สองสำนักนี้ฝังใจไม่ลืม
วันที่ 17 มิถุนายน 2550 เวลา 7:40 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐

สองสำนักนี้ฝังใจไม่ลืม

ก่อนจังหัน

นักภาวนาต้องเป็นนักพินิจพิจารณาการกระทำของตัวเอง ย้อนหน้าย้อนหลังดูผลดูเหตุ ไม่เช่นนั้นก้าวไม่ออก นี่จะวางรากฐานให้เข้าใจทุกองค์ สติเป็นสำคัญ การภาวนาขาดสติมากน้อยนั้นคือขาดความเพียร ใครขาดสติมากน้อยขาดความเพียรมากน้อย สติสำคัญมากทีเดียว สติติดแนบกิเลสจะไม่เกิด มันจะกองเท่าภูเขาก็เกิดไม่ได้ อำนาจสตินี้ครอบหมด เหมือนฝั่งครอบน้ำมหาสมุทร ถ้าสติขาดขาดทันที

กิเลสชอบนักใครชอบเผลอสติ ตั้งติดตลอดยิ่งเห็นได้ชัดวันนั้นกิเลสจะไม่เกิด กิเลสจะเกิดทางสังขารความคิดปรุง สังขารจะเกิดเพราะอวิชชา  พอเผลอตัวเมื่อไรสังขารเกิด สติครอบเอาไว้ ปัญญามาเป็นบางกาลๆ เรื่องปัญญาจะค่อยเป็นไปเอง ไม่ได้กำชับกำชาหนาแน่นเหมือนตั้งสติ สตินี่สำคัญมาก ท่านทั้งหลายมาภาวนา เป็นยังไงหน้าพระพุทธเจ้าเป็นหน้าเช่นไร หรือหน้าอย่างพวกเราท่านๆ นี่หรือ หน้านี้หน้าพวกขี้เกียจขี้คร้าน หน้าไม่เอาไหน มาเลอะเทอะ

มาในวัดนี่เราดุเอาเรื่อยๆ หน้าพวกนี้หน้าอย่างนี้แหละ เข้ามาในวัดมาอะไร เถ่อมองโน้นมองนี้ เราไม่ได้เหมือนใครนะ อะไรจะเลิศยิ่งกว่าธรรม อย่าเอามาอวดธรรมบอกงั้น ตัดหนีเลย ไม่มีใครอยู่เราจะอยู่องค์เดียว เป็นยังไงธรรมะเลิศไหม อะไรไม่เป็นท่าคือการมาทำลายธรรม เมื่อไม่เข้ามาทำลาย ธรรมอยู่ปรกติไม่เสียหาย แต่นี้คนเข้ามาทำลายเสียหายได้

ถ้าออกไปนั้นไปเจอกันประตูนั้น เอาละ ถ้าเจอกับหลวงตาบัวทีไร บางทีรถตั้งสามคันรถบัสมา เรายืนจังก้าอยู่งั้นเลย นี่พากันมาอะไร ธรรมเลิศขนาดไหน มาเทียบกับส้วมถานเต็มอยู่ในรถนี่ นี่ละที่จุดแข่งกัน เข้าใจไหม เขาไม่รู้นี่ นี่รู้จะว่าไง ก็มาสอนผู้ไม่รู้ซิ มาไม่ได้หน้าได้หลัง ไป กลับเดี๋ยวนี้ สถานที่นี่เป็นสถานที่ภาวนาเพื่อความสงบใจ ไม่ใช่สถานที่เพ่นพ่าน บอกเลย มิหนำซ้ำบางครั้งบอกนี่หลวงตาบัว เจ้าอาวาส เอาหนักนะ

นี่ละการไม่มีความเย่อหยิ่งจองหอง กิเลสไม่มีการพองตัว มีแต่ธรรมล้วนๆ เอาความจริงออกสอน สอนได้ทุกบททุกบาท ไม่ว่าหนักว่าเบาสอนได้ทั้งนั้น ถ้าติดเขาติดเราอย่าสอน ไม่ได้นะ ถ้าติดเขาติดเราแล้วสอนไม่ได้ อย่าให้ติด พยายาม ถ้าไม่ติดเขาติดเราไปได้หมด เป็นธรรมล้วนๆ ได้เตือนเสมอๆ

เป็นยังไงหน้าพระพุทธเจ้ากับหน้าพวกเราต่างกันยังไงบ้าง มาเซ่อๆ ซ่าๆ เลอะๆ เทอะๆ กลางวี่กลางวันไม่ขาดวรรคขาดตอน มาแล้วดูไม่ค่อยได้หน้าได้หลังอะไร และไม่ได้หน้าได้หลัง เป็นขั้นๆ ตอนๆ ให้สังเกตพิจารณาซิเราเป็นลูกชาวพุทธ เข้ามาวัดควรจะพินิจพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ อย่าเอานิสัยเก่าเลอะๆ เทอะๆ มาใช้มันใช้ไม่ได้ อยู่ในบ้านใช้ไม่ได้ อยู่ที่ไหนใช้ไม่ได้ เข้าสังคมก็ใช้ไม่ได้ ออกมาวัดก็จะมาทำลายวัดอีก ไม่ให้ทำลายวัดนี้เรารักษาอยู่ เพราะฉะนั้นถึงดุกันอยู่เรื่อยๆ  ดุเพื่อความดิบความดีเพื่ออรรถเพื่อธรรมจะเป็นอะไรไป

ตั้งแต่เกิดมาใครมาดุเพื่ออรรถเพื่อธรรม มีแต่ดุแล้วกัดฉีกกันเหมือนหมามันได้เรื่องได้ราวอะไร ถ้ามีธรรมรักษาคนจะเป็นคนมีค่ามีราคา ถ้าไม่มีธรรมรักษาเอาสิ่งอื่นมารักษา อย่ามารักษา นั้นคือไฟมาเผาตัวเอง คือมูตรคือคูถเต็มส้วมเต็มถานมาโปะเรา เราก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถานไปทั้งคนๆ มีค่าอะไร ถ้าเอาธรรมประดับแล้วน่าดูๆ สติปั๊บจับเข้าไปนี้เป็นธรรมประดับแล้ว กิริยาอาการเคลื่อนไหวไปมาไม่ค่อยผิดค่อยพลาด คือมีธรรมเคลื่อนไหว สติธรรม ปัญญาธรรม

ธรรมพระพุทธเจ้าเลิศเลอมาแต่ไหนแต่ไร ดูธรรมบ้างซิ ดูแต่ส้วมแต่ถานไปที่ไหนดูไม่ได้นะ เลอะเทอะไปหมด มีใครมาสอนท่านทั้งหลายสอนอย่างนี้ ติดเขาติดเราสอนไม่ได้นะ ถ้าว่าให้เขาก็เท่ากับว่าให้เรา อายเขากับอายเราก็อันเดียวกัน สุดท้ายกิเลสเหยียบหัวไปเลยไม่มีใครสอนใครได้ เอาธรรมพระพุทธเจ้าสว่างจ้าครอบโลกธาตุสาดกระจายลงไปนี้ ความสกปรกเลอะเทอะทั้งหลายหายหน้าไปหมด มีแต่ความสะอาดสะอ้านของธรรม

กิริยาอาการความเคลื่อนไหวไปมาออกด้วยความสะอาดสะอ้าน เข้าใจไหมล่ะ ให้พากันพิจารณา มาวัดมาวาอย่ามาเฉยๆ หรือมาได้ทำบุญให้ทานเท่านี้ก็พอใจๆ กิริยาอาการมารยาทที่ติดกันมาเพื่อความดีจากการทำบุญให้ทานนี้ยังมีอยู่ ให้พากันรักษาพากันระมัดระวัง เอาละให้พร

ที่โคราชนั้นมีวัดศรัทธารวม วัดสาลวัน เป็นวัดใหญ่มาก วัดศรัทธารวม ท่านอาจารย์มหาปิ่นเป็นเจ้าอาวาส วัดสาลวันหลวงปู่สิงห์เป็นเจ้าอาวาส พระเณรเยอะ น่าดูเวลาพระท่านออกบิณฑบาต ท่านจัดท่านแจกอาหาร เราเป็นพระหนุ่มน้อยแต่ตามีหูมีมันต้องคิดซิ ดูไปงามตา ความสม่ำเสมอท่านถือเป็นสำคัญมาก จะมีมากมีน้อยไม่สำคัญ สำคัญให้สม่ำเสมอ มีมากมีน้อยให้เสมอกัน เราเป็นพระหนุ่มพระน้อยได้ไปรับความเสมอภาคกับท่านในสองสำนักนี้ฝังใจไม่ลืมนะ เป็นพระหนุ่มพระน้อยไปดู ได้มามากน้อยแจกให้เสมอหมดเลย เสมอๆ น่าชม มีมากมีน้อยก็เถอะถ้าลงความเสมอภาคได้เข้าไหนเป็นธรรมอบอุ่นด้วยกัน ตายใจกันได้ เห็นแก่ได้เห็นแก่กินดูไม่ได้นะ เข้ากันไม่สนิท ถ้าลงมีเท่าไรถึงไหนถึงกันให้สม่ำเสมอ พอใจ

 

หลังจังหัน

สรุปทองคำน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๑๖ เมื่อวานนี้ ทองคำที่หลอมแล้ว ๔๖๒ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๓๗ แท่งๆ หนึ่งดูเหมือน ๑๒ กิโลครึ่ง ที่ยังไม่ได้หลอม ๑๐ กิโล ๕๗ บาท ๙๑ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็นทองคำ ๔๗๓ กิโล ๒๕ บาท ๒๒ สตางค์ ถ้ารวมกับ ๓๗ กิโลครึ่งที่ได้มอบเข้าคลังหลวงไว้ก่อนหน้านี้แล้วเข้าด้วยกันก็เป็นทองคำน้ำหนัก ๕๑๐ กิโล ๕๗ บาท ๙๑ สตางค์ ก็ได้เยอะอยู่นะ ทองคำที่เข้าคลังหลวงซึ่งเป็นหัวใจของชาติเราคราวนี้ได้ ๑๑,๐๐๐ อย่างน้อย ๕๐๐ กิโล สำหรับทองคำนะได้ ๑๑,๕๐๕ กิโล ทองคำที่เข้าคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว

สำหรับดอลลาร์ก็เป็นไปตามที่เรากำหนด เพราะเราเป็นผู้ดำเนินเอง คิดอ่านไตร่ตรองทุกอย่าง บวกลบคูณหารเรียบร้อยแล้วก็ประกาศออกมา สำหรับดอลลาร์ก็จะได้เท่านั้นแหละ คิดว่าจะไม่ได้เพิ่มเข้าไปอีกเข้าคลังหลวง ได้ ๑๐,๒๐๐,๐๐๐ กว่า อันนี้เข้าแล้ว สำหรับเงินไทยไม่ได้เข้า ซื้อเป็นกองใหญ่เข้าทีเดียวหนเดียว สองพันล้าน เงินไทยทั้งหมดสองพันล้านบาท ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงหนเดียวเท่านั้น ไม่ได้เข้าอีกแหละ จากนั้นเงินไทยกับดอลลาร์ก็เลยวิ่งไปตามกันทั่วประเทศไทยออกช่วยโลก

สำหรับทองคำนั้นร้อยทั้งร้อยไม่มีร่วไหลแตกซึมไปไหนได้เลยตลอดมา ได้ ๑๑,๕๐๐ กิโลกว่า ก็นับว่าได้มากอยู่ ที่ได้มากนี้ก็เพราะศรัทธาของพี่น้องทั้งหลายมีความรักสงวนในชาติของตน เพื่อความแน่นหนามั่นคงในชาติของตนต่างท่านต่างเสียสละมา คนนั้นเท่านั้นคนนี้เท่านี้รวมกัน อย่างปัจจุบันนี้ก็ได้แล้วถึง ๑๑,๕๑๐ กิโลแล้ว สำหรับดอลลาร์ก็ ๑๐,๒๐๐,๐๐๐ กว่า อันนี้คงจะไม่คืบหน้าไปไหนละ ส่วนทองคำหวังอยู่ เพราะเรายังเปิดทางให้เป็นน้ำไหลซึมกับพี่น้องทั้งหลาย เนื่องจากเราห่วงชาติไทยของเราที่มีทองคำน้อยมาก

อันนี้ท่านผู้เป็นหัวหน้าคลังหลวงนั้นละท่านคงเห็นเหตุการณ์ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ตอนที่เราไปมอบทองคำและดอลลาร์ที่ธนาคารชาติ วันแรกเลยไป ไปมอบครั้งแรกด้วย ประธานธนาคารชาติหรือหัวหน้าธนาคารชาติมานิมนต์เราเข้าไปโดยเฉพาะ นิมนต์เราเข้าไปดูกองทองคำอยู่ในห้องๆ นิมนต์เราไปเราก็ทราบความหมายทันที เพราะกองทองคำพะเนินเทินทึกที่เรามามอบ ท่านก็หวังอันนี้ละที่จะเพิ่มคลังหลวง มานิมนต์เราเข้าไป พอเข้าไปนั้นท่านบอกว่า ผู้ที่จะมาเห็นทองคำในคลังหลวงมีสองท่านด้วยกัน ท่านใดบ้างว่าซิ คือสมเด็จพระเทพฯ หนึ่ง แล้วก็หลวงตานี้ นอกนั้นไม่เห็น

เราก็ไปดูจริงๆ เพราะทราบความมุ่งหมายของหัวหน้า ก็เราเป็นต้นเหตุที่เอาทองคำมากองพะเนินนี้ กำลังจะมอบเข้าคลังหลวง พอเห็นเราเข้าไปดูคลังหลวงก็กระเทือนถึงทองคำที่ยังไม่ได้ ต้องเห็นความบกพร่องของคลังหลวงของเราในทองคำทั้งหลายจนได้ เขาต้องคิดแหละ เพราะเราไปดู ดูทุกแง่ทุกมุม เสร็จแล้วออกไปถามกันโดยเฉพาะถึงทองคำที่ฝากไว้ประเทศนั้นๆ เพื่อเป็นข้อยืนยันหรือเป็นเครื่องประกัน ชาติไทยของเราทั้งชาติต้องมีการซื้อการขายติดหนี้ติดสินกัน แล้วต้องมีทองคำเป็นเครื่องยืนยันหรือประกันตัวไว้ เราถามก็ถูกตามนั้นหมดเลย

แล้วย้อนมาถามถึงทองคำในคลังหลวงของเรา มีน้อยมากนะ นี่ละสะเทือนใจมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่หยุด การขอรบกวนทองคำจากพี่น้องทั้งหลายไม่หยุด เดี๋ยวนี้เป็นประเภทน้ำไหลซึมอยู่นะ ยังไม่จุใจกับทองคำที่มีอยู่ในคลังหลวงกับคนทั้งประเทศนี้เป็นยังไง เข้ากันไม่ได้ถ้าธรรมดา เพราะทองคำในคลังหลวงมีน้อยมาก แต่คนทั้งประเทศตั้ง ๖๒-๖๓ ล้านแล้ว มีทองคำในคลังหลวงไม่มากนัก เราจึงได้รบกวนบรรดาพี่น้องทั้งหลายเพื่อให้พอดูได้บ้าง ให้มันเต็มจริงๆ ก็คือให้สมดุลกัน แต่นี้ไม่ถึงขนาดนั้นก็ตาม ก็ให้พอดูได้บ้างกับทองคำที่มีอยู่ในคลังหลวงกับคน ๖๓ ล้านคน ให้พอเข้ากันได้บ้าง อย่างนั้นละเรื่องราวมัน

การช่วยชาติคราวนี้ก็รู้สึกว่าได้สมบัติที่สำคัญๆ เข้าชาติไม่น้อย เช่นอย่างทองคำก็เป็นหมื่น ๑๑,๕๑๐ กิโล ของเล่นเมื่อไร สำหรับดอลลาร์ได้ ๑๐,๒๑๔,๖๐๐ ดอลลาร์ ที่เข้าคลังหลวงแล้ว ต่อจากนั้นจะไม่ได้เข้า มันก็ขึ้นอยู่กับเรา อะไรจะเข้ามากน้อยมันจะเอนเอียงไปไหนก็เราเป็นผู้ขับขี่ไป จะเข้าคลังหลวงเท่าไรเข้า จะออกคลังหลวงไปเพื่อประโยชน์อะไร ก็เราเป็นคนสั่งเอง แต่นี้ค่อนข้างแน่ใจว่าจะไม่ได้ดอลลาร์เข้าคลังหลวงอีกแล้ว

เพราะความจำเป็นของเงินไทยที่จะช่วยชาติไทยของเรานี้จำเป็นมาก ดอลลาร์นั้นก็จะหมุนมาช่วยเงินไทยต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้จะไม่ได้เข้าละ ถึงเอาดอลลาร์มาช่วยมันก็ยังไม่ทันกับเหตุการณ์ ผู้ที่มาขอความช่วยเหลือไม่ทราบกี่แห่ง สร้างตึกๆ ขึ้น วงราชการก็มี ส่วนมากเป็นโรงพยาบาล โรงพยาบาลนี้มากที่สุดทั่วประเทศไทย เป็นแต่เพียงว่ามากกับน้อย ทั่วประเทศไทย คือมีทุกภาค โรงพยาบาลที่จะช่วยเหลือจากเงินพี่น้องทั้งหลายที่บริจาค โรงพยาบาลนั้นโรงพยาบาลนี้ทั่วไปหมดทุกภาคเลย

(หลวงตาครับ เร็วๆ นี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยเขาแถลงว่า เนื่องจากเรามีทองคำเป็นเงินทุนสำรองมาก ต่างประเทศมาลงทุนในไทยตลอดเพราะเขามั่นใจ) นั่นแล้วเห็นไหมล่ะ นี่ละที่เราช่วยชาติไทยของเรา สุดท้ายเขาก็มาลงทุน เขาก็ได้อาศัยนี้แหละ ถ้าไม่มีนี้เขาก็ไม่มา ผลรายได้ทั้งเขาทั้งเราก็ไม่ได้

(แม่บังอร ชลบุรี เอาต้นไม้มาถวายหลวงตาอีกแล้วครับ มีทั้งหมด ๖๘๑ ต้น เป็นต้นขนุน ต้นพุทรา ต้นลองกอง ละมุด และก็ผลไม้อื่นๆ รวมแล้ว ๖๘๑ ต้น ถวายหลวงตาครับ) นี่ละเอามาคราวที่แล้วๆ มานี้ก็เยอะ ใส่รถบรรทุก ๑๐ สิบล้อๆ มาเราก็แยกออกไปปลูก แล้วก็บอกประชาชนด้วย เราไม่หึงไม่หวง ที่เขาเอามานี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมนั่นแหละ ใครจะเอาไปปลูกตามบ้านตามเรือนก็ได้เราบอกแล้ว ของที่เอามาทั้งหมดนี้ เอาๆ แยกไปได้เลยไปปลูกได้ นี่คือคุณแม่บังอร โยมแม่ของพระพฤกษ์นั่นแหละ นี่เศรษฐีเมืองชล พูดให้ชัดๆ อย่างนี้ เศรษฐีเมืองชลเอาต้นไม้มาปลูกนี้หลายเที่ยวแล้ว เที่ยวหนึ่งเป็นหลายๆ คันรถ นี่เวลานี้กำลังเอามา

ท่านพฤกษ์ก็ถูกโจมตี พอดีโจมตีมาถึงเรา เราก็เป็นอาจารย์ของพระพฤกษ์ จังหวัดชลบุรี ก็ประกาศป้าง เอ้อ หลวงตาทราบแล้วนะพฤกษ์ เขามาโจมตีให้เขาโจมตีไปเถอะ ปากอมขี้มันจะเอาทองคำทั้งแท่งมาอมไม่ได้แหละ มันต้องอมขี้ไปก่อน เขาโจมตีอย่างนั้นอย่าไปสนใจ หลวงตาบัวยืนยันรับรองในความบริสุทธิ์ของท่านที่ทำมาต่อส่วนรวม เพราะทำมากจริงๆ ตระกูลนี้เราพูดว่าตระกูลเศรษฐีสกุลหนึ่งในจังหวัดชล ของน้อยเมื่อไร แล้วก็ถูกเขาโจมตี เขาว่าท่านไปเอาเงินมาจากวัดเขาเขียวที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสพักอยู่วัดนั้น มาสร้างรีสอร์ต

ทีนี้เราก็ไปเห็นทั้งสอง เขาเขียวเราก็ขึ้นไปดู ที่ท่านพักภาวนาเหมาะมาก ไปหาซิเมืองไทยเราไปหาที่เหมาะสมอย่างเขาเขียวท่านพฤกษ์พักอยู่นี้ แล้วยังมาถูกโจมตี แล้วจะไล่ให้ไปอยู่ที่ไหน ให้พระไปอยู่ในส้วมในถานอย่างนั้นเหรอ เขาผู้ที่โจมตีเขาไม่เห็นไปอยู่ในส้วมในถาน พระก็ไม่ใช่มูตรใช่คูถพอจะไปอยู่ในส้วมในถานได้ไง นี่เขาก็โจมตีท่านพฤกษ์.อย่าเดือดร้อนท่านพฤกษ์.เราบอกตรงๆ เลย สั่งไปเลย เราอ่านดูจดหมาย เราบอกเราทราบแล้ว เราเขียน ๒-๓ ตัวส่งกลับไป เอาๆ ให้ทำไปที่ทำนี้ถูกต้องแล้ว พวกนี้พวกปากอมขี้อย่าไปสนใจกับมัน ถ้าเอาพวกนี้เป็นประมาณเมืองไทยเป็นมูตรเป็นคูถเป็นส้วมเป็นถานไปหมด เราบอกงี้ ถ้าเอาท่านเป็นประมาณที่ท่านทำอยู่นี้เมืองไทยจะเจริญ ทั้งทางธรรมทางโลกนั่นแหละเราบอกไปเลย

หลังจากนั้นท่านก็มา.เราเขียนจดหมายไปทราบแล้ว เอาอย่างนั้นละ นี่ละที่ส่งต้นไม้มาเวลานี้ ท่านพฤกษ์ ส่งต้นไม้มาจากเมืองชลของง่ายเมื่อไร เป็นเงินสักกี่แสนกี่ล้านบาท ขนต้นไม้มา เอามานี้เราก็ให้เป็นประโยชน์สาธารณะ เอาแจก ใครจะเอาไปปลูกที่ไหนให้ไปปลูก เป็นสาธารณประโยชน์ ผู้ส่งมาก็เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ เอาไปเลย ตามไร่ตามสวนแจกไป เมื่อเช้าก็มาถึงแล้ว.พ่อแม่ มีลูกสองคนหรือสามคน (๓ คนครับ ลูกชายทั้งหมด) ผู้ชายทั้งหมด ท่านพฤกษ์นี้บวชเป็นพระ พี่ชายคนหนึ่งเป็นดอกเตอร์

นี่เป็นตระกูลมั่งคั่ง ท่านสมบูรณ์ทั้งสมบัติเงินทอง สมบูรณ์ทั้งอรรถทั้งธรรม สมบูรณ์บุญกุศลด้วย นี่ละที่ส่งของมา แล้วถูกเขาโจมตีว่าไปโกยเงินมาจากวัดเขาเขียวมาสร้างรีสอร์ต แล้วที่รีสอร์ตเราก็ไปดู ไปดูไปนอนที่นั่นด้วย เขานิมนต์ไปพัก ไปหาที่จะต้องติที่ตรงไหนมันไม่มี มันก็หาเรื่องเขียนเอาจนได้ พอดีเราไปอ่านเราก็บอกเลย อย่าไปสนใจกับมันปากอมขี้เราว่า เอ้า ปากอมธรรมอมไปทำไป ปากอมธรรมเป็นธรรมทั้งนั้น ปากอมขี้เป็นขี้ตลอดไปเราว่างั้น นี่ก็ทางเขาเขียวอยู่ข้างบน มีกุฏิ ๓-๔ หลังเหมาะมาก ไปหาที่ไหนได้ในประเทศไทย ชี้นิ้วเลย ว่าเขาเขียวเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับพระที่ปฏิบัติบำเพ็ญกรรมฐาน เราไปดูแล้วเหมาะสมเหลือเกิน ท่านก็ไปอยู่ที่นั่น แล้วก็มีสมบัติเงินทองอะไรพอที่ท่านจะไปโกยเอามาสร้างรีสอร์ต

ผู้พูดมันหลับตาพูด มันคนเมืองไหนพูดไม่ทราบนะ คิดว่าไม่ใช่คนเมืองชลพูด คือเมืองชลเขาไม่ใช่คนตาบอด เขาคนตาดีทั้งนั้น อาจเป็นเมืองอื่น หรืออยู่ๆ.หาเมืองไม่ได้.มันจะมาโดนเอาเมืองอุดรเมืองตาบอดหรือ ตามันบอดมันหาเรื่องใส่ท่านพฤกษ์อย่างนี้มันก็อาจเป็นได้ เราไม่แน่นะ แต่เมืองชลเราเชื่อไม่ใช่คนตาบอด มีแต่คนตาดีทั้งนั้น เขาไม่ได้ว่าอย่างนี้ ถ้าเป็นมันก็เป็นอย่างลูกศิษย์หลวงตาบัวเต็มอยู่ที่ศาลานี้ละ คนอุดรนี่ไม่เป็นท่า หาเรื่องว่าไปโกยเอาเงินมาสร้างรีสอร์ต

ป่านี้เหมาะสมมาก เราขึ้นไปเราก็ชมทันทีเลย เอ้า พูดเป็นธรรมต้องพูดอย่างนั้นซิ พูดเคลื่อนคลาดได้เหรอ พอขึ้นไปตระเวนไปดูหมดเลย เหมาะสมมากท่านไปอยู่นี้ มีพระ ๓-๔ องค์ นั่นเหมาะอีกด้วย ตระเวนดูไม่ได้ไปไกลละเพราะมีเวลาน้อย ไปตระเวนดูแถวนั้นเหมาะ เอ้อ เหมาะเหลือเกิน มีสัตว์อะไรๆ บ้างล่ะเขามาเที่ยว ก็เห็นรอยสัตว์เต็มอยู่ข้างกุฏิ คือสัตว์กับคนเป็นเพื่อนกัน อย่างนี้ละคนไม่เบียดเบียนคนมีธรรม

สัตว์ก็เต็มรอยมันเต็ม พวกรอยหมู รอยเก้งรอยอะไรสัตว์ใหญ่ๆ มีพวกเสือพวกหมีพวกอะไรมันมา เขาไม่เห็นทำไมคน มาอยู่ข้างกุฏินะ ไปเห็นรอยมันเองนี่ เขาไม่สนใจกับคน เขาก็อยู่กับคนนี้แหละว่างั้น พระท่านก็อยู่ข้างบน กุฏิอยู่นี้เขาก็มาเที่ยวจุ้นจ้าน พวกสัตว์ป่าเต็ม อย่างนั้นแหละ ที่ท่านอยู่ก็เหมาะ แล้วจะมีสมบัติเงินทองอะไรพอจะโกยมาสร้างรีสอร์ตรีแสด ให้ปากอมขี้มันได้โจมตี พ่นก็พ่นใส่หน้ามันนั่นแหละ ปากอยู่กับมัน พ่นออกไปก็ถูกหน้ามัน เข้าใจไหม นี่ละพวกปากอมขี้ อย่าพ่นมากนะเดี๋ยวหน้าจะเป็นส้วมเป็นถานไป

จดหมายมา เราอ่านดู พอเราอ่านเราทราบแล้วเราตอบรับกลับคืนไปให้ท่านพฤกษ์ เอาอ่านออกทางวิทยุเลยก็ได้เราบอก เราก็พูดแล้วนี่ คนดีเราต้องเสริมซิ คนอย่างสกุลท่านพฤกษ์หาได้ที่ไหนวะ ใจบุญใจกุศลทุกอย่าง นักเสียสละทีเดียวนะไม่ใช่ธรรมดา ยังจะไปหาว่าท่านเอาเงินทองเขาเขียวมาสร้างรีสอร์ต เงินทองที่ไหนมันจะมี มีแต่ต้นไม้ ไปดูเราก็เห็นอีกด้วย แน่ะ เรายืนยันเอง จะมีเงินสักบาทสักสตางค์ที่ไหน ก็มีแต่พวกหมีพวกสัตว์พวกเสือพวกเก้งพวกกวางเต็มแถวนั้นอาศัยพระ อย่างนั้นละ แล้วเขาก็กำชับกำชา เขาห้ามไม่ให้คนขึ้นไปรบกวนสัตว์ด้วย สัตว์กับพระก็อยู่ด้วยกันสบาย ก็อย่างนั้นละ ท่านไปอยู่นั้นสัตว์ก็ได้อาศัยสบาย ท่านไม่ได้ห่วงอะไรกับอะไรละดูอาการของท่าน

สกุลเศรษฐีนะนั่น ลูกชายออกมาบวช พี่ชายเป็นดอกเตอร์คนหนึ่ง คนหนึ่งเป็นอะไร ก็มีลูก ๓ คน แม่ชื่อบังอร นี่ละศรัทธาใหญ่ อยู่เมืองชลนี้คนหนึ่งนับได้เลย กระจายออกมาเต็มวัดเรานี้มีอะไร ต้นไม้กี่รถมานี้ เมื่อเช้านี้ก็มาแล้วนี่ จะให้มาปลูกเราก็เปิดโอกาสให้เอาไปปลูก เพราะต้นไม้อย่างนี้ไม่มีทางภาคเรา เนื้อที่มันจะเข้ากันได้อยู่เราว่างั้น ให้เอาไปปลูก ทางนู้นละเอามา นี่ท่านทำประโยชน์ได้มากขนาดไหน ท่านมานี้ท่านพึ่งกลับไป มาท่านก็ขึ้นเครื่องบินปุ๊บมา แน่ะ เศรษฐีว่าไง ขึ้นเครื่องบินปุ๊บ ลงเครื่องบินปั๊บเข้านี้ปุ๊บ พอออกจากนี้ปั๊บขึ้นเครื่องบินกลับปุ๊บเลย นั่น ท่านกลับไปเมื่อ ๒-๓ วันนี้ นี่เศรษฐีละ เศรษฐีเงินเศรษฐีธรรมอยู่ในนั้นอยู่ด้วยกัน เศรษฐีเงินก็พอเป็นพอไปไม่อดอยากขาดแคลน เศรษฐีธรรมก็บุญกุศลเต็มหัวใจ ไปไหนไปเถอะถ้าลงนี้เต็มหัวใจแล้วไม่บกพร่องคนเรา

ให้ทำความรอบคอบแก่ตน อย่ามีแต่กินแต่รีดแต่ไถแต่คดแต่โกงอย่างเศรษฐีส้วมเศรษฐีถาน มันโดดเข้าไปในส้วม เดี๋ยวนี้ลากมันออกมาแล้วหำมันขาดแล้วตัวมันยังไม่ออก ไล่มันเข้าส้วม ไล่มันขึ้นเป็นรัฐบาลให้ช่วยชาติบ้านเมืองเรา มันเข้าไปโกยเอา เหมือนไล่หมาเข้าถาน เข้าไปแล้วลากออก หำมันขาดหางมันขาดมันไม่ยอมออก ตัวของมันเดี๋ยวนี้ยังไม่ออก มันมีขาหรือเปล่ามีหำหรือเปล่าหมาเหล่านั้น ถูกลากออกจนหำขาดมันก็ไม่ยอมออก นี่ละปล่อยหมาเข้าถานเข้าใจไหม พวกขี้โลภเป็นอย่างนั้นละ

ท่านทั้งหลายฟัง นี่ละภาษาธรรม จะไม่มีคำว่ากลัวว่ากล้ากับสิ่งใด เราเอาความจริงออกมาพูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้ได้ยินได้ฟังทั่วหน้ากัน พวกที่เลวเลวอย่างนี้แหละ ทำความเดือดร้อนให้แก่โลก จะให้มายกชาติไทยของเราขึ้น มันกลับมาเหยียบชาติไทยให้จมมีอย่างเหรอ คนทั้งประเทศเขาไม่ประสงค์แม้หัวใจเดียวเขาก็ไม่มี มีแต่หัวใจมันที่พวกปล่อยหมาเข้าถานนี้เท่านั้น เข้าแล้วไม่ออก ลากหำจนหำขาด ตัวมันร้องแง็กๆ มันยังกินไม่อิ่ม หำขาดขาดไปเถอะ ท้องยังไม่เต็มมันยังไม่ออก

นี่เป็นภาษาของธรรมเอง เรานำจากธรรมมาพูด ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามผู้หนึ่งผู้ใดเลย แต่พูดตามธรรมตรงแน่วๆ ไม่ได้ไปหาดูถูกเหยียดหยามยกโทษคนนั้นคนนี้ด้วยความไม่เป็นธรรม ไม่เอาอย่างนั้น ถ้าเป็นธรรมขาดสะบั้นไปเลย ตรงแน่วๆ ละพูดให้เป็นธรรม พูดอย่างนี้ก็ย่นเข้ามานี้ที่นี่ เอ้า ย่นเข้ามาวัดป่าบ้านตาด ใครจะเกินกระทิงแดงเราวะ ว่าให้มันชัดเจนอย่างนี้ ที่ไหนก็พูดไปหมดแล้ว ที่เราเหยียบเรานั่งนอนอยู่นี้มากี่ปีแล้วใครเป็นคนสร้างขึ้นมา นี่กระทิงแดง เห็นไหมเนื้อที่ ๓๐๐ ไร่ ซื้อที่เขาเท่าไร เอาดินมาถมเต็มไปหมด ก่อกำแพงมากน้อยเพียงไร นี่เห็นไหมกระทิงแดง คุณเฉลียวกับคุณภาวนา พร้อมทั้งลูกๆ หลานๆ ครอบครัว ยกทัพมาใส่นี่ ศาลาเห็นอยู่นั้นใครสร้าง

การสร้างศาลานี้ก็มาบอกชัดๆ เลย คราวนี้เป็นก็เป็นตายก็ตายเท่านั้น มันไปไหนไม่รอดว่างี้นะ ขึ้นมาหาเราเรายังไม่ลืม ก็คุณเฉลียวเรานั่นละขึ้นมาหาที่กุฏิ วันนี้สละตายว่างั้นนะ ทำไม ก็ไม้นี้สั่งจากเวียงจันทน์มาได้ ๒ ปีแล้วมันจะเน่าแล้ว จะปลูกศาลาก็กลัวแต่จะดุๆ วันนี้ยอมตายเลย ดุก็ดุเถอะ อยากสร้างศาลา ชี้แจงเหตุให้ทราบว่า คนกำลังช่วยชาติเวลานี้หนาแน่น ฝนตกมาเปียกหมดเลย ทนดูอยู่มาไหว เอาไม้มานี้จะมาขอสร้างศาลาว่างั้นนะ จะสร้างนู้น หยั่งเสียงเรา จะสร้างนู้นฟากภูเสิงเคิง สังโฆไปนู้นนะ หยั่งเสียงไว้ เราฟังเหตุผลขึ้นแล้ว ทุกอย่างพอแล้ว เอ้อ เอาเหตุผลลงกันได้แล้วให้สร้างได้

ศาลาหลังนี้กะว่าจะเอาเท่าไรว่าซิ ความกว้าง ๑๕ เมตร ความยาว ๕๕ เมตร เราก็คำนวณดู เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เอาความกว้าง ๓๐ เมตร ความยาว ๖๐ เมตร สาธุ เสียงลั่นวัด แทนที่จะเสียใจไม่เสียใจนะ สาธุ สมใจแล้วที่นี่ นั่นละศาลาใหญ่ขึ้น เป็นใครสร้างศาลาใหญ่ขึ้นมานี้ วัดกว้างแสนกว้างนี้ใคร ถมดินทั้งหมดมีแต่กระทิงแดงทั้งนั้นถม เป็นเงินสักกี่ล้านๆ ไม่รู้นะ แล้วกำแพงรอบหมด ทุกอย่างทำให้เรียบหมดเลยเชียว เราไม่ได้ไปแตะเลย ทางนั้นสั่งทีเดียวสร้างให้เรียบหมด นี่ละวัดเราที่กว้างขวางนี้เพราะใคร ก็กระทิงแดงของเรา นี่ก็เศรษฐีธรรมเศรษฐีเงินอยู่ด้วยกัน อบอุ่นทั้งชาตินี้ชาติหน้า

ตายๆ ไปเถอะคนเรา ถ้าลงมีสมบัติทั้งสองอย่างเต็มหัวใจแล้วไปเถอะว่างั้นเลย ไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลาก็ได้ บุญกุสลาให้พอแล้ว นอกจากนั้นยังส่งเงินมาเรื่อยกระทิงแดงนี่น่ะ ส่งเงินมาแต่ละทีๆ น้อยเมื่อไร เป็นล้านๆๆ นู่นน่ะ ตอนที่เรากลับมานี้ก็ ๕ ล้าน แน่ะ ส่งตามมาตั้ง ๕ ล้าน คิดดูซิน่ะ ก็คงเห็นรายจ่ายของเรา เพราะรายจ่ายของเรามันเอาโลกเข้าว่าเลย กระจายหมดเลย ทางนั้นก็ใส่ตูมเข้ามาทีละหลายๆ ล้าน ส่งมาเรื่อย เราไปกรุงเทพคราวนี้ก็ดู ๑๐ ล้านละมัง พอมานี้ก็ตามหลังมาอีก ๕ ล้าน อย่างนั้นแล้ว ส่งอย่างเงียบๆ ทำอย่างเงียบๆ ไม่บอกใคร

ถึงไม่บอกคนทำก็ไม่ได้หลับหูหลับตาทำนี่ลืมตาทำ ผู้รับก็ลืมตารับจะไม่เห็นกันได้ยังไงใช่ไหม มันก็เห็น เห็นแล้วปากก็ปิดไม่ได้ มันก็ต้องพูดละซิ พูดตามเรื่องให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ให้พากันเข้าใจเอาไว้ เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม อย่าพากันขี้เกียจขี้คร้านตระหนี่ถี่เหนียว เห็นแก่ได้แก่กินเห็นแก่กอบแก่โกย ไปที่ไหนคับแคบตีบตัน ไปอยู่โลกนี้ก็คับแคบไปโลกหน้าคับแคบ คนที่สร้างความดีงามไว้นี้เปิดทางตัวเอง ทั้งสถานที่อยู่ที่อาศัยเครื่องเสวยนี้เป็นของทิพย์ทั้งนั้นๆ ไปอยู่ที่ไหนเป็นของทิพย์ทั้งหมดที่ตนสร้างเอาไว้ พากันจำเอานะ เอาละพอ

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก