์ของอาตมาว่าอย่างนั้น ไอ้เรา อู๊ย ขยะๆ จะตาย เพราะเราเคารพท่าน แต่ท่านพูดด้วยความกตัญญูเห็นคุณ ยกตัวอย่างเช่น ตี ๔ เช้าวันนั้น ก็แปลกอยู่มันบันดลบันดาลอะไรให้ถึงกันก็ไม่รู้ ท่านเดินจงกรมอยู่ตอนเช้ากุฏิ ๒ ชั้น แท่นพระอยู่ข้างล่าง ท่านเดินจงกรมอยู่ข้างๆ ท่านกำลังพิจารณาธรรมข้างใน ไปติดปัญหาธรรมท่านว่าอย่างนั้น ติดปัญหาธรรมมันเหมือนหอกเหมือนหลาวทิ่มประสานกัน
นี่ละปัญหาธรรมเป็นอย่างนั้น เราเคยเป็นมาแล้ว ระลึกถึงใครก็ไม่เห็น มองเห็นแต่ท่านมหาองค์เดียวเท่านั้นที่จะสามารถแก้ปัญหาข้อนี้ได้ ปัญหาแหลมหลาวทิ่มแทงหัวใจเราอยู่เวลานี้ ปุ๊บปั๊บออกจากทางจงกรมก็มาจุดธูปเลย เราก็ไม่เคยไปวัดถ้ำผาปู่ นั่นละไปครั้งแรก ท่านจุดธูปจุดเทียนแล้วท่านไม่ได้บอกว่านิมนต์นะ พอจุดธูปจุดเทียนกราบไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านว่าขออาราธนาว่าอย่างนี้นะ ขออาราธนาท่านมหาบัวมาโปรดโดยด่วน ท่านบอกว่าขออาราธนาท่านมหาบัวมาโปรดโดยด่วน มาแก้ปัญหาอันนี้แหละ
ไอ้เราก็เป็นบ้าอะไรไม่รู้ โผๆ เผๆ ปุ๊บไปถึงวันนั้นแหละ มันก็แปลกอยู่นะ อยู่ๆ ก็พอ ๑๑ โมง เราก็สั่งรถเข้ามาเดี๋ยวนั้นเลย แต่ก่อนรถในวัดก็ไม่มี สั่งรถทางร้านเชาวลิตให้ไปเอารถมาเดี๋ยวนี้ เราจะไปถ้ำผาปู่เดี๋ยวนี้บอกอย่างนั้น รถมาแล้วก็ไปเลย พอไปถึง โฮ้ มาเร็วอยู่นะว่าอย่างนั้น เราไม่รู้เรื่อง มาเร็วอยู่นะ เร็วยังไง เดี๋ยวมันจะได้พูดกันละท่านว่า ที่ไหนได้ท่านนิมนต์เราตอนเช้ามืด แล้วตอนบ่ายๆ เราก็ไป ยังไงมันก็จะได้พูดกันละท่านว่าอย่างนั้น ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านติดปัญหา มองหาใครก็ไม่เห็น มองเห็นแต่ท่านมหาองค์เดียว เลยเข้าไปจุดธูปอาราธนา ที่ได้ว่ามาเร็วก็คือนิมนต์เมื่อเช้านี้เอง วันนี้ท่านก็มาแล้ว ทำไมถึงมาเร็วเอานักหนา โอ๊ย กระผมมาตามประสีประสาผม เอาละประสาอะไรก็ช่างเถอะท่านว่าอย่างนั้น ได้ความกันแล้วแหละท่านว่า
นี่ละท่านอาจารย์คำดี แต่เราก็พูดตามหลักความจริง ก็เราแก้ให้จริงๆ ท่านจะว่าเราเป็นอาจารย์ท่านก็ไม่ผิด แต่ความเคารพทางสมมุติอาวุโสภันเตเราเคารพท่าน ว่าเราเป็นอาจารย์ของท่านเราจึงไม่อยากรับ เพราะท่านอาวุโส เราภันเต พรรษาท่านแก่กว่าเรา ๖ พรรษา ก็ได้คุยกันวันนั้น โห ท่านร้องโก้กเลยปัญหาข้อนี้ อยู่สองต่อสองเงียบๆ ไม่มีใครเลย คือนิสัยท่านกับนิสัยเราคล้ายกันกับเวลาจะเอาเฉพาะอย่างนี้ใครเข้ามายุ่งไม่ได้นะ ต้องเฉพาะจริงๆ อันนี้กับเราก็เฉพาะ ปิดประตูหมดในกุฏินั่น
๕ โมงกว่าเราก็เข้าไปแล้ว พอไปถึงแล้วก็บอกว่าจะได้คุยธรรมะ แล้วก็บอกเวล่ำเวลา ถึงเวลาแล้วท่านจะให้พระไปนิมนต์ท่านมหามา เราก็ไปก่อนเวลาเล็กน้อย พอไปก็คุยกันเฉพาะสองต่อสอง ท่านก็งัดเอาปัญหาสำคัญนี้ออกมาที่มันติด ติดจนเหมือนหอกเหมือนหลาวท่านว่า ก็เราเคยติดมาแล้ว พอท่านว่าอย่างนั้นเราเข้าใจทันทีเลย ท่านก็เลยเล่าปัญหาอย่างนั้นๆ อย่างนี้ให้ฟัง หลังจากนั้นเราก็ถวายตอบปัญหาท่านไปในเวลานั้น ร้องโก้กเลยเทียวนะ นั่นเห็นไหม
อยู่เงียบๆ สองต่อสองในห้อง เพราะมันถึงใจท่าน เสียงร้องโก้ก เออ เอาละที่นี่เอาละเปิดแล้วๆ จะเข้าแล้วที่นี่ เปิดแล้วประตูเปิดแล้ว ท่านพูดแล้วพูดเล่ามันถึงใจท่าน นี่ละปัญหาเห็นไหมล่ะ ถ้าตอบไม่ถูกไม่ได้นะปัญหาทางใจ ต้องเป็นเรื่องของจิตตภาวนาตอบกัน ผู้เหนือกว่าจะตอบได้ ผู้อ่อนกว่าตอบไม่ได้ละ อย่างของท่านอาจารย์คำดีนี้ก็เหมือนกัน ปัญหาข้อนี้สำคัญมากทีเดียว พอท่านแย็บออกมานี้เราเข้าใจก็ถวายปุ๊บ ท่าน เอ้อ ขึ้นทันทีเลย อย่างนั้นแหละ ท่านจึงเคารพมากสำหรับเรา ถ้าพูดตามภาษาธรรมแล้วท่านเคารพมากอยู่เคารพเรา ท่านไม่ได้ถือว่าท่านเป็นผู้ใหญ่กว่าเรา ท่านถือเราเป็นอาจารย์จริงๆ หวังพึ่งหวังพิงจริงๆ
แต่ทางสมมุติแล้วอาวุโสภันเต เราก็เคารพท่านตลอดไม่อยากให้ท่านพูด เรื่องที่ว่าท่านอ่อนกว่าเราหรืออะไรกว่าเรา เพราะท่านเป็นอาวุโสนี่ไม่อยากให้ท่านพูด แต่ท่านก็พูดของท่าน เอาจนพ้นได้เลยนะ อย่างนี้ละ เห็นไหมธรรมะ การแก้ปัญหากัน ร้องโก้กเลย เอ๊อ เอาละที่นี่ เงียบๆ อยู่สองต่อสองนะ ปิดประตูไม่ให้ใครเข้าไป มันถึงใจท่าน เอ๊อ เอาละที่นี่ประตูเปิดแล้วๆ จะเข้าละที่นี่ เปิดโล่งแล้วจะเข้าละที่นี่ ท่านว่าอย่างนั้นแหละ
เราหลีกไปไม่นานนัก เพราะจวนแล้ว ประตูนี้เปิดแล้วจะเข้าจุดนั้นละ จุดสำคัญ เอาละพอใจๆ ท่านว่า พออีกไม่นานนักเราก็กลับไป ไปกราบเรียนถามท่านโดยเฉพาะ ท่านว่าผ่านได้แล้ว นั่นเห็นไหมล่ะ ผ่านได้แล้ว นี่อัฐิของท่านก็กลายเป็นพระธาตุ อัฐิของท่านอาจารย์คำดีเป็นพระธาตุเรียบร้อยแล้ว
ถ้าพูดถึงเรื่องด้านธรรมะเรามันมีทั้งสองอย่าง ทางด้านปริยัติเราก็จนเป็นมหา ทางด้านปฏิบัติเราก็เอาเป็นเอาตายเข้าว่า เพราะฉะนั้นถึงพูดได้เต็มปากทั้งสอง ทั้งปริยัติทั้งปฏิบัติ เวลาเอาจริงเอาจังมันจะไม่ไปปริยัตินะ มันจะพุ่งเข้าหาภาคปฏิบัติล้วนๆ เลย ไม่ได้ออกนะปริยัติ ไม่ออก พุ่งเข้าภาคปฏิบัติ อย่างที่ท่านถามธรรมะภาคปฏิบัติพระกรรมฐานเรา ถามก็ถามธรรมะภาคปฏิบัติจิตตภาวนา ต้องเอานี้ตอบกัน จะเอาปริยัติมาตอบไม่ทัน เรียกว่าเกาในที่ไม่คันว่างั้นเถอะ เกาไม่ถูกที่คัน ถ้าเป็นภาคปฏิบัติใส่ปุ๊บๆ เลย พุ่งเลย
ก็เรียกว่าท่านเคารพมาก ท่านแก่พรรษากว่าเรา ๖ พรรษา แต่ท่านเคารพมากจริงๆ เพราะอะไรๆ ท่านก็ได้จากเรา แก้ปัญหาอย่างที่ท่านไปจุดธูปขออาราธนาท่านมหาบัวมาโปรดโดยด่วน เราผึงผังก็ไปวันนั้นเลย ไม่เคยไปนะวัดถ้ำผาปู่ ไม่เคยไปเลย วันนั้นเป็นหนแรกแหละไป โฮ้ มาเร็วอยู่นะ มาเร็วอะไร เดี๋ยวๆ ค่อยพูดกัน ท่านก็เลยเล่าให้ฟังเรื่องท่านจุดธูปอาราธนาเราเมื่อเช้านี้เอง ทำไมมาเร็ว โอ๊ย กระผมสะเปะสะปะมาตามประสาบ้าของผมอย่างนั้น เอาละ ประสาไหนก็ช่างเถอะ ได้คาหนังคาเขาแล้วเป็นที่พอใจ ท่านว่างั้น
นี่ก็เข้ากันได้ตรงที่พระเวลาไปนั่งฉันจังหัน ท่านนั่งอันดับหนึ่ง เรานั่งที่สอง แต่เราหูมันดีอยู่หมด พอพระเณรเอาปิ่นโตเอาหม้ออะไรเข้ามาหาท่าน เอามาถวายท่าน ให้ท่านตักอะไรๆ ท่านส่งเข้าไปก็ไปเเจกพระ พอเข้ามาหาท่าน เราก็นั่งอยู่ข้างๆ เราก็หูดีนี่ไม่ใช่หูหนวก พอพระก้มเข้าไป ระวังเสือนะนั่น ท่านว่าอย่างนี้นะ เสือนะนั่น ท่านพูดกระซิบพระ พอองค์ไหนก้มหัวเข้าไป เอาปิ่นโตเข้าไป เสือนะนั่น ท่านว่าเราก็ฟัง ก็เราได้ยินได้ทุกคำท่านกระซิบพระ พอพระองค์ไหนก้มเข้าไปปั๊บ เสือนะนั่น ระวังนะเสือนะนั่น มีแต่เสือนะนั่นอยู่อย่างนั้น
ทีนี้พอพระเณรออกไปกิริยามารยาทเรียบๆ สุดท้ายเรียบทั้งวัดเลย เสือตัวนี้แหละ ท่านเฉยนะ คือท่านไม่ดุ ท่านอาจารย์คำดีแต่ก่อนท่านดุเก่ง เณรเย็บสบงให้ท่านผิด พอผิดท่านจับผ้าที่เย็บผิดฉีกขาดต่อหน้าเณรเลย เณรไปนั่งพิงต้นเสาร้องไห้อยู่นั้น นั่นละท่านจึงมาฝึกนิสัยใหม่ ท่านว่า เณรนั้นเป็นเหตุ แต่ก่อนนิสัยผม โห ผาดโผนโจนทะยานนะท่านมหา ให้ได้อย่างใจๆ นิสัยใจร้อนเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดด้วย
พอดีวันนั้นเณรเย็บผ้าผิด เย็บผ้าเราแหละ มาดูแล้วฉีกต่อหน้าเณรตามนิสัยท่าน เมื่อฉีกเสร็จแล้วเณรหลบไปนั่งบังเสาร้องไห้อยู่นั้น เณรที่เย็บผ้าผิด นั้นเลยเป็นธรรมเทศนา เณรนี้เป็นผู้สอนเรา ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปนิสัยเช่นนี้เราเคยทำมาแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไร แล้ววันนี้ก็มาแสดงอย่างเด่นชัด หากว่าไม่ดัดเสียตั้งแต่บัดนี้ยิ่งพรรษาแก่เข้าไปแล้วมันจะลุกลามยิ่งกว่านี้ไป ต้องเอากันคราวนี้ ท่านว่างั้น เลยเอาเณรนั้นเป็นครูเป็นอาจารย์ ตั้งแต่นี้ต่อไปเราจะไม่ดุใคร จะเป็นอะไรๆ ก็ตามไม่ดุ ตั้งแต่นั้นมาท่านไม่ดุจริงๆ นะ เรียกว่าท่านดัดนิสัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ นิสัยท่านเรียบมาก จนใครก็เข้าใจว่าเรียบมาแต่ไหนแต่ไร แต่ความจริงท่านฝึกนิสัยเพราะเณรเย็บสบงผิดนั่นแหละ ท่านฝึกนิสัย ท่านฉีกสบงที่เณรเย็บผิดต่อหน้าต่อตาเณร เณรแอบไปนั่งต้นเสาไปร้องไห้อยู่นั่น
โฮ้ นี่เป็นเพราะเรา ประสาสบงเย็บผิดจะเป็นอะไรนักหนา จนกระทั่งถึงกระทบกระเทือนเณรนี้ถึงร้องไห้ นิสัยอันนี้ถ้าเราจะปล่อยมันไป มันจะไปลุกลามยิ่งกว่านี้ พรรษาแก่ขึ้นๆ ก็จะลุกลามยิ่งกว่านี้ ไม่ได้...ต้องดัดท่านว่า ตั้งแต่นั้นมาเอาให้ขาดสะบั้นเลยความดุไม่ให้มีเลย ท่านหยุดตั้งแต่นั้นมา ท่านเล่าให้เราฟัง ตั้งแต่บัดนั้นมาผมไม่เคยดุใครเลย ที่เณรเป็นเหตุท่านว่า นิสัยผมใครก็ว่าเรียบๆ เรียบอะไรแต่ก่อนเสือก็อยู่ที่นี่ ยักษ์ก็อยู่ที่นี่ ฆ่ายักษ์ฆ่าเสือด้วยการฝึกหัดตนเองอย่างเด็ดขาดแล้ว จึงมีนิสัยอย่างนี้ ท่านเล่าให้เราฟัง นิสัยท่านเด็ดเดี่ยว
ที่ว่าเรานั่งอยู่ข้าง พอพระเณรก้ม เอาหม้อเอาอะไรๆ ปิ่นตงปิ่นโตก้มเข้ามาถวายจะให้ท่านตักหรือตักถวายท่านอะไรๆ พอพระก้มเข้ามาปั๊บนี้ท่านจะกระซิบพระ เรานั่งอยู่ข้างๆ เสือนะนั่น ท่านว่างั้น เสือรู้ไหม พูดโดยเฉพาะ ทีนี้เราหูดีฟังก็ได้ยิน เราก็เฉย เสือนะนั่น ใครก้มเข้ามา เสือนะนั่น มีแต่เสือนะๆ จากนั้นมาแล้วพระเณรเรียบหมดวัดเลยเพราะเสือตัวนี้ คือท่านไม่ดุ
ท่านเคยเล่าเรื่องของเราให้หมู่เพื่อนฟังเสมอ ลูกศิษย์ลูกหาท่าน ไม่ขึ้นต้นก็ตอนท้ายเทศน์ ก่อนเทศน์ก็มี ท้ายเทศน์ก็มี พระเณรเหล่านี้ถ้าไปอยู่กับท่านมหาบัวนี้ถูกท่านขับแหลกหมดเลย ไม่ให้อยู่แหละเหลวๆ ไหลๆ อย่างนี้ คือท่านไม่ดุก็อยู่กับท่านได้สบาย ถ้าอยู่กับท่านมหาบัวไม่ได้ถึง ๓ วันแหละ แตกกระจายไปหมดวัดเลย เพราะฉะนั้นเวลาเห็นเราไปท่านจึงว่า เสือนะนั่นๆ เอาละวันนี้เท่านั้นละ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |