มหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้า
วันที่ 6 สิงหาคม 2543 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓

มหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้า

(มีผู้ฟังเทศน์ประมาณ ๕๐๐ คน)

วันที่ ๙ นี้ได้ประกาศมาให้ทราบหลายวันแล้วนะ วันที่ ๙ เป็นวันพี่น้องชาวอุดรฯ ทุกอำเภอและแถวใกล้เคียงมารวมกัน ที่จะทำบุญช่วยชาติ ครั้งนี้หลวงตาขึ้นบนเวทีเลยเป็นผู้นำนะ ไปทั่วประเทศไทยก็บอกเป็นผู้นำ แต่ไม่เด่นเหมือนคราวนี้ คราวนี้เป็นผู้นำพี่น้องชาวอุดรฯ ถ้าขายหน้าก็ขายอย่างแหลกเลยคราวนี้นะ ไปเปิดทางแม่น้ำโขงไว้นะ ไม่งั้นปิดกั้นไว้เลยเดี๋ยวหลวงตาบัวจะได้โดดลงแม่น้ำโขง ขายหน้านั่นซิ ถ้าขายจะเป็นใครมาขายหน้าหลวงตาบัว ก็พี่น้องชาวอุดรฯ เรานี่ขายหลวงตาบัวเอง ที่อื่นไม่ขาย มีแต่มาช่วย ๆ ชาวอุดรฯ เรานี่ขายหลวงตาบัว ฟาดลงโน่นลำแม่น้ำโขง ดอลลาร์ได้ ๕ ดอลฯ อย่างมาก ทองคำได้ ๕ บาท เงินสดได้ ๕๐ สตางค์ หลวงตาตายเลยเข้าใจไหม ชาวอุดรฯ ทั้งอุดรฯ ได้อย่างที่ว่านี่หลวงตานี้ตายเลย ไม่สนใจกับพระจะไป กุสลา แหละ ไม่สนใจเลย ไปเลย ไม่ห่วง กุสลา ว่างั้นเถอะ ถึงขนาดไม่ห่วง กุสลา เลยไปเลย

เอานะพี่น้องทั้งหลายช่วยกันเต็มเหนี่ยวนะคราวนี้น่ะ ให้เด่นเมืองอุดรฯ เราซึ่งเป็นเมืองหลวงตาบัวเป็นผู้นำเสียด้วย ประกาศทั่วประเทศไทยเราหลวงตาเป็นผู้นำ เรียกว่ามานำพี่น้องชาวอุดรฯ แล้วขายหน้าแหลกนี้ แหม ว่างั้นเลย ฟังให้ดีนะ อย่าให้ขายหน้า มีห้าเอามาสิบ ติดหนี้ห้าบาทไม่เป็นไร ก็พูดแล้วนี่ มีห้าเอามาสิบ ติดหนี้ห้าบาทไม่เป็นไร กลับไปบ้านแล้วค่อยหาไปแทนก็ได้

ฟ้าหญิงท่านก็จะเสด็จวันนั้น วันที่ ๙ ตอนเช้าจะเสด็จเข้ามาที่นี่ก่อน ตอนเช้าอย่างนี้ แล้วตอนบ่าย ๒ โมงก็เสด็จไปในงานเป็นประธาน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่พี่น้องชาวอุดรฯ เรา รู้สึกว่าพี่น้องชาวอุดรฯ จะมีวาสนามากอยู่เหมือนกัน ได้เป็นพิเศษ ๆ ฟ้าหญิงท่านเสด็จ เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ท่านเสด็จบ่อยอุดรฯ เรานะ นับมีวาสนาอยู่นะ ท่านคงจะกลับวันนั้นท่า คิดว่าจะมาวันที่ ๘ ตอนเย็น ประทับค้างคืนหนึ่ง ตื่นเช้าวันที่ ๙ ก็มาที่นี่ ตอนเช้าวันที่ ๙ มาที่นี่ ตอนบ่าย ๒ โมงก็เสด็จไปทุ่งศรีเมือง จากนั้นคงเสด็จกลับละ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ เกี่ยวกับภาระของท่านอยู่ทางโน้น และตกลงกันได้ทางโน้น ทีแรกจะย่นเวลาบ่าย ๒ โมงเข้ามาเป็น ๔ โมงเช้า ตกลงทางโน้นได้แล้วเลยเอาเวลาตามเดิม เพราะงานมากนี่ บ่าย ๒ โมงตามเดิมแหละ

ที่ทุ่งศรีเมืองนั้นเป็นยังไง หากว่าฟ้าฝนตกในระยะนั้นจะไม่เสียการงานของเราหมดเหรอ เราก็ไม่ได้ถาม ยังไงก็ตามก็มอบความไว้วางใจให้ท่านผู้ว่า ฯ ให้พิจารณาดูแล มีเต็นท์มีอะไรก็แล้วแต่เถอะ เอามากางเต็มทุ่งศรีเมืองจะเป็นไร

วันนี้จะไม่พูดอะไรมากนะ เราจะไปนู้นไปวัดภูวัว อย่างน้อย ๓ เดือนที่ไม่ได้ไปนะ เพราะตั้งแต่เดือนเมษาฯ มาจนกระทั่งป่านนี้ดูเหมือนไม่ได้ไปเลย ไปกรุงเทพฯ มา ๒ เที่ยวก็ไม่เคยได้ไปวัดภูวัว แต่ส่งสิ่งของนั้นเป็นประจำเดือนไม่ได้ขาดตลอดมาแหละ เป็นแต่เพียงว่าเจ้าของไม่ได้ไป เราเองนาน ๆ ไปที ๆ ไปก็ดูความบกพร่องต่าง ๆ บกพร่องทางพระทางเณร บกพร่องทางด้านวัตถุที่อยู่ที่อาศัย ไปต้องดูหมด นี่ไม่ได้ไปหลายเดือน ตั้งแต่เมษาฯ มาจนกระทั่งป่านนี้ ไม่ได้ไปเลย

วันนี้คิดว่าจะไปภูวัว รถวิ่งจากนี้ถึงภูวัวไม่ต่ำกว่า ๒ ชั่วโมง ๔๕ นาที ส่วนมากจะอยู่อย่างนี้ ๕๐ นาที หรือ ๓ ชั่วโมง ไปส่วนมากก็แวะเอานั้นแวะเอานี้อยู่อย่างนั้นนะ สิ่งของอะไรก็อยากได้ ๆ เต็มรถแล้วยังอยากได้อยู่อย่างนั้น จนรถจะไปไม่ได้ยังอยากได้ ดีอย่างหนึ่งนะ ความอยากนี่เป็นมรรคเข้าใจไหม ความอยากเป็นกิเลส อยากได้ไม่พอ อันนั้นเป็นเรื่องของกิเลส อยากได้เพื่อกว้านเข้าหาพุงตัวเอง ๆ ได้เท่าไรไม่พอ กว้านเข้ามา พุงเล็ก ๆ เท่านี้แต่ความอยากมันครอบโลกธาตุจึงไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอ ๆ นี่เรียกว่าความอยากที่เป็นกิเลสล้วน ๆ ความอยากที่เป็นธรรมก็อย่างที่กล่าวนี้ ไปที่ไหนก็อยากได้ไปทำทานไม่ใช่อะไรนะ อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดีคว้าใส่ ๆ จนเต็มรถจนจะไปไม่ได้ อันนั้นยังดี ๆ เอาจนเต็มรถทุกทีไปทีไร

นี่ความอยากนี้เป็นมรรคเพื่อมรรคผลนิพพาน ความอยากเป็นธรรม มี ๒ อย่าง ความอยากทำบุญให้ทาน อยากได้นั้นนี้ไปทำบุญให้ทาน นี้เป็นความอยากที่เป็นทางมรรคทางผลทางสวรรค์นิพพาน ความอยากที่ทำลายคนอื่น กระทบกระเทือนคนอื่น เช่นอยากหากอบหาโกยหารีดหาไถ หาทุกแบบทุกฉบับ นี้เป็นความอยากไฟเผาโลก ความอยากของกิเลสมันไปแถวนี้แหละ เป็นไฟเผาโลกไปเรื่อย ๆ ความอยากของธรรมไปที่ไหนเป็นความเมตตาล้วน ๆ ชะล้างไปเรื่อย ๆ บกพร่องตรงไหนช่วยลงไป ๆ หนุนขึ้นมา นี่เรียกว่าความอยากเป็นมรรคเป็นผลเป็นนิพพาน เมื่อวานนี้ก็ไปกราบหลวงปู่มั่นเราที่พิพิธภัณฑ์ ไปทีไรก็เอารถใส่ของไปทุกแห่งนั่นละ ไปวัดก็ดี ไปที่อื่นก็ดี ไปช่วยตลอด

น้ำคงจะไม่มากละมั้ง คือภูวัว น้ำไหลลงมาจากข้างบน ถ้าตกหนัก ๆ มันท่วมผึงมาเลยนะแต่ไม่นาน พอหมดจากเขาลูกนั้นมันก็ลด สมมุติว่าท่วมตอนเช้าพอเที่ยงมันก็ลดของมันแล้ว ไปได้เลย รออยู่ก็ได้ ถ้าแบบน้ำลำชี ลำพองนั้น โอ๋ย ตายเลย ถ้าลงท่วมตรงไหนจมเลย ๆ มันไม่ได้ไปง่าย ๆ ที่เขาประกาศลั่นมานี้ว่าทางมหาสารคามไปทางร้อยเอ็ด พวกนี้พวกลำชี ลำพอง ผ่านไปตรงนั้น กว่ามันจะหมดนี้ข้าวในนาไม่เหลือในท้องนา เตียนโล่ง คือท่วมแล้วมันก็เปื่อย เปื่อยแล้วก็หมด น้ำไหลพัดไปเลย ยังแต่นาแหละเตียนโล่งเลย ทีนี้จะหากล้าที่ไหนมาดำอีกมันก็ไม่มี ก็ดำหมดแล้ว อุดรฯ เราว่าน้ำท่วม ๆ นี้แค่ภูเขามันผ่านแล้วก็ไป ยิ่งทางหน้าวัดป่าบ้านตาดด้วยแล้ว ท่วมตอนเช้าตอนบ่ายลดเลย มันก็ไปเอ่ออยู่โน้นทางอุดรฯ ถึงยังไงก็ไม่นาน นี่เวลาเราผ่านเข้าไปวัดภูวัว ถ้าหากว่าฝนตกน้ำท่วมคลองนี้มันก็จะไหลลง แต่คิดว่าไม่เป็นไรแหละ ตกระยะนี้ดูว่าเป็นครั้งเป็นคราว ไม่ตกตลอดไปพอให้น้ำท่วมตลอด วันนี้จะไป นานเหลือเกินไม่ได้ไป

เราเป็นห่วงพระเณร ผู้ที่อยู่เช่นนั้นละเป็นผู้จะทรงมรรคทรงผลตามหลักพุทธศาสนา ตลาดแห่งมรรคผลนิพพานเหมือนว่าอยู่ในที่เช่นนั้น ๆ คือมีผู้บำเพ็ญอยู่ที่นั่น ผลก็เกิดขึ้นที่นั่น ที่เช่นนั้นเป็นที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นเวลาบวชแล้วไล่พระเข้าในป่าในเขา…พระพุทธเจ้า พระองค์ใดก็ตามบวชมาไม่เว้นแม้แต่องค์เดียว บวชมาในวงพุทธศาสนาให้ถูกต้องตามแบบฉบับของพระพุทธเจ้าแล้ว พอบวชแล้วไล่เข้าป่าเลย รุกฺมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย บรรพชาอุปสมบทแล้วให้เธอทั้งหลายไปอยู่ตามรุกขมูล คือ ร่มไม้ ในป่าในเขา ตามถ้ำ เงื้อมผา ป่าช้า ป่ารกชัฏ ที่แจ้งลอมฟาง ซึ่งเป็นที่สงบสงัด กำจัดกิเลสตัวส้องสุมฟืนไฟอยู่ภายในใจนี้ออกไป ๆ ไม่ให้นำอารมณ์ฟืน ๆ ไฟ ๆ ภายนอกเข้ามา เพราะฉะนั้นท่านถึงไล่เข้าในป่า

นั่นละสมัยครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าไล่มาตลอดนะ ทุกวันนี้ก็ไล่ตลอด องค์ไหนบวชต้องไล่เข้าป่า แต่มันวิ่งเข้าบ้าน เดี๋ยวนี้มันวิ่งเข้าบ้านนะ หากว้านมา อะไรจะเผาหัวมันหากว้านมา หนังสือพิมพ์เป็นเรื่องเป็นราวของโลกของสงสารเรื่องฟืนเรื่องไฟเผาไหม้ทั่วโลกดินแดน พระพุทธเจ้าไล่เข้าในป่า เพื่อกำจัดเรื่องราวทั้งหลายที่เป็นฟืนเป็นไฟนี้ แล้วมันกว้านเข้ามา ห้องหนึ่ง ๆ หนังสือพิมพ์เต็มห้อง ๆ ของพระของเณร จากนั้นก็วิทยุ นี่ก็มีแต่ข่าวแบบเดียวกันหมด มันเข้ากันได้ไหมล่ะกับพระพุทธเจ้าสอน นี่ละมันเหยียบย่ำทำลายกันอย่างนี้ ดูเอาซิอุตริเหรอ

ไม่ได้อุตริ พูดตามหลักความจริงแบบฉบับมี พระพุทธเจ้าเป็นแบบฉบับไว้แล้ว ไล่พระเข้าป่าเข้าเขาหาชำระตัวเองที่มีอยู่ภายในให้ชำระออก ข้างนอกอย่านำเข้ามา เพราะฉะนั้นถึงไล่เข้าในป่า นี่ไปหากว้านข้างนอกเข้ามาเผามันเวลานี้ อย่างน้อยหนังสือพิมพ์ก็เต็มห้อง จากนั้นก็วิทยุ แล้วเทวทัตโทรทัศน์เต็มห้อง ๆ วิดีโอ แล้วโทรศัพท์มือถือ ตัวนี้สำคัญมากนะโทรศัพท์มือถือนี่ เรียกว่าจรวดดาวเทียมไม่ทันเลย นี่ตัวสังหารศาสนาสังหารพระเณรเราทุกวันนี้ นี่คือมหาภัย

เวลานี้ไปหาดูซิเต็มวัดเต็มวา เป็นเรื่องอุตริยังไง เอาแบบฉบับมาพูดกันนี้ค้านมาซิว่ะ พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนั้นนี่ ไล่ให้เข้าป่าเข้าเขาชำระกิเลสซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้อยู่ภายในใจออก อย่าไปหาข้างนอกกว้านข้างนอกเข้ามาเผา นี้มันกว้านข้างนอกเข้ามาเผาเห็นไหมล่ะ ไล่เข้าป่ามันวิ่งเข้าบ้าน ไม่ได้เป็นไปตามพระโอวาทพระพุทธเจ้า มันดื้อด้านขนาดไหน กิเลสขนาดไหนมันดื้อเห็นไหม

ถ้าพูดถึงว่ามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้าก็นี่ละ อย่างที่ว่านี่ ในป่าในเขา ในถ้ำ เงื้อมผา เป็นมหาวิทยาลัย ผลิตความรู้วิชาวิมุตติหลุดพ้นขึ้นมาจากมหาวิทยาลัยนั้น ๆ มีองค์ศาสดาทรงเป็นประธาน เป็นปรมาจารย์ชั้นเอกในมหาวิทยาลัยนั้น อันดับต่อมาก็คือพระสงฆ์สาวก ไปปฏิบัติศึกษาอบรมกับพระพุทธเจ้าในป่าในเขา แล้วสำเร็จเป็นมรรคเป็นผลเป็นนิพพานขึ้นมา แล้วก็มาประกาศศาสนา นี่ละเรียกว่าเรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยป่าพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าสำเร็จในป่านะ สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาในป่า พระสงฆ์สาวกมากต่อมากว่างั้นเลย สำเร็จในป่าในเขาทั้งนั้น ๆ เรียกมหาวิทยาลัยป่าออกมา องค์นี้สำเร็จพระโสดา องค์นั้นสำเร็จพระสกิทา องค์นั้นสำเร็จพระอนาคา องค์นั้นสำเร็จพระอรหันต์ นี่ละวิชาธรรมสำเร็จออกมาจากมหาวิทยาลัยพระพุทธเจ้านะ ออกมาสั่งสอนสัตวโลก กลายมาเป็น พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้

เดี๋ยวนี้ตั้งมหาวิทยาลัยบ้านขึ้นแข่งกันน่ะซิ ที่ไหนมีมหาวิทยาลัยสงฆ์มหาวิทยาลัยแส็งขึ้นไปเรื่อยนะ มหาวิทยาลัยเหล่านี้มีแต่ความรู้ของโลกของสงสารของกิเลสตัณหาเข้าทำลายวัดวาอาวาสศาสนา ทำลายหัวใจพระเณร เรียนวิชามีแต่เรียนวิชาทางโลกเพื่อเอาฟืนเอาไฟมาเผาตัว เรียนวิชาธรรมที่ไหน คำว่ามหาวิทยาลัยมีแต่วิชานรกอเวจีเต็มอยู่ในนั้น วิชาพระพุทธเจ้าไม่มี มีแต่อริยสัจ ๔ สติปัฏฐาน ๔ ขึ้นถึง โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ รวมแล้วนี้คือหลักวิชาใหญ่สอนโลกสอนสงสาร สำเร็จออกมาจากนี้เป็นโสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ไปเลย

อันนี้สำเร็จจากมหาวิทยาลัยบ้านก็เป็นมหาวิทยาลัยแบ้นไปเข้าใจไหม นี่มหาวิทยาลัยบ้าน สำเร็จมหาวิทยาลัยสงฆ์นั้นสงฆ์นี้เอามาโอ่อ่าฟู่ฟ่า เอากิเลสพอกหัวมา แล้วกลายจากมหาวิทยาลัยบ้านแล้วก็เป็นมหาวิทยาลัยแบ้นไปเท่านั้นซิจะเป็นอะไรไป มหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยแบ้นทั้งนั้นนี่นะ มีความสกปรกโสมมอยู่ในวิชาเหล่านั้น เป็นวิชาความรู้ที่ชำระกิเลสที่ไหน มีแต่วิชาความรู้ที่พอกพูนกิเลสขึ้นเต็มหัวนั่นละ ยังโอ่อ่านะ เรียนสำเร็จมหาวิทยาลัยนั้นมหาวิทยาลัยนี้ มหาวิทยาลัยขี้หมาอะไรเราอยากว่าอย่างนี้นะ เรียนด้วยกันเห็นด้วยกันมาโกหกกันได้เหรอ คัมภีร์เดียวกัน ที่ถูกทำไมจะไม่รู้

นี่ละศาสนาหมดไปอย่างนี้เอง เหยียบย่ำทำลายด้วยความหน้าด้านหน้ามึน ไม่สนใจกับอรรถกับธรรม หิริโอตตัปปะไม่มี ศีลตัวเดียวมีหรือเปล่าก็ไม่รู้นะในหัวโล้นของพระนั่นน่ะ ไม่ว่าหัวโล้นใครละ ถ้าไม่มีหิริโอตตัปปะแล้วก็มีแต่หัวโล้นทั้งนั้นละ ถ้ามีศีลธรรม อยู่ในป่าในบ้านเป็นธรรมทั้งหมด รวมแล้วอยู่อย่างนั้น นี่ละมหาวิทยาลัยเป็นอย่างนั้นเดี๋ยวนี้ เปลี่ยนมาเป็นอย่างนี้แล้วนะ กลับเป็นมหาวิทยาลัยบ้านให้ทันสมัย ทันสมัยอะไร มาพูดหลอกกันหาอะไร หูมี ตามี ใจมี ทุกคน แบบฉบับที่เป็นหลักเป็นเกณฑ์มีนี่เอาอะไรมาหลอกวะ หลอกกันอยู่อย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้

โอ๋ย จนสลดสังเวชนะ มันสนใจในอรรถในธรรมเพื่อแก้กิเลสที่ไหน ไม่ได้มีว่างั้นเลย เราอยากจะพูดเต็มยันว่าไม่ได้มี มีแต่วิชาส้วมถานเต็มอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ที่เอามาตั้งโอ่อ่าฟู่ฟ่าเวลานี้ คือมหาวิทยาลัยส้วมถานของกิเลสโพกหัวพระหัวเณรทั้งนั้นแหละ ไม่ได้มีมหาวิทยาลัยอรรถธรรมนะ ไม่ได้เรียนเพื่อสนใจแก้ไข มีแต่เรียนเพื่อกอบโกยความชั่วช้าลามกเข้ามาสู่ใจ คือความสกปรกเต็มอยู่ในหัวใจ

วิชาความรู้เหล่านี้เอาแต่วิชาทางโลกเขามาเรียนนะ แล้วเอาฆราวาสมาเป็นอาจารย์สอนพระ นั่นฟังซิน่ะ มาเป็นอาจารย์สอนพระ พระทีแรกก็ว่าเป็น สรณะของชาวบ้าน ต่อมาชาวบ้านเป็นสรณะของพระ เหยียบหัวพระไปก็ได้นี่นะ แต่งตัวโก้หรู หรูหราฟู่ฟ่าโอ่อ่ามาหาพระ มองดูแล้วสลดสังเวชนะเรา เราเห็นอยู่นี่น่ะไม่ใช่ไม่เห็น ไปที่ไหนเราซอกแซกไปดูหมดมหาวิทยาลัยไหน ๆ ไปดูหมด เรียนวิชาประเภทไหน ๆ ดูก็รู้ แล้ววิชาเหล่านี้เป็นวิชาอะไร ก็วิชาอย่างที่ว่า มหาวิทยาลัยแบ้นนั่นเองจะเป็นมหาวิทยาลัยอะไร โฮ้ มันสลดสังเวชนะ

แล้วก็มีผู้ใหญ่ด้วยนะพากันตั้งออกมา ตั้งมาหาอะไร ผู้ใหญ่ตั้งให้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเป็นหลักเป็นเกณฑ์เป็นแบบเป็นฉบับของผู้น้อย ตั้งแบบนี้มันเป็นแบบเป็นฉบับหรือ ตั้งเพื่อทำลายนี่นะใครก็รู้ เด็กอมมือก็ยังจะรู้ได้วะ แล้วตั้งหาอะไร มันน่าสลดสังเวช ผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งหาแบบฉบับอันดีงามมาเพื่อชักจูงผู้น้อยให้ดำเนินตาม เช่น พระพุทธเจ้าเป็นผู้ใหญ่ชั้นเอกในวงศาสนา พระสงฆ์สาวกเป็นผู้ใหญ่ชั้นเอก เป็นคติตัวอย่างตลอดมา นี่ละผู้ใหญ่ในครั้งพุทธกาล ผู้ใหญ่ทางศาสนาท่านเป็นอย่างนั้น

ผู้ใหญ่ศาสนาทุกวันนี้เป็นยังไง มีแต่ลากกันลง ๆ ดูไม่ได้นะเวลานี้ แบบฉบับก็มีอยู่เอามาตั้งทำไม วิชาทางโลกเขามีเต็มโลกเต็มสงสาร อดอยากที่ไหนวิชาทางโลกทางสงสาร โรงร่ำโรงเรียนเกลื่อนไปหมดแม้ในวัดก็ยังมีทุกวันนี้จะว่าไง แต่ก่อนก็มี เด็กที่มาศึกษาเล่าเรียนเป็นลูกศิษย์ของพระในวัดในวานี้เต็มไปหมด แต่เวลาเรียนเขาออกไปเรียนวิชาของเขา เรื่องของพระวิชาของพระไม่มีอะไรมายุ่งนะ มีแต่วิชาธรรมล้วน ๆ เลย เด็กเขาก็เรียนวิชาทางโลก เดี๋ยวนี้คละเคล้ากันไปหมด

แล้วมาตั้งอย่างเพราะ ๆ ด้วยนะ ภาคหรือแผนกสามัญศึกษา แผนกเปรตศึกษาไม่เห็นพูดวะ แผนกส้วมถานศึกษา เวลานี้กำลังศึกษาเรื่องส้วมเรื่องถานกันเพื่อจะกอบโกยมาเต็มหัวมันไม่เห็นพูดบ้าง เอาความจริงมาพูดบ้างซิ ว่าสามัญศึกษา แต่งไพเราะเพราะพริ้ง เหมือนอย่างที่ว่ารวมบัญชีนั่นแหละ แบบเดียวกันนะรวมบัญชี หลอกตาชาวไทยทั้งชาติรวมบัญชี จะกอบโกยเอาเงินในคลังหลวงออกมาให้แหลกหมดทั้งประเทศไทยของเรานี้ไม่พูด นี่ละเห็นไหมวิชากลอุบายที่จะทำลายชาติบ้านเมือง ทำลายศาสนา เป็นกลอุบายอันนี้

วิชาสามัญศึกษา วิชาที่สองเข้ามานี้ก็รวมบัญชี นั่นฟังซิน่ะ แบบเดียวกันนะวิชาเหล่านี้ หลอกโลกทั้งนั้นแหละ จะไปโกยเอาเงินในคลังหลวงออกมาให้แหลกหมด ชาติไทยของเราเป็นหมาทั้ง ๖๒ ล้านคนมันไม่ได้บอกนะบอกอย่างนี้ นี้ละหลักหัวใจของชาติไทยเราอยู่ที่คลังหลวงนะ ให้พี่น้องทั้งหลายจำไว้ทุกคน ๆ อะไรจะมารุกล้ำก็ตามถือว่าเป็นมหาโจรมหาภัยเข้ามารุกล้ำกองสมบัติใหญ่แห่งชาติไทยของเราทั้งชาติ ธรรมดาก็ต้องมีการต่อต้านกันเต็มเม็ดเต็มหน่วยละ อันนี้เป็นเรื่องของโลกเราไม่พูดไป ถ้าพูดเรื่องคติธรรมดา มันจะเว้นเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นะ

สมบัติของใครใครก็รัก อยู่ในบ้านของเรา มาซิโจรตัวไหนเก่ง มันก็ต้องฟัดกันกับเจ้าของสมบัตินั่นแหละ อันนี้เป็นสมบัติของคนไทยทั้งชาติ อะไรที่จะเข้ามาทะลึ่งพึ่งพรวดเข้ามาแบบอวดอำนาจวาสนาป่า ๆ เถื่อน ๆ เข้ามา ต้องถูกฟัดกันจนได้แหละ เพราะนี้เป็นสมบัติของคนมีเจ้าของ ชาติไทย ๖๒ ล้านคนเป็นเจ้าของด้วยกันทั้งนั้น ใครจะจืดจางว่างเปล่าจนเกินไปไม่เคยมีในประวัติศาสตร์นะ มีแต่เจ้าของทรัพย์กับโจรฟัดกัน ๆ เท่านั้น โจรปล้นบ้านไหนไม่เจ้าของบ้านตายก็โจรตาย เป็นอย่างนั้น อันนี้ก็ต้องแบบเดียวกัน ถ้าทะลึ่งพึ่งพรวดเข้ามาต่อคน ๖๒ ล้านคนซึ่งเป็นเจ้าของสมบัติในคลังหลวงกองใหญ่นี้ ก็จะเป็นอย่างนั้นแน่นอน ให้เป็นอย่างอื่นเราคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่จืดจางเลยสัตว์เดรัจฉานไปคนไทยทั้งชาติเรา ถ้าเป็นคนไทยทั้งชาติแล้วยังไงต้องฟัดกัน คำพูดนี้เป็นเรื่องหลักธรรมชาติจะต้องเป็นไปอย่างนั้น นี่ละเห็นไหมจุดใหญ่มันมีอยู่อย่างนี้

สามัญศึกษา รวมบัญชี ฟังซิ เอามาแบบหยดย้อยหลอกตาคน จะมาเป็นมหายักษ์ เป็นมหาภัย กลืนคนทั้งชาติจากสมบัติในคลังหลวงนี้ไม่ให้มีเหลือสักสตางค์ ถ้าว่างั้นก็จะเหมาะ กับกิริยาที่กำลังจะกอบจะโกยอยู่เวลานี้ เข้ากันได้นะ รวมบัญชีเอามาพูดหลอกกันหาอะไร เด็กมันก็รู้นี่ บัญชีไม่ทราบว่ามีกี่บาทกี่สตางค์ เอามาอวดเฉย ๆ โน่นจะเข้าไปโกยเอาเงินในคลังหลวงเหยียบบัญชีออกไปนี้พูดง่าย ๆ ว่างั้น เอาบัญชีนี้ออกอวดว่ารวมบัญชีเฉย ๆ รวมหัวคนทั้งชาติเหยียบลงในทะเลหลวงนี้ เหมาะดีกับกิริยาที่กำลังกระทำเวลานี้ ของใครก็ตามมันอยู่ในเมืองไทยเรานี้จะเป็นของใครไป กำลังเกิดเดือดเกิดร้อนวุ่นวาย ประชาชนทั่วประเทศเดือดร้อนเพราะสมบัติกองคลังหลวงนี้เอง ที่จะถูกมหาโจรมหาภัยเข้ามาเหยียบย่ำทำลาย

ตั้งแต่ก่อนเราก็ไม่เคยมีประวัติศาสตร์มาจากไหนเลยนะ ถ้ามีก็จะมีคราวนี้ถ้าไม่ถอนตัว ให้รู้ผิดรู้ถูก ในฐานะเป็นคนไทยและเป็นชาวพุทธด้วยกันแล้วเรื่องมันจะเกิด เรานี่ค่อนข้างแน่ใจว่าจะเกิด ถ้าทะลึ่งเข้ามาก็จะเกิดแหละ คนทั้งชาติใจจืดใจจางที่ไหน สมบัติเป็นของทุกคน ตรงนั้นซิตรงจะเอา ใครจะมีอำนาจบาตรหลวงมาจากฟากเมฆที่ไหนมาก็จะมาลงในจุดนี้ จุดนี้เป็นจุดที่รักษาของคนทั้งชาติ ๖๒ ล้านคน นั่นละมันก็จะฟัดกันจุดนี้ละ นี่เราพูดตามหลักความจริง เพราะฉะนั้นผู้ที่ฟังอรรถฟังธรรม เสียงอรรถเสียงธรรมเสียงประชาชน ควรจะฟังอย่างยิ่งนะผู้ที่ฟัง หูมีเพื่อฟัง ขอให้ฟังเหตุผลอรรถธรรมทุกอย่าง

เสียงธรรมก็ให้ฟัง เราเป็นลูกชาวพุทธ เสียงประชาชนก็ให้ฟัง เราเป็นลูกของประชาชนด้วยกัน จะไปอยู่ที่ไหนก็ลูกของประชาชน ให้ฟังเสียงประชาชน อะไรถูกต้องดีงามไม่ถูกต้องดีงามให้รีบแก้ไขดัดแปลง ไม่อย่างนั้นจะแหลกเหลว ยิ่งเป็นเมืองสัตว์ด้วยแล้วเป็นยังไง ประเทศนอกประเทศนาเขามีหูมีตาเขาคอยจดจ้องมองดู เวลานี้เมืองไทยกำลังตั้งท่าตั้งทางกำลังจะกัดกัน ฟังซิน่ะ จะกัดกันยังไง นี่ละแบบนี้ละ มันจะกัดกันอย่างนี้ ให้รีบถอยตัว อย่ากัดเราไม่ใช่หมา ให้เมืองนอกเขาหัวเราะนะ โหย พูดแล้วมันสลดสังเวชนี่นะ เรียนมาสูงขนาดไหน ๆ วิชาที่ดิบที่ดีจะนำชาติไทยของเราให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นไป มันไม่มีเหรอที่เรียนมาน่ะ มีแต่เรียนวิชาสังหารชาติไทยทั้งชาตินี้เหรอ

วิชาอันนี้มีความหมายอะไร เด็กเขาไม่ได้ไปเรียนเขาก็ไม่ได้ทำลายชาติบ้านเมือง เราไปเรียนมาเลวร้ายขนาดไหน จึงมาทำลายชาติบ้านเมืองของเราได้ลงคออย่างนี้ มันสมกันแล้วเหรอกับหลักวิชาเราซึ่งเขายกยอว่าเป็นผู้ใหญ่ มีความรู้สูงนั่นน่ะ กลับมาทำลายแบบที่ต่ำทรามที่สุดซึ่งโลกมองดูไม่ได้เลย มันสมควรแล้วเหรอกับความรู้วิชาที่เราเรียนมาและที่เขายกฐานะให้เป็นผู้ใหญ่ผู้สูงเพื่อนำชาติบ้านเมือง นำแบบลงทะเลหลวงนี้เหรอ วิชานี้อย่าเอามาใช้เป็นอันขาดในเมืองไทยของเร

คนดีมีคนเฉลียวฉลาดยังมีอยู่ในเมืองไทยเรา บรรพบุรุษท่านรักษาสมบัติเหล่านี้แน่นหนามั่นคงมาเท่าไร ให้ความร่มเย็นแก่ชาติบ้านเมืองของเรามานานเท่าไรสมบัติกองนี้น่ะ คลังหลวง ๆ นี้ ท่านให้ความร่มเย็นมาขนาดไหน นี่ท่านรักษามาอย่างนี้ เราเหตุใดจึงอวดดิบอวดดีเรียนความรู้วิชาจรวดดาวเทียมมา จะมาสังหารสมบัติกองนี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายหัวใจคนทั้งชาติ ให้ขาดสะบั้นลงไปทะเลหลวงมีอย่างเหรอว่างั้น ตั้งปัญหาถามให้ไปพิจารณาทุกคน เราเป็นเจ้าของสมบัติทุกคน ให้พากันจำเอานะ เอาเท่านั้นละวันนี้

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet

www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก