เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
เห็นผลมาแล้วจึงมาสอน
ก่อนจังหัน
วัดกรรมฐานส่วนมากไม่มีเณรนะ ท่านไม่รับเณร พระกรรมฐานท่านอยู่ในป่าท่านไม่รับเณร ในวัดนี้ก็ไม่รับ ก็มีได้รับเณรหนึ่งไว้ได้พูดอยู่นี่ ตอนเงียบๆ มันไปทำบั้งไฟเล็กไปจุดชิดๆๆ อยู่ในป่า ก็เณรเดียวเท่านั้นมันไม่มีเพื่อนมีฝูงเล่นด้วย ไปเล่นกับพระท่านจะเขกเอา ไปยุ่งท่านไม่ได้ซิ มันจุดบั้งไฟเล็ก เห็นอย่างนั้นละว่าไง วัดนี้ไม่เคยรับเณร ส่วนมากกรรมฐานที่ท่านเที่ยวเด็ดเดี่ยวจริงๆ ไม่มีเณร วัดป่าบ้านตาดนี้ก็ไม่มี มีก็อย่างว่าแหละ มีเณรบั้งไฟเล็กนั่นละ ไปจุดชิดๆ อยู่ในป่า
บันดลบันดาลเทวดาบอกก็ไม่รู้ อยู่ลึกๆ นะ มันบันดลบันดาลยังไง ประมาณสองทุ่มเราเดินจงกรมอยู่ มันเป็นอะไรในจิตนี้แหละ เลยบุกเข้าไปในทางจงกรมซึ่งไม่มีใครเดินเลยทางนั้น นั่นละเณรไปจุดบั้งไฟอยู่นั้น บั้งไฟเล็ก ชิดๆๆ เราตามเข้าไป โอ๊ย เณรตัวสั่นเลยเพราะไม่คาดไม่คิดว่าใครจะไปเห็นในป่านั้น ขบขันดี มันโศกเศร้าเหงาหงอย ๓ วัน เราก็ไม่พูดถึงเลย เพราะโทษเต็มตัวมันอยู่ใน ๓ วันนี้ จนกระทั่งล่วงไปสัก ๔-๕ วัน ดูลักษณะมันดีขึ้นจึงเรียกมาสอน มาลงทัณฑกรรมตะวันตกศาลานี่ ให้ขุดดินจอมปลวกมาถมที่ต่ำ ให้ทำวันละหนึ่งชั่วโมง ๓ วัน เรียกว่าทำทัณฑกรรม ตามหลักพระวินัยมี ก็มีเณรเดียวนั่น มันก็เป็นอย่างนั้นละ เสร็จแล้วให้พร
หลังจังหัน
ไปโคราชนี่ก็ต้องค้างคืนที่โคราชคืนหนึ่งถึงจะได้กลับมา มีงานอะไรบ้างเราก็ลืมๆ เสีย (แสดงธรรมแล้วรับผ้าป่า เผาศพ แล้วก็ไปพักที่เขาใหญ่ วัดอาจารย์อุทัยครับ) เออ ค้างที่เขาใหญ่ ท่านอุทัย มีกุฏิเอาไว้เสียด้วยนะ ที่ท่านอุทัยอยู่ทุกวันนี้มีกุฏิสร้างไว้ให้เรานี่แหละ ดูก็รู้นี่ นอกนั้นก็เป็นกระต๊อบกระแต๊บ มาทำหลังใหญ่โตขึ้นตรงนั้น หลวงตาจริงๆ ไม่เห็นใหญ่โตอะไร นั่นเห็นไหมกุฏินั่น กุฏิหลวงตาดูเอาซิ
มาพักที่นี่ กุฏิกระต๊อบเล็กๆ ๓ ปีหักล้มโครม คือพอไม้มันแห้งแล้วก็ปลวกกินล้มโครม ถ้ายังไม่แห้งปลวกยังไม่กิน พอต้นเสาแห้งปลวกกินล้ม นี่หลังที่ ๓ เขาไปเห็นนั้นแล้วเขาเลยส่งเงินมาปลูกกุฏิหลังนี้ละ ไปร้องห่มร้องไห้อยู่กุฏิหลังนี้ละหลังสุดท้ายนี่ มีพระอยู่ที่นั่นองค์หนึ่งเขาไปถามดู กุฏิท่านอาจารย์หลังไหน นี่ๆ เขามองไปเห็นแล้วเขาไม่อยากเชื่อ เขาให้เปิดประตูให้ดู ก็ไม่มีอะไร บาตรไม่มีเพราะมาฉันจังหันยังไม่ได้ขึ้นไป มีหนังสือเล่มหนึ่งเอาไว้สูงๆ เอาวางไว้ที่แคร่สูงๆ เท่านั้น นอกนั้นไม่มีอะไร
ไปก็ไปร้องไห้อยู่กุฏิหลังนั้น ครูบาอาจารย์ชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศไทย เวลามาดูกุฏิหลังเท่ากำปั้น ว่างั้นนะ ลูกศิษย์ทางกรุงเทพแหละเขามาทอดกฐิน มาก็มาร้องไห้อยู่นี่ ว่าเห็นกุฏิเราอยู่แล้วสลดสังเวช พอไปถึงปั๊บเขาจึงส่งเงินมาปลูกกุฏิหลังอยู่ทุกวันนี้ ก็เรายังไม่ได้สั่งได้บอกว่าไง เขาส่งตูมตามมาเลย จะส่งกลับคืนก็น่าเกลียด ไม่ถูก เราก็ต้องรับไว้ ต่อไปถึงได้สั่งทีหลัง สั่งทั่วไปหมด ถ้าใครส่งเงินมาให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถ้าเรายังไม่ตกลง ส่งมาเท่าไรก็ไม่สำเร็จ บอกเลย อันนี้เป็นเหตุ
สิทธัตถราชกุมารอยู่หอปราสาท เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เสด็จออกทรงผนวชทรงบำเพ็ญอยู่ในป่าเมืองพาราณสี ๖ ปี สำเร็จในมหาวิทยาลัยป่า ออกมาแล้วก็สอนพระ รุกฺมูลเสนาสนํ สอนให้ไปอยู่ในป่าในเขา ไม่ได้บอกว่าให้ไปอยู่ในหอปราสาทราชมณเฑียร พระองค์เองเสด็จออกมาจากหอปราสาทก็มาอยู่ในป่า เวลาบรรลุธรรมหรือตรัสรู้ธรรมก็ตรัสรู้ในป่า แล้วก็สอนพระให้อยู่ในป่า รุกฺขมูลเสนาสนํ ทุกวันนี้ยังเป็นธรรมที่เด็ดขาด ไม่สอนไม่ได้ นั่นฟังซิ สอนธรรม รุกฺขมูลเสนาสนํ บรรพชาอุปสมบทแล้วให้ท่านทั้งหลายไปอยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ในป่าในเขา ตามถ้ำ เงื้อมผา ป่าช้าป่ารกชัฏ ที่แจ้งลอมฟาง อันเป็นสถานที่สะดวกสบายปราศจากสิ่งรบกวน บำเพ็ญสมณธรรมได้สะดวก จงพากันอยู่และบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด
โน่นน่ะ ไม่ได้บอกธรรมดานะ ตลอดชีวิต นั่นเป็นยังไงพระพุทธเจ้าเสด็จออกมา ออกมาจากในป่าแล้วชี้รุกขมูลร่มไม้ให้เป็นที่อยู่ที่พักอาศัยของพระ บำเพ็ญสมณธรรมของพระตลอดชีวิตไปเลย ไม่ได้บอกให้หวนกลับไปหอปราสาท แล้วองค์ใดตรัสรู้ธรรม บรรลุธรรมขึ้นมามีแต่อยู่ในป่าในเขาเสียมากต่อมาก สรณะของพวกเราสำเร็จมาจากป่านะ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ พระพุทธเจ้าทรงสำเร็จมาจากในป่าเมืองพาราณสีใช่ไหม มันดูนานแล้วลืม สาวกทั้งหลายก็สำเร็จในป่าออกมาเป็นสรณะของพวกเรา พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เกิดในป่าทั้งนั้นมาสอนพวกเรา ใครจะอวดดิบอวดดีว่ายิ่งกว่าพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกจม คนๆ นี้จม พระองค์นี้จม ไม่มีความเจริญแหละ
เราได้เห็นคุณค่าของการอยู่ในป่าในเวลาคับขัน เห็นชัดเจนมากนะ อยู่ในป่าธรรมดาเป็นอย่างหนึ่ง ขยับเข้าไปในที่น่ากลัวหวาดเสียวทั้งกลางวันกลางคืน นั่นเป็นอีกอย่างหนึ่ง สติกับจิตอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นั่นคือความเพียรตลอด แล้วกิเลสจะเกิดได้ยังไง คนกลัวตายมันกลัวจะตาย สติรักษาตัวตลอดเวลา คือกิเลสไม่เกิด แล้วธรรมเกิดตลอด สติติดตัวๆ จิตจะไม่ฟุ้งซ่านไปไหน จะสงบเย็นๆ
ท่านที่บำเพ็ญมาแล้วท่านเห็นผลมาแล้วจึงมาสอนพวกเรา ไม่ใช่มาสอนสุ่มสี่สุ่มห้า ตัวอยู่ในหอปราสาท เห็นพระท่านอยู่ในป่าไปหาว่าพระที่อยู่ในป่าเป็นพระวิกลจริต มันเลยบ้าไปแล้วพระองค์นี้ พูดให้มันชัดๆ พระองค์นี้เป็นนักเทศน์ด้วยนะ มันเทศน์หากินข้าวต้มขนมเขาเฉยๆ ไม่ได้เทศน์เพื่ออรรถเพื่อธรรม มันเลวขนาดไหนพระองค์นี้ พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้ แต่ผู้มันเป็นมันยังเป็นได้ เราพูดตามหลักความจริงทำไมจะพูดไม่ได้วะ พระอยู่ในป่าเป็นพระวิกลจริต ว่าอย่างนี้ ความหมายก็คือว่าจะพูดกระแทกแดกดันพระที่อยู่ในป่า ด้วยกิเลสตัณหาของตัวเอง กระแทกแดกดันคือกิเลสตัณหา ถ้าพูดเป็นธรรมแล้วพูดไม่ได้
พระพุทธเจ้าไล่พระเข้าอยู่ในป่าตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เหตุใดพระอยู่ในป่าจึงเป็นพระวิกลจริตมีอย่างเหรอ ถ้าไม่ใช่เลยเทวทัตไป นี่พูดเพื่อกระทบกระเทือนกระแทกแดกดันด้วยอำนาจของกิเลสต่างหาก จึงพูดออกมาได้ในคำเช่นนี้ ถ้าเป็นธรรมพูดไม่ได้ว่างั้นเลย ก็ตำราเห็นมาด้วยกันเรียนมาด้วยกัน มาโม้มาอวดได้เหรอ สอนให้อยู่ในป่า รุกฺขมูลเสนาสนํ ขึ้นแล้วนี่ พอบวชปั๊บพระโอวาทนี้ขึ้นต้นเลย พระทุกองค์ต้องได้รับ
รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย บรรพชาอุปสมบทแล้วให้ท่านทั้งหลายไปอยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ฟังซิน่ะ ป่าช้าป่ารกชัฏ ที่แจ้งลอมฟาง อันเป็นความสะดวกแก่การบำเพ็ญสมณธรรม จงอยู่และบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด ฟังซิน่ะไม่ใช่ธรรมดา ตลอดชีวิตนู่นพระพุทธเจ้าให้อยู่และบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้น เอามายันกันซิ ใครเป็นศาสดาของเราทุกวันนี้ ก็มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น แล้วตัวเองไปสอนได้ยังไง ตั้งแต่ตัวเองสอนตัวเองก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราว
พระพุทธเจ้าสอนพระองค์จนเป็นพระพุทธเจ้าแล้วจึงมาสอนโลก เราสอนเราก็ไม่ได้เรื่องแล้วจะไปสอนคนอื่นให้รู้เรื่องรู้ราวได้ยังไง นอกจากมันจะเถลไถลไปว่า พระอยู่ในป่าเป็นพระวิกลจริตเท่านั้น มันเป็นบ้าสดๆ ร้อนๆ สอนคนให้เป็นคนดีได้ยังไง คนบ้าสอน พระบ้าสอนคน นี่ละพระบ้าสอนคน แล้วจะให้เป็นคนดีพระดีได้ยังไง เอามายันกันอย่างนี้ละ มันกล้าพูดนี้กล้า เหนือหมดนี่พูดจริงๆ ไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัวในสามแดนโลกธาตุ จ้าอยู่ในนี้หมดแล้วจึงกล้าพูด หรือว่ากล้ามันก็เลยกล้ากลัวก็เลยกลัว ไม่มีในแดนสมมุติ ในสิ่งที่ออกมาพูดเวลานี้ไม่มี กล้าก็ไม่มีกลัวก็ไม่มี มีแต่ธรรมล้วนๆ เหนือไปหมดแล้ว จึงพูดได้ถนัดชัดเจนทุกอย่างเรา
เอากิเลสตัณหาเอาส้วมเอาถานมาอวดธรรมมีอย่างเหรอ ทองคำธรรมชาติทั้งแท่ง สูงขนาดไหนธรรมพระพุทธเจ้า แล้วเอาส้วมเอาถานดังที่ว่านี่มาอวด อวดได้ยังไง ก็ส้วมก็ถานอยู่ที่ไหนมันก็เป็นส้วมเป็นถาน ขอให้เดินตามแนวทางของศาสดาเอกเถอะน่ะ ใครตกนรก หลวงตาบัวจะไปตกแทนได้เลยแทนพระพุทธเจ้า ไม่ต้องไปฟ้องร้องพระพุทธเจ้าว่า สอนโลกทั้งหลายไปสวรรค์นิพพาน ตามสวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว เวลาพระองค์สอนแล้วเขาปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า แล้วตกนรกหมกไหม้เป็นแถวไปนี้ จะพาไปฟ้องพระพุทธเจ้า
นี่ไม่เห็นไปฟ้อง มีแต่พระพุทธเจ้าดุเอาว่าไง ดุทุกวัน เราไม่ได้ไปต่อว่าพระพุทธเจ้าได้ เพราะไม่มีที่คัดที่ค้าน พระพุทธเจ้าท่านดุเอามี โก นุ หา โส กิมานนฺโท นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถ ก็เมื่อโลกสันนิวาสนี้มันเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้หัวใจของสัตว์โลกอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน เพราะอำนาจของกิเลส แล้วยังมารื่นเริงหัวเราะกันได้อยู่เหรอ ทำไมจึงไม่เสาะแสวงหาที่พึ่ง นี่พุทธภาษิต หรือพุทธโอวาทของพระพุทธเจ้า ยังมาเป็นบ้ามาหัวเราะกันอยู่เหรอ นั่น ฟังซิ โก นุ หา โส กิมานนฺโท นั่นน่ะท่านว่า คือถ้าภาษาของเราเรียกว่ารำคาญเหลือเกิน มันหัวเราะลั่นกันอยู่ในกองไฟ กลางกองไฟเผาหัวมันอยู่นั่น ท่านผู้ที่พ้นจากกองไฟแล้วท่านก็ดุเอาบ้างซิ โก นุ หา โส กิมานนฺโท
ธรรมพระพุทธเจ้าเด็ดขาดขนาดไหน เด็ดขาดตลอดมา ไม่มีกิเลสตัวใดที่จะเหนือธรรมพระพุทธเจ้าไปได้ ศาสดาองค์เอกทุกองค์เหนือกิเลสทั้งนั้น กิเลสขาดสะบั้นๆ จึงได้มาเป็นศาสดาสอนโลก ธรรมเป็นธรรมสอนโลก กำจัดกิเลสทั้งมวลให้สิ้นซากไปได้ ทรงบรมสุขเต็มหัวใจๆ ถ้าปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าแล้วเป็นอย่างนั้น ถ้าปฏิบัติตามกิเลสตัณหาแล้วมันก็จมเรื่อยเลย จมกันอยู่อย่างนั้น เอาละวันนี้นะพูดเท่านี้ ออกจากนี่ยังจะได้ไปโคราช พอฉันเสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปโคราช จะค้างคืนหนึ่ง แล้วก็กลับมา
จากนี้ไปโคราชก็ตั้ง ๓๑๕ กิโลนะไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ไกล ไปค้างนั่นคืนหนึ่ง แล้วเผาศพพระองค์ไหน เกี่ยวโยงกับเรายังไงก็ไม่ทราบ (ชื่อหลวงปู่ทา นัยว่าเป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์มี สูงเนิน) สูงเนิน คุ้นกัน มีส่วนเกี่ยวโยงกัน อาจารย์มีนี้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ท่านปฏิบัติเรียบร้อยตลอดมา ตั้งแต่เราเรียนหนังสืออยู่วัดสุทธจินดา โคราช ท่านอยู่สูงเนิน ท่านอยู่วัดป่านะ สูงเนิน เวลาท่านมาโคราชนี้ท่านจะไม่ไปพักวัดไหน ท่านจะเข้ามาพักวัดสุทธจินดา แล้วกุฏิเรา กุฏิเรามันใหญ่ มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่นั้นเยอะ ท่านมาพักกับเรา จึงคุ้นกันมาตั้งแต่เรียนหนังสือ
พอออกจากนั้นแล้วก็ออกปฏิบัติเลย จนกระทั่งปฏิบัติมาเสียเต็มเหนี่ยวแล้วจึงกลับไปพบกันกับท่านอีก โอ๊ย ท่านดีใจมาก หือ ขึ้นเลยทันที ท่านมหามาได้ยังไงนี่ คือท่านอยู่ในมวกเหล็กลึกๆ นะ เราทราบว่าท่านอยู่นั้นเราก็บุกเข้าไปเลย เข้าไปหาท่าน หือ ท่านมหามาได้ยังไงมันอยู่ลึก อ๋อ ครูบาอาจารย์อยู่ที่ไหนไปได้ทั้งนั้นแหละเราว่า โอ๊ย ท่านดีใจนะ ท่านรื่นเริงกับเรานะ เมตตา เพราะตั้งแต่เรียนหนังสือก็คุ้นกันอยู่แล้ว พอเรียนหนังสือหยุดท่านก็ทราบว่าเราออกปฏิบัติ ไปอยู่กับหลวงปู่มั่น แล้วก็นานแสนนาน จนกระทั่งหลวงปู่มั่นมรณภาพไปหลายปีแล้วถึงได้ย้อนกลับไป แล้วไปพักกับท่านที่สูงเนิน วัดป่าสูงเนิน โอ๋ย ท่านดีใจมาก แล้วท่านไปอยู่มวกเหล็ก เราก็บุกเข้าไปหาท่าน รู้สึกท่านตื่นเต้นเมตตามาก หือ ท่านมหามาได้ไง โอ้ ครูบาอาจารย์อยู่ที่ไหนไปได้ทั้งนั้นละเราว่า ท่านรื่นเริง
ที่สูงเนินเราก็ไปพักกับท่าน ท่านเมตตามากอยู่นะกับเรา รู้สึกท่านเมตตามาก ท่านเป็นพระลูกศิษย์ขั้นผู้ใหญ่ เป็นฝ่ายมหานิกาย นี่คือพ่อแม่ครูจารย์มั่นไม่ให้ญัตติ เห็นไหมท่านสั่งเอง ไม่ต้องญัตติ ญัตติหาอะไรท่านว่างั้น มรรคผลนิพพานไม่ได้อยู่กับญัตติไม่ญัตติ ไม่อยู่กับธรรมยุตมหานิกาย อยู่กับการประพฤติปฏิบัติ ไม่ห้ามสัคคาวรณ์ มัคคาวรณ์ ทั้งธรรมยุตมหานิกายเป็นชื่อเฉยๆ ท่านว่า เอาปฏิบัติให้ตรงแน่วตามนี้ ถ้าญัตติแล้วมันจะเป็นฝักเป็นฝ่ายไป เพราะโลกถือสมมุติท่านว่า ถ้าท่านญัตติแล้วพวกของท่านซึ่งมีจำนวนมากจะเข้าท่านไม่ติด
นั่นเห็นไหมท่านเห็นประโยชน์ส่วนใหญ่ ไม่ต้องญัตติว่างั้น เมื่อท่านเป็นพวกท่านอย่างนี้ก็เข้ากันได้หมด คณะของท่านเป็นคณะใหญ่ท่านว่า เพราะฉะนั้นท่านถึงไม่ได้ญัตตินะ หลายองค์บรรดาลูกศิษย์ฝ่ายมหานิกายผู้ใหญ่ เป็นขั้นผู้ใหญ่นะเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ท่านไม่ให้ญัตติเลย ท่านสั่งเอง ท่านพูดเองเสียด้วย ท่านพูดอย่างเด็ดเสียด้วย มันสำคัญอะไรประสาธรรมยุตมหานิกายมันชื่อ ตั้งแต่ไก่เขาก็มีชื่อท่านว่า มันอยู่กับข้อปฏิบัติต่างหาก พ่อแม่ครูจารย์มั่นละเล่าเอง
ท่านเหล่านี้ละยังอยู่ทุกวันนี้ แล้วอาจารย์มีก็เสียแล้ว นี่ก็อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุเห็นไหมล่ะ มีธรรมยุตมหานิกายที่ไหน อัฐิกลายเป็นพระธาตุ ขอให้ปฏิบัติดีเถอะ อยู่ที่การปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่อยู่ที่ชื่อที่นาม นั้นธรรมยุตนี้มหานิกายอะไร เราไม่ได้สนใจนะชื่อนั้นชื่อนี้ ขอให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมันจะเข้าถึงกันทันที ธรรมนี้เข้ากันได้สนิททันที ถ้าเป็นเรื่องโลกเรื่องสงสารแล้วเข้ากันไม่สนิท ผิดกันอย่างนี้นะ ให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |