เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
ฝนตกถนนลื่น
ก่อนจังหัน
(ถวายปัจจัยงานศพท่านอาจารย์ชิตค่ะ) เออ ท่านชิตก็รถพาคว่ำลงไหนไม่รู้ ประจวบหรือว่าไง (ประจวบครับ อ.บางสะพานใหญ่) คว่ำที่ตรงไหน (เขตอ.บางสะพานใหญ่ครับ) แล้วท่านเหลิมด้วย ดูว่าท่านชิตตายเหรอ ท่านชิตตาย ท่านเหลิม แขนหัก รถเวลาฝนตกที่เราเตือนเสมอ บอกคนขับให้รถเคลื่อนที่เบาๆ คือเวลาฝนตกหนักมันเป็นอย่างนี้ละ ลื่นแป๊บเดียวไปเลย นี่ท่านชิตก็ไปตอนฝนตก แล้วรถคว่ำ ถนนมันลื่น ท่านชิตตาย ท่านเหลิมแขนหัก อย่างนั้นละพากันระมัดระวัง ขับรถขับราเวลาฝนตกนี่สำคัญมาก ลื่นอย่างราบรื่นเสียด้วย ลื่นปั๊บเดียวเลย เวลารถเราลื่นนี้ผางลงไปนู่นเลย ให้พร วันนี้วันที่ ๑๙ เหรอ (ครับ) น้ำเริ่มมาวันที่ ๑๙ (น้ำห้วยหมากแข้ง)
หลังจังหัน
เมื่อวานนี้มังที่ว่ารถท่านชิตไปคว่ำ (ครับเมื่อวานนี้) ตอนค่ำหรือตอนไหน (ตอนช่วงบ่ายๆ ครับ) ตอนบ่ายๆ รถท่านชิตท่านเหลิมไปประจวบ ไปคว่ำที่ประจวบตอนฝนตก อย่างนั้นละฝนตกๆ มันลื่น ท่านชิตตาย ท่านเหลิมแขนหัก ไม่ทราบแขนซ้ายแขนขวา แต่ว่าแขนหักข้างหนึ่ง คือตอนฝนตกถนนลื่น ฝนตกได้ระวัง เขาก็ยังเขียนบอกไว้ เขาทำรูปภาพไว้ตามข้างถนน ฝนตกน้ำไหลลงมา ฝนตกถนนลื่น เขาบอกไว้
เวลามันลื่นมันเร็วนะ ไม่ใช่ลื่นธรรมดา พอลื่นปั๊บพุ่งเลย ลื่นนี่เร็วมาก ลื่นออกจากถนนปั๊บพุ่งเลย เร็ว เราไปเห็นที่ไปหนองคาย รถเราก็รถบีเอ็ม มันก็เร็วอยู่แล้วเป็นร้อยแล้ว ขับจากนี้ไปหนองคาย รถอีกคันหนึ่งตามหลังมาจากไหนไม่รู้ มานี้ผึงเลย โฮ้ เราก็ว่างั้นละ พูดยังไม่ขาดคำนะ รถคันนี้มันเอาเครื่องบินมาสวมใส่เข้าไปเหรอมันถึงเหาะบนแผ่นดินนี่น่ะ เราว่างั้น มันเร็วผิดปรกติ ก็มองเห็นอยู่นี่ ไปนี้ก็ไปแซงคันหน้าอีก แซงเขาอีกลงโน่นเลย ลงโน่นแซง ถนนมันไม่เป็นคลองนะ มันไม่เป็นหลุมเป็นบ่อมันเรียบๆ ลงไป มันก็เตลิดลงไปโน่นเลย ก็ไม่เป็นไรละ ไม่เจ็บ เพราะตีนถนนมันเรียบๆ ลงไป เนินๆ ถ้าหากว่าเป็นหลุมเป็นบ่อ โห น่ากลัวเหมือนกัน
มันผาดโผนเกินไป เราพูดยังไม่ขาดคำเลย ก็เป็นให้เห็นต่อหน้าต่อตา คือรถเราวิ่งไป ตอนนั้นฝนตก เราก็ไปธรรมดา คือที่เราไปมันก็ไม่มีรถมีราอะไร ก็ไปร่วมร้อยร่วมอะไรนี่ละ คนขับรถของเราก็เก่ง แล้วขับให้เราก็เก่ง คือเพื่อเรา เชาวลิต ลูกของ... ที่ไปตายอยู่ถ้ำกลองเพล ถึงอายุขัยอยู่ถ้ำกลองเพลตาย นี่ละลูก...นี่ละ มันขับรถเก่ง เราก็นั่งรถบีเอ็มไป นั่งรถเชาวลิตไป ไปก็แซงปุ๊บไป ฝนตก อะไรผิดสายหูสายตาเราแล้วมันก็เป็นจนได้ นี่ก็พูดยังไม่ได้ขาดคำ รถเราก็วิ่งธรรมดาๆ แล้วฝนตกถนนลื่น รถคันนี้ไม่ทราบมาจากไหนพุ่งเลย ผิดหูผิดตา อู๊ย มันแซงอะไรรวดเร็วนักหนารถคันนี้น่ะ เราว่างั้น มันผิดปรกติ ไปก็ไปแซงคันหน้าก็ลงนู่นเลย พอดีที่ริมถนนมันเรียบๆ ไป แซงเตลิดวิ่งไปตามหญ้า ถ้าหากเป็นคลองแล้วเสร็จเลย เวลามันลื่นนี้เร็วนะ ผึงเลยทันที รถเวลามันลื่นเหมือนว่าบินไปเลย
ท่านชิตก็ปรึกษาหารือกันเสียเรื่องศพ (ทางญาติทางพระว่าจะตั้งศพที่สวนแสงธรรม กรุงเทพ ส่วนวันเผาให้หลวงตาพิจารณาว่าจะเอาวันไหน) ตั้งเลยสวนแสงธรรม ตั้งที่ไหนตั้งเลย แล้วการกำหนดก็แล้วแต่จะพิจารณากัน ถ้าเกี่ยวกับเราก็ต้องเป็นเวลาเราไปกรุงเทพเดือนกรกฎา เราจะไปกรุงเทพระยะนั้น ตั้งศพที่สวนแสงธรรมเลยสะดวก ศาลาก็ตั้งสองหลังใหญ่
(ขอถามปัญหาหลวงตาครับ ช่วงที่พิจารณาร่างกายไปแล้ว ตายร่างจมดิน อุปาทานก็จมไปเหลือแต่นามอยู่ลอยๆ อย่างหนึ่งผมเดินจงกรมไปมันเจ็บเท้าแตก พอพิจารณาไปจิตมันไม่เจ็บ ก็รู้ว่ามันเป็นอุปาทาน เดินจงกรมมันเจ็บ ถ้าตัดอุปาทานกายที่มาเกาะจิตออกมันก็ไม่เจ็บ ผมมากราบหลวงตาอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ หลวงตาบอกว่ายังมีอีกตัวที่มันยืนจังก้าอยู่กลางห้อง ผมพิจารณาแล้วยังเหลือจิตอีกตัวหนึ่ง มันติดอุปาทานในตัวมันเอง พอถอนอุปาทานแล้วตอนนี้ว่างหมดเลย แล้วผมจะปฏิบัติอย่างไรต่อไปครับ)
เวลานี้กำลังอยู่ในเวลาว่างเหรอ (ครับ ว่างหมดเลย) เวลานี้กำลังอยู่ในว่างหมด แล้วให้ดูตัวที่ว่าว่างหมด นั่นละตัวนั้นยังไม่ว่าง มันยังไม่วาง ถ้าวางแล้วก็ว่างเสมอกันหมด มันมีอยู่สองว่าง พอพิจารณาร่างกายมันหมดสภาพร่างกายแล้วร่างกายจะไม่มี ตั้งพับดับพร้อมๆ จะเหลือแต่อากาศธาตุว่าง พอตั้งปุ๊บเป็นนิมิตปั๊บ ก็เหมือนแสงหิ่งห้อยดับแล้ว มีแต่ความว่าง แต่เราก็อาศัยอันนั้นแหละตั้งไว้เป็นการฝึกซ้อม ฝึกซ้อมความว่างของเราให้ชำนาญ ให้ละเอียดเข้าไปถึงภายใน พออันนี้ละเอียดเข้าไปมันจะว่างเข้าไปๆ ตัวภายในคือตัวจิตยังไม่ว่าง มันยังมองอยู่ข้างนอกว่าว่างๆ ตัวที่ยืนอยู่นี้ไม่ว่างไม่ดู พอเจ้าของวกกลับเข้ามาปั๊บแล้วว่างๆ และวางหมดเลย นั่นเรียกว่าว่างแท้
(อันนี้ผมตัดกายออกไปแล้วเหลือแต่จิตตัวเดียว แล้วหลวงตาบอกว่ามันยังยืนจังก้าอีกตัวหนึ่งมันอยู่ตรงกลางมันยังไม่ออกคือตัวจิต ผมก็พิจารณาถอน ก็มาติดตัวอุปาทานมันเอง พอถอนปั๊บทุกอย่างมันจะว่างหมดเลย) ถ้าว่างด้วยความสำคัญตามครูอาจารย์มันว่างด้วยความสำคัญ ไม่ว่างด้วยหลักธรรมชาติ ว่างด้วยหลักธรรมชาติคือปัจจุบัน มันจะว่างของมันผึงเลย เข้าใจเหรอ คือพอครูอาจารย์ท่านว่าว่างอย่างนั้นว่างอย่างนี้ เราไปหมายเอา รู้สึกตัวว่าว่างทั้งๆ ที่ยังไม่ว่าง มี เข้าใจไหม นั่นละการพิจารณา พอพูดอย่างนี้มันก็มีคำรับกันปุ๊บทันทีเลย
(ผมอยากถามหลวงตาว่าปฏิบัติขั้นต่อไปจะทำยังไง) ถ้ายังทำยังไงอยู่นั่นเรียกว่ายังไม่ว่าง ต่อไปนี้จะทำยังไง อย่างนั้นเรียกว่ายังไม่ว่าง ถ้าว่างแล้วหายหมด ไม่มีคำว่าต่อไปนี้จะทำยังไง แม้อยู่ต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าก็ตามเถอะ พอว่างปึ๋งถึงกัน ทะลุปึ๋งนี้ไม่ทูลถามพระพุทธเจ้า เหมือนกันแล้ว นั่น มันหายสงสัยแล้วไม่ถามใครแหละ พอมันผางขึ้นมาหายสงสัยแล้ว แม้นั่งอยู่ต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าก็ไม่ทูลถาม สนฺทิฏฺฐิโก รู้ผลงานของตนว่าสมบูรณ์แบบแล้ว มันก็เหมือนกัน สนฺทิฏฺฐิโก รู้ผลงานของตนเต็มที่แล้วก็เหมือนพระพุทธเจ้า ไม่ทูลถาม
ก็คิดดูซิอย่างพระอัญญตรภิกขุจะไปทูลถามปัญหาอย่างนี้ ปัญหาหัวเลี้ยวหัวต่อ พอไปนั้นฝนตกเลยไปยืนอยู่ข้างล่าง พระพุทธเจ้าอยู่ข้างบน ยังไม่ขึ้น ฝนตกดูน้ำมันตกลงมามากระทบกันตั้งเป็นต่อมเป็นฟองขึ้นมาแล้วดับไปๆ ท่านก็พิจารณานี้เทียบกับภายใน สังขารเกิดดับๆ เกิดจากจิต ดับลงไปที่จิต อันนี้กระทบกับน้ำก็ดับลงไปก็เป็นน้ำตามเดิม พิจารณานี้เลยบรรลุธรรมปึ๋ง พอบรรลุธรรมแล้วกลับเลยไม่ไปทูลถามพระพุทธเจ้า นั่นละ สนฺทิฏฺฐิโก เต็มภูมิแล้วไม่ไปทูลถาม อันนี้เมื่อมันเต็มภูมิแล้วก็ไม่ถามใครละ เข้าใจเหรอ ถ้ายังมีอะไรถามอยู่แสดงว่ายัง ถ้ามันหมดโดยประการทั้งปวงแล้วไม่ต้องถามใคร สนฺทิฏฺฐิโก เต็มภูมิ รู้ผลงานของตนว่าเต็มภูมิแล้ว เท่านั้นละ
(ดิฉันเป็นตัวแทนของโรงพยาบาลท่าวุ้ง จ.ลพบุรี กราบขอเมตตาสร้างตึกคนไข้เพิ่มค่ะ) เรายังไม่ให้ เวลานี้สร้างอยู่หลายหลังยังไม่หยุดเลย จ่ายเป็นงวด ทางนี้จ่ายงวดๆ จ่ายงวดตลอดเลย ผู้ขอขอไม่ถอย ผู้ให้ให้จนหมด เข้าใจไหม เดี๋ยวนี้มันหมด ไม่ได้ให้ละ เท่านั้นละ ตัดขาดไปแล้วยังไม่ให้ เพราะเวลานี้กำลังสร้างตึกอยู่หลายหลัง เมื่อวานนี้ก็ไปภูเขียวไปดูตึก ๘๐% แล้วจวนจะเสร็จตึกหลังนั้น ไปก็เอาของลงปึงปังๆ แล้วก็ถามเขา ว่ายังอีก ๒๐% จะเสร็จ จากนั้นเราก็ออกเลยกลับเลยเมื่อวาน ตึกสองชั้นดูว่า ๑๑ ล้านหรือไงลืมแล้ว
อย่างนั้นละไม่ได้อยู่นะ การช่วยโลกช่วยไม่หยุดเพราะเราไม่เอาเงินเราบอกแล้ว เราไม่เอาอะไรทั้งนั้นในสามแดนโลกธาตุ ไม่ว่าวัตถุไม่ว่านามธรรม ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง สำหรับวัตถุก็เกี่ยวกับเรื่องความเมตตาที่ยังไม่ปล่อย ความเมตตานี้เกี่ยวข้อง จึงต้องไปสงเคราะห์ทางโน้นทางนี้เรื่อย เมื่อมันหมดแล้วก็หยุดไว้ก่อน แล้วสงเคราะห์กันไปเรื่อยๆ อย่างนี้ เวลานี้กำลังเงินหมด เข้าใจไหม มันมีมาค่อยเอา ถ้าไม่มีก็เป็นอันว่าหมดไปเลย เท่านั้นละไม่มีข้อผูกพัน ถ้ามีมาอาจให้ก็ได้ หรือคนอื่นจำเป็นมาขอ เขาจำเป็นกว่าให้เขาก็ได้ มันหลายขั้น แต่เวลานี้ยังไม่มี เข้าใจไว้นะ ยังไม่มี หมด
เมื่อเช้านี้น้ำห้วยหมากแข้งมาแล้ว ไหลมาแล้ว มันตกทางโน้น ค่อยไหลมาๆ เมื่อวานครึ่งฝั่งแล้ว ไหลออกทางโน้นก็ออก ทางเป็นช่องตะวันออก ออกไปทางโน้นก็ออก ลงทางนี้ก็ลง แล้วเขาก็กั้นตาข่ายไว้กลัวปลาจะออก เขากั้นไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เราไปเมื่อเช้านี้ไปเห็น เขาเอาลวดกั้นไว้ ลวดเหล็กกั้นเอาไว้กลัวปลาจะลง ปลาเต็ม มันจะออกไปทางไหนหรือทางโน้นก็แล้วแต่ แต่ทางนี้ดูเขาไม่ให้ลง ลงไปทางเขื่อนใหญ่นะ เขาปิดกั้นไว้หมดลงไม่ได้เลยแหละ มันจะลงที่อื่น มันมีช่องทางด้านตะวันออก น้ำพึ่งมาเพราะมันตกเล็กๆ น้อยๆ ตกไม่หยุดไม่ถอยก็มากเอง
เออ ศพท่านชิตล่ะว่าไง (ท่านชิตก็ตั้งที่สวนแสงธรรม) เขาว่าจะตั้งที่สวนแสงธรรม ตั้งนั้นก็ได้เผานั้นก็ได้ไม่ยากอะไรเลย (เขาก็เลยกราบเรียนเลยว่า วัดใกล้ๆ ก็วัดพระครูหรั่ง วัดราษฎร์ ถ้าจะเผาก็สะดวกดี) เผาของท่านก็ได้ พระครูหรั่งกับวัดนี้ก็เป็นอันเดียวกัน พระครูหรั่งกับเราเป็นอันเดียวกัน วัดท่านอยู่ข้างนั้น วัดเราอยู่ทางนี้ ข้ามปั๊บไปนี้ก็ไปวัดพระครูหรั่งเลย ก็ได้ ติดต่อกันเสีย แล้วแต่จะตกลงกันยังไง จะเผาที่วัดพระครูหรั่ง หรือจะสร้างเมรุขึ้นเผานี่ เมรุก็ไม่เห็นยากอะไรเมรุกรรมฐาน ถ้าเราเป็นหัวหน้าไม่ยากนะ ไอ้พะรุงพะรังยุ่งเอากิเลสเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังใช้ไม่ได้นะ เรื่องธรรมแล้วไม่ยาก ทุกอย่างไม่ยาก..ธรรม ถ้าเรื่องกิเลสนี้ยุ่งยากมาก
แหม มันขัดกันเอามากนะกิเลสกับธรรม ธรรมท่านง่ายนิดเดียวๆ ไม่เห็นยากอะไร กิเลสนี้แต่งอะไรกว่าจะได้เผานี้ไม่ทราบว่าของหมดกรุงเทพ หมดเมืองไทยเอามาสร้างก็จะไม่พอ สร้างที่จะเผาศพ เป็นอย่างนั้นถ้ากิเลส ถ้าธรรมแล้วใส่ปั๊วะเลยเสร็จ ไม่ยากอะไร เราบอกตรงๆ สำหรับเราตายนี้เราตายง่าย เราบอกตรงๆ เราไม่มีปัญหาอะไรในธาตุขันธ์ของเรา...หมด ก็มีแต่ความรับผิดชอบเท่านั้นเวลานี้ อันอื่นไม่มี ถ้าว่าจิตก็ไม่มีอะไรแล้วตั้งแต่วันกิเลสขาดสะบั้นลงไป นั่นละตัวยุ่งคือกิเลส พอขาดสะบั้นลงไปจากใจแล้วใจหมด ใจว่าง ใจ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ หมดตรงนั้น
ก็มีแต่ธาตุแต่ขันธ์รับผิดชอบกันไปอย่างนั้นๆ มันควรจะไปเมื่อไรควรจะรักษากันแง่ไหน ถ้ารักษาไม่ได้ก็ทิ้งปั๊วะไปเลย แน่ะ มันไม่ยาก มันยากตั้งแต่กิเลสนั่นละ ห่วงหน้าห่วงหลังยุ่งไปหมด เราพูดจริงๆ เราตายง่าย เราไม่ยากนะ ก็ดูมันอยู่ตลอดรู้กันอยู่ตลอด ยุ่งยากไม่ยุ่งยากมันก็รู้อยู่ในหัวใจนี้ แล้วจะไปยุ่งกับมันหาอะไร ก็มีเท่านั้น แล้วทีนี้ศพท่านชิตเอามาไว้ที่สวนแสงธรรม (ครับ) ส่วนที่จะเผาที่ไหนแล้วแต่จะตกลงกัน เราให้ความสะดวกทุกอย่าง จะเผาสวนแสงธรรมก็ได้ จะเผาวัดพระครูหรั่งหรือที่ไหนก็แล้วแต่ ก็มีเท่านั้น
ท่านเหลิมก็แขนหัก ท่านชิตก็ตาย เมื่อวานนี้ไปประจวบคีรีขันธ์ ดูว่าฝนกำลังตก รถเก๋งด้วย คงขับเร็วละ แล้วไปคว่ำเสีย ท่านชิตนั่งอยู่ข้างหลังตาย ท่านเหลิมนั่งข้างหน้าแขนหัก ดูว่างั้น เรื่องฝนตกนี้เราได้กำชับกำชา บางทีนี้หยุดรถ บอกห้ามไม่ให้รถออก กำลังฝนมันหนัก ต้องจอดรถเสียก่อนอย่าด่วนไปเราว่า เราขับคนอีกทีหนึ่ง เขาขับรถเราขับเขา คอยดู ถ้าควรจะหยุด หยุดเสียก่อนไม่ให้ไป เขาก็หยุดเสียก่อน จนกระทั่งฝนเบาลงแล้วค่อยไป คือมันเห็นเหตุการณ์นี้มานานมากต่อมากแล้ว ตามถนนหนทางเราเห็นต่อหน้าของเรา โธ่ เวลามันออกนี้มันปลิวเลยนะ ออกจากถนนนี้บินเลยนะรถ มันไม่ใช่ลื่นธรรมดา มันบินเลย ปึ๊ดอย่างนี้พุ่งเลย ไปเห็นต่อหน้าต่อตา โธ่ ทางลื่นมันลื่นอย่างนี้เอง
คือพอพ้นจากผิวถนนเท่านั้นละมันเหาะไปเลย ตกโน่น ทางมันทางเรียบๆ ข้างๆ ตกไปโน่น แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะทางดีอยู่ หากว่าเป็นเหวเป็นหลุมเป็นบ่อหรือว่าเป็นคลองสองฟากนี้พัง...รถ แต่นี้ไม่มีอะไร แล้วเขาก็ค่อยปีนขึ้นมาได้ เขาก็ไปได้ธรรมดา มันไปเป็นต่อหน้าเรา คือมันเร็ว เราพูดยังไม่ขาดคำ โอ๊ย รถคันนี้มันจะแข่งดินฟ้าอากาศที่ไหนนี่น่ะเราว่า มันทำไมเร็วนัก พอว่างั้น ไปพบรถคันหน้าอีกก็แซงอีกๆ คราวหลังพุ่งเลย นั่นน่ะเห็นต่อหน้าต่อตาเป็นอย่างนั้น (หลวงตาครับ เขาร่วมบุญงานศพท่านชิต ๑๒,๐๐๐ บาทครับ) ใครเป็นคนเก็บเงินอันนี้ เอาไปเก็บไว้หมดเลย เป็นพิเศษสำหรับท่านชิตเสีย อันไหนที่เป็นท่านชิตให้เป็นท่านชิตร้อยเปอร์เซ็นต์ๆ อย่าเอาเข้าไปเกี่ยวข้องกัน เข้าใจ ให้เก็บเลย เอาละจะให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |