พระชาวอังกฤษ
วันที่ 17 สิงหาคม 2550 เวลา 7:50 น. ความยาว 22.1 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

พระชาวอังกฤษ

วันนี้ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วยังไม่ถึง ๘ โมง ทุกวัน ๘ โมงกว่า วันนี้ยังไม่ถึง วันพรุ่งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรจะพาประชาชนมาทอดผ้าป่า อุทิศถวายท่านปัญญาวัฑโฒใช่ไหม (ครับผม) ท่านปัญญาวัฑโฒเป็นพระชาวอังกฤษ เรียบร้อยมากทีเดียว ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันไม่เคยได้ดุได้ว่ากันอะไรเลย ถ้าเป็นนักมวยก็เรียกว่าต่อยท่านไม่ถูก ท่านอาจจะต่อยเราหงายไปหลายหมัดก็ได้ ดีไม่ดีอาจสลบ คือท่านเรียบร้อยทุกอย่างไม่มีที่ต้องติ การดุด่าว่ากล่าวก็ไม่มีความหมาย เพราะเอามาใช้ชะล้างสิ่งไม่ดีทั้งหลาย เช่นแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าวตามขั้นภูมิของความผิดที่มีหนักเบามากน้อย เพราะฉะนั้นจึงว่าแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าว มีหนักลงไปๆ

ถ้าทำผิดเบาๆ ธรรมดา แต่จะปล่อยไว้ไม่ได้ก็ต้องเตือนต้องแนะนำ ถ้าหนักมากกว่านั้นก็ดุด่าว่ากล่าว จากนั้นอัปเปหิ ขับจากวัด เป็นเนื้อร้ายแล้วอยู่กับหมู่เพื่อนไม่ได้ พระประเภทเนื้อร้ายอยู่กับหมู่กับเพื่อนดีๆ ไม่ได้ เรียกว่าประเภทเนื้อร้าย อย่างท่านปัญญานี่ไม่เคย เราจึงอดพูดไม่ได้ว่า เราไม่เคยได้ดุได้แนะนำดุด่าท่านในทางที่ผิดธรรมผิดวินัยอะไรเลย ไม่มี ในขณะเดียวกันถ้าเป็นนักมวยก็เราต่อยท่านไม่ถูก แต่ท่านอาจต่อยเราหงายไปหลายหมัดก็ได้ ท่านสุขุมมาก

ท่านทำอะไรอยู่นี้ เรามา ก็นิสัยเราเป็นนิสัยอย่างนี้ มีพูดจริงพูดเล่น มีตลกอยู่ในนั้นละ มาเห็นท่านทำอะไรๆ อยู่ วันนั้นเห็นท่านทำแปลน ด้ามมีดเท่านี้ท่านก็ทำแปลน ประสาด้ามมีดก็ทำแปลน เราเลยว่าประสาด้ามมีดเท่านี้ก็ทำแปลน บทเวลาจะฉันจังหันไม่เห็นทำแปลนเสียก่อน มัวแต่ทำแปลนจะฟาดให้มันหมดบาตรแล้วโยนบาตรเปล่าให้เราว่างั้น คืออาหารในนั้นกินหมด กว่าจะทำแปลน ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาดูบาตรมีแต่บาตรเปล่าๆ แล้วทำไมไม่เห็นทำแปลน เวลาจะฉันจังหันไม่เห็นทำแปลน ไม่กลัวข้าวจะหมดบาตรเหรอเราว่า โอ๊ย ไม่ต้องทำแปลน ของในบาตรมันทำแปลนมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพูดน่าฟังนะ มันสำเร็จรูปมาแล้ว มีแต่จะฉันเท่านั้น มันทำแปลนมาเรียบร้อยแล้ว ท่านก็พูดดีนะ

เราว่าทำไมไม่เห็นทำแปลน ทางนั้นมัวแต่ทำแปลน ทางนี้จะคว้ามาฟาดให้หมดบาตรแล้วโยนบาตรเปล่าให้ ทำแปลนเสร็จแล้วจึงมาดูข้าวในบาตร ไม่มีอะไรเลย โอ๊ย อาหารในบาตรไม่จำเป็นต้องทำแปลน คือเป็นแปลนสำเร็จมาแล้ว ท่านพูดน่าฟังอยู่นะ ท่านเป็นนิสัยสุขุม สุขุมมากท่านปัญญา แต่ในขณะเดียวกันท่านก็พูดชมเราเหมือนกัน ท่านพูดจริงๆ เลย ดูกิริยานิสัยของท่านอาจารย์นี่ ถ้าดูตั้งแต่ภายนอกไม่ดูรากฐานมาถึงภายนอกแล้ว ท่านอาจารย์กิริยาว่องไว ไม่ใช่เหมือนลิงเหรอ เอ้อ คล้ายอย่างนั้น เราสอดเข้าไป ท่านว่ากิริยาอาการของท่านอาจารย์ว่องไว มันคล้ายลิงไหม คล้ายอย่างนั้นละ เราสอดแทรกหยอกเล่นท่านดู

คือนิสัยเราอย่างที่เห็นนั่นละ ปุ๊บปั๊บๆ คล่องแคล่วว่องไว ท่านบอกว่านิสัยว่องไว เหมือนลิงเหรอ ท่านบอกว่าคล้ายๆ ก็แสดงว่ายอมรับแล้วว่าเรานี้เหมือนลิง คล้ายๆ อย่างนั้นละท่านว่า แล้วยิ้มๆ นะ เพราะเราไสเข้าไปหาลิง ท่านก็จำเป็นต้องพูดตาม เหมือนลิงใช่ไหม คล้ายๆ อย่างนั้นแหละ ขบขันดี

พอดีพูดกันไปเรามองเห็นกระดาษแข็งๆ เขาเขียนไว้ทางใต้ว่า อย่ายุ่ง ตัวใหญ่ๆ เราจับขึ้นมาอ่าน นี่อ่านออกไหม ท่านตอบฉลาดนะ คิดว่าอ่านออก ท่านว่าคิดว่าอ่านออก ลองอ่านดูซิ ว่าอย่ายุ่งใช่ไหม เออ ใช่ แล้วคำว่าอย่ายุ่งหมายความว่าอย่างไรลองว่าดูซิ อย่าอย่างนี้ใช่ไหม ขบขันดี จากนั้นเราก็โยนลงไปไว้ที่นั่นละ ทีนี้เด็กมาเอาไปที่เขียนว่าอย่ายุ่งนี่นะ เราทิ้งไว้นั้นเด็กมันเห็นมันเก็บไปติดไว้หน้าวัดตามต้นเสา ติดประกาศไว้ว่าอย่ายุ่ง คนมายุ่งเราทั้งวันวันนั้น เพราะคำว่าอย่ายุ่งนั่น เลยมายุ่งทั้งวัน

อันนี้เป็นต้นเหตุมาแต่นายเทิ้งเขา เขาทำงานปลูกกุฏิอยู่ที่วัดสุทธาวาส เขามีนิสัยตลก ถ้าพระเณรเข้าไปนั่นเสียงหัวเราะลั่นละเข้าไป เขาไม่ค่อยหัวเราะละเขาพูด มันตลกดีนะนายเทิ้งนี่ พูดมีตลกขบขัน ใครมาก็เข้ามายุ่งแกเลยไม่ค่อยได้ทำงาน ทีนี้นิสัยแกชอบพูดหยอกเล่น คือตลกดี พระเณรชอบ เลยเข้าไปหาแก ทีนี้แกก็ไม่ค่อยได้ทำงาน คนนั้นก็ไปยุ่งคนนี้ไปยุ่ง แกเลยเขียนนี้ไว้ติดไว้ที่หน้าโรงงานแกนั่นละ แกเขียนบอกว่า “อย่ายุ่ง” คือหมายความว่าห้ามพระไม่ให้ยุ่งนั่นเอง พระเณรไปยุ่งกับท่าน

ทีนี้ใครก็มาเขียนไว้นี่อีกละ อาจจะเป็นเราก็ได้เขียน ทิ้งไว้ข้างล่างนั่น เลยเอาอันนี้มาอย่ายุ่ง เวลาเราถามท่านปัญญา อ่านออกไหมนี่ คิดว่าอ่านออก อ่านว่าไง อ่านว่า “อย่ายุ่ง” ใช่ไหม เออ ใช่ แล้วอย่ายุ่งมันหมายความว่าไง อย่าอย่างนี้ ใช่ไหม เออ ใช่แล้ว ทิ้งไว้นั่นละ ทีนี้เด็กมันเอาไปซิ ทิ้งอยู่ที่ครัวไฟนั่น เอาไปติดใส่ต้นเสาติดเบ้อเร่อไว้จริงๆ หน้าประตูวัด ใครก็ไปยุ่งใหญ่เลย ว่าอย่ายุ่งๆ เลยยุ่งใหญ่เลย นั่นละอย่ายุ่ง มันยุ่งใหญ่เลย

คือนายเทิ้งแกมีนิสัยตลก พูดพระเณรชอบ ทีนี้ก็ไปยุ่งแกเรื่อยละ แกไม่ค่อยได้ทำงาน แล้วแกก็ทำตลกอีกละนั่นก็ดี ไม่ใช่แกจะว่าพระเณรยุ่งจริงๆ หากมีนิสัยตลกของแกละไปเขียนไว้นั้น เขียนไว้ตัวใหญ่ๆ ว่า “อย่ายุ่ง” ติดไว้หน้าโรงงาน ทีนี้พระเณรก็เข้ามายุ่ง ยุ่งอะไรเขาก็เอาอีกละ แกเขียนไว้นั่น พอว่างี้แล้วพอดีเราไปเที่ยวมาจากภูเขา มาพักที่วัดป่าธาตุนาเวง มานั้นแกก็มาจังหันที่นั่นเพราะบ้านแกอยู่ข้างวัดนั้น มากับพวกญาติโยมผู้ย่าผู้หญิง พอพระฉันเสร็จแล้วส่งออกไป เขาก็รับประทานกัน เขาชวนกันไปจะไปที่ไหน เราก็นั่งฟังอยู่ คนนั้นก็จะไปคนนี้ก็จะไป แล้วก็มาชวนนี้ ไปไหม โอ้ มันต้องได้ไปลาข้าหลวงก่อน

ข้าหลวงอยู่ที่ไหนๆ เขาเลยสะกิดกันว่า ข้าหลวงก็คือเมียของมัน มันบอกว่าต้องไปลาข้าหลวงก่อน ข้าหลวงเป็นใครถามยุ่งไปหมด คนหนึ่งเขาเลยสะกิดกันว่า เมียของมันนั่นละ มันยิ้มเท่านั้นละไม่ค่อยหัวเราะ มันยิ้มๆ หากขบขันดี มันทำอะไรน่าขบขัน เพราะฉะนั้นจึงต้องได้ติดประกาศไว้นั้นมันก็ขบขันดีแล้ว บอกว่าอย่ายุ่ง ใครก็ไปยุ่งมันอีก มันมีนิสัยอย่างนั้น วันพรุ่งนี้วันที่ ๑๘ ที่อุดรจะมาตอนเช้า มาเราก็บอก ถ้าหากว่าจะมาเกี่ยวข้องกับเราควรมาเสียตอนเช้า ตอนนี้เราอยู่ พอฉันเสร็จแล้วเราก็ไปธุระของเราเรื่อยๆ ไปธุระก็ไปช่วยโลกนั้นแหละไม่ใช่อะไร

เมื่อวานนี้ก็ไปนู้น โรงพยาบาลชัยพรหรือที่ไหนเมื่อวาน ลืมแล้วแหละ หากไปโรงพยาบาลนะเมื่อวาน จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ ๕ วันนี้วันละโรงๆ ไปทุกวันๆ แล้วก็มอบปัจจัยให้โรงละสองหมื่นๆ เป็นประจำอย่างนั้น ถ้าวันเสาร์ อาทิตย์เราอาจไปตามวัดก็ได้ ไปตามวัดของก็เต็มรถไปนะไปวัดก็ดี ไปที่ไหนของเต็มรถๆ มันอาจเป็นนิสัยอย่างนั้นก็ได้ ไปที่ไหนมีแต่ไปให้ๆ มันอาจเป็นนิสัยอย่างนั้น พอว่าจะไปที่ไหนจัดของใส่รถเลยอย่างนั้น

การให้ทานนี้ออกจากเมตตานะไม่ใช่อะไร เมตตานี้ดึงออกหมด มีเท่าไรออกหมดๆ เมตตาลึกซึ้ง แต่ก่อนก็เป็นธรรมดาเราๆ ท่านๆ ไม่เห็นผิดแปลกอะไร แต่ระยะหลังมานี้เป็นจริงๆ เป็นอยู่ในหัวใจ เป็นอย่างเด่นชัดเสียด้วย มองเห็นอะไรมีแต่ความเมตตา ไปที่ไหนมีแต่ความเมตตา เห็นเขาขายของอยู่ตามข้างทางเหล่านี้จอดรถซื้อของเขาไปเรื่อยๆ อย่างนั้นละ ของเอาเล็กน้อยเท่านี้ แล้วก็ให้เงินเป็นกอบเป็นกำ กับคนจนว่าเป็นกอบเป็นกำก็ได้ ให้ไม่ต่ำกว่ารายละหนึ่งพันๆ เป็นอย่างนั้นความเมตตา

ด้วยเหตุนี้วัดป่าบ้านตาดจึงมีอะไรไม่ได้ อำนาจแห่งความเมตตากวาดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีคำว่ากลัวว่าจะหมดจะยัง มีแต่ความสงสารมันกระจายออกอยู่ข้างนอก แล้วก็ดึงออกไปให้ๆ อย่างนั้นละ ด้วยเหตุนี้เราจึงกล้าพูดได้ว่าเราไม่เอาอะไร เราช่วยโลกล้วนๆ เราไม่กำมีแต่แบตลอด เราไม่เอาจริงๆ มีแต่ความสงสาร ได้มาเท่าไรออกหมดออกตลอด อย่างโกดังนี้ก็จัดไว้ให้เต็มตลอด โรงพยาบาลทุกโรงมาต้องให้ได้ตามกำหนด

มันมีกำหนดอยู่สองขั้น ขั้นหนึ่งธรรมดาขั้นหนึ่งสูงกว่ากัน ถ้ามาระยะ เช่นอย่างที่เคยพูดนี้ ฟากยโสธรเข้ามาที่นี่ให้ธรรมดา ฟากโคราชเข้ามาที่นี่ให้ธรรมดา ถ้าจากนี้ไปถึงโคราชหรือเลยไปแล้ว หรืออุตรดิตถ์อย่างนี้นะให้พิเศษๆ การให้พิเศษก็ให้เสมอกันเหมือนกัน อย่างนี้เต็มอยู่โกดัง ไม่ให้อัดให้อั้นอยู่ในนั้น แล้วเข้าไปดูเรื่อยๆ โกดัง มีอะไรบกพร่อง แต่พระท่านรู้แล้วละ รู้นิสัยของเรา จะไม่มีอะไรบกบางได้ละในโกดังสำหรับแจกทาน เฉพาะอย่างยิ่งคือโรงพยาบาลมา เพราะจัดไว้เรียบร้อยแล้ว จะออกรถไปก็ต้องเติมน้ำมันให้ทุกคันรถๆ ไปเลย เลยกลายเป็นมีปั๊มน้ำมันอยู่ที่นั่นเป็นประจำ

ทำมันไปหมดรอบวัด คือไม่คำนึงว่าวัดนี้จะขาดจะเหลือจะมีไม่มีอะไรไม่สนใจ มีเท่าไรออกๆๆ ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้วัดนี้จึงไม่มีอะไร แม้แต่ปัจจัยก็เหมือนกัน ปัจจัยก็ออกอย่างนี้ละแบบเดียวกันหมดเลย ด้วยเหตุนี้เราไปเห็นเพื่อนฝูงด้วยกันในนี้ละ เพื่อนฝูงด้วยกันตำหนิติชมกันทำไมตำหนิติชมไม่ได้ ตั้งแต่โลกเขายังตำหนิติชมกันเป็นประจำติดปากว่าไง เห็นกันคอยตำหนิติเตียนกันนินทากาเลกัน โลกเป็นอย่างนั้นไม่มองดูตัวเลยมองดูแต่คนอื่น คนนั้นเป็นไง คนนั้นผิดอย่างนั้นคนนี้ผิดอย่างนี้ เจ้าของผิดอะไรไม่ดู ถ้าเป็นธรรมดูตัวนี้ก่อน ดูตัวนี้แล้วก็มันก็พอๆ กัน

โลกอันนี้ไม่ใช่โลกสมบูรณ์แบบโลกบกพร่อง ความบกพร่องก็ต้องมีความผิดพลาดเป็นธรรมดา แล้วเขากับเรามันก็พอๆ กัน มันก็อยู่กันไปด้วยความสงบ เก็บปาก ไม่ติฉินนินทากาเลไม่ยกโทษยกกรณ์ซึ่งกันและกัน ยิ่งอยู่ในวัดนี้ก็สมชื่อสมนามผู้มาปฏิบัติธรรม นอกจากนี้แล้วไม่ใช่ปฏิบัติธรรม เอาไฟมาเผากัน ไม่ใช่การอบรมธรรม เห็นกันติฉินนินทา ชิงดีชิงเด่น ชิงชั่วนั่นละชิงดี ชิงดีชิงเด่นชิงเท่าไรยิ่งเลวลงๆ ผู้นี้คือผู้แพ้ไม่ใช่ผู้ชนะ ผู้ชนะคือคนสุขุมนิ่มนวล เก็บความรู้สึกไว้ได้ดี ไม่ค่อยตำหนิติเตียน เพราะการตำหนิใครก็ไม่ชอบด้วยกันเราก็ไม่ชอบ แต่ชอบตำหนิเขาใช้ไม่ได้ เราต้องดูเขาดูเรา

อยู่รวมกันทำไมจะไม่ผิดพลาดคนเรา เมื่อเห็นกันอยู่แล้ว นอกจากมันจะเสียจริงๆ ก็เตือนกัน ผู้รับฟังก็รับด้วยความเป็นธรรมอย่ามีพิษมีภัยต่อกันแนะกัน ให้ถือว่าเป็นบุญเป็นคุณอย่างนั้นถูกต้อง สำหรับพระเราไม่มีแหละ ยิ่งอย่างเราด้วยแล้วไม่มีเลยที่จะไปตำหนิคนนั้นคนนี้มาพูดให้เห็นไม่มี ถ้าผิดบอกปุ๊บเลย ผิดประการไหนผิดบอกปุ๊บ ผิดมากผิดน้อยขนาดไหน ขนาดที่ว่า นี่ถ้าเป็นครั้งที่สองจะไล่จากวัดนะ นั่นไปอย่างนั้นเลย ที่จะมาพูดพุมๆ พิมๆ ไม่มีละ ไม่มีจริงๆ ถ้าผิดยังไงก็เตือนบอกแล้วแล้วไปเลย ถ้าจะผิดมากแล้วเตือนย้ำเข้าไปอีกว่า นี่จวนจะออกจากวัดแล้วนะ นั่น ถ้าผิดครั้งที่สองออกจริงๆ เด็ดอย่างนั้นละ ถ้าว่าไปนะอยู่ไม่ได้

ถ้าธรรมดาไม่พูด เฉย เหมือนไม่มีอะไรในวัด พระทั้งวัดไม่มีติฉินนินทากัน ยิ่งครูบาอาจารย์ด้วยแล้วผิดทั้งเพไปติฉินนินทาผู้น้อย ผิดตรงไหนก็เราเป็นฐานะอาจารย์สอนได้ทำไมไปนินทากาเลเขา ไม่นินทา ถ้าผิดตรงไหนบอกผิดตรงนั้นๆๆ ถ้ามากกว่านั้นจะไล่ออกจากวัดนะ บอก ถ้าควรไล่ไล่จริงๆ เป็นอย่างนั้น เอาละวันนี้สายแล้ว ต่อไปจะให้พร

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก