เจตนาเป็นธรรม
วันที่ 22 มิถุนายน 2550 เวลา 7:35 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐

เจตนาเป็นธรรม

เมื่อวานนี้ไปเกษตรสมบูรณ์ ไปเท่านั้นแหละ ไปส่งของปุ๊บแล้วกลับเลย เกษตรสมบูรณ์อยู่ลึก อยู่ตะวันตกภูเขียวไป ๒๒ กิโล อำเภอภูเขียว เลยไปทางตะวันตก ๒๒ กิโล ภูเขียวมาชุมแพ ๒๐ กิโล ๔๒ กิโลจากชุมแพไปเกษตรสมบูรณ์ ไปเรื่อยนะนี่ ทางภูเขียวไม่ถามละ เพราะไปเมื่อเร็วๆ ไปก็ไปถามแล้ว เขากำลังสร้างตึกให้โรงพยาบาลภูเขียว ดูเหมือนตึก ๒ ชั้น ได้ถึง ๘๐% แล้ว นี้ก็ ๑๑ ล้าน โรงพยาบาลภูเขียว เราช่วยอย่างนั้นละ ช่วยจนไม่มีเหลือ แบตลอด

ตั้งหน้าช่วยโลกจริงๆ ว่าไม่เอาไม่เอาจริงๆ นะเราไม่เหมือนใคร ว่ายังไงเป็นอย่างงั้นไม่มีเงื่อนต่อ ถ้าเหตุผลไม่เหนือกว่าจะมาแก้ที่เรากำหนดไว้เรียบร้อยแล้วไม่ได้ เราเองก็แก้ไม่ได้ ถ้าเหตุผลเหนือกว่าใครแก้ก็ได้ เราแก้เองก็ได้ เป็นอย่างนั้นละนิสัยอันนี้แปลกอยู่ ถ้าลงได้ลั่นลงตรงไหนว่าถูกต้องแล้วแน่แล้ว เจ้าของเองไปแก้ก็ไม่ได้ เอา หาเหตุผลมาจะมาแก้อันนี้ ถ้าเหตุผลเหนือกว่าแก้ได้ ใครแก้ก็ได้ ถ้าเหตุผลไม่เหนือกว่าอย่ามาแก้ เป็นอย่างนั้นนะ

เอาจริงเอาจังมากทุกอย่าง ก็เป็นผลดีอันหนึ่ง ความจริงจังนี้เป็นผลดีในเวลาแก้กิเลส อันนี้เห็นชัดเจนมากทีเดียว เพราะกิเลสมันปลิ้นปล้อนหลอกลวง ว่าจะทำความเพียร วันนี้เอาเต็มที่นะวันนี้เอาเต็มที่ พอฉันเต็มที่แล้วมันง่วงนอนใช่ไหม พักสักหน่อยขันธ์ เสร็จ กิเลสมันต้ม ถ้าเป็นธรรมต้มไม่ได้ ว่ายังไงต้องอย่างนั้น เป็นอื่นไปไม่ได้ เราไปทุกวัน ไปทำประโยชน์ให้โลก ก่อนตายนี้ทำเสียให้พอ เรื่องการเสียสละนี้เราเสมอภาคเลยนะ จะคอยดูจุดไหนที่มีความจำเป็นมากน้อยก็ลงตามจุดมากน้อย แต่ความเมตตาสงสารที่จะสงเคราะห์เสมอภาคไปหมด แต่จุดไหนที่เด่นกว่าเพื่อนลงจุดนั้นๆ ถ้ามันเสมอภาคจะให้ทั้งนั้น แต่ว่าจุดไหนที่จำเป็นมากน้อยต่างกันก็จะลงตามจุดนั้น เป็นอย่างนั้นละ

ของในวัดนี้มีไม่ได้ ในวัดป่าบ้านตาด บอกตรงๆ เลยมีไม่ได้ถ้าเรายังไม่ตาย มีไม่ได้ทั้งนั้นละ ออกหมด เพราะอำนาจแห่งความเมตตาสงสารโลก เราไม่ได้คำนึงได้อะไรมาจะกินอะไร มันไม่ได้คิดเจ้าของนะ มันจะคิดออกข้างนอกๆ นั่นละธรรมเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นกิเลสแล้วกว้านเข้ามาหาตัวจนกินอิ่มขี้แตกแล้วค่อยเอาให้ผู้อื่น เข้าใจไหม เอาอันนี้ดีนะ ดีซิเจ้าของกินจนขี้แตกแล้วเข้าใจ ไม่ดีได้ไง นั่นกิเลสเป็นอย่างนั้น ถ้าธรรมแล้วอันไหนดีๆ แล้วมักจะเอาออก คิดเห็นหัวใจคนอื่น เป็นอย่างนั้นนะ นี่จึงไม่เคยที่จะได้เอารัดเอาเปรียบหมู่เพื่อน ของดีเจ้าของเอาไม่เคยปรากฏในจิตนะ พูดให้ชัดเจนเสียเราไม่มี ดีไม่ดีอะไรดีแล้วจะเล็งข้างนอกเลยนะ เจ้าของไม่ค่อยสนใจ ที่ใดก็ได้ก็เป็นของเจ้าของแล้วนี่ เป็นอย่างนั้นละ

อันนี้ละที่อันหนึ่งนะมันพาให้เป็นไป ไปที่ไหนบริษัทบริวารลูกศิษย์ลูกหาเต็ม ไม่เต็มได้ไงก็เมตตาครอบโลก เราไม่เห็นแก่ตัวไม่เอาอะไรทั้งนั้น ไปที่ไหนได้แล้วออกทานหมดเลย เราไม่เอาๆ เพราะอันนี้เล็งเห็นคุณค่าอันนี้เป็นอานิสงส์ ไปที่ไหนของก็ไหลเข้ามา ไหลเข้ามาเท่าไรก็ไหลออกตลอดเลย ไม่เก็บเราไม่เก็บ เมื่อวานนี้ก็ได้ทุเรียนหลายเข่งอยู่นะ ไปโรงพยาบาล ทุเรียนเขาขาย ยังเหลืออยู่ไม่กี่ลูกเล็กๆ ถามเขาว่าไม่ดีไม่เอา เราก็เลยให้ผ่านไป ถ้ายังดีจะจอดรถเอาอีกนะนั่น ผ่านไปนั้นแล้ว เอาให้เขาแล้วนะ ถ้าว่ายังดีอยู่นี้ยังจะเอาอีก แต่นี้ว่าไม่ดีแล้วอันนี้ เราเลยผ่านๆ เป็นอย่างนั้นละ

ขอให้ได้ให้ทานให้เต็มหัวใจเถอะในชาตินี้ มีอะไรมีไม่ได้สำหรับเรา จะว่าเอียงทางโน้นเอียงทางนี้เราไม่มีเราพูดจริงๆ แต่ว่าในแง่หนักเบามีที่จะสงเคราะห์ ตรงไหนจำเป็นมากน้อยต่างกันยังไงอาจจะลงในจุดนั้นใช่ไหมล่ะ แต่เรื่องที่จะให้นี้ออกครอบไว้แล้ว จุดไหนจำเป็นอันดับหนึ่งอันดับสองมันจะออกตามนี้ๆ เป็นอย่างนั้น มีเพื่อนพระ เสียแล้วละพระองค์นี้ก็ดี ก็เก่งอยู่นะ เจตนาแกเป็นธรรมมาก จำพรรษาด้วยกันที่อำเภอจักราช แกพูดเป็นธรรมน่าฟัง ไม่ลืมจนกระทั่งบัดนี้นะเรา แกว่า ได้อาหารมานี้ที่จะใส่บาตร อันไหนดีเจ้าของไม่เอาไปแจก คือเจ้าของไม่เอาไปแจกเจ้าของ อันไหนดีต้องเอาไปแจกคนอื่นๆ เจ้าของแล้วแต่บุญแต่กรรม เพื่อนฝูงจะให้อะไรก็เอา แต่สำหรับแจกแล้วอันไหนดีแกเอาอันนั้นไปก่อน ไปแจกเลย บาตรเจ้าของไม่มอง น่าฟังนะ พระองค์นี้น่าฟัง

นั่นละท่านเป็นธรรม คืออะไรอาหารดีๆ นี้จะไม่แจกบาตรเจ้าของ จับอันนี้ปั๊บแล้วจะออกไปหมด ส่วนบาตรเจ้าของมันจะได้อะไรก็แล้วแต่ นั่นละความเป็นธรรมฟังเอาซิ เราฝังใจลึกเราไม่ลืมนะ เฒ่าอันนี้ก็อัฐิกลายเป็นพระธาตุนะองค์ที่ว่านี้ ท่านเป็นธรรม อายุเท่ากันกับเรา ตั้งใจออกปฏิบัติ ออกปฏิบัติทีแรกท่านภาวนาดีนะ ไปจำพรรษาที่อำเภอจักราช เราก็ออกจากกรุงเทพมาจำพรรษา ทางนี้ก็ไปจากทางนี้ไปจำพรรษาด้วยกัน ท่านความเพียรดี จากนั้นมาท่านคิดอะไรก็ไม่รู้นะ ท่านก็ตั้งใจภาวนาดีอยู่ เวลาจะจากกันไป คิดว่าจะเรียนเสียก่อน

เรียนหาอะไรเราว่างี้ ผมก็เรียนมาแล้วจนเป็นมหายังออกมาปฏิบัติ ท่านไปเรียนหาอะไร ว่างี้ละ ก็อยากเรียนให้มันรู้ทั้งปริยัติรู้ทั้งปฏิบัติ อันนี้ก็รู้ปริยัติมาแล้ว ทางปฏิบัติกำลังปฏิบัติอยู่นี้มันก็พูดได้ละซิ คนหนึ่งยังไม่เรียนยังไม่ได้ปล่อย ไปเรียนจริงๆ นะ ได้มหากลับไปอีก พอได้มหาปั๊บเข้าป่าเลย พระองค์ว่านี่เป็นธรรมนะ เพื่อนกัน เกิดปีเดียวกัน ออกปฏิบัติคราวนี้เอาจนกระทั่งอัฐิกลายเป็นพระธาตุ นี่เขาเรียกภูทอก ภูทอกอยู่ทางนี้ ภูทอกคือว่ามีเขาลูกเดียว อยู่กลางโคกใหญ่ๆ มันมีเขาลูกเดียวขึ้นไป เขาเรียกภูทอกภูโทน ท่านก็ไปเสียอยู่ที่นั่น ท่านก็บอกกับเพื่อนฝูงไว้ว่า เราตายคราวนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา เราจะไม่กลับมาเกิดอีกท่านว่า สั่งไว้เรียบร้อย นี่เพื่อนเดียวกัน ที่ว่าท่านกลับไปเรียนอีก พอเรียนจบแล้วท่านกลับไปอีก ท่านเอาจริงเอาจัง ก็เป็นพระธาตุจริงๆ แล้วก็สิ้นสุดจริงๆ

ท่านกลับไปเรียน เรียนแล้วท่านกลับมาปฏิบัติ คราวนี้ก็ไปทะลุเลย ที่ภูทอก เราขึ้นไป ขึ้นไปสถานที่ที่ท่านมรณภาพ ขึ้นไปดู พระที่นั่นบอกว่าอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ ท่านบอกไว้แล้วตั้งแต่ท่านยังไม่ตาย คราวนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเราที่จะมาตายมาเกิดอีก ต่อไปนี้เราจะไม่กลับมาตายมาเกิดอีก พอดีท่านมรณภาพไปก็อัฐิกลายเป็นพระธาตุพอดี องค์นี้ละองค์ที่ว่าใส่บาตร บาตรเจ้าของจะเป็นยังไงช่างหัวมัน ของดีๆ เอาไปใส่บาตรหมู่เพื่อนหมด บาตรเจ้าของแล้วแต่มันจะมี น่าฟังนะ ไม่ลืม ถ้าอย่างนั้นไม่ลืมมันเป็นธรรม

อัฐิกลายเป็นพระธาตุองค์หนึ่ง ตายอยู่ที่ภูทอก (ภูทอกตรงไหนฮะ) ก็ออกไปนี้ ออกไปตรงนี้ไปแล้ว พอออกไปนั้นแล้วเราจะเห็นภูเขาลูกเดียว มันมีภูทอกภูโทนลูกเดียว อยู่ท่ามกลางโคก มันอยู่ตรงกลาง นั่นละภูทอก มีภูเขาลูกเดียวไม่สืบต่อกับลูกใดเลย ภูทอก เหมือนภูจ้อก้อ อันนั้นสูงกว่าเพื่อนภูจ้อก้อ อันนี้ภูทอกมีลูกเดียว (ท่านชื่ออะไรเจ้าคะ) ชื่อชำนาญ เป็นมหาเปรียญแล้วกลับมาออกปฏิบัติอีก ท่านก็บอกไว้แล้วว่าท่านจะไม่กลับมาเกิดอีกตั้งแต่ท่านยังไม่ตาย ทีนี้พอตายแล้วอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุก็เป็นพยานอันหนึ่ง

ท่านจริงจังมาก กับเราสนิทกันมากจริงๆ เป็นเพื่อนกัน เรียนหนังสือนั้นเราเป็นมหาก่อน ท่านกลับไปเรียนอีกเป็นมหามาทีหลังเรา แต่ท่านออกไปเลยนะ พอเป็นมหาแล้วออกปฏิบัติเลย เราเป็นมหาแล้วก็ออกปฏิบัติ ออกเตลิดเลย ท่านปฏิบัติเสียก่อนแล้วกลับไปเรียนอีก กลับออกมาอีกคราวนี้ก็เป็นอันว่าสิ้นสุด อัฐิกลายเป็นพระธาตุเรียบร้อยแล้ว องค์นี้ก็เป็นธรรมที่อยู่ด้วยกัน องค์ไหนเป็นธรรมไม่เป็นธรรมจะจับไว้ในหัวใจนะเรา มีเท่านั้น (ภูทอกนี้อยู่บ้านไหนเจ้าคะ) เอ๊ ไปนี้ก็ผ่านไปทางทิศใต้ วัดภูหินร้อยก้อน แถวภูหินร้อยก้อน มันอยู่ข้างๆ นั่นละ มีเขาลูกเดียว เขาเรียกภูทอก

(ป้าอุไร ห้วยธาร ขอทำบุญให้กับท่านอาจารย์ชิต ๕,๐๐๐ บาท เจ้าคะ) ท่านชิตก็เอาศพไปไว้ที่วัดสวนแสงธรรมแล้ว กะว่าจะเผาวัดอาจารย์เจี๊ยะ เราให้ความสะดวกทั้งสอง ทั้งวัดอโศการาม ทั้งวัดอาจารย์เจี๊ยะ ศพเอาไปไว้ที่นั่น ถ้าจะเผาที่สวนแสงธรรมก็ได้แต่มันขัดตามกฎหมายเขา ก็เลยไม่ได้เผา เอาไปเผาทางวัดอาจารย์เจี๊ยะ     หรือวัดอโศการามก็แล้วแต่ เราอนุญาตให้ทั้งสองงานศพท่านชิตก็ดี ที่วัดสวนแสงธรรม จะเผาวันไหนไม่ทราบ (วันที่ ๘ ครับ) วันที่ ๘ เดือน (เดือน กรกฎาคม ครับ) วันที่ ๘ เดือน กรกฎา ห่างจากวันเข้าพรรษาเท่าไร (เข้าพรรษา ๓๐ ครับ) วันที่ ๓๐ อันนี้วันที่ ๘  เรากำลังพิจารณา หากพอไปได้เราก็จะไป ไปก็ไม่นาน ไปพัก ๓-๔ คืนแล้วเสร็จกลับ จากนั้นเราก็ลงกรุงเทพอีก จวนเข้าพรรษาก็กลับมาเข้าพรรษา ตามปรกติเราไปอย่างนั้นทุกปี

(หมอสานิตย์และครอบครัว ถวายหลวงตา ๑,๐๐๐ บาท ครับ) หมอสานิตย์สำคัญอยู่ ทางกรุงเทพก็หมอสานิตย์ ทางอุดรนี้ก็หมอรุ่งเรือง เราได้หมอมาเป็นลูกศิษย์สองคน โรงพยาบาลทางกรุงเทพใหญ่โตมีศิริราชเป็นอันดับหนึ่ง ได้คนเดียว เมืองอุดรนี้ได้คนหนึ่ง นอกจากนั้นมันตายหมดมันลืมตัวมันพวกหมอทั้งหลาย มันไปมีเมีย ๕ คนก็มี มันลืมตัวมัน มันว่าเรียนสรีรศาสตร์ เหมือนกับว่าเทียบเท่าเป็นคู่แข่งของพุทธศาสนา มันหารู้ไม่ว่าเรียนสรีรศาสตร์ทางพุทธศาสนาเปิดโลกธาตุดับทุกข์ทั้งมวล เรียนสรีรศาสตร์ทางเป็นหมอนี้ ๕ เมียก็ได้ หาเมียนะ แน่ะ

มันไม่ได้คิดนะมันต่างกัน สรีรศาสตร์หนึ่งแก้โรคแก้ภัย สรีรศาสตร์หนึ่งแก้กิเลส มันต่างกัน ทางพุทธศาสนาเป็นสรีรศาสตร์แก้กิเลส ทางหมอนี้แก้โรคแก้ภัย ทางเดินของอวัยวะเส้นเอ็นต่างๆ มันเดินทางไหนๆ ปฏิบัติยังไงขัดข้องยังไงเขาก็แก้ตามนั้น ส่วนสรีรศาสตร์ทางพุทธศาสนาพิจารณาเรียบวุธ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา คว่ำทิ้งเลยไปเลย ไปหาโรคไม่มี ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา โรคไม่มีไตรลักษณ์ เข้าใจไหม โรคอันนี้โรคมีไตรลักษณ์หมุนบ้ากันอยู่อย่างนั้นนะ เอาจะให้พร

ท่านชิตก็เป็นอันว่าศพไปไว้ที่วัดสวนแสงธรรมแล้ว เผาวันที่ ๘ เดือน (กรกฎาคม ครับ) เข้าพรรษา (วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ครับ) ก็ยังนานอยู่นะ ให้พิจารณาเสียก่อนถ้าหากว่าพอไปได้เราก็จะไป ถ้าสุขภาพพอไปได้ก็จะไป สัก ๔ คืนหรือ ๕ คืนกลับมา เผาศพท่านชิต ท่านชิตเป็นคนเพชรบุรี แต่เป็นพระวัดป่าบ้านตาด ตั้งแต่บวชแล้วมาอยู่นี้เป็นประจำ ออกจากนี้ก็ไปอยู่น้ำหนาว พอออกจากนั้นก็ตาย ก็เป็นพระวัดป่าบ้านตาด เป็นคนเพชร บวชแล้วมาอยู่กับเราตลอด ออกจากนี้ก็ไปอยู่ที่นั่น เท่านั้นเอง จากนั้นก็ตาย

อยู่ทางนั้นเราก็ได้ใช้สอยท่านตลอด ทางน้ำหนาวเรามีอะไร ด่านอะไรมีความจำเป็น ให้ท่านดูแลให้ ดูแลการงานอะไรที่ไปสร้างอะไรที่เขาขอ พวกด่านสองด่านสามด่านเขาขอเรา เราให้ท่านชิตไปดูแลแทน แล้วเงินทางนี้ก็จ่ายๆ เลย ท่านเป็นคนดูแล ท่านทำดีอยู่นะทุกอย่างด้วยความเคารพ ถ้าว่าหลวงตาสั่งเท่านั้นนะเอาใหญ่ท่านชิต เพราะท่านเคารพมากเคารพเรา ถ้าว่าหลวงตาสั่งแล้ว โอ๋ย เคลื่อนไม่ได้นะ ใครจะจริงจังยิ่งกว่าหลวงตาเราไม่มี ขึ้นอย่างนั้นเลย ใครจะจริงจังยิ่งกว่าหลวงตาเราไม่มี ต้องทำอย่างที่ท่านสั่ง เหลาะแหละไม่ได้นะ ถ้าท่านมามองดูท่านไล่เบี้ยเอานะ ไล่เบี้ยก็คือทำไม่ดีทำชุ่ยๆ ต้องทำให้ดีนะ หลวงตาเราไม่ได้นะ ท่านเคารพมาก เพราะฉะนั้นท่านถึงกลัวมากละซิ เอาจริงเอาจังมาก

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก