เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
ท่านมาก็ชุ่มเย็น
ก่อนจังหัน
ให้เขาไปค้นหาช้างที่วัดภูวัว ดูว่าพบจุดมันแล้ว ช้างตัวงวงเสีย เขาพยายามจับเอาช้างนั้นมารักษา เท่าไรเราเสียให้หมด ตลอดติดตามล่ามัน เราจะให้ทั้งนั้น กำลังตาม พบจุดมันแล้ว ก็มันมีฝูงนี่ ช้างตัวนี้มันอยู่ในฝูงของมัน ส่วนงวงมันเป็นแผลใช่ไหม กำลังให้เขาตาม พระเรา ๒๘ เหรอ (๒๘ ครับผม) สำหรับวัดป่าบ้านตาดเราเปิดโอกาสให้พระทำความเพียรได้ตลอดเวลา ไม่ให้มีงานการอะไรเข้าไปยุ่งเกี่ยว งานนั้นงานนี้มันงานสั่งสมกิเลส การตั้งความเพียรเราด้วยมีสติปัญญา จะท่าใดก็ตาม ยืน เดิน นั่ง นอน เรียกว่าท่าแห่งความเพียร นี้เป็นท่าแก้กิเลส สติเป็นสำคัญในการแก้กิเลส
เราเปิดโอกาสให้หมดสำหรับวัดนี้ คือเราเน้นหนักทางความเพียร อย่างอื่นๆ เป็นงานยุ่งต่างหาก ทำอยู่ในวัดก็สั่งสมกิเลสอยู่ในวัด ถ้าเป็นงานนอกจากการถอดถอนกิเลส เช่น เดินจงกรมนั่งสมาธิด้วยความมีสติ นั่นประกอบความเพียรแท้ งานอยู่ในวัดเป็นงานสั่งสมกิเลสมีเยอะนะ ไม่ใช่งานแก้กิเลส มันเป็นงานสั่งสมกิเลส วัดกรรมฐานเรานี้แหละ วัดนอกนั้นไปแล้วไม่ต้องพูด พูดวัดกรรมฐานวัดป่าบ้านตาดในความรับผิดชอบของเรานี้แหละ มันทำงานอะไรทุกวันนี้วัดป่าบ้านตาดพระเณรน่ะ หรือมีแต่การสั่งสมกิเลส หรือเกาหมัดอยู่อย่างนั้นเหรอ เกาเห็บเกาหมัดอยู่อย่างนั้นเหรอ เห็บหมัดอยู่ในหัวใจคือกิเลสเกามันตรงนั้นซิ
ใครมีสติดีคนนั้นถ้าไม่มีรากฐานก็จะตั้งได้แน่นอน ถ้าสติจับติดๆ แล้วตั้งรากฐานได้เป็นความสงบ นั่น ขึ้นเบื้องต้นเป็นความสงบ จากนั้นก็แน่นหนามั่นคงเป็นสมาธิ ทีนี้ก็ก้าวเดินด้วยปัญญา การพิจารณาทางด้านปัญญาพิสดารมากนะ ท่านนักภาวนาทั้งหลายขอให้สังเกตด้วยดีที่อธิบายให้ฟังนี้ ไปเป็นคติเครื่องเตือนใจเจ้าของ เวลาต้องการความสงบไม่ต้องยุ่งกับทางด้านปัญญาคิดอ่านไตร่ตรองต่างๆ ให้มีอารมณ์อันเดียว เช่น พุทโธ สติกับพุทโธจับติด นั่นละเรียกว่างานอันเดียว ไม่ต้องเอางานอื่นมาแทรกเวลานั้น ทำความสงบ
สติเป็นสำคัญ ให้สงบ ถ้าจิตสงบแล้วก็หมดเรื่อง เพราะจิตเป็นผู้ก่อเรื่อง พอจิตสงบจิตก็ไม่ก่อเรื่อง เรียกว่าจิตสบาย เราวางรากฐานของจิตให้เป็นสมาธิให้เป็นความสงบ เริ่มต้นที่จะถอดถอนกิเลสวางอย่างนี้ เมื่อจิตมีความสงบแล้วก็เย็นใจคนเรา อยู่ที่ไหนเย็นใจๆ สบายใจ สงบ จากสงบแน่นเข้าไปเป็นสมาธิมีความแน่นหนามั่นคง จิตก็สบาย จากนั้นเริ่มพิจารณาทางด้านปัญญา ดังอุปัชฌาย์สอนพระบวชใหม่ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ย้อนหน้าย้อนหลังให้พิจารณานี้ ถ้ายังตั้งรากตั้งฐานไม่ได้ก็ให้เอาคำนี้ละ ตจปัญจกกรรมฐาน คือกรรมฐานมีหนังเป็นที่ห้าแปลแล้วนะ ให้เอาอันนี้เป็นอารมณ์ของจิต เป็นได้ทั้งสมถะเป็นได้ทั้งวิปัสสนา เวลาจิตที่ยังไม่มีรากฐานให้เอาอันนี้เป็นอารมณ์ของจิต
ใครจะชอบพุทโธ ธัมโม สังโฆ หรือ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ บทใดก็ได้ตามแต่จริตชอบ มีสติติดแนบอยู่นั้น เป็นคำภาวนากล่อมใจให้มีความสงบ ทีนี้ใจออกทางด้านปัญญาแล้ว อารมณ์ของ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ก็เป็นอารมณ์ของวิปัสสนา คือทางด้านปัญญาไป เหมือนมีดพลิกสันเป็นสันพลิกคมเป็นคม เรื่องกรรมฐานก็เหมือนกันให้พากันพิจารณา
พระพุทธเจ้าเลิศเลอท่านเลิศเพราะอะไร ท่านเลิศเพราะความดีดความดิ้นเป็นบ้าอยู่เหมือนโลกทุกวันนี้เหรอ พระพุทธเจ้าไม่มีความหมายอะไร ยกเสกสรรปั้นยอเอาส้วมๆ ถานๆ นี้ขึ้น ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลงขึ้นแข่งพระพุทธเจ้า ผลที่ได้ก็มีแต่ไฟเต็มหัวใจเราผู้แข่งนั้นแหละ ไม่เต็มผู้ใดนะ ยิ่งผู้มาภาวนาแล้วตั้งใจให้ดี อย่ามาหาเรื่องหาราวก่อเรื่องก่อราว จิตจ่อลงไปนี้ไปหาดูแต่คนอื่น นี้เบื่อเหลือเกินนะเรา ไปดูตั้งแต่คนอื่นไม่ดูตัวเองเลย จ่อเข้าไปนี้เรื่องมันอยู่ที่หัวใจนี่ มันจะคิดเรื่องใดของบุคคลผู้ใดดีชั่วประการใด มันจะขึ้นที่จิตนี้ ถ้าสติมีอยู่แล้ว พอปรากฏขึ้นพับดับพร้อมๆ นั่นผู้มาแก้กิเลส
อันนี้จ่อลงไปคนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี คนนั้นดีน่าชมเชยคนนี้ไม่ดี มีแต่พวกบ้ามันไม่ภาวนา มันมาหาสั่งสมฟืนไฟเผากัน ยิ่งวัดป่าบ้านตาดด้วยแล้วยกให้เป็นอันดับหนึ่งคือในครัว ในครัวนี้เป็นอันดับหนึ่ง กองฟืนกองไฟอยู่นั้นหมด ยกโทษยกกรณ์กันอยู่นั้นหมด ยกตนเป็นผู้วิเศษวิโสอยู่ในนั้นหมด จำหรือยังพวกในครัวน่ะ เราอกจะแตกแล้วนะ ถ้าทนไม่ไหวแล้วไล่หนีหมดเลย มันเบื่อจริงๆ นะ ทน เฉยเหมือนหูหนวกตาบอด ฟังนั้นฟัง คิดนั้นคิดเต็มหัวใจ แต่เก็บไว้อย่างนั้น ไม่ถึงกาลออกไม่ออก ไม่ถึงกาลแนะนำหรือดุด่าว่ากล่าวไม่ว่า เฉยๆ นะ
พากันคิดอ่านไตร่ตรองซิ เรื่องคิดเรื่องคนอื่น คนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี มันเป็นนิสัยสันดานของคนเลวภายในใจนั่นแหละ มันเป็นอยู่ภายในใจก็เรียกว่าคนเลวคนพาลภายในใจ ถ้ายิ่งออกไปแสดงแล้วอาละวาดใหญ่นะ พากันดูตัวเองซิ มาภาวนาท่านให้ดูหัวใจตัวเอง ความเคลื่อนไหวของใจนั้นละเป็นอันดับหนึ่ง ให้ดูตัวนั้นก่อนจึงเรียกว่าภาวนา ถ้าไม่ออกข้างนอกดูหัวใจ หัวใจที่เป็นเจ้าเรื่องด้วยสติใจก็สงบ พอใจสงบแล้วสบาย จำเอาเพียงแค่นี้ก่อน ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องความละเอียดลออยิ่งกว่านี้ เท่านี้ก็ให้ไปปฏิบัติเถอะน่ะ ได้เท่านี้ก็สบายแล้ววันหนึ่งคืนหนึ่ง เอาละให้พร
หลังจังหัน
สรุปทองคำถึงวันที่ ๒๙ มิถุนา ทองคำที่หลอมแล้ว ๔๖๒ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๓๗ แท่ง ทองคำที่ยังไม่หลอม ๑๑ กิโล ๕๓ บาท ๕๕ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็น ๔๗๔ กิโล ๒๐ บาท ๖๕ สตางค์ ถ้ารวมกับ ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบไปแล้วเข้าด้วยกันก็เป็น ๕๑๑ กิโล ๕๓ บาท ๕๕ สตางค์ อย่างนั้นนะที่เราพร้อมหน้ากันช่วยชาติของเราที่กำลังจะจมเมื่อ ๒๕๔๐ ได้ฟื้นขึ้นมามากมาย ฟื้นขึ้นเห็นได้ชัดเจนมาก
ทองคำที่เราได้จากการช่วยชาติคราวนี้เป็น ๑๑,๕๑๑ กิโล เป็นของเล่นเมื่อไร ถ้าเราไม่ฟื้นเราไม่หาไม่ได้ ทองคำเหล่านี้ไม่มี นี่ขึ้นมาตั้ง ๑๑,๕๑๑ กิโล ไม่ใช่ของเล่นนะ ส่วนดอลลาร์ได้เข้า ๑๐,๒๑๔,๖๐๐ ดอลลาร์ที่เข้า ส่วนเงินไทยนี้ไม่ได้เข้าแหละ เราเอาซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงสองพันล้านบาทเท่านั้นแหละ นอกจากนั้นกระจายทั่วประเทศเลย ท่านทั้งหลายเห็นไหมนี่ละธรรมนำโลกนำอย่างนี้ นำด้วยความบริสุทธิ์ทุกสิ่งทุกอย่าง
หลวงตาบัวเป็นผู้อาราธนาธรรมมาเป็นจิตเป็นใจ เป็นความเคลื่อนไหวทุกอย่างเพื่อนำพี่น้องทั้งหลายที่เป็นชาติไทยของเราทั้งประเทศ ให้ฟื้นฟูขึ้นจากความล่มจม ผลก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างนี้เห็นไหมล่ะ ทองคำก็ตั้ง ๑๑,๕๑๑ กิโลของเล่นเมื่อไร ดอลลาร์ก็ตั้ง ๑๐,๒๑๔,๖๐๐ ดอลลาร์ที่เข้า ไม่เคลื่อนไหว เป็นแรงงานหรือเป็นหัวใจอันสำคัญ หรือเป็นรากแก้ว หรือเป็นแก่นอยู่ในชาติไทยของเรา ลมหายใจเข้านั้นหมดเลย ต่อจากนั้นก็ออกช่วยโลก เงินที่ได้มานี้เราไม่เคยแตะแม้บาทหนึ่งเลย ฟังซิ นี่ละธรรมนำโลกนำอย่างนี้ ท่านทั้งหลายจำเอานะ ถ้าโลกนำโลกจม จมไปเรื่อยๆ เอาพุงใหญ่พุงหลวงเข้ามายิ่งจมใหญ่เลย
ใครเป็นคนมั่งมีศรีสุขพอเพื่อนมนุษย์ด้วยกันจะอาศัยได้ ยกขึ้นมาเป็นผู้นำ นำก็เลยนำเข้าไปสะแตกหมด เหมือนปล่อยหมาเข้าถาน ใครเป็นผู้นำนำแบบนี้ละ เราจึงได้พูดแล้วพูดเล่า ดวงชะตาของเมืองไทยเรามันเป็นยังไง เอาใครมาเป็นผู้นำ เป็นผู้ใหญ่มาเป็นผู้นำเป็นยักษ์เป็นผีใหญ่กินบ้านกินเมืองตลอด เวลานี้ยังไม่ปรากฏว่าได้ผู้นำที่ดีมาเป็นที่ระลึกของพี่น้องชาวไทยเรา ถ้าไม่พูดเสียเลยก็ไม่ได้นะ ก็มีท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ ท่านเป็นธรรมอยู่แล้วเต็มตัวของท่าน ท่านไม่ได้สมัครจะเป็นนะ อยู่ๆ ก็ไปขอยกอาราธนาท่านขึ้นมาเป็นผู้นำ ชั่วระยะนี้ชุ่มเย็น พูดชัดๆ อย่างนี้ละ จากนั้นท่านก็ลาออกแล้วก็แหลกเหลวมาเรื่อยๆ อย่างนี้ เห็นไหมท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ เด่นทางเรื่องอรรถเรื่องธรรม บรรดาประชาชนผู้มีศีลมีธรรมด้วยกันยกให้ท่านเป็นเบอร์หนึ่งได้เลย ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์
นี่ละธรรมไปอยู่ที่ไหนเย็นๆ อย่างนี้แหละ ตายใจได้ เอาท่านมาเป็นนายกชั่วคราวเพราะจำเป็น ท่านไม่อยากมา แต่เอาท่านมาก็ชุ่มเย็นในระยะนั้น พอจากนั้นไปเหลวแหลกแหวกแนวมาเรื่อยๆ อย่างนี้เห็นไหมล่ะ กิเลสเข้าตรงไหนแหลกตรงนั้น ถ้าธรรมเข้าตรงไหนชุ่มเย็นๆ
นี่เราก็นำพี่น้องทั้งหลาย เราไม่เคยคิดเคยอ่านว่า เราบวชมาแล้วจะได้มาเกี่ยวข้องกับชาติบ้านเมืองอย่างนี้ บวชปั๊บเข้าเรียนหนังสือ ออกจากนั้นก็เข้าป่าเข้าเขาเลย ฟัดกับกิเลสอยู่ในป่าในเขาๆ เป็นเวลา ๙ ปีจึงลงเวที พูดให้มันชัดเจน กิเลสหนาแน่นหรือไม่หนาแน่น เก่งหรือไม่เก่ง กองทัพธรรมเราก็ฟัดกันถึง ๙ ปีกิเลสถึงได้พังจากหัวใจ พอพังจากหัวใจก็จ้า จากนั้นก็เอากองทัพธรรมนั้นละมาช่วยโลกอยู่เวลานี้
อย่างช่วยพี่น้องทั้งหลายนี้ บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ เห็นไหม นี่ละธรรมนำโลก ตายใจได้ไหมล่ะ เราไม่มีอะไรที่จะไปแตะไปต้องไปหยิบไปฉวยเอามาพอให้เป็นเครื่องไม่สบายใจ ไม่มี มีแต่ความอบอุ่นเต็มหัวใจเราว่าได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายด้วยความเมตตาเต็มสัดเต็มส่วน นี่ละธรรมนำโลกเป็นอย่างนี้ ได้มาเท่าไรออก อย่างเงินวัดป่าบ้านตาดไม่มี บอกชัดๆ ว่าไม่มี เพราะเราไม่เก็บ ออกหมดเลย ไม่ว่าทางไหนๆ ทั่วประเทศไทย ไม่ว่าใกล้ว่าไกล ขึ้นชื่อว่าประเทศไทยเป็นขอบเขตเลย
ทางไหนจำเป็นมากน้อยใกล้ไกลขอมาๆ ด้วยเหตุผลจำเป็นที่ควรจะสงเคราะห์มากน้อยให้ทันทีๆ เหตุผลเป็นสำคัญ เพราะพร้อมที่จะให้อยู่แล้วเงินเหล่านี้ แต่ที่จะให้ต้องมีเหตุผล เหตุผลสมควรที่จะได้รับมากน้อยเพียงไร พิจารณาเรียบร้อยแล้วให้ตามนั้นๆ เราให้มาอย่างนี้ เงินในวัดนี้จึงไม่มี สำหรับวัดป่าบ้านตาดบอกว่าไม่มีเงิน มีเท่าไรออกช่วยโลกทั้งหมด จึงเรียกว่านำโลกนำพี่น้องชาวไทย เอ้า จะนำ นั่นเห็นไหม ปี ๒๕๔๐ กำลังจะจมกันทั้งประเทศ เราก็ได้ประกาศขึ้นทั้งๆ ที่เราไม่เคยคิดเคยอ่าน แต่ได้ประกาศออกมาว่า เอ้า จะนำ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะจมจริงๆ ก็เห็นแต่ธรรมเท่านั้นจะพาฉุดลากขึ้นได้ เราก็พาพี่น้องทั้งหลายทำด้วยความสุจริตยุติธรรมภายในใจของเรา
บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ ทุกสิ่งทุกอย่างได้มาเข้าคลังหลวง เช่นอย่างทองคำได้เท่าไรเข้าคลังหลวงหมด ดอลลาร์สักเท่าไรก็เข้าคลังหลวง จากนั้นก็แบ่งออกมาช่วยเงินไทยออกช่วยโลกเหมือนกันไม่ไปไหน ออกช่วยพี่น้องทั้งหมดที่บริจาคมาเหล่านี้ เราไม่เอาไปไหน เราให้ทั้งนั้นแหละ เราไม่เอาเราพอแล้ว นี่ละธรรมพอเป็นอย่างนั้น ธรรมพอไม่หาธรรม พูดจริงๆ เวลานี้เราไม่หาธรรม ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเราหาธรรมแทบเป็นแทบตายจนจะสลบไสลอยู่ในป่าในเขา เพราะหาธรรมทั้งนั้น ฟาดเสียเต็มหัวใจ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วไม่หา
ทุกวันนี้เราพูดจริงๆ เอา ใครจะว่าหลวงตาบัวเป็นบ้า เอ้าว่ามา ไม่มีใครพูดในประเทศไทยเราว่าเราพอแล้วธรรมในหัวใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วเราพอแล้ว เราไม่ต้องการอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มานี้เราเสียสละเพื่อพี่น้องชาวไทยเราทั้งประเทศหมดเลยเราไม่เอา นี่จึงเรียกว่าพอเข้าใจไหม ถ้ายังหยิบนั้นหยิบนี้อยู่ไม่พอ นี่เราพอ ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาเราออกช่วยทั้งนั้น ไม่ว่าที่ไหนทางใกล้ทางไกลออกตลอด ไปที่ไหนเป็นอย่างนั้น แม้ที่สุดไปตามถนนเห็นเขามาขายของ จอดรถลงไปซื้อของเขา ซื้อพอเป็นพิธีเอาแค่นี้ เอาเงินให้เขาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันแหละ ถ้าลงได้จอดรถแล้วคนหนึ่งๆ ต้องให้หนึ่งพันๆ ไปเลย นี่ความเมตตาเห็นไหม ก็มันกระจายไปทั่วประเทศไทย ถ้าเป็นไฟเขียวไฟแดงดูพวกขายดอกไม้ ถึงไฟแดงไฟเขียวเปิดแล้วก็ตาม โบกมือให้เขา ไปจอดรถคอยเขาอยู่นั้น เอาเงินให้เขา ไม่ให้มากแหละเพราะหลายเจ้าหลายคน ให้คนละสามร้อยๆ พวกดอกไม้ เป็นอย่างนั้นละ
ใครจะว่าหลวงตาบัวเป็นบ้า เราไม่ได้เป็น เฉพาะอย่างยิ่งพวกขายดอกไม้รถหลวงตาบัวผ่านไปเขารู้หมด รถหลวงตาบัวไปไหนเขารู้ทั้งนั้น มันหากมีแปลกๆ อยู่ไอ้เรื่องจ่ายออกไปด้วยความเมตตานี่ ไม่มากก็น้อยมีเป็นสายไปเลย เป็นอย่างนั้นละ ก็มันเป็นอยู่ในหัวใจครอบโลกธาตุ ท่านทั้งหลายฟัง ธรรมเมื่อได้เต็มหัวใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วความเมตตานี่ครอบโลกธาตุ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ ไปไหนมีแต่ความเมตตาสงสารๆ หมดนั่นแหละ อำนาจแห่งธรรมเป็นอย่างนั้น เข้ามาปรากฏที่หัวใจ เต็มหัวใจมีแต่ความเมตตา ไม่ถือสีถือสากับใคร เขาจะฆ่าก็ตายไปเฉยๆ ที่จะมีผูกอาฆาตมาดร้ายต่อเขาแม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่มี เรียกว่าธรรมแท้ ถ้ากิเลสมีอาฆาตมาดร้ายกัน ก่อกรรมก่อเวรกัน นั่นคือกิเลส สำหรับธรรม แม้เขาฆ่าตายตายก็ตายไปเฉยๆ ตายด้วยความมีธรรมเต็มตัวๆ ไม่มีอะไรกับใคร
เพราะฉะนั้นอย่างลูกศิษย์ลูกหาเขามาอารักขาเราบ้าง เต็มอยู่ข้างนอก มารักษาทำไม เราไม่มีกรรมมีเวรกับใคร ใครจะฆ่าก็ฆ่าซิ เขาไม่ฆ่ามันก็จะตายอยู่แล้ว บอกอย่างนั้นแหละ เฉพาะอย่างยิ่งพวก ตชด.เต็มอยู่หน้าวัดทั้งวันทั้งคืน เขารักษาตลอดเวลา บอกเขาก็ไม่ฟัง เขาว่านายเขาสั่ง นายเขามีอำนาจยิ่งกว่าเรา เขาก็ปฏิบัติตามนายเขา เราก็เลยเฉย ปล่อยอย่างนั้นละพวก ตชด.ก็อยู่ด้วยกันอย่างนี้จะว่าไง
มาอยู่ด้วยกันในวัดนี้ต้องเป็นเหมือนอันเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน มีอะไรกินด้วยกันใช้ด้วยกันหมด เราไม่มีคำว่าตระหนี่ถี่เหนียว เราบอกตรงๆ แม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่มี มีแต่ความเมตตาสงสารล้วนๆ มีแต่จะให้ๆ โดยถ่ายเดียวเท่านั้น ให้ท่านทั้งหลายจำเอา นี่ละธรรมเป็นอย่างนั้น ถ้าลงได้เต็มหัวใจแล้วจ้าไปหมดตั้งแต่ความเมตตาทั้งนั้น ความที่จะเอาๆ ไม่มี มีแต่ความเมตตา
อย่างที่ช่วยพี่น้องทั้งหลาย สมบัติเงินทองข้าวของเราก็ไหลเข้าๆ คลังหลวงไม่ใช่น้อย จากนั้นก็อรรถธรรมที่ประกาศ เวลานี้ตั้งร้อยกว่าสถานีวิทยุ นี่ละธรรมเข้าสู่ใจยิ่งสำคัญมาก ถ้าธรรมเข้าสู่ใจมันเห็นโทษเห็นคุณภายในใจ แล้วคลี่คลายตัวเอง แก้ไขดัดแปลงตัวเอง ดีขึ้นซิในหัวใจ แล้วโลกก็ชุ่มเย็นไปหมด ไปที่ไหนเป็นเพื่อนเป็นเพื่อนตายด้วยกันหมด ถ้าคนมีธรรมแล้วตายใจกันได้ ถ้าไม่มีธรรมแล้วเป็นเสี้ยนเป็นหนามอยู่ในนั้นละ คอยที่จะขวางคอ ถ้ามีธรรมในใจแล้วไม่ต้องถามหา เป็นญาติเป็นมิตร อยู่บ้านใดเมืองใดไม่ต้องถาม ธรรมนั่นละเป็นญาติฝากเป็นฝากตาย ตายใจกันได้ เช่นอย่างพระที่มาอยู่ในนี้มีกี่ประเทศนี่ ยกเพียงวัดป่าบ้านตาดเป็นเอกเทศเท่านั้น นี่คือธรรมร้อยกรองให้เรียบร้อย เป็นอันเดียวกัน ใครมาเป็นหัวใจอันเดียวกัน สนิทกันเป็นอวัยวะอันเดียวกันหมดในวัดนี้ ผิดถูกชั่วดีจะคอยฟังหัวหน้า หัวหน้าก็ต้องเป็นธรรม
การแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าวต้องให้เป็นธรรมทั้งนั้น ผิดไม่ได้ เฉพาะอย่างยิ่งเราเป็นหัวหน้า ถึงจะแผดขนาดไหนก็แผดเพื่อถาก อะไรมันคดงอมากถากแรงๆ ให้มันดีเข้าใจไหม นี่เราแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าวหนักเบาก็เหมือนเขาถากไม้นั่นละ คือถากคนให้ดี ท่านทั้งหลายจำเอานะ เวลานี้เราก็แก่มากแล้ว แก่มากทีเดียว กิริยาอาการก็เป็นอย่างนี้ละ ไปไหนโซซัดโซเซ ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว ตื่นขึ้นมาจะลุกไม่ขึ้นก็มีบทเวลามันจะเป็น
นี่พูดถึงเรื่องร่างกาย เรือนร่างของใจ แต่ใจไม่มีวัย พูดให้มันชัดเจน จ้าตลอดเวลา ยืนเดินนั่งนอนจ้าอยู่ในหัวใจตลอดเวลา พูดให้มันชัดเจนตามผลที่เราอุตส่าห์พยายามเสาะแสวงหามาได้จนถึงขั้นพอ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ ไม่เอาอะไรทั้งนั้นในโลกอันนี้ มีแต่ความเมตตาจำหน่ายจ่ายแจกออกไป ที่จะไปกว้านเอามาไม่มีในหัวใจเรา เราพูดให้ชัดเจน นี่ละการปฏิบัติธรรมเป็นได้
พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์ครึองค์ล้าสมัยหรือ องค์ทันสมัย ล้ำยุคล้ำสมัยมีแต่กิเลสนั่นเหรอ มันก็มีแต่จะได้จะเอาจะถูจะไถจะคดจะโกง รีดทุกแบบทุกฉบับ นี้คือกิเลสกินไม่พอ นตฺถิ ตณฺหาสมา นที ไม่มีแม่น้ำใดที่จะมากยิ่งกว่าแม่น้ำคือกิเลสตัณหา กิเลสตัณหาไม่มีฝั่ง แม่น้ำมหาสมุทรทะเลหลวงมีฝั่งนะ ฝั่งมหาสมุทรมี แต่ฝั่งแห่งแม่น้ำคือตัณหาไม่มี มีเท่าไรหมดๆ เหมือนไฟได้เชื้อ ไสเข้าไปที่จะให้ไฟดับด้วยเชื้อไม่มี ไสเข้าไปเท่าไรเปลวขึ้นจรดเมฆๆ นี่ละกิเลสตัณหาได้เท่าไรไม่พอ
คนจะตายเพราะความได้ไม่พอนะ เพราะกิเลสตัณหา เรื่องมีมีด้วยกันทุกคน เกิดมากับสมบัติเงินทองข้าวของ แต่มันไม่พอในหัวใจ เป็นเศรษฐีก็ไม่พอ ถ้าลงกิเลสอยู่ในหัวใจใดแล้ว ไม่มีหัวใจใดจะเป็นสุข มีแต่ทุกข์ด้วยกัน เห็นเขามั่งมีศรีสุข เงินทองข้าวของกองเท่าภูเขาจะว่าเขาเป็นสุข ไม่สุข นั่นละกองทุกข์ใหญ่อยู่ตรงนั้น ถ้ามีธรรมในใจมีมากมีน้อยสุข จำเอานะคำนี้ มีมากมีน้อยสุข ถ้าธรรมมีเต็มหัวใจแล้วสุขล้นไม่มีอะไรเสมอ
ความสรรเสริญว่าดีขนาดไหนยกเข้ามาตกหมด ความนินทาตกหมด คือไม่ได้เลิศเลอยิ่งกว่าธรรมภายในใจที่เลิศอยู่ในใจแล้ว อะไรเข้ามาๆ ตกหมดๆ เพราะสู้ธรรมชาตินั้นไม่ได้ เข้าใจไหมล่ะ เอาละพอ เหนื่อย ซ้ำอีกทีหนึ่ง ให้พากันสนใจในอรรถในธรรมนะ อย่าเป็นบ้ากับกิเลสตัณหา มันจะจมกันหมดนั่นละ มันจมมาตั้งกัปตั้งกัลป์แล้วมันจะพาจมตลอด เพราะกิเลสตัณหาไม่พาใครฟื้นฟูนะ ให้มีความสุขเพราะกิเลสตัณหาไม่มี นอกจากธรรม เพราะฉะนั้นจึงให้เสาะแสวงหาธรรม อย่าลืมอรรถลืมธรรม
ไปไหนมาไหนพุทโธ ธัมโม หรือสังโฆ ให้ติดอยู่กับหัวใจ ความระลึกผิดถูกชั่วดี ใจเป็นนักรู้ให้ดูหัวใจตัวเอง มันผิดถูกชั่วดีตรงไหนแก้กันตรงนั้น อย่าไปแก้ที่อื่น แก้คนนั้นไม่ดีแก้คนนี้ไม่ดี ให้เขาดีไม่ได้ถ้าเจ้าของไม่ดี ถ้าเจ้าของดีแล้วแก้ไม่แก้ก็ดีอยู่ในใจ จำเอานะ นี่เทศน์ซ้ำๆ ซากๆ เขาจะว่าหลวงตาบัวเป็นบ้าเทศน์ซ้ำซาก ให้พร
พอเห็นหมา นั่นต้นกะจั๋งมันเป็นพุ่มอยู่นั่น โอ๊ย ต่อมันทำรังเท่านี้ไม่เห็นนะ ต่ำๆ พอดีหัวหมานั่นละ สูงขนาดหัวหมา มันทำรังอยู่นั้น พระก็ไม่เห็น ล้างบาตรก็สาดไปตรงนั้น รังต่ออยู่นี้ พอสาดน้ำไปมันก็มีข้าวเศษตกไป หมาหาเก็บกินๆ เป็นประจำ ไม่รู้ว่ามีรังต่ออยู่นั้น วันนั้นเผอิญพระท่านสาดเข้าไปนั้น หมาก็เข้าไปกิน พระท่านสาดข้าวเศษบาตรเข้าไปนั้นข้างๆ หมาเข้าไปกิน กินแล้วไปกัดกัน กัดกันใส่กับรังต่อ โอ๋ย ต่อฟัดเอานี้ไม่ทราบว่าตัวไหนแพ้ตัวไหนชนะ ฟังเสียงร้องลั่นวัด จนกระทั่งสี่โมงห้าโมงยังร้องแหง็กๆ อยู่ คือพิษมันแสดงมันยังไม่หมด มันร้องแหง็กๆ อยู่ตามป่า เห็นไหมล่ะต่อเป็นกรรมการตัดสินให้ ไม่มีใครแพ้ใครชนะ ร้องแหง็กๆ เหมือนกันหมด เอาละไปละ
เหนื่อย วันนี้ผิดปรกตินะตั้งแต่ตื่นนอน มันหากเป็นของมันเอง คนแก่เป็นอย่างนั้นละ อะไรๆ ฉันไม่ได้ มองดูขัดๆ ฝืนฉันเอานิดหน่อย มันเป็นของมันเอง
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |