ผีใหญ่มาหา
วันที่ 23 มิถุนายน 2550 เวลา 7:40 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐

ผีใหญ่มาหา

         วัดถ้ำสาริกานี้แต่ก่อนเราเคยขึ้น เดี๋ยวนี้ขึ้นไม่ได้แล้ว วัดถ้ำสาริกาแต่ก่อนขึ้นบนหลังเลย ขึ้นเที่ยวต่อจากนั้นมาขึ้นไม่ได้ ไปที่เขาสร้างมณฑปหรืออะไร ต่อจากนั้นก็จะไปไม่ได้ละ เมื่อไปไม่ได้แล้วตกลงก็เลยไม่ไป เราอยู่หนองผือท่านเคยเล่าเรื่องจิตของท่านสว่างไสว ปรากฏผีใหญ่มาหา เราเขียนประวัติท่านได้เห็นหรือเปล่า เขียนในประวัติของท่านน่ะ ผีใหญ่มาจะมาทำลายท่าน แบกตะบองใหญ่มา ท่านอยู่ถ้ำสาริกา ทีนี้มันมาเข้ากันกับของเราตอนเราอยู่หนองผือ ผิดกันตั้งแต่ไม่มีผีแบกตะบองมาจะตีเท่านั้นเอง เรื่องความสว่างไสวนี้ โอ้โห เกิดมาก็ไม่เคยเห็น อยู่หนองผือ

จิตเวลามันจะเป็น เราก็พิจารณาอยู่แล้วละ ธรรมก็อยู่ที่จิต จิตก็อยู่ที่รู้ มันก็รู้กันอยู่นี้แต่ไม่รู้สิ่งที่แปลกประหลาดอัศจรรย์ อยู่หนองผือวันนั้นรู้เสียแล้วนะ ไม่คาดไม่ฝันเลย ถึงกับต้องไปกราบเรียนพ่อแม่ครูจารย์ในค่ำวันหลัง กลางคืนเป็นแล้ว วันหลังตื่นเช้ามาตอนค่ำก็ขึ้นหาท่านเลย นั่นละถ้ามันเหมือนกันถึงกันแล้วมันสนุกด้วยกัน ท่านก็รู้สึกว่าเป็นความตื่นเต้นมากกับเรื่องความรู้ของเราที่แสดงออกไปเล่าถวายท่านฟัง โห ท่านรู้สึกตื่นเต้นเมตตามากอยู่นะ

แปลกตรงที่ว่าของท่านมีผีแบกตะบองเหล็กมาจะมาตีท่าน แต่เราไม่มี มีแต่มันว่างหมดเลย ของท่านว่างแล้วยังมีผีมา เราก็ยังเขียนไว้ในประวัติของท่านไม่ใช่เหรอ ผีใหญ่ตัวนี้น่ะ อำนาจครอบหมดนครราชสีมา นครนายก ปราจีนบุรี อำนาจของผีเป็นใหญ่ทั้งหมด ครอบหมดเลย เวลาเขาลงท่าน เขามอบตัวถวายเป็นลูกศิษย์ของท่านเรียบร้อยแล้วเขาก็เล่าให้ฟังเรื่องอำนาจของเขา นครราชสีมา นครนายก ปราจีน ดูเหมือนสระบุรีหรือที่ไหนด้วย อำนาจของผีตัวนี้ละ นั่นเห็นไหมล่ะ ก็ไม่มีใครรู้ใครเห็น ครั้นเวลาจะรู้จะเห็นระหว่างผีกับพ่อแม่ครูจารย์มั่นรู้เห็นกัน มาถวายตัวเป็นลูกศิษย์แล้วก็บอกว่า เขาเป็นใหญ่ทั้งหมดในแถวนี้ ชี้อะไรเป็นอันนั้นเขาว่างั้น อำนาจของเขามากทีเดียว

พอเขามาถวายตัวเป็นลูกศิษย์ท่านแล้วเขาก็เล่าให้ฟังทุกอย่าง นี่ละที่ท่านสว่างจ้าขึ้นมาครอบไปหมดเลย แล้วก็มีผีใหญ่แบกตะบองเหล็กมาจะมาตีท่าน เอา ตะบองเหล็กถ้าเก่งกว่าธรรมแล้ว เอ้าตีเลย ท่านว่างั้น ถ้าไม่เก่งกว่าธรรมอย่าตีนะจมนะ ลงนรกทั้งปัจจุบันทั้งอนาคตนะ จะจมตั้งแต่บัดนี้ต่อไป ว่าให้ผีนะ ธรรมท่านแสดงออกรับกัน ไม่ใช่ท่านออกธรรมดาเรา คือความรู้ภายในกับความรู้ของผีมันต้อนรับกัน ผีแบกตะบองมา ตะบองเหล็ก โอ๊ย ยาว แบกมาจะมาตีท่าน

ท่านไล่เบี้ยนะ ตะบองเหล็กนี้มีคุณค่าเท่าไร มีราคาเท่าไร แล้ววิเศษวิโสอะไรบ้าง แล้วธรรมล่ะ นั่นท่านยกธรรมขึ้น ถ้าเก่งกว่าธรรม เอ้า ตีเลย ถ้าไม่เก่งกว่าธรรมอย่าตี จะจมลงนรกในเดี๋ยวนี้ ท่านว่างั้น ซัดกันข้าศึก ระหว่างธรรมกับกิเลสซัดกัน ท่านเล่าให้ฟัง โอ๊ย ชัดเจนมาก เวลามันจนตรอกจนมุมจริงๆ คนเราไม่ได้โง่ตลอดไปนะ เราเคยมาพูดเสมอ เวลามันจนตรอกจนมุมมันจะหาทางออก สติปัญญาจะมาเองรวดเร็วทันใจแก้เหตุการณ์ได้ทัน อย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นเหมือนกัน ถึงกาลเวลาเข้าหัวเลี้ยวหัวต่อสละชีวิตซัดกันเลยแล้วจิตลงผึงเลย นั่นเห็นไหม สว่างจ้าครอบโลกธาตุ

นั่นละเวลาจนตรอกจนมุมมันหาทางออกจนได้ จากนั้นก็ผีใหญ่เข้ามา แบกตะบองเหล็กมาจะมาตีท่าน ตะบองเหล็กนี้มีคุณค่าเท่าไร มีราคาเท่าไร เลิศยิ่งกว่าธรรมไหม ถ้าไม่เลิศกว่าธรรมอย่ามาตี ไม่งั้นจะไม่พ้นนรก สุดท้ายผีหมอบสู้ธรรมไม่ได้ เวลาท่านเล่าให้ฟัง โอ๊ย เรารู้สึกว่าตื่นเต้น ก็ท่านเล่าเองรู้เองเห็นเองมาเล่าให้ฟังเองในโอกาสอันควร ท่านไม่ได้เล่าอยู่เรื่อยนะ เวลาไปสัมผัสออกมาปั๊บท่านก็เล่า ท่านเล่าเอง

เหตุที่จะเป็นนี้ก็คือว่าท่านเป็นโรคอะไรท้องของท่านน่ะ แล้วยานี้เป็นยาสมุนไพรหาได้ทั่วไป ตามเหล่านี้ก็หาได้ยาสมุนไพร เวลาท่านไปพักอยู่ที่นั่นพวกยาสมุนไพรก็มีแถวนั้น โรคกำเริบก็เอายาเหล่านั้นมา พาโยมไปหามา ก็ยาชนิดเก่านั่นแหละ บทเวลาจะเป็นมันไม่ได้เป็นหยูกเป็นยาอะไรเลย มีแต่ถ่ายเรื่อยๆ แต่ก่อนพอฉันยานี้ลงไปมันจะระงับ ท่านว่างั้น จากนั้นก็ตัดสินใจเอากันใหญ่ละ นั่นเห็นไหมบทเวลาจนตรอกจนมุม ที่ท่านนั่งเป็นวงนะ

เราไปเราขึ้นไปดูจริงๆ คือที่ท่านนั่งมันเป็นวงกลมหลุมอย่างนี้ วงกลมหลุมใหญ่ดูเหมือนประมาณสักเมตรกว่าละมัง เป็นหลุมลงไปนู่น ท่านนั่งอยู่ปากหลุม ถ้ามันเผลอให้มันตกนี้ละ ฝังกันที่นี่ท่านว่างั้น เวลามันถ่ายเต็มที่แล้วปล่อย เอ้าจะไหล ไหลออกเลย เรื่องจิตกับธรรมไม่มีการปล่อยกัน ตายอยู่กับธรรม ซัดกันเลย เวลาจนตรอกจนมุมจิตมันพิจารณาพอรอบเท่านั้นผึงเลยท่านว่า พอผึงเท่านั้นหลุมหลิมอะไรไม่มี เป็นอากาศธาตุว่างไปหมดเลย นั่นละที่เห็นผีมาหาท่าน แบกตะบองมา  พอว่างมันไม่ว่าง มีผีใหญ่ตัวหนึ่งมาจะมาต่อยกับท่านสู้กับท่าน

ท่านก็ยกขึ้นมา ตะบองเหล็กนี้กับตัวเราเองอะไรเลิศกว่าธรรม ถ้าเลิศกว่าธรรม เอ้าให้ตีเลยนะ ท่านบอกให้ตีเราเลย ตีเราก็เท่ากับตีธรรม ตีเลย ถ้าไม่เลิศอย่าตี จะจมลงนรกเร็วๆ นี้นะ ซัดกันไปซัดกันมาผีหมอบ ผีใหญ่ตัวนั้นหมอบ หมอบแล้วก็ถวายตัวเป็นลูกศิษย์ เขาก็เล่าเรื่องอำนาจของเขา เพราะฉะนั้นเรื่องลึกลับมันจึงมีในบุคคล มีอยู่ทั่วไป อำนาจอย่างนี้แหละ เราไม่เห็นมันเป็นอยู่ลึกๆ ลับๆ ทีนี้พอผีตนนั้นมอบกายถวายตนต่อท่านแล้วก็เล่าอำนาจของตัวเองของผีนั้นให้ท่านฟัง

ในจังหวัดนครนายก นครราชสีมา ปราจีนบุรี ภูเขาเหล่านี้อำนาจของแกครอบไว้หมด แกชี้แร้งเป็นแร้ง ชี้กาเป็นกา กับบรรดาผีทั้งหลายที่เป็นบริษัทบริวารท่าน ท่านชี้ยังไงเป็นอย่างนั้น ว่างั้นแหละผีตัวนี้นะ เวลาลงใจแล้วก็มาเล่าให้ท่านฟัง ท่านอยู่ไปเถอะ เรื่องผีอะไรเหล่านี้ไม่ใหญ่กว่าผม ผมใหญ่กว่าผีเหล่านี้ ให้ท่านอยู่สบาย ผีเหล่านี้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อหมดแล้ว ท่านก็อยู่สบายๆ จิตท่านลงสว่างจ้า นั่นละที่ว่าเห็นผีตัวนั้นมา ที่มาเล่านี้มันมาเกี่ยวกัน ท่านร้องโก้กขึ้นเลยนะ ก็มันไม่เคยเป็นมันเป็นขึ้นมาจะให้ว่าไง

ไม่ได้วัดรอย อยู่หนองผือน่ะ แต่มันไม่เห็นผีเท่านั้น ผิดกันตรงนี้ ผิดกันอันเดียว ที่ผีแบกตะบองเหล็กมาไม่เห็นของเรา พอพิจารณา เวลามันจะเป็นมันไม่ยากนะเกาะติดๆๆ จับปุ๊บๆ พังลงๆ แล้วพังหมดเลยที่นี่ จ้าเลยครอบโลกธาตุในวัดหนองผือ โอ้โห จิตเราทำไมถึงอัศจรรย์ถึงขนาดนี้ นั่นละเป็นครั้งแรกในชีวิตที่จิตได้รับความอัศจรรย์ในคืนวันนั้น ครอบหมดเลยนะสว่างจ้า แต่ไม่เห็นผี พอวันหลังมาก็มาเล่าถวายท่าน โห รู้สึกท่านตื่นเต้นมาก ไม่มีอะไรผิดกันเลยกับเราเป็นท่านว่า ผิดกันตั้งแต่ผีใหญ่เท่านั้น ท่านมหาไม่มีผี ผมมีผี

เวลามันเป็นมันอาจหาญนะ ก็มันประจักษ์อยู่ในหัวใจจะไม่อาจหาญได้ยังไง ขอให้มันเป็นขึ้นเถอะน่ะ ดังพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของโลก ให้ใครมาเป็นสักขีพยานที่ไหนไม่มี ความรู้ความเห็นที่เป็นธรรมอันเลิศเลอนี้ประกาศลั่นขึ้นมาในหัวใจ สอนได้หมด เทวดา อินทร์ พรหม สามแดนโลกธาตุอยู่ในพระโอวาท ในอำนาจของธรรมแห่งศาสดาทั้งหมดเลย เป็นอย่างนั้นละ ธรรมอยู่กับใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วมีฤทธิ์มาก

เราเล่าให้ท่านฟัง โห ท่านรู้สึกเมตตามาก ตื่นเต้น แต่ไม่เจอผีเหมือนผมท่านว่า นอกนั้นเหมือนกันหมด แน่ะเวลามันเป็นเราก็อาจหาญที่จะพูดมันเป็นเต็มหัวใจเรา ท่านก็ฟังด้วยความตื่นเต้นเมตตามาก คุยกันเสียงท่านลั่นเลย เวลามันเป็น ก็เท่านั้นละเราหนเดียวไม่เป็นอีก ท่านก็บอกท่านเป็นหนเดียวไม่เป็นอีก เราก็ไม่เสียดาย ทีแรกเสียดาย ถูกท่านขนาบเอาแล้วก็เลยหยุดเสียดาย พอต่อไปจะทำให้เป็นอย่างนั้นอีก ขึ้นไปเล่าถวายท่านว่าไม่เป็นอย่างนั้นอีก

มันเป็นบ้าหรือ ขึ้นใหญ่เลยที่นี่ เอาใหญ่นะ นึกว่ามันหาธรรม มันหาบ้าหรือ มันเป็นแล้วมันก็ผ่านไปแล้ว อะไรที่เป็นไปมันก็ผ่านไปๆ ไปยุ่งกับมันทำไม สิ่งที่จะรู้จะเห็นซึ่งจะเกิดขึ้นในวงปัจจุบันแห่งความเพียรของเรามีอยู่มากมาย ท่านว่างั้น เพียงเท่านี้นะ อะไรที่รู้ที่เห็นให้ผ่านไปๆ ท่านสอนเรา คือเราอยากให้เป็นอย่างนั้นอีก มาเล่าให้ท่านฟังท่านดุใหญ่เลย จากนั้นมาเราก็ไม่หาอีกแล้ว หาแบบบ้านั่น มันจะเป็นขึ้นแบบไหนก็แบบท่านว่า วันนี้ขึ้นแบบนี้ๆ เรื่องใจกับธรรมเป็นของอัศจรรย์ ใครจะมาคาดธรรมไม่ได้นะ คาดธรรม คาดกรรม กรรมดีกรรมชั่วอย่าคาดนะ เหนือทุกอย่าง

สัตว์ในโลกนี้ นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะเหนือกรรมดีกรรมชั่วไปได้ กรรมดีกรรมชั่วนี้มีอำนาจมากที่สุดครอบแดนโลกธาตุ ท่านว่างั้น บาลีมีอย่างนั้น เวลาแสดงขึ้นมานี้ โห อัศจรรย์ทุกอย่างเรื่องจิต ขอให้บำเพ็ญเถอะน่ะ นี่เรามาเล่าให้ฟังเพียงเอกเทศ ไม่ใช่เพียงเท่านี้นะ เล่าให้ฟังเพียงเอกเทศพอได้เป็นคติเครื่องเตือนใจ และเป็นกำลังใจของผู้บำเพ็ญว่าธรรมมีอยู่ตลอดเวลา อกาลิโกๆ มีอยู่ขอให้ขุดค้นเข้าไปเถิด เมื่อถึงขั้นที่จะควรรู้ปิดไม่อยู่ รู้ๆ ท่านว่า อกาลิโกๆ ทั้งบาปทั้งบุญมีอยู่ตลอดเวลา ค้นหาบาปเจอบาป ค้นหาบุญเจอบุญ มีอยู่เสมอกันหมด

ภาวนาละเป็นของอัศจรรย์มาก อะไรๆ จะให้เป็นของอัศจรรย์ยิ่งกว่าจิตกับธรรมได้สัมผัสสัมพันธ์กันแล้วออกรู้ในสิ่งต่างๆ เราไม่เคยรู้เคยเห็นก็ตามยอมทันทีเลย ก็ความรู้อยู่กับเจ้าของ ความเห็นอยู่กับเจ้าของ ประจักษ์อยู่นี้จะไม่เชื่อได้ยังไง มันก็ยอมรับ เมื่อยอมรับแล้วพูดให้ใครฟังก็พูดด้วยความอาจหาญชาญชัยที่ประจักษ์กับหัวใจ ดังพระพุทธเจ้าท่านเป็นศาสดาท่านหาใครมาเป็นพยาน ไม่มีใครเป็นพยาน รู้ประจักษ์แล้วพอๆ นี่ละธรรม ขอให้ภาวนากัน

เราพูดจริงๆ เราอยู่ด้วยความอ่อนใจนะ ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องการแนะนำสั่งสอน อ่อนใจมากนะเรา เราทนไปเฉยๆ แหละ นานๆ จะวากขึ้นสักทีหนึ่งเมื่อทนไม่ไหว มันขึ้นช่องนั้นขึ้นช่องนี้อันฟืนอันไฟเผากันนะ นึกว่ามาสั่งสมอรรถธรรมในวัดในวา มันกลับมาสั่งสมแต่กองฟืนกองไฟเผากัน พอเห็นหน้ากันปากออกแล้ว คนนั้นไม่ดีอย่างนั้น คนนี้ไม่ดีอย่างนี้ ติฉินนินทาลั่นไปหมด เจ้าของไม่ดียังไงไม่ดูแล้วจะเห็นธรรมได้ยังไง ถ้าดูความเคลื่อนไหวของเจ้าของของจิตดวงนี้จะรู้ทันที แล้วจะระงับดับเรื่องเกี่ยวข้องกับคนอื่น คนอื่นดีหรือไม่ดีก็ตามมันจะระงับเข้ามาทันที เพราะตัวนี้เป็นตัวเหตุ ตัวเป็นอันธพาลตัวนี้ พอตีตัวนี้เข้ามาแล้วเรื่องอันธพาลสงบเงียบ เรื่องเหล่านั้นก็ไม่มี พากันจำเอา

มาปฏิบัติต่อกันหาตั้งแต่เรื่องแต่ราวใส่กัน นินทากาเลกันมันเกิดประโยชน์อะไร คนนั้นไม่ดีอย่างนั้นคนนี้ไม่ดีอย่างนี้ เจ้าของเป็นยังไงไม่ดูเจ้าของ มันแสดงอยู่ตลอดเวลาความคิดความปรุง มันส่ายอยู่ตลอด ถ้าสติปัญญามีตีเข้าไปๆ มันจะออกมาได้ยังไง สักเดี๋ยวมันก็เห็นอันธพาลอยู่ในตัวเอง จากนั้นก็สงบเท่านั้นเอง พากันจำเอานะ เหล่านี้ได้ผ่านมาหมดแล้วที่มาสอนนี่ เราจึงเฉยเลย ใครว่าอะไรมันรู้หมดก็มันผ่านมาหมดแล้ว ดีชั่วประการใด ติฉินนินทากันแบบไหนๆ รู้หมด มันออกจากใจ หัวใจเหมือนกัน มันเคยแสดงลวดลายของความชั่วช้าลามกความเป็นอันธพาลมามากต่อมากแล้ว ธรรมตีหัวมันลงมันหมอบแล้วทีนี้ธรรมออกละที่นี่ กิเลสประเภทนั้นออกไม่ได้แล้วก็สนุกฟังซิ ฟังปากอมขี้มันพ่นขี้ใส่กัน ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ขี้อิจฉาบังเบียด ขี้แย่งขี้ชิง ชิงดีชิงเด่น มันพ่นออกไป มันก็สนุกฟังละซิแต่ขี้เกียจฟัง เข้าใจไหมล่ะ

โห เลอะๆ เทอะๆ เรื่องภาวนาเป็นคำสอนของศาสดาองค์เอกไม่มีใครเสมอ ก็ไม่มีความหมาย สู้กิเลสไม่ได้แล้ว กิเลสเป็นเหมือนกองมูตรกองคูถขึ้นเหยียบธรรม ธรรมไม่มีความหมาย เทิดทูนกองมูตรกองคูถขึ้นบนหัวเหยียบธรรมลงไป ด้วยการตำหนิติเตียนคนอื่น คือการเหยียบธรรมเหยียบตัวเอง ให้รู้ตัวเองซิ เอาละวันนี้พูดเท่านั้น พากันจำเอา นี้ก็ออกแล้วพูด ให้พากันฟัง ธรรมเป็นอย่างนั้นละ ธรรมท่านไม่มีอะไรนะ ท่านไม่มีหนักอกหนักใจกับใครต่อใคร ตัวของท่านท่านก็ปล่อยหมด ปล่อยข้างนอกปล่อยข้างใน ปล่อยข้างนอกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับใจปล่อยหมด ตัวใจเอง ความรู้ของตัวเองปล่อยตัวเอง อุปาทานในจิตปล่อย ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง นั่นละว่างที่นี่ ว่างสุดขีด

ไม่มีใครจะว่างยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่าน ท่านปล่อยหมด ว่าง วาง พวกเรามีแต่แบกแต่หามมันไม่ได้เรื่องได้ราว อยู่นี้เราก็สอนคนมามากต่อมาก จนอิดหนาระอาใจทุกวันนี้ ผลออกมามีแต่เรื่องฟืนเรื่องไฟเผากันๆ คนนั้นดีอย่างนั้นคนนี้ดีอย่างนี้ มาเล่าเรื่องคนนั้นดีคนนี้ดีมาให้เราฟังสักหน่อย เอ้อ สมเจตนาที่เราอุตส่าห์พยายามสั่งสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย เสียสละเป็นตายมาสอนหมู่เพื่อน เราไปประกอบความพากเพียรอยู่ในป่าในเขาจะเป็นจะตายใครรู้เราเมื่อไร แล้วธรรมเหล่านี้ไปรู้ในป่าในเขานะ เวลาจนตรอกจนมุมขึ้นมามันรู้ขึ้นภายใน แล้วออกมาสอนโลก โลกมีแต่ฟืนแต่ไฟมีแต่มูตรแต่คูถ กับธรรมนี้มันเลยเข้ากันไม่ได้ อ่อนใจนะเรา

ให้พากันเห็นอกเห็นใจกันนะอยู่ด้วยกัน ใจเขาใจเรามีเหมือนกัน ให้วัดดูใจเราวัดดูใจเขา คิดเรื่องของเขากับมาคิดเรื่องของเราให้ทันกันๆ ถ้าอย่างนี้แล้วจะไม่ออกแสดงฟืนไฟเผาไหม้กัน ไม่เผา ถ้าต่างคนต่างให้ทันกับกระแสจิตของตัวเองแล้วจะไม่แสดง เอาละพอเหนื่อยแล้ว

วันนี้เป็นวันเสาร์ ธรรมดาวันเสาร์เราจะไม่ได้ไปโรงพยาบาล จะไปตามวัด ไปตามวัดก็ขนของเต็มรถแล้วไปเทปั๊วะๆ ไปให้นะ เราไม่ได้ไปเอา ไปวัดไหนก็ไปให้ทั้งนั้น เข้าโรงพยาบาลก็ไปให้ ให้แล้วเขายังมาขอเราอีก ก็เอามาให้แล้วมาขออะไรอีก ดุ อันนั้นขาดอันนี้ขาด เครื่องไม้เครื่องมือขาดพอเห็นเราไป เขาไม่สนใจที่เราให้นะ เขาสนใจที่เขาจะขอ มันขาดเหลือตั้งแต่เรายังไม่ไป พอเจอหน้าปั๊บ ขาดอันนั้นขาดอันนี้ยุ่ง เราก็ดุ ดุเท่าไรก็สู้เขาไม่ได้ เพราะอำนาจความเมตตา เอามาก็มาพิจารณา เดี๋ยวๆ เอาให้ อย่างนั้นละเมตตา

(มาจากเพชรบูรณ์ฮะ มาถวายปัจจัย) เพชรบูรณ์นี้ก็ได้เข้าแล้ว เข้าโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ก็เข้าไปแล้ว ช่วยไม่น้อยนะเพชรบูรณ์ ช่วยเยอะ พิษณุโลก เชียงใหม่ ช่วยเยอะ ตา หลายล้าน พิษณุโลก เชียงใหม่ใกล้เคียงกัน จากนั้นก็ย้อนมาทางเพชรบูรณ์ มาทางบุรีรัมย์มาทางนี้ หมดไปเท่าไรร้อยเท่าไรล้าน เฉพาะตานะ ๑๓๐ กว่าล้าน สำหรับเวียงจันทน์ให้แล้ว ๓๐ ล้าน นี้ก็คิดว่าจะต่อช่วยไปอีก เราสงสาร คิดไว้แล้วภายในหัวใจเต็มใจด้วย ยังแต่จะแสดงออกเท่านั้น โรงพยาบาลเราจะไปเที่ยวดูโรงไหนๆ โรงพยาบาลเขานะ ตรงไหนบกพร่องตรงไหนควรสร้างตึกให้จะสร้างให้ๆ ตลอดถึงเครื่องไม้เครื่องมือ เรากำลังเริ่มออก

พอดีเขาว่าไข้หวัดนกมันมาเป็นที่นั่น เรากลัวไข้หวัดนกเราก็หงายกลับมา จากนี้ไปก็ใส่นู่น ไปทางแม่ฮ่องสอน ไปทางไทยใหญ่ทางโน้นขาดแคลน ของที่เรากำลังจะยกไปเวียงจันทน์ทั้งหมด ยกไปทางแม่ฮ่องสอนทั้งหมดเลย ไปให้คณะพวกไทยใหญ่ที่จนตรอกจนมุมให้หมด ออกจากเวียงจันทน์ ไม่ได้เข้าเวียงจันทน์ออกไปทางไทยใหญ่ พอกลับมาไม่กี่วันขนไปอีก ใส่รถเต็มรถไปทางเชียงใหม่ คือทางไทยใหญ่ทางแม่ฮ่องสอนนะ คราวนี้ไปทางเชียงใหม่ไปทางจังหวัดไหนบ้างหลายจังหวัด ๕ คันรถ รถสิบล้อเต็ม เครื่องกระป๋อง ส่วนไปทางไทยใหญ่ตั้ง ๑๐ คันรถกว่านะ มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น เครื่องกระป๋องๆ พึ่งมาพักเดี๋ยวนี้ ยังไม่ได้ไปไหนละที่ใหญ่ๆ อย่างนี้ไม่ได้ไป

เราทำให้พอใจเรา อำนาจแห่งความเมตตานี้ได้ทำเท่าไรมันยิ่งเบิกกว้างออกๆ แทนที่จะตีบตัน ไม่สบายใจว่าได้ให้ไปหมดตัวเองไม่มีนะ ให้ไปเท่าไรยิ่งเปิดกว้างๆ ออก เบิกกว้างออกเรื่อย เป็นอย่างนั้นละหัวใจนี่ เพราะฉะนั้นมันถึงทำได้ อย่างที่เราทำนี้ใครจะทำได้ ไม่ใช่คุยนะ ก็มีเท่าไรมันออกหมดๆ ใครทำได้แบบออกหมดนี่ เราทำได้ อย่างนี้นะ อำนาจของใจอำนาจความเมตตา มองไปที่ไหนๆ ก็จิตมันไปด้วย สติปัญญาไปพร้อมๆ กันมองไป มันจึงจับได้ละซิ

เห็นเขาขายของอยู่ตามถนน จอดรถ แน่ะอย่างนั้นนะ พอได้แค่ไหนก็เอา จอดรถ เขาเอามอเตอร์ไซค์หรืออะไรใส่สินค้าเล็กๆ น้อยๆ ของเขานั่นละไป จอดรถปั๊บลงไปซื้อเขา ไม่เอามากละเอาเล็กน้อย แล้วก็เอาเงินก้อนให้เขา อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันละถ้าลงได้จอดแล้ว อย่างน้อยต้องเป็นพันหนึ่งขึ้นไปให้ เราก็เอาของสักชิ้นหนึ่งเท่านี้พอ ไปอย่างนั้นเรื่อย มันเป็นอยู่ในหัวใจจะว่าไง ไฟเขียวไฟแดงเหมือนกัน พอไฟเขียวเราเปิด ไฟแดงขึ้นแล้วพวกแม่ค้าแล้วพวกขายดอกไม้เขารออยู่ จอดปั๊บนี้เรียกเขาไป เอาเงินให้แล้วดอกไม้ไม่เอา เข้าใจไหม ไปเลยๆ

ไปที่ไหนเขารู้หมดละพวกแม่ค้า เขาขายดอกม้งดอกไม้รู้หมดหลวงตาไปไหน มันเป็นอย่างนั้นจะไม่ให้เขารู้ได้ไง ไฟแดงก็ตาม พอผ่านไปนั้นปั๊บจอดเลย แล้วโบกมือให้เขาไปเอา แล้วค่อยไปทีหลัง เป็นอย่างนั้น แม้ที่สุดไปกับพวกรถนำ รถนำของเราส่วนมากมี ต.ช.ด. ไป ไปบอกไว้แล้วว่าไปถึงที่นั่นๆ ให้จอดรถก่อน บอกเท่านั้นละ ถึงไฟแดงตรงนั้นให้จอดรถ ไปเราก็รอดู พอไปเขาก็จอดรถปั๊บ เรียกพวกนี้ๆ มา มีเท่าไรให้ๆ เช่นดอกไม้อย่างน้อยคนละสามร้อยๆ ให้ๆ อย่างอื่นให้ๆ เรื่อย เป็นอย่างนั้น

ให้เท่าไรมันเป็นอย่างนั้นในจิตนี้มันจะยิ่งเบิกกว้างๆ เบิกออกนะ แทนที่จะตีบตันว่าอดอยากขาดแคลนมันจะคิดอย่างนั้นไม่มี มีแต่เบิกกว้างออกๆ อย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้นพระเวสสันดรท่านถึงเวลาให้ทานจะมาควักลูกตาเราก็จะให้ มันก็เข้าในลักษณะนี้แล้ว มันไม่มีอะไรเสียดาย ให้ได้หมดเลย มันมาเข้ากันแล้ว การพูดอย่างนี้เราไม่ได้วัดรอยพระเวสสันดร มันใกล้เคียงกับจุดไหนก็บอกว่าใกล้เคียง ลักษณะนี้มันเหมือนกัน การให้ไม่มีอัดมีอั้น

(หลวงตาครับ ๑๗ โรงพยาบาล เครื่องมือตาอย่างเดียว รายชื่อโรงพยาบาลที่ได้รับเมตตา เฉพาะเครื่องมือตา รวม ๑๗ โรงพยาบาล ๑. โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ๒๐ ล้านบาท ๒. ศูนย์ปิ่นปัว นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาชนลาว ๓๐ ล้านบาท ๓. โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ๖ ล้านบาท ๔. โรงพยาบาลมหานครเชียงใหม่ ๘ ล้าน ๑ แสนบาท ๕. โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ข่อนแก่น ๖ ล้าน ๘ แสนบาท ๖. โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก ๙ ล้าน ๕ หมื่นบาท ๗. โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ๔ ล้าน ๓ แสนบาท ๘. โรงพยาบาลจังหวัดเลย ๙ ล้าน ๖ หมื่นบาท ๙. โรงพยาบาลหนองบัวลำภู ๒ ล้าน ๕ แสนบาท ๑๐. โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น สกลนคร ๕ ล้าน ๕ แสน ๒ หมื่นบาท ๑๑. โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม อุดรธานี ๓ ล้าน ๙ แสน ๒ หมื่นบาท ๑๒. โรงพยาบาลหาดใหญ่ สงขลา ๙ ล้านบาท ๑๓. โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ๖ ล้านบาท ๑๔. โรงพยาบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ๒ ล้าน ๒ แสนบาท ๑๕. โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชที่ ๑๗ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ๑ ล้าน ๘ แสนบาท ๑๖. โรงพยาบาลจังหวัดนครปฐม ๒ ล้าน ๕ แสนบาท ๑๗. โรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๒ ล้าน ๗ แสน ๕ หมื่นบาท รวมทั้งหมด ๑๗ โรงพยาบาล เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒๙,๕๐๐,๐๐๐ บาทครับ)

๑๒๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท หมายถึงตาล้วนๆ ตาอย่างเดียวไม่ได้นับอย่างอื่น นี่เฉพาะตาอย่างเดียว ๑๒๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท เฉพาะตาอย่างเดียว อย่างนั้นละ ให้พรนะ นี่ประกาศ ที่พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังนี้ เพื่อเป็นคติเครื่องเตือนใจ ว่าท่านเสียสละเพื่ออะไร เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม เราก็อยู่ในขอบข่ายแห่งความจำเป็นเช่นเดียวกัน อาจเกิดในวันใดเวลาใดก็ได้ ให้คิดเอาไว้ๆ เวลาจำเป็นมาให้ช่วยเหลือกัน เข้าใจหรือเปล่า มีเท่านั้นละ ให้ช่วยเหลือกัน

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก