เทศน์อบรมพระสงฆ์และฆราวาส
ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อค่ำวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
ความสวยงามของพระ
คณะพระอุปัฏฐากหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก และหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ นำโดยพระอาจารย์สัมพันธ์ ธีรปัญโญ ขอน้อมถวายทองคำหลวงตามหาบัว เพื่อช่วยชาติ ด้วยทองคำน้ำหนัก ๓๓ บาท เอา สาธุพร้อมกัน พอใจนะ พอดีหลวงพ่อสังวาลย์ล่วงไปแล้วลูกหลานก็สืบหน่อต่อแขนงกันมาเรื่อยๆ อย่างนี้ เมื่อสองวันนี้ผมก็ได้ไปเยี่ยมหลวงพ่อสังวาลย์ที่วัดทุ่งสามัคคี ไปเยี่ยมศพท่านที่นั่น ไปดูวานซืนนี้มังไปเยี่ยมท่าน ไปเยี่ยมศพหลวงพ่อสังวาลย์เราที่วัดทุ่งสามัคคี
วันนี้นับว่าเป็นวันมงคลวันหนึ่ง เท่าที่ผ่านๆ มาวันนี้รู้สึกจะมากมายไปด้วยประชาชนและพระทั้งหลายท่านมา ประชาชนก็เต็มศาลาทั้งสองหลังเลย พระก็แน่นเต็มไปหมดวันนี้ นับว่าเป็นมงคล เป็นความสวยงาม พระสวยงามทางด้านศีลด้านธรรม ประชาชนสวยงามด้วยเครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวและความประพฤติ หน้าที่การงาน กิริยามารยาท นี่คือความงามของประชาชน พระนั้นงามด้วยศีลด้วยธรรม อย่างอื่นไม่งาม พระงามอยู่ที่ศีลที่ธรรม มีศีลมีธรรมเท่านั้นก็งามอย่างลึกซึ้ง ตัวเองก็ชุ่มเย็น เพราะศีลธรรมเป็นเครื่องประดับ สวยงามยิ่งกว่าเครื่องตกแต่งภายนอกที่เขาปฏิบัติหรือดำเนินมา ประพฤติกันมา พระเรานี้งามด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยความสำรวมระวัง ไปไหนให้มีศีลมีธรรมติดตัวตลอดเวลา เรียกว่าตามเสด็จพระพุทธเจ้าตลอดเวลาเช่นเดียวกัน
ตามที่ท่านแสดงไว้ว่า ธรรมและวินัยนั้นแลเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคต เมื่อเราตายไปแล้ว พูดภาษาตลาดก็เรียกว่าเราตายไปแล้ว นี่ก็คือเกี่ยวกับพระอานนท์ที่ไปทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ทรงพระชนมายุอยู่เป็นเวลานาน พระองค์ถ้าพูดภาษาของเราก็เรียกว่าดุเอาบ้าง อานนท์จะมาหวังอะไรกับเราอีก ธรรมและวินัยเราแสดงเต็มที่เต็มฐานไม่มีอะไรบกพร่องแล้ว นั้นแลคือศาสดาของเธอทั้งหลายเมื่อเราล่วงไปแล้ว ใครมีความเคารพในธรรมในวินัยผู้นั้นชื่อว่าเป็นผู้มีศาสดาติดตัว ไปที่ไหนตามเสด็จพระพุทธเจ้าคือพระธรรมพระวินัยตลอดเวลา นั่นชื่อว่าเป็นผู้สวยงาม
ตามเสด็จพระพุทธเจ้าตลอดเวลาด้วยศีลด้วยธรรม ข้อวัตรปฏิบัติ ความสำรวมระวัง ไม่ให้ขัดต่อศีลต่อธรรม ประดับศีลประดับธรรมของตนให้สง่างามขึ้นด้วยสังวรธรรม คือความระมัดระวังเสมอ นี่ความงามของพระอยู่ที่ตรงนี้ ไม่ได้งามด้วยเครื่องตกแต่งเหมือนโลกของเขา นั่นเขางามไปด้วยเพศของฆราวาสเขาก็งามไปอีกอย่างหนึ่ง ส่วนความงามของพระนี้งามด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยความสำรวมระวัง มีสติสตัง มีหิริโอตตัปปะสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรม รักษาศีลของตนให้บริสุทธิ์ไม่ให้ด่างพร้อย อยู่ที่ไหนก็ชุ่มเย็นไปด้วยศีลด้วยธรรมที่มีประจำเพศของพระ
นี่เรียกว่างามทางพระ จะหาเครื่องประดับตกแต่งอะไรให้พระสวยงาม ไม่มีสวยงาม คือศีลธรรมนี้เท่านั้นเป็นเครื่องตกแต่งพระเราให้สวยงาม ศีลก็บริสุทธิ์ระมัดระวังรักษาทุกสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่ ที่เป็นองค์ศาสดาประทานให้แล้ว บัญญัติให้แล้ว เป็นศาสดาของพวกเราได้โดยสมบูรณ์แล้วทั้งพระธรรมทั้งพระวินัย เราจึงงามไปด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยองค์ศาสดาคือศีลธรรมเป็นเครื่องประดับกายวาจาใจของเรา นี่ละความงามของพระ งามอยู่ด้วยความสำรวมระวัง ความมีสติ ความมีหิริโอตตัปปะระมัดระวัง เรียกว่ามีความละอายบาป
ถ้าไม่มีหิริโอตตัปปะก็เป็นพระหน้าด้านหายางอายไม่ได้ เหยียบย่ำทำลายพระธรรมวินัยอันเป็นองค์ศาสดา ประหนึ่งว่าเหยียบย่ำหัวพระพุทธเจ้าไปก็ไม่ผิด พระประเภทนั้นคือพระเทวทัต เราไม่ได้บวชมาเพื่อความเป็นพระเทวทัต บวชมาเพื่อส่งเสริมพระศาสนา บูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยความประพฤติปฏิบัติในศีลธรรมของเรา ศีลไม่ให้ด่างพร้อย ธรรมให้มีความสง่างามภายในจิตใจด้วยการซักฟอก มีจิตตภาวนาเป็นต้น นี่เรียกว่าความสวยงามของพระ
พระไม่มีอะไรสวยงามนอกจากธรรมเท่านั้น ศีลธรรมเป็นเครื่องประดับพระให้สวยงาม ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะมีความสวยงามยิ่งกว่าพระท่านผู้มีศีลมีธรรม มีหิริโอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อบาป กระหยิ่มยิ้มย่องต่ออรรถต่อธรรมที่จะเป็นผลเป็นประโยชน์ จนกระทั่งเป็นประโยชน์มหาศาลต่อตนเอง นี่ละความเป็นพระที่สวยงาม เป็นพระที่มีสง่าราศี อยู่ในป่าในบ้านก็เป็นพระสมบูรณ์แบบด้วยศีลด้วยธรรม ก็เรียกว่าเป็นพระเสมอกันหมด มีศีลมีธรรมเสมอกัน เป็นความสง่างามด้วยกัน เป็นความร่มเย็นแก่ประชาชนที่อยู่ใกล้ชิดติดพันกับพระ เราจะเห็นได้เวลาประชาชนเขาจะไปสร้างบ้านสร้างเรือนที่ไหนต้องสร้างวัดขึ้นพร้อมกัน ให้เป็นคู่บ้านคู่เมือง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นที่กราบไหว้บูชา เป็นที่อบอุ่นใจ ไปที่ไหนจึงต้องสร้างวัด สร้างบ้านสร้างเรือนที่ไหนสำหรับชาวพุทธเราต้องสร้างวัดสร้างวาเป็นขวัญใจ เป็นที่อบอุ่นไว้เสมอไป
เพราะฉะนั้นพระเราจึงเป็นที่ให้ความอบอุ่นแก่ประชาชน ตัวของเราเองก็มีความอบอุ่นด้วยการรักษาศีลรักษาธรรม ศีลไม่ด่างไม่พร้อยไม่ขาดไม่ทะลุ ธรรมก็บำเพ็ญธรรม สติธรรม ปัญญาธรรม วิริยธรรม ขันติธรรม ความอดความทน ความพากความเพียร ความมีสติสตังประจำตน นี้เรียกว่าพระ พระสวยงามอยู่ที่ตรงนี้ อย่างอื่นจะมาประดับพระไม่สวยงาม เพราะเครื่องประดับเหล่านั้นคุณค่าราคาสู้เครื่องประดับคือธรรมคือศีลของพระไม่ได้ พระจึงเป็นผู้สวยงามด้วยการประพฤติศีลประพฤติธรรมให้ดี อยู่ที่ไหนก็เย็นๆ อยู่ในบ้านก็เย็น อยู่ในป่าก็เย็น เช่นวัดบ้านวัดป่า
สำคัญอยู่ที่องค์พระแต่ละองค์ๆ แต่ละวัดละวามีความสำรวมระวัง มีความเทิดทูนธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยการประพฤติปฏิบัติ ไม่ขาดสติสตัง มีความรู้สึกว่าตนเป็นพระตั้งแต่วันบวชมา คำว่าพระนี้แปลว่าประเสริฐ บางคนก็จะไม่เข้าใจ ได้ยินแต่ว่าพระๆ แปลออกแล้วว่าประเสริฐ จึงมาให้นามของนักบวชเราว่าเป็นพระ เมื่อพระก็ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีศีลมีธรรมเป็นที่อบอุ่นแก่ตนเองแล้ว ก็เป็นที่อบอุ่นแก่ประชาชนทั่วๆ ไปซึ่งเขาเป็นลูกศิษย์พระ
พระจึงให้ความร่มเย็นแก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี ในพระประเภทที่มีศีลมีธรรม ประชาชนชาวพุทธก็มีความเคารพนับถือ มีความอบอุ่น อยู่บ้านใดเมืองใดบ้านนอกในเมืองมีพระประจำใจทุกคนๆ แล้วพระประจำใจส่วนมากเขาจะดิ่งลงไปถึงพระท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พระปฏิบัติแบบโกโรโกโสเขาขยะแขยง ไม่อยากกราบไหว้บูชา อย่างมากก็พอไม่ให้เสียมารยาท พอไปเจอกันเข้าก็ยกมือไหว้เสียแล้วผ่านไป ไม่เป็นอารมณ์พอให้ชื่นบานจิตใจอะไรเลย ไม่เหมือนกับพระผู้ทรงศีลทรงธรรมพอเจอแล้วทั้งกราบทั้งไหว้ทั้งนอบน้อมบูชาภายในจิตใจ กลับไปถึงบ้านถึงเรือนเป็นอารมณ์แห่งธรรมประจำอยู่ตลอดเวลาจากการไหว้พระไหว้เจ้า นี่จิตเป็นมงคล จิตเป็นมหากุศล
พระไปที่ไหนอยู่ที่ใดจึงต้องให้ความร่มเย็นแก่ตนในภาคปฏิบัติ ไม่ปฏิบัติสุ่มสี่สุ่มห้า รักษาศีลรักษาธรรมเต็มองค์ของพระไม่ให้ขาดตั้งแต่วันบวชเข้ามาเป็นพระ นั่นเป็นพระโดยสมบูรณ์แล้ว ศีลธรรมก็ให้มีโดยสมบูรณ์ไปตามๆ กัน พระก็เป็นพระเต็มแบบเต็มฉบับตลอดตั้งแต่วันบวชมาถึงวันสิ้นชีพวายชนม์ เป็นพระโดยสมบูรณ์ ประชาชนที่เขาเคารพนับถือพระเขาก็มีความอบอุ่น เวลาพลัดพรากจากกันไปเขามีความเสียอกเสียใจเพราะแก้วสารพัดนึกหรือแก้วอันเลิศเลอได้หลุดมือ คือหลุดจากใจไปเสีย ไม่มีที่อบอุ่นให้ได้รับเหมือนดั่งที่เคยเป็นมา นี่ละพระให้ความอบอุ่นแก่บ้านแก่เมืองเป็นอย่างนั้น
ไม่ว่าพระบ้านพระป่าสำคัญอยู่ที่ศีลที่ธรรม แต่ละองค์ที่บวชมาแล้วเป็นพระโดยสมบูรณ์ การรักษาศีลรักษาธรรมประจำองค์พระก็ประจำโดยสมบูรณ์ ไม่ให้ด่างพร้อยขาดทะลุทั้งศีลทั้งธรรม นั่นชื่อว่ามีความอบอุ่น ทางด้านพุทธศาสนาในครั้งพุทธกาลท่านถือด้านจิตตภาวนาเป็นสำคัญ พอบวชเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ รุกฺขมูลเสนาสนํ ประทานพระโอวาทข้อนี้ให้ก่อนอื่น รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย บรรพชาอุปสมบทแล้วให้ท่านทั้งหลายไปอยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ป่าช้าป่ารกชัฏ ที่แจ้งลอมฟาง อัพโภกาสที่เวิ้งว้างอากาศดี จงพากันอยู่และบำเพ็ญอย่างนั้นตลอดชีวิตเถิด
นี่ฟังตั้งแต่ต้นบวชจนกระทั่งตลอดชีวิตของนักบวชองค์นั้นๆ ไม่ให้ละไม่ให้ปล่อยให้วาง ให้ถือสถานที่ดังกล่าวคือรุกฺขมูลเสนาสนํ นี้เป็นที่อยู่ที่อาศัย ที่พึ่งเป็นพึ่งตาย ที่บำเพ็ญความพากเพียร ละกิเลสประเภทต่างๆ ในสถานที่พระพุทธเจ้าทรงประทานให้แล้วจากพระองค์ที่ทรงบำเพ็ญในป่าในเขามาแล้วเป็นเวลา ๖ ปี ล้วนแล้วตั้งแต่อยู่ในป่าในเขา ตรัสรู้ในป่าจากการบำเพ็ญในป่า พอมาบวชกุลบุตรประทานพระโอวาทแก่กุลบุตรสุดท้ายภายหลังก็ขึ้นรุกฺขมูลเสนาสนํ พูดภาษาของเราให้ชัดๆ ก็คือว่า รุกฺขมูลเสนาสนํ นั่นเป็นที่อยู่ที่ฝากเป็นฝากตาย ที่บำเพ็ญเพื่อสละปล่อยวางกิเลสให้หลุดพ้นไปจากจิตใจกลายเป็นศาสดาขึ้นมาคือเราตถาคต เราบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้นได้เป็นศาสดาขึ้นมา
เพราะฉะนั้นเธอทั้งหลายเมื่อบวชแล้วจงพากันอุตส่าห์พยายามอยู่ เป็นโอกาสอันดีงามสำหรับพระ ไม่มีเครื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายมาก่อกวน บวชแล้วให้เธอไปอยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา อันเป็นสถานที่เหมาะสมในการบำเพ็ญภาวนา ปราศจากสิ่งรบกวนโดยประการทั้งปวง จงอุตส่าห์อยู่และบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด คือไม่มีเวลาจืดจางตั้งแต่วันบวชแล้วจนกระทั่งสุดชีวิต ให้อุตส่าห์พยายาม อุสฺสาโห กรณีโย อุตส่าห์พยายามอยู่ในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด ส่วนที่จะอนุโลมไปบ้างท่านก็อนุโลม ฟังแต่ว่าคำอนุโลมไม่ใช่เจาะจงเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด เหมือนสอนพระให้อยู่ในป่าในเขา ให้บำเพ็ญเพียรภาวนาชำระกิเลสออกจากใจ อันนี้เป็นหลักใหญ่สำหรับพระเรา
แล้วทีนี้บรรดาพระทั้งหลายในครั้งพุทธกาลที่กลายเป็นสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราอยู่ทุกวันนี้ก็มาจากป่าจากเขาเสียมากต่อมาก ถ้าเทียบสมัยกันในสมัยนี้เขาเรียกมหาวิทยาลัย แต่เขาไม่เรียกมหาวิทยาลัยบ้านแต่มันอยู่ในบ้าน ท่านไม่เรียกมหาวิทยาลัยป่าแต่มันอยู่ในป่า พระพุทธเจ้า-สาวกทั้งหลายส่วนมากต่อมากบำเพ็ญอยู่ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ที่ไหนที่โลกเขาไม่ปรารถนาพระองค์และสาวกทั้งหลายอยู่ในสถานที่เช่นนั้นตลอดมา
เพราะฉะนั้นพระโอวาทคำว่า รุกฺขมูลเสนาสนํ จึงเป็นพระโอวาทสดๆ ร้อนๆ ตลอดมา พระองค์ใดที่บวชเข้าปั๊บทีเดียวพระโอวาทอันนี้จะต้องครอบหัวใจเลย ให้อยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ในป่าในเขา ส่วนที่อนุโลมท่านก็อนุโลม แต่อันดับหนึ่งคืออันนี้เอง นี่พระพุทธเจ้าท่านสอนผู้ไปปฏิบัติอรรถธรรมในป่าเช่นนั้น ถ้าเทียบกับสมัยปัจจุบันนี้เรียกว่ามหาวิทยาลัยป่า องค์นั้นสำเร็จวิชามาจากมหาวิทยาลัยป่าของพระเป็นพระโสดา องค์นั้นสำเร็จเป็นสกิทาคา องค์นั้นสำเร็จเป็นพระอนาคา องค์นี้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ สมควรแก่ความเป็นสรณะของโลกที่โลกทั้งหลายได้อ้างถึงอยู่ทุกวันนี้ว่าสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ คือท่านที่สำเร็จมาจากป่ามาเป็นสรณะของพวกเรา พวกเราจึงได้กราบไหว้บูชาอย่างสนิทใจตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้
นี้ละแบบฉบับเส้นทางสายทางเป็นมาอย่างนี้ จึงขอให้พากันสืบสาวเส้นทางดำเนินตามเส้นทางนี้ให้ได้ ที่อยู่ไม่เหมาะสมแต่การประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา อย่าให้ขาดตกบกพร่องในการประกอบความพากเพียรเพื่อชำระกิเลส คำว่ากิเลสนี้คือภัยของสัตว์โลก กิเลสตัวเศร้าหมองมืดตื้อเป็นภัยมหาภัยอยู่กับกิเลสทั้งมวล เครื่องหลอกลวงต้มตุ๋นให้สัตว์โลกล่มจมฉิบหายมาตลอด ไม่มีวันเข็ดหลาบอิ่มพอก็คือกิเลสนี้แหละ
ท่านจึงสอนให้ชำระสิ่งเลวร้ายทั้งหลายออกจากใจ จะเหลือแต่ทองคำธรรมชาติคือธรรมล้วนๆ เป็นธรรมธาตุภายในจิตใจของท่านผู้ชำระจนบริสุทธิ์แล้ว เช่นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ท่านชำระสิ่งเหล่านี้หมดสิ้นไปจากใจ ความวิเศษวิโสหากเป็นขึ้นมาโดยหลักธรรมชาติ โดยไม่มีใครเสกสรรปั้นยอก็ตาม หลักธรรมชาตินั้นหากเสกสรรปั้นยอตัวเองด้วยการชำระสิ่งเลวร้ายทั้งหลายหมดออกโดยสิ้นเชิงเรียบร้อยแล้ว เป็นธรรมธาตุ หรือเป็นวิสุทธิธรรมวิสุทธิจิต หรือเป็นธรรมธาตุขึ้นในจิตดวงที่ชำระ เรียบร้อยแล้วนั้นแล และธรรมเหล่านี้เป็นธรรมสดๆ ร้อนๆ ไม่ได้สดๆ ร้อนๆ แต่กิเลสอย่างเดียวแต่ธรรมนั้นจืดชืดๆ เน่าเฟะ หมดยุคหมดสมัยไปแล้ว คือทันสมัยเหมือนกัน
ขอให้นำมาปฏิบัติ สวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้วชอบทั้งทางเรื่องของกิเลส ชอบทั้งทางเรื่องของธรรม การชำระกิเลสเป็นเรื่องสดๆ ร้อนๆ กิเลสขาดสะบั้นจากใจก็เป็นผลขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ จนกลายเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา ไม่ว่าครั้งพุทธกาลหรือครั้งใดตามกิเลสเป็นภัย ธรรมเป็นคุณ เมื่อชำระสะสางออกจากจิตใจให้เสร็จสิ้นลงไปแล้วคำว่าสิ้นกิเลส หรือเป็นอรหันต์ หรือเป็นธรรมธาตุภายในจิตใจแล้วเป็นเอง ไม่มีใครเสกสรรปั้นยอ เป็นขึ้นมาเองจากการบำเพ็ญของตน
นี่ละขอให้ทุกๆ ท่านบรรดาที่เราเป็นนักบวช บวชเข้ามาแล้วให้ถือศีลถือธรรมเป็นสิ่งที่เลิศเลอ เป็นสมบัติล้นเกล้าล้นกระหม่อมยิ่งกว่าสมบัติอื่นใดในโลกนี้ เราสละทางโลกเข้ามา โลกมันคละเคล้าไปด้วยสิ่งโสมมสกปรกเต็มไปหมดความโลภ ขี้โลภ ความโกรธ ขี้โกรธ ความหลง ขี้หลง ราคะตัณหาอยู่กับโลกทั้งหมด ธรรมะจึงต้องซักฟอกอันนี้ออกมา การซักฟอกสิ่งเหล่านี้เป็นการซักฟอกได้ยาก จึงต้องสละตนออกบวช เพื่อทำหน้าที่ซักฟอกสิ่งเหล่านี้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้จิตมีความสว่างไสวจนกระทั่งเป็นความบริสุทธิ์ ใจบริสุทธิ์เต็มดวงขึ้นมาเป็นธรรมธาตุบนหัวใจเราผู้บำเพ็ญขึ้นมา นั้นแหละเป็นมหามงคล
ไม่มีคำว่าครึว่าล้าสมัย กิเลสทันสมัยฉันใดธรรมก็ทันสมัยฉันนั้น เป็นธรรมที่แก้กิเลสได้ทุกประเภทของกิเลส ไม่มีกิเลสตัวใดที่จะเหนือธรรมของพระพุทธเจ้าไปได้ ธรรมอยู่เหนือกิเลสตลอดเวลา นอกจากเราไม่นำธรรมเข้ามาแก้กิเลส ปล่อยให้กิเลสเหยียบย่ำทำลายธรรมภายในใจนี้ เราจึงเป็นคนหมดค่าหมดราคาไปด้วย สุดท้ายตายทิ้งเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะปล่อยตัวให้กิเลสสิ่งที่ต่ำทรามเหยียบย่ำทำลายหัวใจ คำว่าหัวก็คือหัวใจให้แหลกเหลวไปหมด
คนๆ หนึ่งเกิดมาไม่มีค่าเพราะไม่เคยสนใจในอรรถในธรรม จนกระทั่งวันตายก็เป็นคนหมดคุณค่าตั้งแต่วันอ้อนวันออก จนกระทั่งสิ้นสุดแห่งชีวิตเรียกว่าตาย หมดคุณค่ามาตลอด ไม่มีปรากฏคุณค่าแฝงในใจนั่นเลย นี่ความไม่มีธรรมในใจเป็นคนเลว ใครอยากเลว ใครอยากหมดคุณค่า ถ้าต้องการอยากมีคุณค่าภายในตัวของเราก็ขอให้บำเพ็ญคุณงามความดี การให้ทานอย่าตระหนี่ถี่เหนียว ครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นยอดการให้ทาน เป็นยอดๆ ทั้งนั้น ท่านถึงเรียกว่าทานบารมี ขึ้นต้นเลย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เลิศด้วยทานบารมีทั้งนั้น
อย่าพากันตระหนี่ถี่เหนียว ให้แบ่งกินแบ่งทาน อย่าเห็นแก่ปากแก่ท้องว่าเลิศเลอยิ่งกว่าธรรม ธรรมที่จะควรเข้าสู่จิตใจ ให้พาใจไปสู่สถานที่ดีคติที่เหมาะสมจนกระทั่งถึงนิพพานไม่มีธรรมแล้วไปไม่ได้นะ ถ้ามีธรรมแล้วไปได้ทั้งนั้นทั้งหญิงทั้งชาย นักบวชและฆราวาส เพราะคำว่าบุญความดีงามหรือบาปนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศกับวัย แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำ การบำเพ็ญของแต่ละคน ให้พากันตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนดี
เราเกิดมาในชาตินี้เรียกว่าเลิศแล้วด้วยความเป็นมนุษย์หนึ่ง เลิศกว่าสัตว์เลิศที่สอง เพราะเราได้นับถือพระพุทธศาสนา เลิศอันที่สามที่สำคัญก็คือ ได้นับถือพระพุทธศาสนา ได้เข้าใกล้ชิดติดพัน กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจประจำทุกวันๆ การบำเพ็ญความดีงามทั้งหลายเป็นเครื่องส่งเสริมจิตใจของเราให้มีความสง่างาม แล้วเลื่อนฐานะสูงขึ้นเป็นลำดับๆ สามารถจะถึงนิพพานได้ทั้งครั้งพุทธกาลและทั้งปัจจุบันนั้นแหละ บุญไม่เคยครึไม่เคยล้าสมัย บาปก็เหมือนกัน สร้างบาปเมื่อใดเป็นบาปเมื่อนั้น สร้างบุญเมื่อไรเป็นบุญเมื่อนั้น ให้พากันสร้างบุญชำระบาปออกจากจิตใจ ใจจะมีความสง่างามขึ้นมาภายในตนเอง
เมื่อใจมีความสง่างามแล้วอยู่ที่ไหนสง่างามหมด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบ้านนอกในเมือง ในป่าในเขา ในบ้านในเรือน ในตุ่มในไห นอกตุ่มนอกไห มีความสง่างามอยู่หมด เหมือนทองคำเอาลงวางไว้ที่ไหนก็เป็นทองคำอยู่ที่นั่น ตุ่มไหก็เป็นตุ่มไห ทองคำเป็นทองคำ ไม่คละเคล้ากัน นี่คนที่ดีอยู่ที่ไหนก็ดีๆ อยู่ในท่ามกลางแห่งคนชั่วเป็นล้านๆ คนนั้นก็ต้องเป็นคนดีเด่นอยู่โดยตรง ไม่มีอะไรมาลบล้างความดีของคนนั้นให้เป็นความชั่วไปได้เลย จงพากันบำเพ็ญศีลธรรมให้มีภายในจิตใจของเรา
ฝ่ายพระก็ให้มีหิริโอตตัปปะ เรานี้สวยงามด้วยศีลด้วยธรรม ไม่ได้สวยงามด้วยสิ่งอันใด สวยงามด้วยความประพฤติปฏิบัติ ศีลาจารวัตรประจำพระของเรา พระมีความสวยงามอยู่กับเพศและความประพฤติศีลธรรมของตนด้วยดี นี่ความสวยงามอยู่ที่นี่ โลกกราบไหว้ก็กราบไหว้ความสวยงามอันนี้แล เขาไม่ได้กราบไหว้หัวโล้นๆ เฉยๆ หัวโล้นใครโกนก็ได้ มันไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าหัวโล้นมีศีลมีธรรมใครก็กราบ เจ้าของก็ภูมิใจ
เพราะฉะนั้นจึงขอให้ทุกๆ ท่านพระลูกพระหลาน-ประชาชนเมื่อมีโอกาสได้ยินได้ฟังธรรมอย่างนี้แล้ว ก็ขอให้นำไปพินิจพิจารณาแก้ไขดัดแปลงตนเอง สิ่งใดที่บกพร่องให้แก้ไขดัดแปลง และส่งเสริมสิ่งที่ดีขึ้นให้มีขึ้นเป็นลำดับ เราจะกลายเป็นพระดีคนดี สถานที่ดีก็เป็นสมบัติของเรา จนกระทั่งถึงนิพพานเป็นมหาสมบัติก็จะมากลายเป็นมหาสมบัติในหัวใจของเราได้ด้วยกัน เมื่อต่างคนต่างบำเพ็ญให้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วพ้นทุกข์ได้เช่นเดียวกันหมด
จึงขอให้ทุกท่านได้นำธรรมะนี้ไปพินิจพิจารณา ขวนขวายตัวเอง แก้ไขดัดแปลง สิ่งใดไม่ดีอย่ากล้าหาญชาญชัยเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปว่าเป็นของดี ท่านว่าไม่ดีตรงไหนให้รีบละรีบถอน สิ่งใดดีแล้วให้บำรุงส่งเสริมสิ่งนั้นให้ดีขึ้น ไม่ว่าพระไม่ว่าฆราวาสดีขึ้นได้ด้วยกันนั่นละ จึงขอให้ทุกๆ ท่านได้นำไปพิจารณาแก้ไขดัดแปลงตนเองในสิ่งไม่ดี และส่งเสริมในสิ่งที่ดีแล้วให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะเป็นคนดีพระดี เสมอหน้ากันไปหมด จึงขอให้ท่านทั้งหลายนำไปพินิจพิจารณา
การแสดงธรรมก็เห็นว่าสมควรแก่ธาตุแก่ขันธ์แก่กาลเวลา ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทั้งหลายโดยทั่วหน้ากันเทอญ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|