เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
ผู้เหนือเรายังมี
ไปในงานศพหลวงพ่อทา โคราช มีแต่เหตุการณ์ ดูลักษณะเหตุการณ์จะเกี่ยวกับการคอยทำลายเรา มันก็แปลกอยู่นะ คนชั่วเต็มแผ่นดินไม่ไปทำลาย เราไม่ปรากฏว่าทำชั่วอะไร แล้วเหตุใดจึงมีแต่เรื่องคอยทำลายอยู่ทุกซอกทุกมุมแปลกอยู่ จิตใจมนุษย์นี้ต่ำทรามเอามากทีเดียว เห็นของชั่วเป็นของดี เห็นของดีเป็นของเลวไปแล้วจิตใจมนุษย์เรา
ตั้งแต่เมื่อวานนี้มาอ่อน ร่างกายอ่อนแทบจะเคลื่อนไหวไปมาไม่ได้ มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ตอนค่ำจะเดินไปไหนมาไหนในบริเวณวัดนี้ก็จะก้าวขาไม่ออกแล้ว เมื่อเช้านี้เดินออกไปข้างนอกก็เพื่อจะยืดเส้นยืดสาย ออกไปนี้ก็จะกลับเข้ามาไม่ถึงวัด แน่ะ แปลกอยู่นะ มันหมดกำลัง กลับมาจากเขาใหญ่นั่นละเมื่อวาน อ่อนมาตลอดเลย
ธาตุคนแก่เอาแน่ไม่ได้ละ เวลามันจะเป็นก็เป็น อย่างเมื่อวานจนกระทั่งกลางคืนเคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้ อ่อนหมดเลย จนกระทั่งเมื่อเช้านี้ อย่างนั้นละบทเวลามันจะเป็น คนแก่เอาแน่ไม่ได้ ให้พร
เป็นอย่างนั้นละลูกศิษย์เรา จะไปไหนยั้วเยี้ยๆ อย่ามายุ่งนะต่อไปนี้ เราอนุโลมเต็มที่แล้วนะ ไปไหนแห่ไปๆ แห่ไปหาอะไร เราไม่มีนิสัยอย่างนั้นนะ ว่าจะไปปุ๊บไปเลยมาเลยๆ เราเป็นอย่างนั้น อันนี้แห่ไปแห่มา ยุ่งมากนะ เพราะแต่ละคนๆ มีเรื่องติดตัวๆ รวมแล้วกี่เรื่อง ยุ่งไปหมด ใครอย่ารุมเรานะต่อไปนี้ แล้วนิสัยไม่อำนวยด้วย ธรรมไม่อำนวยด้วย ที่แห่ไปเป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้นแหละ ไปแล้วยุ่งไปหมด คนหนึ่งยุ่ง คนสองยุ่ง คนสาม สี่ ห้า ยุ่งไปหมด รวมกันแล้วกองยุ่งใหญ่ เราต้องเป็นกังวลรับผิดชอบคือเราคนเดียว ไปกี่คันก็ตามรถ ความรับผิดชอบอยู่กับเราคนเดียว เราแบกหมดเลยพวกที่ตามไป
อย่ารุมตามนะแต่นี้ต่อไป มันพิสดารเอาเหลือเกิน ขัดต่อนิสัย ขัดต่อธรรมเอามากมาย แต่เราก็ฝืน ปล่อยไปบ้าง พอว่าจะไปไหนแห่ตามๆ อะไรก็ไม่รู้ ขัดต่อนิสัยเราก็ฝืนเอา นิสัยและธรรม ว่าจะไปปุ๊บไปเลย มาเลยไปเลย อย่างนั้นนะเรา พอพูดอย่างนี้ก็คิดถึงแม่ชีแก้ว แปลกอยู่นะ.แม่ชีเขาอยู่ฟากบ้านทางโน้น บ้านอยู่จุดศูนย์กลาง วัดเราอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ปรกติก็อย่างนี้ เราจะไปไหนมาไหนเราไม่บอกใคร เราจะไปของเรา พอใส่ของเสร็จแล้วเราเตรียมไป ไปละ ออกทางนี้ไปเลย สำนักเขาก็อยู่นู้น สักเดี๋ยวบอกลูกน้อง...แม่ชีแก้ว ไปแล้วนะวันนี้ ไปแล้ว มาดูไปแล้วจริงๆ อย่างนั้นนะไม่มีผิด แม่ชีแก้วแกบอกอะไรไม่ผิด เราไปเลย เราไม่ยุ่งกับใคร ไปแล้วเราไปเลย อย่างหนึ่งก็แย้มออกมาว่าเย็นหมดเลยแถวนี้ บางทีแกก็แย้มออกมาว่าเย็นหมดเลยแถวนี้ แน่ะแปลกอยู่ ครั้นมาก็ว่าอย่างหนึ่งก็จวนถึงแล้ว มาแล้ว พอมาถึงแล้วมาถึงแล้ว แกอยู่นู่น
ตอนเช้าก็หุงข้าว.แล้วจีบหมากมา ธรรมดาเขาไม่ทำ เวลาเรามาเขาจะเอานี้วางแล้วหุงข้าวหม้อเท่านี้ เราก็ถามหุงข้าวหุงทุกวันเหรอ ไม่ได้หุงทุกวัน หุงเฉพาะท่านมา แล้วทราบได้อย่างไรเรามา คุณแม่บอก มาถึงแล้ว แม่นยำมากนะ เขาอยู่นู่นเรามาถึงวัดทางนี้ บ้านอยู่ตรงกลาง เรามาของเราทางนี้เข้าวัดในป่า ไม่บอก มาถึงแล้ว แน่ะแปลกอยู่นะ อันนี้ไม่ผิด พอเราออกไปแล้ว ฉันจังหันเสร็จแล้วไปแล้วนะวันนี้ แม่นยำมาก อย่างมากแกก็บอกเย็นหมดแถวนี้ แกว่าเย็นหมดแถวนี้ อย่างหนึ่งก็ไปแล้ว ให้คนไปดูไปแล้ว ไม่มีผิดละถ้าแกได้พูด อันนี้แม่นยำมาก เวลาเรามาถึงบอกว่ามาถึงแล้ว ตอนเช้าหุงข้าวแล้ว มันอยู่คนละฟาก
นี่ละความรู้เห็นไหมล่ะ อันนี้แม่นยำมากนะแกไม่เคยคลาดเคลื่อน ถ้าว่ามาแล้วมา มาถึงแล้ว เราไม่เคยเกี่ยวกับใครเราจะไปไหนมาไหน แต่เขาก็รู้ของเขาอย่างนั้นละ แปลกอยู่ ที่ไล่แกลงจากภูเขา รู้สึกแกแม่นยำมาตั้งแต่ต้น อันนี้ได้พูดเราก็พูดเสีย คือออกพรรษาปีนั้น เอ้อ ปีนี้จะมีครูบาอาจารย์มาโปรดทางห้วยทรายเรา มาคล้ายคลึงกันกับญาท่านมั่น ญาท่านหมายถึงความเคารพมาก คือเท่ากับญาท่านมา คล้ายคลึงกัน ปีนี้ละจะมา พอใครมาคนก็ไปดู ใช่ไหม ไม่ใช่ บอกไม่ใช่ๆ
ระยะนั้นเราก็ไปถึงพอดีปั๊บเลย ไปดู ใช่ไหม ใช่ ทั้งปวดหนักทั้งปวดเบา มันเป็นอะไรไม่รู้นะ มันเป็นในธาตุในขันธ์ คือมันลงใจมันยอมรับ พูดง่ายๆ ทั้งปวดหนักทั้งปวดเบา ใช่แล้ว แต่คอยฟังท่านจะสอนพวกเราหรือเปล่าคอยฟังก็แล้วกัน บทเวลาไล่แกลงจากภูเขาร้องไห้อี้ๆ ลงไปจากภูเขาสอนหรือไม่สอน แต่แกทางความรู้แปลกๆ ต่างๆ แกเก่ง พอว่าญาท่านท่านห้ามไม่ให้ภาวนาเรารู้ทันทีนะ ต่อไปจะมีคนมาสอน แน่ะท่านก็บอกไว้ด้วย ต่อไปจะมีคนมาสอน มีพระมาสอน ก็พอดีเป็นจังหวะหลังจากนั้นท่านก็มรณภาพไปแล้วเราก็ไป เขาเล่าให้ฟัง เราไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร
นั่นละตอนที่แกรู้ความรู้ความเห็นของแกนี่ พวกเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมพวกเปรตพวกผีเห็นหมดนะ ไม่ใช่เล่นๆ ผีที่ใส่กรงไว้ก็มี แกพูดพิสดารมาก ในพวกจำนวนผียังมีกรงขังผีอีก แกเข้าไปดูหมด แล้วทำไมผีพวกนี้จึงต้องเข้ากรงไว้ ผีพวกนี้เป็นผีอันธพาล ปล่อยไม่ได้มันอาละวาดผีทั้งหลาย แกไปดู เป็นอย่างนั้นละ ทีนี้แกติดน่ะซี ภาวนาวันไหนถ้าไม่ออกรู้ออกเห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้วันนั้นเหมือนไม่ได้ภาวนา เรารู้แล้ว ก็เหมือนเราเดินไปที่ไหนมันก็เห็นๆ เป็นธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแก้กิเลส เรื่องแก้กิเลสแกไม่สนใจ แกไม่รู้ แกก็ติด ซัดกันจนกระทั่งเถียงกันกับเรา ดีไม่ดีแกจะยกแกว่าเป็นอาจารย์เราด้วยซ้ำไป
นั่นละตอนได้ไล่ลงภูเขาร้องไห้ พอเห็นว่าห้ามไม่อยู่ ไม่อยู่ก็ซัดกันละซิ คือบอกเป็นระยะๆๆ ระยะนี้ก็ไม่ได้ เอาๆ แย็บขยับเข้ามาอีก ระยะนี้ก็ยังไม่ได้ ถึงระยะสุดท้ายก็ยังไม่ได้ ไม่ได้ก็ไล่ลงภูเขา ร้องไห้ลงไป จึงไปได้สติ ลงภูเขา เราก็มอบกายถวายตัวกับอาจารย์องค์นี้แล้วทำไมไปแล้วถูกท่านไล่ลงภูเขา เพราะเหตุผลกลไกอะไรท่านถึงไล่ นั่นเอาละนะ ไม่ใช่เราไม่ฟังคำของท่านเหรอ เราอวดดีอวดเก่งกว่าท่านท่านไล่ก็เหมาะแล้ว ถ้าว่าถือท่านเป็นครูเป็นอาจารย์ฟังเสียงท่านสอนบ้างซิน่ะ เอาๆ ที่ท่านสอนเอาไปปฏิบัติดูซิเป็นอย่างไร เอาไปปฏิบัติมันก็ลงจ้าเท่านั้นเอง เห็นไหมล่ะ
พอออกจากสมาธิแล้วกราบมาทางภูเขา เราอยู่ภูเขากับเณรหนึ่ง ออกจากสมาธิ เรียกว่าลงใจแล้ว ถูกต้องแล้ว ผิดก็คือเรานั่นเองพูดง่ายๆ เราไล่ลงภูเขาได้ ๔ วัน กลับมาขนาบอีก มาอะไร ไล่ เดี๋ยวๆ ให้พูดก่อน ให้พูดก่อน เอาพูด เราปัดกวาดกับเณรอยู่ข้างบน เราก็เลยวางไม้กวาดที่ลานหินนั่นละ เณรก็วาง เขาก็ขึ้นมาๆ ยกโขยงมาทั้งวัด ก็เลยพูดตรงนั้น พอเขายอมรับแล้วก็อธิบายต่อๆ จากนั้นก็ติดเลย ไม่เอาละเรื่องของเจ้าของเรียกว่าลืมเลย เอาแต่เรื่องของเราล้วนๆ ผ่านได้ เห็นไหมล่ะ
นั่น อวดเก่งได้หรือคนเรา ผู้เหนือเรายังมี พระพุทธเจ้าเหนือสาวกเหนือสัตว์ทั้งหลายมีอยู่ นั่นฟังซิ อันนี้มันก็อย่างนั้นแหละ หนักเข้าไปถึงขนาดไล่ลงภูเขา ร้องไห้ลงภูเขาก็ช่าง น้ำตาไม่มีประโยชน์ น้ำตาไม่เกิดประโยชน์ ไม่สนใจ ๔ วันกลับขึ้นไป พอลงใจ ปฏิบัติตามแล้วก็จ้าขึ้น ทีนี้พอแกยอมรับแล้วก็สอนต่อ แกก็ผึงๆ ไปเร็วนะ ไปเร็ว เอาละที่นี่ไปละ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |