เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๐
ความตายต้องไม่เหนือความสัตย์
เป็นยังไงเขาเอาต้นไม้มา ดูมาจากชลบุรี ท่านพฤกษ์ รถใหญ่เต็มเอี๊ยดเลย มีหลายชนิดของต้นไม้ เขาเขียนบอกไว้หมด ใครจะเอาไปปลูกที่ไหนๆ ก็ได้ เป็นสาธารณประโยชน์หรือประโยชน์ส่วนตัวก็แล้วแต่เถอะ นี่ก็มาหลายคันรถแล้ว ทางนี้ก็ปลูกตลอด เมื่อเช้านี้ก็มาคันหนึ่ง แน่นเลย อย่างละ ๙ ต้น ๑๐ ต้น คือชนิดละ ๙ ต้น ๑๐ ต้น เราออกไปเราอ่านดู นี่ก็มาจากเมืองชล ท่านพฤกษ์ คุณแม่บังอรที่เป็นมารดาของท่านพฤกษ์ สกุลนี้เป็นสกุลมั่งคั่งสมบูรณ์ สกุลเศรษฐีก็ไม่ผิด ในเมืองชลรู้สึกนี้เป็นอันดับหนึ่ง
ที่เขาโจมตีว่าท่านเอาเงินในวัดเขาเขียวไปสร้างรีสอร์ตรีแสดอะไร มันหลับตาพูดไอ้พูดนี่ ทั้งหลับตาพูด ทั้งปากอมขี้ด้วย มันหาเรื่องใส่คนดี ปากมันอมขี้มันไม่ดู ก็ได้ยินชัดๆ เห็นชัดๆ เราก็พูดได้ชัดเจนละซิ คนปากเหม็นปากสกปรกที่อุตส่าห์ขวนขวาย วัดเขาเขียวจะมีอะไรที่นั่นเราขึ้นไปดูแล้ว มีแต่ที่บำเพ็ญสมณธรรมล้วนๆ เลย กับพวกสัตว์พวกอะไรเต็มอยู่นั้น เลยสัตว์กับพระก็ดูเป็นอันเดียวกันนะแปลกอยู่ สัตว์ไม่ใช่สัตว์ธรรมดา พวกหมี พวกเสือ พวกกวางพวกเก้ง เต็มอยู่แถวๆ นั้นเพราะเราเดินไปดู กุฏิมี ๔ หลัง ๕ หลัง อยู่ห่างๆ กัน ก็เหมาะสมๆ เราไปเที่ยวดูหมด
ว่าท่านเอาเงินจากเขาเขียวไปสร้างรีสอร์ต มันหลับตาพูดมันไม่ได้ไปดูเสียก่อนว่าเขาเขียวอยู่ที่ตรงไหนทวีปไหน มันไม่ได้ไปดูนะ ไปโจมตีผู้ดีหาว่าท่านเอาเงินในสำนักเขาเขียวไปสร้างรีสอร์ต อันนี้เราไปเห็นเอง พูดให้มันชัดเจน หาเรื่องใส่กันมนุษย์เรา คือปากสกปรก จิตสกปรก เวลาแสดงออกมีแต่เรื่องสกปรก เรื่องความเป็นอรรถเป็นธรรมต่อกันนี้ไม่มี เพราะไม่มีในตัวเอง ถ้าความเป็นธรรมมีในตัวเองออกข้างนอกไปก็เป็นธรรม ถ้ามีแต่ความสกปรกแล้วออกไปก็เป็นเรื่องสกปรก ใจอมขี้ปากออกไปก็อมขี้ กิริยาออกไปก็อมขี้ทั้งหมด ขี้เป็นของดีไหมล่ะ ของสกปรกใช่ไหม แต่มันชอบอมนะ มนุษย์ผู้เลวทรามชอบไปหาอมอย่างนั้นละ อมของสกปรก จึงเรียกว่าปากอมขี้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจิตใจ จิตใจสำคัญมาก เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้อบรมทางด้านจิตใจให้ดี ถ้าจิตใจสะอาดแล้วอะไรออกไปจะสะอาดๆ ทั้งหมด อย่างสกุลท่านพฤกษ์ คุณแม่บังอรนี้ในจังหวัดชลจะว่าเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งก็ไม่ผิด สกุลนี้เป็นสกุลที่มั่งคั่งสมบูรณ์มากทีเดียว และเป็นสกุลเต็มไปด้วยอรรถด้วยธรรม การทำบุญการให้ทานไม่อัดไม่อั้นเลย ก็คิดดูซิต้นไม้จากจังหวัดชลมาไม่รู้ว่ากี่เที่ยวรถแล้ว เมื่อเช้านี้ก็มาคันหนึ่งชนิดละสิบต้นๆ มาหลายชนิดเต็ม เราเดินออกไปข้างนอกไปเห็นแล้วเมื่อเช้านี้ มาจากเมืองชล ท่านพฤกษ์กับคุณแม่บังอร จังหวัดชล มาทำบุญให้ทาน
นี่ก็ปลูกไปขยายออกไปให้เป็นประโยชน์แก่ชุมนุมชน ใครจะต้องการเอาไปปลูกเท่าไรเราไม่หวง เพื่อเป็นประโยชน์เท่านั้นเราพอใจ นี่ท่านพฤกษ์กับโยมแม่ท่านเอามาหลายคันรถแล้วนะ ต้นไม้หลายคันรถ เมื่อเช้านี้ก็เอามาเต็มคันรถ ใครจะต้องการเอาไปปลูกเราก็ให้เพราะมันมาก แยกออกไป ใครจะไปปลูกตามไร่ตามสวนใครก็ได้ สำหรับวัดนี้ปลูกเต็มไปหมดแหละ
ลำไยเราไม่ค่อยดี ลำไยที่เอามาปลูกเหล่านี้มีแต่ลำไยกะโหลก แต่เวลามาปลูกแล้วลูกเท่านี้ กะโหลกทั้งนั้นเอามาปลูก เอาอย่างพันธุ์ดีๆ ทั้งนั้นมาปลูก ครั้นแล้วก็เป็นอย่างนี้ ลูกเท่านี้ลำไยกะโหลก คือดินฟ้าอากาศ คงจะเป็นเพราะดินอาหารไม่พอ พวกปุ๋ยสำคัญมาก ถ้าปุ๋ยพอน้ำพอจะขึ้นได้ดี เพราะลำไยที่ไหนก็มีทุกภาค แต่ชนิดอื่นๆ มันเลือกบ้างนะ เช่นอย่างพวกเงาะพวกทุเรียนอย่างนี้ ภาคอีสานไม่มีทางขึ้นแหละ มันขึ้นอยู่ตามที่เขาขึ้นได้ เช่นภาคตะวันออก ปราจีนบุรี จันทบุรี ภาคกลางพวกทุเรียนมีได้หมด แต่ภาคอีสานไม่เป็นท่า เอาอะไรไปปลูกตายหมด ภาคอีสานเป็นภาคยักษ์อะไรก็ไม่รู้ เข้าใจไหม อ้าว พูดตามเรื่องความจริง คือดินฟ้าอากาศไม่ดีเลย ภาคอื่นดินฟ้าอากาศดี ปลูกอะไรก็ขึ้นๆ อันนี้ไม่ขึ้น
เราได้พยายามหลายอย่าง เอามาจากจันท์เลยเชียว เราสั่งให้เอามา พวกเงาะพวกทุเรียนเกือบทุกชนิด เอามาจากจันท์เลยละ ขนใส่รถมาปลูก เราเป็นคนสั่ง เราอยากจะเห็นตัวจริงของมันเป็นยังไง ภาคอีสานมันขี้เกียจขี้คร้านมีแต่กินเหรอ สิ่งเหล่านี้เอามาจากภาคตะวันออก ภาคอีสานเอามากินมันปลูกไม่ได้เหรอ เอามาปลูกดูซิ แล้วเอาจริงๆ นะ จริงด้วยนะเรา ตั้งใจปฏิบัติจริงๆ มันจะเป็นยังไงคอยดู ไม่เป็นท่า ทุเรียนต้นอยู่นี้มีลูกเดียว พอให้ทราบว่าทางภาคอีสานทุเรียนปลูกก็ขึ้นเหมือนกัน มีลูกเหมือนกัน มีลูกเดียว เป็นอย่างนั้นจะให้ว่าไง จากนั้นมาเราเลิกเลยนะ คือทำให้เห็นเหตุเห็นผลทุกอย่างแล้วเลิกๆ
พวกเงาะเอามาปลูกทีแรกเต็มหมด ตายหมด ทุเรียนเอามาปลูกเห็นลูกเดียว นอกนั้นเรียบวุธไม่มีเหลือ อ๋อ มันเป็นเพราะดินฟ้าอากาศจริงๆ คือด้วยความดูแลจริงๆ แต่มันก็ไม่ขึ้น ปลูกที่น้ำบ่อ ทำอะไรต้องทำให้เห็นเหตุเห็นผล เมื่อเห็นแล้วก็ปล่อยละที่นี่ หายสงสัย อย่างทุเรียน เงาะอะไรมาปลูกเต็มไปหมด ไม่เป็นท่า จากนั้นปัดออกเลย มันจะตกแม่น้ำโขงทวีปไหนช่างหัวมัน ไม่เอาเลยไม่ปลูก อาศัยภาคอื่นๆ มากินอยู่ทุกวันนี้ ทุเรียนมาจากภาคตะวันออก ทางจันท์ มาเต็มอยู่นี่ทุเรียน เงาะ ลางสาด มีหมด มันไม่มีต้นแต่มีลูกอยู่นี้ ต้นมันอยู่นู่นทางจันทบุรี ทางภาคตะวันออกจันทบุรี ปราจีนบุรี ต้นผลหมากรากไม้อยู่โน้นแต่ลูกมันมาอยู่ที่นี่ วัดป่าบ้านตาดเต็มหมดนะ มันก็แปลกอยู่ คือดินไม่ดี
วันหนึ่งๆ เราไปสงเคราะห์โลกทุกวันๆ ไม่ได้ขาด ไปแต่ละวันเต็มรถๆ เทปั๊วะๆ ถ้าเป็นโรงพยาบาลก็ให้โรงละสองหมื่น ให้ทุกโรงๆ ละสองหมื่นๆ อาหารเรียกว่าเต็มรถ พระท่านเคยแล้วว่าจะไปโรงพยาบาลเท่านั้นท่านจัดให้พอดีๆ เมื่อวานนี้ก็ไป เต็มรถเหมือนกัน วันนี้คนบางตาหน่อย ทุกวันเต็ม ตอนกลางวี่กลางวันนี้ไหลเข้าไหลออกตลอด เราอยู่กุฏิมองมาเห็น กลางวี่กลางวันเต็ม เข้ามาหน้าศาลาพอ จากนั้นออก ทางนี้เขียนติดป้ายไว้หมดห้ามเข้าๆ รอบเลยเพราะเป็นทำเลภาวนาของพระ
ขนาดนั้นนะเรารักสงวนพระทางด้านจิตตภาวนา ไม่ให้มีอะไรไปแตะ เราก็ไม่เคยไปกวนท่าน เรื่องหน้าที่การงานอย่างอื่นไม่ให้มี ให้มีแต่ภาวนาอย่างเดียว เรารักเราสงวนเพราะเราดำเนินมาอย่างนั้น เรายิ่งจริงกว่าพระอีกไม่ใช่คุย งานการใดมายุ่งเราไม่ได้ ตั้งแต่วันออกปฏิบัติ พรรษา ๗ ถึงพรรษา ๑๖ มีตั้งแต่งานภาวนาอย่างเดียว ไปคนเดียวๆ ตลอด งานจะมาแทรกนั้นแทรกนี้ไม่มี ถึงขนาดนั้น ตั้งแต่พรรษา ๗ ถึงพรรษา ๑๖ ฟาดกันตก กิเลสตกเวทีในพรรษานั้นละ พรรษาที่ ๑๖ วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ ได้พูดให้ฟัง
ตั้งแต่เริ่มออกจากการศึกษาเล่าเรียนแล้ว ก็ไปอำเภอจักราช จำพรรษาแล้วก็บึ่งถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่น จากนั้นมาแล้วก็เอาเลย เป็นที่ลงใจทุกอย่างแล้วจากอรรถจากธรรมของท่านที่แสดงให้ฟังถึงใจ เมื่อถึงใจแล้วมันเอาจริงนะนี่ ถ้าลงทำอะไรแล้วจริงทั้งนั้น ได้รั้งเอาไว้ นิสัยเรามันนิสัยผาดโผน เอาจริง ถ้าลงได้ทำอะไรขาดไปเลยเชียว มันเป็นอยู่ในจิตนะ มันไม่มีที่ว่าเอนโน้นเอนนี้ไม่มี ตรงแน่วเลย ว่าจะไปทางไหนพุ่งขาดเลยๆ ฆ่ากิเลสของเจ้าของก็แบบเดียวกัน นี่ละนิสัยมันออกไปจากในใจ ฆ่ากิเลสก็คิดดูซิเป็นเวลา ๙ ปี ไม่มีอะไรมายุ่งนะเรา พ่อแม่ครูจารย์เสริม ท่านเสริมอยู่ ท่านเห็นความตั้งใจของเรา
อยู่กับท่านบางทีก็ได้รั้งเอาไว้ คือท่านรู้นิสัยผาดโผนเอาจริงเอาจังทุกอย่าง ท่านเป็นคนรั้งเอาไว้ให้อยู่พอประมาณ เช่น นั่งตลอดรุ่งอย่างนี้ เว้นคืนหนึ่งสองคืน ฟาดเสียจนก้นแตก ไปเล่าความอัศจรรย์ให้ท่านฟัง ทีแรกท่านก็ชมเชย ก็ท่านเป็นจอมปราชญ์เราเป็นจอมโง่ว่าไง ท่านก็ชมเชย เราก็ยิ่งมีแก่ใจ เห็นใบไม้แห้งใบไม้สดนึกว่าคู่ต่อสู้จะกัดละนะหมา เข้าใจไหม ท่านรั้งเอาไว้ ยกสารถีฝึกม้ามา แน่ะ เราก็เข้าใจ จากนั้นเราก็ไม่นั่งตลอดรุ่งอีก ท่านคอยรั้งๆ เพราะท่านรู้นิสัยผาดโผน เพราะฉะนั้นเวลาไป จะไปกี่องค์ ไปองค์เดียว ท่านขึ้นทันทีเลย เอา ท่านมหาไปองค์เดียวนะใครอย่าไปยุ่งท่าน ขึ้นอย่างเด็ดด้วยนะ
ถ้าเป็นเรื่องของเราแล้วเด็ด เพราะท่านรู้นิสัย เป็นอย่างนั้นตลอดมาตั้งแต่พรรษา ๗ ถึงพรรษา ๑๖ ถ้าว่าลงเวทีก็ได้ลง กิเลสม้วนเสื่อวันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ เวลา ๕ ทุ่มเป๋งพอดี หลังวัดดอยธรรมเจดีย์ ไม่ลืมเพราะเป็นเรื่องใหญ่โตมากที่สุดเลย เรื่องฆ่ากิเลสไม่มีอะไรที่จะหนักมาก เพราะกิเลสเป็นเจ้าอำนาจครอบสามโลกธาตุ กิเลสเป็นเจ้าอำนาจทั้งนั้น ฟาดมันลงจากหัวใจนี้กระเทือนเลย ไม่ใช่เล่นๆ นะ ต้องเอาอย่างหนักเหมือนกัน ก็เข้ากันกับนิสัยอันนี้ นิสัยอันนี้มันเอากันได้ ฟาดเหมือนฟ้าดินถล่ม
นิสัยมันจริงจังทุกอย่าง ถ้าลงอะไรแล้วไม่มีคำว่าเหลาะแหละ ยิ่งปลงใจแล้ว ใช่แล้ว เอาขาดสะบั้นเลย ถ้ายังไม่ลงใจก็เหมือนเครื่องบินร่อนอยู่ ถ้าสนามยังไม่ปลอดภัยก็ต้องร่อนไปเรื่อย พอแน่นอนแล้วพุ่งเลย อันนี้ก็เหมือนกันถ้ายังไม่ลงใจความเพียรก็ยังไม่หนัก คอยอยู่ พอแน่ใจแล้วพุ่งเลย เป็นตายก็ว่ากันเลย เป็นอย่างนั้น นิสัยของเรารู้สึกจะต่างคนทั้งหลายอยู่มากในเรื่องความสัตย์ความจริง ความสัตย์ความจริงนี้จริงมากทีเดียว เอาจริงเอาจัง ไม่ละเรื่องความสัตย์ของเจ้าของ เจ้าของจะตายก็ตายถ้าลงได้อย่างนี้ละนะ เท่านั้นละพอ ความตายต้องไม่เหนือความสัตย์ ความสัตย์เหนือกว่า อย่างนั้นละ
เราเห็นคุณค่าของความเอาจริงเอาจังมาตลอด ไม่ใช่ทำเหยาะๆ แหยะๆ เหลาะๆ แหละๆ แล้วจะเอามรรคเอาผลมาจากไหน ต้องให้จริงให้จังทุกอย่าง เพราะกิเลสเป็นของเล็กน้อยเมื่อไร มันเป็นเจ้ามหาอำนาจครอบสามโลกธาตุ ฟาดมันลงจากหัวใจฟ้าดินถล่มโน่นน่ะของง่ายเมื่อไร เอาละที่นี่นะพอ จะให้พรแล้วก็จะไปธุระของเรา
ท่านชิตนี้ดูว่าเอาไปถึงวัดสวนแสงธรรมแล้ว เรื่องการเผานี้เราก็เปิดโอกาสไว้ทางวัดอโศการามก็ได้ วัดอาจารย์เจี๊ยะก็ได้ เพราะเป็นทำเลที่เหมาะ ในวัดเรานี้ขัดต่อกฎหมายเขาเราก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้เผาที่สวนแสงธรรม กะว่าจะไปเผาวัดอโศฯ หรือไม่ก็วัดอาจารย์เจี๊ยะ ก็คงจะเป็นวัดอาจารย์เจี๊ยะเพราะใกล้ ท่านชิตตาย ท่านเหลิมแขนหัก เอาไปสวนแสงธรรมแล้ว เราเปิดโอกาสให้แล้วจะเอาไปเผาวัดไหนเผา ถ้าไม่ขัดข้องทางกฎหมายเป็นวัดที่สวนแสงธรรมก็ได้ แต่มันขัดทางกฎหมายเขาก็ทำไม่ได้ คงจะไปวัดอาจารย์เจี๊ยะนะ คงจะไปที่นั่น
(เผาศพวันที่ ๘ กรกฎาคม ที่วัดท่านอาจารย์เจี๊ยะครับ) ช่วงนั้นเราจะลงไปกรุงเทพ ถ้าลงเราก็อยู่ที่งานแหละ ถ้ายังไม่ลงก็ยังไม่ไป วันที่ ๘ นะ นั่นก็ไม่ทราบว่ารถคว่ำหรือคนคว่ำ ท่านชิตตาย ท่านเหลิมแขนหัก จะเผาวันที่ ๘ เดือนกรกฎา เป็นเวลาที่เราลงกรุงเทพพอดี น่าจะเป็นวัดอาจารย์เจี๊ยะนะเผา
(หมอรุ่งเรือง ทำบุญอาจารย์ชิต ๑,๐๐๐ บาทครับ) มีหมอรุ่งเรืองคนหนึ่งที่เด่นอยู่ในวงแพทย์วงหมอ นอกจากนั้นจะเป็นอะไรก็ไม่ทราบ เราพิจารณาทุกแง่ทุกมุมนะ เอาธรรมออกพิจารณา สูงสุดคือธรรม ออกพิจารณาอะไรไม่มีผิด ธรรม ไม่มีอะไรเหนือกว่า เพราะฉะนั้นเราจึงเอาธรรมออกวินิจฉัยพิจารณา เรื่องหมอรู้สึกจะห่างเหินทางด้านอรรถด้านธรรมมากอยู่ อย่างที่เห็นหมอรุ่งเรืองอันนี้เป็นลูกวัดเลย หมอรุ่งเรืองกับหมอสานิตย์ เป็นลูกพระลูกพระพุทธเจ้าจริงๆ ไม่ได้เรียนสรีรศาสตร์มาเพื่อแก้โรคแก้ภัย สรีรศาสตร์เพื่อแก้กิเลสตัณหา ยกเมฆความทุกข์เกิดแก่เจ็บตายขาดสะบั้นลงไปเพราะสรีศาสตร์ของพระพุทธเจ้า สรีรศาสตร์ของหมอนี่เรียนเพื่อแก้โรคแก้ภัย ต่างกันนะ เราจะเอาสรีรศาสตร์ของหมอไปเทียบกับสรีรศาสตร์ของพระพุทธเจ้าไม่ได้ เข้ากันไม่ได้เลย คนละโลก พากันจำเอาไว้
นี่เราเปิดออกตามหลักความจริง สรีรศาสตร์ของพระพุทธเจ้านี้แยกออกหมดจนกระทั่งปล่อยโดยสิ้นเชิง สรีรศาสตร์ของหมอที่เขาเรียนมาบางคนมีเมียตั้งสี่คนห้าคน มันสรีรศาสตร์ขี้หมาอะไรก็ไม่รู้ เข้าใจเหรอ เราพูดได้อย่างสบาย เราไม่มีอะไรกับโลก พูดชัดๆ อย่างนี้ละ ถึงจะพูดอะไรพอพูดแล้วหายเงียบๆ นะ ไม่ว่าจะพูดหนักพูดเบาพูดนิ่มนวลอ่อนหวานไพเราะเพราะพริ้ง เด็ดขาดเฉียบขาดขนาดไหนก็ตาม เหมือนเขาถากไม้ อันนี้มันคดมันงอถากแรง ถากจะเอาไม้นั่นแหละ ไม่ใช่ถากทำลายไม้ อันนี้มันตรงก็ถากเรียบๆ ๆ แบบนั้นละธรรมะพูดออกไป จะหนักจะเบาก็เหมือนเขาถากไม้ คือสอนคนให้ดี ควรหนักก็หนัก ควรเบาก็เบา เหมือนเขาถากต้นเสามาทำบ้านทำเรือน เอาละให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |