เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
มวยไม่มีกรรมการ
ก่อนจังหัน
วันอุโบสถเป็นวันที่เจาะจงจริงๆ วันอุโบสถ ปาฏิโมกข์เคลื่อนไม่ได้ ปรับอาบัติพระแหลกเลย อะไรที่จำเป็นต่อหลักธรรมวินัยนั้น ถือเป็นความสัตย์ความจริงความจังจริงๆ แต่ธรรมดาทั่วๆ ไปนี้พระท่านตั้งใจปฏิบัติธรรมไม่ค่อยสนใจนะ แต่เรื่องโลกนั้นพระเราที่หนักไปทางโลก มันก็ไปแบบนั้นอีกแบบหนึ่ง คือเอาโลกมาเหยียบหัวไปเลย พระท่านไม่นะ เช่นวันเกิด ทำบุญวันเกิดพระเกิดอะไร ฟังไม่ได้นะ ใครจะมาจัดวันเกิดหลวงตาบัว ฟาดหน้าผากเอานะ เราบวชมาหาธรรม ไม่ได้บวชมาหามืดกับแจ้งที่ว่าวันเกิดๆ
ทำอะไรให้มีเหตุมีผลหลักเกณฑ์นะ ทำสักแต่ว่าทำไม่มีหลักมีเกณฑ์ใช้ไม่ได้ เมืองไทยของเราที่มันโลเลโลกเลกอยู่ทุกวันนี้ ทั้งฝ่ายศาสนาทั้งฝ่ายโลก ก็เพราะไม่มีหลักมีเกณฑ์ เอาความชอบใจเข้าว่ากันก็เลยเลอะเทอะไปหมด ทั้งฝ่ายศาสนาทั้งฝ่ายประชาชน หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้นะ ถ้าว่าฝ่ายศาสนาใหญ่เท่าไรยิ่งเป็นบ้ายศบ้าลาภเลย นั่นละเป็นอย่างนั้นนะ บ้ายศบ้าลาภ ไม่ใช่เรื่องศาสนานะเรื่องอย่างนั้น เรื่องศีลเรื่องธรรมประดับตัวให้สวยงามตลอดเวลา งามพระนี้งามด้วยศีลด้วยธรรม ความสำรวมระวัง มีหิริโอตตัปปะ เคารพธรรมเป็นใหญ่ นี่คือความงามของพระเรา
ไอ้ประดับประดาตกแต่งด้วยพัดยศพัดเย็ดอะไร ตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ขึ้นไปถึงสมดกสมเด็จ พระเลยเป็นบ้าไปหมดเวลานี้ พระกำลังเป็นบ้ายศมันดูไม่ได้นะพระด้วยกัน เราก็เป็นพระ หลักธรรมวินัยดูมาด้วยกัน เป็นยังไง ท่านสอนว่ายังไง ท่านสอนว่าให้ละให้ถอน สิ่งที่จะให้หนักแน่นคือศีลคือธรรม อันเป็นความสงบร่มเย็นถูกต้องดีงามแก่ตนและประชาชนในการสั่งสอนเขา อย่างนั้นมันถึงถูก นี้เป็นใหญ่เท่าไรยิ่งเลอะๆ เทอะๆ ดูไม่ได้นะ
นั่นละธรรมเอามาสอน เอาธรรมมาสอน พวกเรามันพวกส้วมพวกถาน เอาธรรมนี้มาสอน หลวงตาบัวไม่ได้มาอวดเก่งอวดดี เอาคำพูดที่นอกธรรมมาสอนท่านทั้งหลายนะ นี่เอาธรรม พวกเรานี้พวกเลอะๆ เทอะๆ ถ้าไม่มีธรรมแล้วมันเลอะไปหมดนั่นละ ใหญ่ก็ใหญ่แต่ชื่อแต่นาม เสกสรรปั้นยอ เอากิเลสนั่นละมาพอกหัวมัน กิเลสให้ใหญ่กว่าธรรม ธรรมถูกเหยียบย่ำทำลายลงไป ทีนี้ดูอะไรมันก็ไม่มีกฎมีเกณฑ์ ไม่มีเหตุมีผล ดูแล้วมันดูไม่ได้นะ
ธรรมเป็นของดิบของดีที่โลกกราบไหว้บูชา คือโลกผู้ดีทั้งหลายกราบไหว้บูชามีอยู่ ควรจะนำมาประพฤติปฏิบัติ นี้ไปกราบไหว้บูชายศถาบรรดาศักดิ์ อำนาจป่าๆ เถื่อนๆ เป็นผู้ใหญ่เท่าไรมีเมียเป็นร้อยๆ เขาไม่เคารพนะผู้ใหญ่แบบนี้น่ะ เขาเคารพผัวเดียวเมียเดียว เอ้าดูตัวอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรากับสมเด็จพระนางเจ้า นี่มีสองพระองค์ นอกนั้นเราไม่แจงไป กิ่งแขนงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือใคร มีเมียกี่คน มันดูไม่ได้นะ เอาธรรมมาสอนโลก มันใหญ่อะไรใหญ่อย่างเขาอิดหนาระอาใจ พูดไม่ออกก็ยอมรับกราบไหว้ไป หัวใจเขาไม่ได้ลงนะ
ถ้าเราตั้งใจประพฤติปฏิบัติดีแล้ว เขาเคารพในจิตใจ ความเคารพจิตใจเป็นความร่มเย็นเป็นสุข ไม่ใช่ว่าใหญ่เท่าไร ใหญ่กามใหญ่เมียสิบคนร้อยคน ดูไม่ได้นะ อย่าทำ ผู้ใหญ่ของเราทำอย่างนี้ใช้ไม่ได้ นี่เอาแบบฉบับธรรมของพระพุทธเจ้ามาสอนโลก พระพุทธเจ้าก็มีพระนางพิมพาองค์เดียวเท่านั้นแหละ เรื่อยมานี่ พวกเรามันจะมีพระนางพิมพากี่คน ผู้ใหญ่ๆ ของเราในเมืองไทยเรานี้ จะมีพระนางพิมพากี่คน มันดูได้ไหม มันขัดมันข้องขนาดไหน นี้เอาธรรมมาพูดนะ หลวงตาบัวไม่ได้เก่งกล้าสามารถมาจากไหน สอนโลกเราก็นำธรรมมาสอน
เราเป็นลูกชาวพุทธจะปฏิบัติตัวยังไง หรือจะไปแง่ๆๆ ใส่ธรรมหรือ เรานี้อวด อวดบ้ามันอะไรป่าๆ เถื่อนๆ อำนาจป่าๆ เถื่อนๆ จะมาอวดธรรมได้ยังไง ยอมรับธรรมซิ ปฏิบัติให้เป็นคนดี ประจักษ์อยู่นะผล เห็นนี่น่ะ ผู้หญิงก็มีหัวใจกับผู้ชาย ผู้ชายมีหัวใจกับผู้หญิง ได้ผัวมาแล้วก็หวังพึ่งเป็นพึ่งตายกับผัวของตัวเอง ได้เมียมาแล้วก็หวังพึ่งเป็นพึ่งตายกับเมียของตัวเอง มันเป็นบ้าไปหากว้านมาจากไหนผู้หญิงกี่คน ชายกี่คน มันเลวยิ่งกว่าหมาเดือนเก้าเดือนสิบสอง ใช้ไม่ได้นะ ไม่มีธรรมเป็นอย่างนี้แหละ เราเป็นลูกชาวพุทธ แต่ไม่มีธรรม เอาไปพิจารณานะ มันเลอะไปหมดแล้วนะ ถ้าลงกิเลสพานำหน้าตรงไหนแล้วเลอะๆ ถ้าธรรมนำหน้าแล้วเรียบร้อยสวยงาม น่าดูน่าชมชุ่มเย็นทั้งภายนอกภายใน ตลอดวงงานต่างๆ จะสะอาดสะอ้านไปหมด เอาละพูดเท่านี้เสียก่อน ให้พร
หลังจังหัน
ความเสมอภาคเป็นสำคัญมากนะ มีมากมีน้อยขอให้สม่ำเสมอกันจะไม่ช้ำใจแก่ผู้ไม่มีโอกาสได้รับ หรือผู้เสียหายก็ได้ เขาได้มากเราไม่ได้ก็เสียหาย เพราะฉะนั้นจึงมีอะไรๆ ต้องให้เสมอกันหมด เป็นธรรม มีมากมีน้อยไม่บอบช้ำทางจิตใจแล้วเป็นพอ ถ้าบอบช้ำทางจิตใจไม่ดีเลย อะไรไม่ดีทั้งนั้น น้ำใจให้บำรุงด้วยธรรม ธรรมปฏิบัติกันด้วยความสม่ำเสมอ เห็นใจเขาใจเรา ถ้าเอาแต่ใจเราอย่างเดียวใจเขาไม่ดูแล้วเหยียบใจคนอื่น เสียหายมาก ต้องเฉลี่ย น้ำใจให้เห็นใจซึ่งกันและกัน อย่าเอาแต่ใจตัวเป็นใหญ่เป็นโตแล้วก็เหยียบย่ำทำลายใจคนอื่น เสียหายนะ ไม่ว่าใครก็ตามถ้าไม่หยั่งน้ำใจกันแล้วอยู่กันไม่เป็นสุข ถ้าหยั่งลงน้ำใจซึ่งกันและกันแล้วอยู่เป็นสุข นี่ละความสม่ำเสมอ เห็นใจเขาใจเราเป็นสำคัญมาก
ธรรมะพระพุทธเจ้าเน้นหนักลงจุดนี้ ขึ้นต้นก็ มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา สิ่งทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน อะไรๆ ให้สำเร็จไปด้วยใจด้วยความถูกต้องดีงาม นั่นฟังซิ อย่าให้กระทบกระเทือนใจซึ่งกันและกันซึ่งไม่เป็นธรรม เอาความเป็นธรรมเข้าไปใส่ในหัวใจใดประสานถึงกันหมด เด็กก็รักผู้ใหญ่ได้ ผู้ใหญ่รักเด็กได้ ถ้าน้ำใจเข้าถึงกันแล้วด้วยความสม่ำเสมอ ความรักชอบความเคารพนับถือหากมาเอง ถ้าขัดธรรมเมื่อไรแล้วเสียหายมาก
อยู่ด้วยกันให้ถือน้ำใจเป็นสำคัญ อย่าถือแต่อำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ มาใช้เหยียบย่ำทำลายกัน อย่างนั้นใช้ไม่ได้นะ ให้เอาน้ำใจเข้ามาอยู่ด้วยกัน เทียบเคียง ถ้าใจยังไม่ดีก็พยายามบึกบึนให้ดี ใจผู้ที่ดีแล้วก็สูงขึ้นไป แต่อย่าเอาความเลวไปบังคับบัญชาคนอื่นทำลายคนอื่น เสียหมดนะ ความเลวของใจ ใจต่ำแสดงออก กิริยาเป็นกิริยาต่ำ กระทบกระเทือนคนอื่น เป็นใจที่เสียหายไปตามๆ กันให้ระวัง
อย่างหมาในครัวนี่เหมือนกัน ดู ตอนบ่ายๆ มักจะไปเล่นกับหมา มันหากเป็นโอกาสอันหนึ่ง ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาจะไปเล่นกับหมานะ หากไปธุระนั้นนี้ บางทีออกไปศาลาใหญ่ไปดูนั้นดูนี้อะไร เรียบร้อยแล้วก็มาแวะครัว ก็มาเจอสภาหมาพอดี พอเจอสภาหมาเราก็เป็นหัวหน้าสภาหมา ซัดกันเลยที่นี่ หยอกเล่นกัน เวลาเขาหยอกเขาเล่นกันไม่มีตัวแพ้ตัวชนะนะ หมาในวัดนี้ไม่มีตัวไหนแพ้ตัวไหนชนะ คลอเคลียเป็นอันเดียวกันหมดตัวใหญ่ตัวเล็ก มีพระเป็นผู้ควบคุม
ตอนบ่ายๆ มักจะเข้ามาครัวเสมอ ไม่ได้ตั้งใจมาครัว คือออกไปข้างนอกไปดูนู้นดูนี้ อะไรไม่ดีตรงไหนๆ คอยแนะคอยบอก เรียบร้อยแล้วก็เข้ามา เข้ามาก็มักจะเข้ามาในครัว มาก็มาเห็นสภาหมายั้วเยี้ยๆ เราก็เลยเป็นหัวหน้าสภา เป็นประธานสภาหมา เล่นกันนี้ ดูเขาก็น่าดู คือไม่มีตัวไหนแพ้ตัวไหนชนะหมาในวัดนี้ ยกให้ตัวหนึ่งคือไอ้หมี เขาเป็นเอกเทศเขา หมาทั้งหลายก็ให้เขาเป็นเอกเทศ หมาไม่ค่อยยุ่งนะ ลูกหมาเล็กๆ ไม่ไปยุ่งเขา เขาไม่อยากยุ่งกับเด็ก พอเข้าไปเขาเห่อๆๆ หมาเขาก็ไม่อยากเล่นด้วย คือไอ้นั่นเห่อใส่...ไอ้หมีนะ ไม่กัด คือกัดไม่ได้ไม้เรียวมีอยู่ มันเหนือไอ้หมีมี พอเขาเห่อๆ แล้วรีบหนี ไม่หนีก็ปั๊วะไม้เรียวเอาแล้ว ไปรังแกเด็กทำไม แน่ะ มีตัวเดียว เขาก็ไม่เล่นกับเด็กนะ เขาอยู่ของเขา พวกนี้ก็เอากันคลอเคลียกัน
นั่นเห็นไหมประตูเข้ากุฏิเรา ห้ามไม่ให้เข้าไม่อยู่ ต้องเอาหมามาห้ามด้วย ตามนี้ติดป้ายไว้ ประตูไหนก็มีหมารักษา คนรักษาไม่อยู่ต้องเอาหมามารักษา เขารู้นิสัยเราว่าเราชอบเล่นกับหมา เขาทำท่าขู่ใหญ่เอาหมาไปเล่นด้วยตามทางเข้านั้นละ
วันนี้พระก็จะมามากอยู่ ท่านศรีจะมา ในเขตจังหวัดนั้นดูจะมาหมด เฉพาะอย่างยิ่งวงกรรมฐานของท่านศรี แม้แต่จากจังหวัดร้อยเอ็ดออกไปก็ยังจะมาอยู่ ท่านศรีนี่เคารพเรามากอยู่นะ เราเป็นฝ่ายแหย่ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ ทางจงกรมของเราอยู่ในป่า หนองผือนะ ทางเข้าไปนั้นผ่านกุฏิท่านศรี กุฏิเล็กๆ ท่านมีโต๊ะเล็กๆ อันหนึ่งอยู่นั้น แต่ก่อนท่านเคยเป็นครู ลวดลายของครูคงจะติดมาด้วย มาทีไรเห็นท่านเขียนหนังสืออยู่โต๊ะเล็กๆ เราก็เฉย ผ่านไปผ่านมาเห็นเขียนหนังสืออยู่โต๊ะเล็กๆ ขนาดนี้ เราดู ท่านไม่ได้คิดอะไรแหละ แต่ทางนี้ดูคิดนี่
ผ่านไปผ่านมาหลายครั้งหลายหน ทางจงกรมเราอยู่ในดง แต่ทางออกไปไปผ่านกุฏิท่านศรีอยู่เขตรั้ว มาทีไรเห็นเขียนกั๊กๆๆ อยู่งั้น วันนั้นพอเรามามองเห็นเรา คือมาธรรมดาเราไม่มอง เรามาแล้วก็ผ่านเลยๆ พอดีวันนั้นมองมา ตามาสบกัน พอสบกันแล้วก็ต้อนรับกัน ทำอะไรเสมียน เราว่างั้น ทำอะไรเสมียน วิ่งเลย วันหลังไม่เห็นเลย เงียบ เราว่าทำอะไรเสมียน ใส่ปัญหาแย็บออกไป ทำอะไรเสมียน จับของโยนเข้าป่า จากนั้นหายเลย โต๊ะเล็กๆ หายเงียบไปเลย คู่มือเสมียน เคารพเรามาก
ไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน พระเคารพ กลัวเรานี้กลัว แต่คำว่ากลัวไม่ใช่กลัวเกลียดชัง กลัวด้วยความเคารพ เราเอาจริงเอาจังทุกอย่างนี่ อยู่หนองผือก็เราดูรอบตลอด เราสบายเมื่อไรอยู่หนองผือ คอยดูความเรียบร้อยของพระเณร ให้ท่านอยู่ด้วยความผาสุกร่มเย็น เราต่างองค์ต่างมาเองๆ เวลามาหาท่านแล้วอย่ามาระเกะระกะในสายหูสายตา ให้ท่านรำคาญตารำคาญใจ เราอยู่นั้นก็คอยสอดแทรกตลอด อย่างนั้นละไปที่ไหนเป็นหัวหน้าอยู่ลับๆ อย่างนั้นละ คอยดูแลพระเณรให้เรียบร้อยสวยงามทุกอย่าง ไม่ให้ระเกะระกะในสายตาของท่าน เพราะท่านนานๆ จะลงมา บางทีท่านลงมาท่านก็เข้าทางจงกรม ท่านเดินจงกรมในป่าของท่านมีนะ ตอนบ่ายออกมาจากห้องแล้วเข้าทางจงกรม ประมาณบ่าย ๔ โมงกว่าๆ ท่านก็ออกมา ท่านไปเดินจงกรมนานอยู่นะ ทางจงกรมของเราก็อยู่ฟากออกไปอีกลึกๆ
พอท่านมา ได้เวลาแล้วเราก็ขึ้นไปหาท่าน คอยดูแลพระเณร โห ตาท่านแหลมคมมาก ตาหลวงปู่มั่นนี่ตาจอมปราชญ์กับจอมโง่เข้ากันมันก็ระเกะระกะท่านซิ ท่านตาจอมปราชญ์ ไปที่ไหนเห็นหมดเลย ผ่านไปไหนเห็นหมดอะไรขวางหูขวางตา บางทีเราเอาไม้กวาด ท่านสอนเราเราก็รู้ คือท่านเอากระทั่งจะใช้ไม่ได้จริงๆ ท่านถึงจะเปลี่ยนใหม่ แต่เราเห็นไม้กวาดมันมีอยู่เยอะ มันไม่ดีเราก็ถ่ายใหม่เสีย เอาไม้กวาดที่ไม่ดีไปวางขว้างทิ้งข้างนอก ท่านไปจับเอาไม้กวาดเรามาสอดไว้ใต้ถุนเรา เราก็ตามดูรอยๆ ของท่าน ตั้งแต่นั้นมาไม่ให้ท่านเห็นไม้กวาดนั้นเลย
นั่นละท่านสอนอย่างนั้น ท่านไม่พูดนะ เฉย แต่เราก็รู้ พอเห็นนั้นปั๊บก็ตามดูรอยซิ ปัดกวาดไว้เรียบไปหมด แม้แต่หนูวิ่งก็เห็นรอย ทำไมรอยคนทั้งคนจะไม่เห็น รองเท้าท่านเราก็จำได้ ท่านไปเอาไม้กวาดเราที่ยังดีอยู่ในสายตาของท่าน สำหรับสายตาของเรามันฟุ้งเฟ้อ ว่าไม่ดี หาอันใหม่มามัดใหม่ เอาอันนั้นทิ้ง ท่านไปจับเอามาสอดไว้อีก ท่านสอนเรา เป็นอย่างนั้นละพ่อแม่ครูจารย์มั่น
ท่านไม่พูดแหละท่านสอน พอเรามองเห็นปั๊บก็ตามรอยมา เป็นรอยของท่าน เราก็เงียบท่านก็เงียบ ท่านสอนแบบเงียบๆ สอนเราสอนเงียบๆ ไม่ค่อยว่าอะไร แต่ผู้อื่นมีบ้าง ดุบ้างอะไรบ้าง แต่สอนเราท่านไม่ได้ดุนะ สอนแบบเงียบ เอาไม้กวาดไปทิ้ง มันไม่ดี เห็นว่าอันดีกว่านั้นยังมีก็มัดใหม่ เอาอันนั้นไปโยนทิ้ง ท่านไปจับเอาออกมาไปสอดไว้อีก ไปเห็นแล้วเข็ดใหญ่เลยเชียว เป็นอย่างนั้นท่านสอนเรา กับเราท่านไม่เคยดุเคยด่านะ เพราะปรกติเราก็ระวังตัวอยู่แล้ว ระวังตลอดเวลา ทั้งระวังตัวของตัวเอง ทั้งระวังเพื่อหมู่เพื่อคณะ หลายด้านหลายทาง เพราะฉะนั้นเวลาท่านสอนเราท่านจึงสอนโดยอุบายอย่างนั้น ถ้าเป็นพระเป็นเณรท่านดุเอานะนั่น แต่นี้เราท่านไม่ดุ ดุแบบนี้
จอมปราชญ์พ่อแม่ครูจารย์มั่น จอมปราชญ์จริงๆ แหลมคม เห็นหมดนะ อย่างอยู่ในวัดกับหมู่เพื่อนนี้ เราทำเหมือนหมู่เพื่อนเมื่อไร เราไม่ได้ทำนะ หากไม่พูด เราทำเป็นเรื่องของเราโดยเฉพาะๆ เท่านั้น ท่านเห็นหมด พระเณรยุ่มย่ามๆ บิณฑบาตได้มาเท่าไร เวลาเขานำอาหารมาพระเณรก็แจกกันๆ สำหรับเราไม่เอาเลย ไปบิณฑบาตก็ไม่ไปบ้านใหญ่ ส่วนมากมักจะไปบ้านน้อย บ้านนาใน ถ้ามีจำเป็นที่เกี่ยวกับท่านก็ต้องไปสายท่าน คอยดูแลท่าน เวลาไปก็ต้องคอยแนะพระตามหลัง ถ้าไม่มีใครส่วนมากมักจะเป็นเราเป็นองค์ที่สองของท่านละไป
ท่านไปท่านมองเห็นอะไรท่านจะพูด เช่นไปเห็นหมาท่านก็เอาหมามาพูด พวกหมูน้อยพวกหมาน้อยพวกสัตว์พวกวัวพวกอะไรนี่ท่านจะนำมาพูดตลอด พอไปเจอนี้ท่านก็พูดเรื่องนี้ไป เราคอยฟังไปเรื่อยๆ เป็นคติสอนพวกเรา ได้ยินเฉพาะ ๒-๓ องค์ข้างหลัง ครั้นไปเห็นหมูก็สอน บางทีมันขบขัน เราก็เป็นนิสัยตลกด้วย เห็นไหมหมูท่านว่างั้นนะ ท่านเดินไปเราเดินตามหลังไป เห็นไหมหมูเขาจนปัญญาเมื่อไร เขาไม่มีจอบมีเสียม จมูกเขามีเขาเอาจมูกขุดกินเห็นไหมท่านว่างั้น หมูเขาก็มีปัญญา นั่นท่านสอนปัญญานะนั่น หมูเขาก็ไม่ได้โง่นะ หมูเขาก็มีปัญญา เขาไม่มีจอบมีเสียมขุดกินเขาก็เอาจมูกเอาดันขึ้นมา คือหญ้าแห้วหมูอยู่ข้างๆ ทาง
หมูเล็กมันน่ารักนะ ตัวเท่ากระโถนตัวเล็กๆ อย่างนี้ มันขุดกินอยู่ข้างทาง มันไม่กลัวพระ ท่านเดินๆ เฉียดมันไปมันก็ไม่กลัว เพราะท่านพูดแต่ปากท่านไม่ถึงไม้ถึงมือเหมือนเรา ไปก็ นี่เห็นไหมหมู ว่าเขาโง่เหรอ เขาไม่มีจอบมีเสียมเหมือนเรา แต่เขามีจมูกเขาเอาจมูกขุดกินหญ้าเห็นไหม ท่านว่าไปเฉยๆ ท่านไม่สนใจกับใคร เพราะฉะนั้นจึงเตือนพระ ไปเห็นท่านพูดอะไรอย่าไปตอบง่ายๆ แม้ท่านถามก็อย่าตอบง่ายๆ ถ้าหากว่าท่านจะซ้ำอีก ตั้งใจถามจริงๆ ท่านจะหันมา หือ ว่าไงแล้วก็หยุด เราก็ตอบเสียเล็กน้อย ถ้าธรรมดาท่านพูดไปถามมาก็ตามไม่ให้ตอบเราว่างั้น ฟังไปๆ
ทีนี้มันมีหมูน้อยอยู่สามตัว ตัวเท่านี้ละกำลังน่ารัก เขาขุดกินอยู่สามตัวเขา ขุดกินหญ้าแห้วหมู ท่านไป นี่เห็นไหม ท่านพูดท่านไม่ได้มียิ้มมีแย้มนะท่านพูดเฉยๆ เราคอยฟังไปเดินตามหลังไป นี่เห็นไหมหมูว่าเขาโง่เหรอ เขาไม่มีจอบมีเสียมเหมือนเราเขาก็เอาจมูกขุดกินเห็นไหม ท่านก็พูดเรื่อยไป พอไปถึงเราก็ ว่าเขาโง่เหรอเขาฉลาดเหมือนคน เขาไม่มีจอบมีเสียมเขาก็เอาจมูกเขาขุดกิน
ทางนี้ก็แย็บออกมา มันจะฉลาดแค่ไหนหมูตัวนี้มันจะฉลาดแค่ไหนลองดูนะ พอเดินไปเราเอาเท้าสอดไป มันโดดนี้ตกลงคลองกลิ้งทั้งสามตัว มันตื่นตีนเรา เราไปเราเอาเท้าสอดไปมันตื่นซิ มันขุดกินอยู่ข้างๆ ท่านพูดท่านพูดเฉยๆ ท่านไม่ได้ว่าอะไร เขาก็สนุกกินของเขา ขุดกินเรื่อยไป ท่านยกยอเขาว่าเขาฉลาด เขาไม่มีจอบมีเสียมเขาก็เอาจมูกเขาขุดกินเห็นไหมหมู เราก็ว่ามันจะฉลาดแค่ไหนหมูเหล่านี้ พอไปตีนเราก็สอดเข้าไป จี้กทีเดียวโดดตกคลองกลิ้งทั้งสามตัว นี่เหรอไอ้ตัวฉลาด.กลิ้งโค่โร่ ซัดตกคลอง เหอ ใครไปทำหมูล่ะท่านว่างั้น เห็นมันกลิ้งตกไปทั้งสามตัวมันตื่นพร้อมกันนี่ กลิ้งตกไปที่ดินเอามาถมถนนแล้วมันตกเป็นคลองไป
หือ ใครมาทำมัน เราก็เฉย.เรายังขบขันอยู่เลย เขาหากินของเขาก็ไปยุ่งเขาเอาอีกละ เขาหากินของเขาก็ไปยุ่งเขาพระนี่ไม่เป็นท่า ท่านพูดของท่านท่านพูดเฉยนะ ไปพูดแทรกไม่ได้ เราก็ต้องเก็บตัวเราเต็มที่ แต่ละครลิงเราก็เล่น ท่านไปที่ไหนท่านต้องพูดของท่านไปอย่างนั้น ไปเห็นลูกวัวก็เหมือนกัน วัวมันเห็นคนปั๊บมันโดดเข้าหาแม่มันไปข้างๆ แม่เขา กลัวที่ไหนก็ไม่ไปไปหาพ่อแม่ ท่านว่านะ คือวัวมันวิ่งไปหาพ่อแม่มันอยู่ติดพ่อแม่ มันตื่นคนวิ่งไปหาพ่อแม่ แม่ก็ดูลูกวัววิ่งเข้าไป ไปที่ไหนก็ไม่ไป หาที่หลบที่ซ่อนไม่เป็น วิ่งไปหาพ่อแม่ จากนั้นก็ปั๊บมา คนก็เหมือนกันละมันต้องพึ่งพ่อพึ่งแม่ตลอด แน่ะเอาตรงนั้น ท่านสอนไปในนั้นนะ ท่านไม่ได้พูดเฉยๆ ท่านมีคำสอนไปในนั้น ใช้ปัญญาพิจารณาตามท่านไป
ทางนั้นเขาทำร้านสำหรับนั่งให้พร คือท่านไปสองจุด ให้คนเขารอที่นั่นเต็มไปหมด ทางนู้นคนเต็มต้นทางมากับปลายทาง พอถึงนั้นเขาใส่บาตรเรียบร้อยแล้วเขาก็จัดที่นั่งให้ท่านที่เป็นเอกเทศที่หนึ่ง แล้วเขาทำเป็นแถวยาวๆ เป็นร้านยาวให้พระท่านนั่งให้พร ท่านละให้พร พอให้พรเสร็จแล้วก็กลับมา ตอนท้ายแห่งหนึ่ง นั่นก็มีอยู่สองเรื่องอีกแหละวันนั้น พอไปถึงหมูมันเก่งนักมันฉลาดมันไม่มีจอบมีเสียม มันก็เอาจมูกมันขุดกิน เห็นไหมหมูว่ามันโง่เหรอท่านว่า เราก็เลยแหย่หมูฉลาดสักหน่อย หมูตกคลอง ก็พอดีไปถึงที่ให้พร เราหัวเราะจะตายในใจของเรานะ ท่านพูด ไปทำมันทำไมล่ะ เขาหากินของเขาไปยุ่งกับเขาพระ ท่านว่างั้นนะ พูดเฉยๆ นะ ท่านพูดเฉยๆ แต่เรามันนิสัยลิง มันหากมีอยู่ในนั้นละสอดแทรกอยู่นั้น เขาหากินของเขาก็ไปหายุ่งเขา ท่านพูดเฉยๆ นะท่านไม่มีอะไร ไอ้เรานี่มันจะตายซิ
พอไปนั่งปั๊บ ใส่บาตรเสร็จเรียบร้อยมานั่งเป็นแถวแล้วท่านก็ ยถา สพฺพี ยถา วาริวหา ไปถึง สพฺพีติโย เรารับไม่ได้เลย ท่านก็เลย สพฺพีติโย พระก็เลยรับเรื่อย เราหัวเราะมันจะตายมันสัพพีไม่ได้ พอสัพพีแล้วพระยังเงียบอยู่ ใครก็เงียบเราไม่สัพพีพระก็ไม่ติโยละซิใช่ไหม ท่านนิ่งอยู่นั้น สักเดี๋ยวก็ท่านก็สัพพีติโย อันนี้ก็ขันนะ แล้วนิสัยมันเป็นอย่างนี้ กลัวท่านก็กลัว แต่อันนี้มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น สุดท้ายรับสัพพีไม่ได้
พอกลับออกมาอีกละที่นี่ พอมาถึงที่ วันเก่านั้นแหละ ไอ้หมูสามตัวที่มันตกคลองเราเล่นกับมัน ท่านพูดกับหมูหยอกหมูเล่นไป เรามันไม่หยอกเฉยๆ ซิ เอาจนหมูตกคลอง มันใครไปยุ่งเขา เขาหากินของเรา เอาอีกแหละ พระมันดื้อ เราก็เฉย ท่านก็เฉยนะพูด เราจะตายละ พอไปถึงนั้นให้พรไม่ได้อดหัวเราะไม่ได้ นั่นละกลับมาพอไปถึงสุดท้ายละ นี่ครั้งที่สองนะ วันเดียวกันนั่นละ พอไปถึงที่นั่นก็มีร้านเล็กๆ อีกละที่ให้ท่านนั่ง มีร้านเล็กๆ เป็นแถวมา พอรับบาตรเสร็จมาแล้วท่านก็เดินไป
ไอ้หมูสองตัวตัวเท่านี้ละมันกำลังคึกคะนองลูกหมูกำลังซน ไปข้างๆ นั้น พอดีไปกัดกันซิหมูสองตัว กัดกันตัวหนึ่งแพ้ตัวนี้ดันเข้าเลย ดันใส่หนามไผ่ อู๊ย ไอ้นี่ก็ไม่รู้จักแพ้จักชนะ มึงนี่ยังไงมันเกินไปละมึงน่ะ พูดเฉยนะท่าน มึงนี่เกินไปเขายอมแพ้แล้วยังไม่ถอยยังดันเขาเข้าหนามเข้าอะไรอยู่อีก มึงนี่เกินไป มันไม่มีกรรมการแยกมวยเป็นยังงี้ละท่านว่างั้น ไม่มีกรรมการแยกมวย หมูกัดกันก็ไม่รู้จักประมาณ ท่านพูดเฉยนะ ไอ้เรามันจะตาย ทีนี้พอออกมาก็ให้พร ให้พรถึงสัพพีเราก็สัพพีไม่ได้ ท่านก็สัพพีแล้วพระก็สัพพีตามไป
พอออกมาแล้วพอสุดทางพระก็ออกไปก่อน เรานี่เดินตามหลังท่าน หันหลังปั๊บมา เป็นยังไง ให้สัพพีสองหนสามหนไม่เห็นรับมันเป็นยังไง ใหห้สัพพีสองหนสามหนไม่เห็นรับมันยังไงกัน อู๊ย หมู ๒-๓ ตัวมันทำเหตุเราว่างี้ ท่านก็รู้ทันที หมู ๒-๓ ตัวมันทำเหตุ คือสามตัวทำเหตุอยู่นู้น สองตัวทำเหตุที่นี่ สองตัวมันดันกัน ดันตัวนั้นติดหนามร้องกี้กๆ ตัวนี้ยังดันตัวนี้ มึงไม่รู้จักประมาณท่านว่างั้น เขายอมแพ้แล้วก็ยังดันเขาเข้าป่าเข้าเขา อย่างนี้ละมวยไม่มีกรรมการแยกมันลำบากอย่างนี้ ท่านพูดเฉยนะ ไอ้เราจะตาย พอท่านให้พรเสร็จแล้วสัพพีไม่ได้ พอออกมาแล้วหมู่เพื่อนออกไปหมดแล้ว ไหนสัพพีสองหนสามหนไม่เห็นได้รับว่าไง อู๊ย หมู ๒ ตัว ๓ ตัวมันทำเหตุเราก็บอกตรงๆ หมู ๒-๓ ตัวมันทำเหตุ ประสาหมูท่านว่า
ท่านพูดเล่นไอ้เรามันจะตายละซิเรา หมู ๒-๓ ตัวมันทำเหตุ ประสาหมู ท่านพูดเฉย เรามันจะตาย คือตัวนั้นมันตกคลอง มาตัวนี้ไสกันเข้าป่า ท่านพูดขำของท่านนี่นะ ท่านไม่หัวเราะ ไอ้เราผู้ฟังมันจะตายซิ เขาแพ้แล้วก็ไม่ยอมรับว่าเขาแพ้ ไสเขาเข้าป่าจนร้องกี้กๆ ยังไสตะพัดตะพือ อย่างนี้ละมวยไม่มีกรรมการมันลำบาก ท่านพูดอย่างนี้ ไม่มีกรรมการแยกลำบากท่านว่า หมูกัดกันก็ไม่ยอมถอยกัน เรามันอดหัวไม่ได้ซิ เป็นยังงั้นนิสัย ท่านไม่ค่อยหัวเราะ แต่เรามันจะตายละซิ อย่างนั้นละพ่อแม่ครูจารย์พูดไม่หัวเราะนะเฉย ไอ้เรามันเป็นนิสัยลิงอยู่ไม่ได้นะ อดกลั้นจะตายมันก็อดไม่ได้ สุดท้ายสัพพีไม่ได้เลย
ตอนออกมา ไหนสัพพีสองหนสามหนไม่เห็นรับสัพพีบ้าง โอ๊ย หมู ๒-๓ ตัวมันทำเหตุเราก็บอก เอ้ย ประสาหมู หมู ๒-๓ ตัวมันทำเหตุ คือเรานั่นละมันดื้อเองแหย่หมูเลยหมูตกคลอง ก็เราละทำ ครั้นว่าตัวนี้ก็เป็นท่านทำเอง เอ้อ เขาแพ้เขาร้องกี้กๆ อยู่ในป่ายังไสเขาเข้าเรื่อยๆ เลยว่างั้น ไม่รู้จักแพ้จักชนะไอ้นี่ก็ดี มวยไม่มีกรรมการแยกมันลำบากอย่างนี้แหละ หมูกัดกันก็ไม่รู้จักแพ้จักชนะท่านว่างี้ ท่านพูดเฉย ไอ้เรามันจะตายซิ ขบขันดีนะ พ่อแม่ครูจารย์ อู๊ย เชื่องมากนะไม่หัวเราะง่ายๆ แต่ผู้ฟังมันจะตายละซี ท่านก็มาถูกกับคนอย่างนี้ติดตามท่านไป ท่านไม่หัวเราะนะเฉยสบายมากนะ ไอ้เรามันจะตายละซิ วันนี้พูดเรื่องหมู
พูดถึงเรื่องพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้เราพูดยังไม่จบนะ พูดเรื่องอะไรนี้เห็นหมดพระเณรอยู่ในนั้น แต่เหมือนไม่รู้ไม่เห็น เราทำของเราอยู่โดยเฉพาะไม่มีใครทราบกับเรา เราทำโดยเฉพาะ ทีนี้พระเณรมากๆ เช่นเขาไปบิณฑบาตมาแล้วเขาเอาอาหารตามส่งมาพระเณรท่านนำมาแจกกัน สำหรับเราไม่เอา บิณฑบาตได้มาเท่าไรเอาเท่านั้น ปฏิบัติอย่างนั้นตั้งแต่วันไปอยู่กับท่านมา หมู่เพื่อนใครอยากทำอะไรก็ทำ เราก็ทำของเรา เป็นแต่เพียงว่าบาตรเรานี้พอมาแล้วจับซุกเข้าไปในฝาข้างๆ เสา แล้วก็มาจัดอาหารให้ท่าน เรียบร้อยแล้วถึงจะเอาบาตรของเรามาจัดฉัน สำหรับพระเณรท่านรู้ ถ้าลงไว้งั้นแล้วใครไปแตะไม่ได้นะนั่นพระเณรรู้ อย่างนี้ท่านเห็นหมดนะ
เราทำเป็นประจำ อยู่ๆ พอเราจัดอาหาร อาหารก็เรานั่นละจัดถวายท่านใส่บาตร มีอะไรๆ เราก็รู้หมดอาหารเราจัดให้เรียบร้อยแล้ว เราเอาบาตรมอบถวายท่านแล้วก็มา เอาบาตรออกมาฉัน เวลาท่านจะเอานะ ท่านจัดของท่านอยู่ในนั้น มาปุ๊บปั๊บใส่เลย เฮ้อ ใส่บาตรสายๆ ศรัทธามาสายๆ แล้วเราจะปิดได้ยังไง ต้องเปิดซิความเคารพท่าน ถ้าท่านได้ใส่บาตรให้เมื่อไรเราต้องได้ฉัน ถ้าไม่ใช่ท่าน โอ๋ย ไม่ได้ใครแตะไม่ได้ พระเณรกลัวเราแต่ไหนแต่ไรมา แต่ท่านเห็นหมด เราทำลึกๆ ลับๆ ของเราคนเดียว
วันนี้ตอนบ่าย ๒ โมงท่านศรีจะมา ท่านศรีจังหวัดร้อยเอ็ด ป่ากุง พระก็จำนวนไม่น้อยละมาเต็มหมด วันนี้เราก็ไปตอนรับท่านที่ศาลาใหญ่ ก็คงไม่มีอะไร พระท่านมาท่านก็มานั่ง เราก็เป็นคนให้โอวาทเท่านั้นละ จะมากพระ เรียกว่าเต็มละศาลาวันนี้เต็ม ทั้งพระทั้งโยมเต็มศาลา
(ทองคำ ๑ บาท ปัจจัย ๒,๐๐๐ บาท) ทองคำเราก็ได้เยอะนะ ดูได้ตั้งเท่าไร (๑๑,๕๗๓ กิโลกรัม) นั่นฟังซิทองคำที่เรานำช่วยชาติ นำทองคำเข้าสู่คลังหลวงคราวนี้ได้ทองคำ ๑๑,๕๗๓ กิโล ทองคำทั้งหมดเข้าคลังหลวงทั้งนั้น ได้มาก ทองคำลงถึงเป็นหมื่นกิโลต้องได้มากนะ นี่ละช่วยพี่น้องทั้งหลาย นำสมบัตินี้เข้าสู่คลังหลวงของเรา เพื่อลูกหลานไทยของเราจะได้ผาสุกร่มเย็นบ้างในกาลต่อไป ถ้าไม่ได้เวลานี้ก็จะไม่ได้นะ เราก็คิดเสียอย่างนั้นละ ช่วยชาติคราวนี้อะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติเราพยายามขวนขวายๆ ทองคำนี้ก็ได้ตั้ง ๑๑,๕๗๓ กิโล นี่เข้าคลังหลวงล้วนๆ นะแยกไปไหนไม่ได้ ส่วนดอลลาร์เข้าเพียง ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่า
จากนั้นดอลลาร์ก็แยกออกมาช่วยเงินไทย เงินไทยไม่พอใช้ เพราะคนมาขอความช่วยเหลือทั่วประเทศไทย ทางนั้นก็มาทางนี้ก็มา เงินบาทไทยไม่พอ แต่ก่อนเราเทศนาว่าการช่วยชาติอยู่เงินมันก็มาๆ เอาอันนั้นออกช่วย ทีนี้พอเราหยุดแล้วเงินนั้นก็ไม่มา ก็ไปเดือดร้อนกับดอลลาร์ ดอลาร์นี่เอาเข้าคลังหลวง ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่า จากนั้นดึงดอลลาร์มาหาเงินไทย คือเงินไทยไม่พอใช้ เพราะฉะนั้นดอลลาร์จึงไม่มีที่จะเข้าคลังหลวง ออกช่วยเงินไทย เราพยายามที่สุด
ที่ได้มากพอประมาณก็คือทองคำเรานะ ได้ตั้ง ๑๑,๕๗๓ กิโล นับว่าได้มากอยู่นะทองคำ เข้าไปในคลังหลวง อันนี้ก็หัวหน้าคลังหลวงเขาละ เขาคงทราบความมุ่งหมายของเรา เพราะวันนั้นเป็นวันแรกที่เรานำทองคำดอลลาร์เข้าไปมอบคลังหลวงเป็นครั้งแรก มอบเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็นิมนต์ให้เทศนาว่าการเราก็เทศน์ พอจบลงแล้วหัวหน้าคลังหลวงเขามานิมนต์เราไป เข้าไปในห้องทองคำโดยเฉพาะ เราก็ทราบทันที เพราะเราเป็นต้นเหตุเอาทองคำเข้ามานี่นะ ทองคำ ดอลลาร์เข้ามาคลังหลวงเป็นครั้งแรก
พอเสร็จจากนั้นแล้วเขาก็นิมนต์เราเข้าไปคลังหลวงไปดูทองคำ เขาวางไว้สวยงามมาก เป็นตับๆๆ เป็นล็อกๆๆ เราเข้าไปดูละเอียดลออ ออกไปแล้วออกไปถามเขาอีกเฉพาะสองต่อสอง เราก็คิดถึงชาติบ้านเมืองที่เกี่ยวโยงกัน เมืองเขาเมืองเราต้องมีทองคำเป็นเครื่องประกันตัว การกินอยู่เกี่ยวกับเรื่องติดหนี้เกี่ยวกับการซื้อขายมันก็อยู่กับทองคำเป็นเครื่องประกัน เราก็เลยถาม เวลานี้ทองคำที่ออกจากเมืองไทยไปฝากไว้ที่เมืองไหนบ้าง เขาก็บอก สหรัฐมากตั้ง ๕๓ ตันหรืออะไร นู่นน่ะของง่ายเมื่อไร แล้วอังกฤษดูว่า ๕ ตัน มีสองเมือง สหรัฐ ๕๓ ตัน ที่อังกฤษดูว่า ๕ ตัน นอกนั้นไม่มี แต่เมืองไทยเราล่ะเวลานี้ยังมีเท่าไรในคลังหลวง มีเท่านั้น โอ๋ย ใจหายวูบเลยเรา
เราไม่บอกว่าเมืองไทยมีเท่าไรไม่บอก แต่ใจหายวูบ ออกมาก็ประกาศทองคำป้างๆ ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ เวลานี้ก็ได้ทองคำตั้ง ๑๑,๕๗๓ กิโล ได้เยอะนะทองคำเราเพิ่มของเก่า ก็ค่อยหนุนกันขึ้นมาเกือบครึ่งนะ เราได้มานี่เกือบครึ่งกับทองคำของเก่าที่มีอยู่ นับว่าพออบอุ่นบ้าง แต่เราก็ยังไม่นอนใจ เพราะฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายมาบริจาคเราจึงรับไว้เสมอ เพื่อทองคำซึ่งมีจำนวนน้อยอยู่ในคลังหลวงของเรา ให้มันได้มากๆ ส่วนดอลลาร์ก็ไม่ว่าอะไร ได้ให้เพียง ๑๐ ล้านกว่าดอลลาร์ ส่วนทองคำไม่ให้แยกไปไหนเลย สั่งให้พุ่งเข้าจุดเดียวๆ ก็ได้ ๑๑,๕๗๓ กิโล ทองคำนับว่าได้มากอยู่
ทองคำเรานี้เมื่อเวลาเข้าคลังหลวงแล้วมีผลไปทางไหนบ้างละว่าซิ (ก็ ๑. ทำให้เงินคงคลังมั่นคงแข็งแรง ๒. ถ้าเรามีความจำเป็นจะพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเติมก็พิมพ์ได้ตามจำนวนทองคำที่มีอยู่ ๓. การค้าขายต่างประเทศเขาก็เชื่อถือ ถ้าจำเป็นในการพัฒนาประเทศชาตินี้ก็อาจจะไปกู้ยืมเขาถือว่ามีหลักประกันดี เขาก็ให้กู้ยืม ถ้าจำเป็นในการสร้างทางรถไฟหรือถนนนี่) ก็อย่างนั้นแหละที่ได้เข้ามาเป็นประโยชน์อย่างนี้ละจึงต้องอุตส่าห์พยายามเราให้ได้มา ถ้าขาดนี้แล้วอะไรๆ ก็ไม่เป็นอะไรแหละ ถ้ามีสมบัติสำคัญๆ อยู่ในคลังแล้วก็เป็นเครื่องประกันเอาไว้ เราจะจับจ่ายใช้สอยอะไรประเทศนอกมาอะไรๆ ก็ได้ เราจึงพยายามหาให้ได้ทุกทาง เอาละทีนี้ให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|