(มีผู้ฟังเทศน์ประมาณ ๒๐๐ คน)
เรื่องทองคำ เป็นน้ำใจของพี่น้องทั้งหลายที่มาช่วยกันรักษาชาติบ้านเมืองของเรานี้ ได้มากได้น้อยเป็นเหมือนกับน้ำที่ตกลงบนฟ้า ทีละหยดละหยาด ตกไม่หยุดไม่ถอยท่วมไปหมด นั่น อันนี้ก็เหมือนกัน ทีละหยดละหยาดหนุนเมืองไทยเราขึ้น เป็นความผาสุกร่มเย็นแน่นหนามั่นคงได้ ตะกี้นี้ได้อ่านถึงเรื่องทองคำให้พี่น้องชาวไทยเราได้ทราบว่า ทองคำที่หลวงตานำคราวนี้กะว่าให้ได้ทองคำ ๔,๐๐๐ กิโล เวลานี้เราได้เอาเข้าคลังหลวง ไปฝากไปมอบไว้แล้ว ๒ ครั้ง ๆ แรก ๑,๐๓๗ กิโลครึ่ง ครั้งที่สอง ๑,๐๒๕ กิโล รวมทองคำที่มอบและฝากไว้กับคลังหลวงแล้วเวลานี้ได้ ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง อันนี้ทั้งมอบทั้งฝาก คือ มอบคราวที่แล้วนั้นเราก็ได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ถูกทางรัฐบาลทางธนาคารต้มเรา เราก็ประกาศเลยว่าเราถูกต้ม
เราไม่กลัวว่าเราเสียเกียรติ เราถูกต้มเราต้องประกาศให้ทราบ ใครเป็นคนต้มเรา เราก็บอกไปหมดเลย นี่เรียกว่านักกีฬา นักธรรมะต้องตรงไปตรงมา ถูกต้มต้องบอกว่าถูกต้ม ที่ว่ามอบแล้ว ๆ เราพึ่งไปจับได้เมื่อเราไปกรุงเทพฯ คราวที่แล้วนี้ สอดแทรกอยู่ตลอดเวลา เห็นไหมผู้นำพี่น้องทั้งหลาย อยู่เฉย ๆ เมื่อไร ลูกศิษย์เราเต็มกรุงเทพฯ กระทรวงไหนที่ไม่มีลูกศิษย์เราไม่มี บอกอย่างนี้เลย ถ้าพูดถึงเรื่องบรรดาลูกศิษย์ลูกหาในวงราชการต่าง ๆ นี้ หลวงตานี้รู้สึกจะมีลูกศิษย์มาก ถ้าหากว่าเป็นองค์ใดองค์หนึ่งแทรกกับหลวงตาเข้าไป องค์นั้นจะประกาศลั่นเลยว่ามีลูกศิษย์มากที่สุด หลวงตาไม่ได้ประกาศ เมื่อมีเหตุผลที่ควรจะประกาศก็เอามาพูดอย่างนี้ละ
ลูกศิษย์เราอยู่ในกระทรวงทุกกระทรวงเลย เรื่องดีเรื่องชั่วเรื่องเหลวไหลโลเล เรื่องสะอาดสะอ้าน จะนำมาชี้แจงให้เรา ด้วยเจตนาเคารพเลื่อมใสเป็นความสัตย์ความจริง เราเก็บเข้าลิ้นชัก ๆ ไว้หมดเหมือนไม่มี ทีนี้เวลาเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมามาสัมผัสมันก็เริ่มออกละนะ ออกจากลิ้นชัก จะเริ่มออก ๆ เรื่อย มีแต่ความจริงล้วน ๆ ไม่ได้ต้มตุ๋นเลย นี่ละที่ว่าเราตามเข้าไปจนทราบได้ว่าเราถูกต้ม มาก็ซัดกันอีกพักหนึ่งกับธนาคารกับรัฐบาล ๒ ก๊กนี้แหละที่ต้มเราว่าอย่างนี้เลยบอกตรง ๆ นี่ละที่เราไปมอบแล้วถูกต้มเราก็บอกว่าเราถูกต้ม ครั้งที่สองเราไม่มอบเราฝากไว้เฉย ๆ ทั้งสองอย่างนี้อยู่ในการพิจารณาเวลานี้นะ
เราเป็นหัวหน้าของพี่น้องชาวไทยทั้งชาติ ที่จะบุกเข้าไปหาเรื่องราวนี้ให้ได้ต้นเหตุต้นผลมาอย่างชัดเจน สมชาติไทยเรามีขื่อมีแปมีกฎหมายบ้านเมือง มีกฎมีระเบียบทุกอย่าง เพื่อปกครองชาติไทยของเรา เป็นมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์กาลไหนจนกระทั่งทุกวันนี้ จะเหลวไหลโลเลโลกเลกไปไม่ได้ว่าอย่างนั้นเลย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องติดตามทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อชาติไทยของเรา
เวลานี้ทองคำนี้ก็เรียกว่าฝากไว้ อันที่สองนี่ฝากไว้ อันนั้นมอบ วันที่ ๔ นี้ก็จะเข้าไปตีตราทองคำให้เขาตรวจว่า ทองคำเรานี้บริสุทธิ์ขนาดไหนไม่ขนาดไหน เราก็ย้อนลูกศรอีกทีหนึ่ง ก่อนที่จะมาพิสูจน์ทองคำของเราว่าปลอมหรือไม่ปลอม เราขอพิสูจน์คนที่มาตรวจทองคำเราก่อนมันปลอมหรือมันจริง เราว่าอย่างนี้ มันต้องสอดกันอย่างนั้นซิไม่อย่างนั้นไม่ทันกัน มีโจรผู้ร้ายมาตรวจตราพาชีสมบัติของเจ้าของทรัพย์ พอเสร็จเรียบร้อยแล้วปล้นเอาไปกินเลยก็ได้ใช่ไหมล่ะ มันมีหลายแบบเราจึงไม่ไว้ใจ
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมาตรวจเรา เราอยากจะตรวจผู้มาตรวจเราเสียก่อนว่างั้น ตรวจทองคำเรา ดูเหมือนวันที่ ๔ ใช่ไหม (ครับผม) เอ้อ วันที่ ๔ นี้ทางโน้นเขาจะมาตรวจสอบ เอาเครื่องทดสอบมาตรวจทองคำเรา เราเปิดอกให้เลยเพราะเราต้องการของดีทั้งนั้น อันไหนบกพร่องตรงไหนให้บอกมาว่างั้นเลย นี่กำลังจะตรวจวันที่ ๔ นี่ โดยทางคนของเราเข้าไปดูด้วย ทางธนาคารทางไหนทางเจ้าหน้าที่ทางโน้นก็เข้ามา ทางนี้ก็เข้าไป ไปประสานงานกันให้เรียบร้อย เป็นที่แน่ใจว่าปลอมหรือไม่ปลอม จริงหรือไม่จริงแค่ไหน จะได้ทราบในวันที่ ๔ นั้นละ นี่บอกมาแล้วเราก็เซ็นไปแล้ว ให้ใครไปทำหน้าที่แทนเรา เราก็บอกไว้เรียบร้อยแล้ว จดหมายไปแล้ว
นี่พูดถึงเรื่องทองคำ ที่พูดนี้อ่านยังไม่จบ มันมาถึงพักนี้เลยอธิบายไปเสียก่อน ทั้งสองพัก พักแรก ๑,๐๓๗ กิโลครึ่งนี่เรียกว่ามอบ ที่สองนี่เรียกว่าฝาก ๑,๐๒๕ กิโล รวมแล้วเป็นทองคำที่ฝากและมอบไว้ที่คลังหลวงเวลานี้ ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง นี่ละที่จะได้มาตรวจตราจำนวนนี้ละ จำนวนที่เข้าไปแล้วทั้งว่ามอบทั้งว่าฝากอยู่ในคลังหลวง ในธนาคารชาติอันเดียวกันนั่นละ ทองคำที่หลังจากมอบและฝากไว้แล้วนั้นได้ทองคำเพิ่มอีก อันนี้ยังไม่ได้หลอมนะ ได้ ๒๑ กิโล ๓๔ .๑๐ บาท อันนี้ยังไม่ได้หลอมและยังไม่ได้ฝากไม่ได้มอบ เราเก็บไว้ที่ตู้นิรภัยก่อน พอถึงกาลเวลาที่ควรจะหลอมแล้ว เราก็จะหลอมเช่นเดียวกับเราเคยหลอมมาแล้ว
รวมทองคำทั้งหมดที่ได้เวลานี้ ๒,๐๘๔ กิโล ทั้ง ๒๑ กิโลที่ยังไม่ได้หลอมและที่ฝากและมอบแล้วนั้น รวมกันทั้งหมดได้ทองคำ ๒,๐๘๔ กิโล ยังขาดทองคำอีก ๑,๙๑๖ กิโลจะครบจำนวน ๔,๐๐๐ กิโล คือ ๔,๐๐๐ กิโลเราประกาศกังวานให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วประเทศไทยของเรา ในการช่วยชาติคราวนี้เราช่วยด้วยกันทุกคนทั่วประเทศไทยของเรา ไม่ควรจะได้ทองคำต่ำกว่า ๔,๐๐๐ กิโล นี่เราได้ประกาศไว้แล้ว เพราะฉะนั้นจึงเอา ๔,๐๐๐ กิโลตั้งไว้ ๆ ขาดเท่าไรก็บอกกันไปเรื่อย ๆ นี่เป็นพื้นฐานที่เราประกาศไว้แล้ว
ทีนี้ดอลลาร์ที่จะมอบในครั้งต่อไป เรากะว่าจะไปมอบคราวนี้ พอดีเรื่องมันคาราคาซังยังเข้าไม่ได้ ดอลลาร์ ๑ ล้านดอลฯ นี้เราจึงเก็บไว้ทางธนาคารก่อน จนกว่าว่าเรียบร้อยเมื่อไรเราจะเข้า เราเป็นหัวหน้าคอยพิจารณาเรียบร้อยแล้วแล้วก็ประกาศให้ทราบ เข้าตามนั้น ๆ เวลานี้ยังไม่ได้เข้า แต่อยู่ในธนาคารทั้งนั้นแหละเหล่านี้นะ แล้วทีนี้เงินสดที่เราฝากไว้ในธนาคารเวลานี้ยังไม่ถอนแม้สตางค์หนึ่งนะ เงินสดในโครงการช่วยชาตินี้ได้รวมแล้วเป็นเงิน ๘๕๐ กว่าล้านนะ ๘๕๐ กว่าล้านเราประกาศไว้ตั้งแต่ต้นเลยว่า เงินจำนวนเหล่านี้เราจะไม่เอาเข้าคลังหลวง เราจะเข้าเฉพาะทองคำและดอลลาร์ ส่วนเงินสดนี้เราจะให้เป็นเงินหมุนเวียนช่วยทั่วประเทศไทยของเราทั่วไปหมด สร้างนั้นสร้างนี้
ทีแรกเราว่าจะมอบเงินก้อนให้จังหวัดต่าง ๆ จังหวัดไหนมีความขาดแคลนมากน้อยเพียงไร สมควรจะรับการสงเคราะห์จากเงินก้อนนี้ เราก็จะแยกเป็นเงินก้อน ๆ ไปมอบให้หัวหน้าที่มารับ ทีนี้เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เรื่องโลกมันสกปรกพูดตรง ๆ อย่างนี้นะ กับธรรมเรียกว่าจะเข้ากันไม่ได้เลย เราเลยมาพิจารณาอีก เงินก้อนนี้ที่จะมอบให้หัวหน้าเขามารับไปนั่นน่ะ แม้เป็นมหาโจรก็ตาม เขามาประกาศตนว่าเขาเป็นคนบริสุทธิ์ยุติธรรมเต็มที่อย่างนั้น เอาไปแล้วเอาไปถลุงหมดก็ได้ เราไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้นเงินที่ว่าที่จะไปมอบจังหวัดต่าง ๆ นั้นเราจึงหักเอาไว้ ในธนาคารนี้ก็ไม่เอาออก เอาไว้นี้เลย
นอกจากนั้นเราเอาเงินนี้เข้ามาในโครงการเดิมของเรา ไม่เรียกว่า โครงการ แต่เป็นธรรมชาติที่เรียกว่าช่วยชาติมาตลอด ด้วยบัญชีเงินนี้ตลอดมา เราเลยหักอันนั้นมาเข้าบัญชีนี้ เข้าบัญชีที่เราช่วยชาติตลอดมานี้ คือไม่เอาเข้าไปโครงการ ถ้าธรรมดาแล้วเข้ามานี้เข้านี้หมด ถ้าเป็นโครงการ ๆ เราเอาเข้าตามโครงการตามเดิม และเก็บไว้ ๆ ทีนี้เงินจำนวน ๘๐๐ ล้านนี้เราหักไว้แล้ว เวลานี้ได้ประกาศเรียบร้อยแล้วว่า เงิน ๘๐๐ ล้านนี้เราหักไว้เพื่อจะซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงของเรา ถ้าหากสมัยปัจจุบันนี้ก็คงไม่ต่ำกว่า ๒ ตัน หรือ ๒,๐๐๐ กิโล แต่เงินจำนวนนี้เราก็ได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ อย่ามานับเข้าในจำนวน ๔,๐๐๐ กิโล
คือเงินจำนวนนี้เราสำหรับจะต่อยอดต่างหาก ให้พี่น้องทั้งหลายหาเนื้อหาหนังหาอะไรเข้ามามาประกอบให้เป็นตนเป็นตัวขึ้นมา แล้วเราจะเอาเงินจำนวน ๘๐๐ ล้านนี้ไปซื้อทองคำต่อยอด ไม่ให้มายุ่งกับเงินจำนวนนี้ ๔,๐๐๐ กิโลนี้ให้พี่น้องทั่วประเทศไทยของเราหามาให้เป็นเนื้อเป็นหนัง และ ๘๐๐ ล้านนี้เราจะซื้อทองคำแล้วขึ้นไปต่อยอดต่างหาก จึงไม่นับเข้าในจำนวน ๔,๐๐๐ กรุณาทราบไว้โดยทั่วกันนะ เวลาหลวงตาบัวตายแล้วก็จะต้องเป็นอย่างนี้ คือหลวงตาพูดอะไรเด็ดขาดไปเลยนะ เวลาเด็ดเด็ดเต็มที่ อย่างนี้ก็เหมือนกันเราตายแล้วก็จะต้องดำเนินตามนี้ เราสั่งเสียไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่บัดนี้ กรุณาพี่น้องทั้งหลายทราบ
เงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้ตายใจได้เลย เพราะเราเป็นผู้ตายใจแล้วตั้งแต่เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายในขั้นเริ่มแรกเลย ด้วยความเมตตาล้วน ๆ จึงไม่มีอะไรที่จะรั่วไหลแตกซึม เป็นเหตุให้ได้ซุบ ๆ ซิบ ๆ ว่าหลวงตาบัวเอาเงินไปอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีบอกอย่างนั้นเลย แม้เม็ดหินเม็ดทรายก็ไม่มีในหัวใจของเรา มีเท่าไรเราเก็บหอมรอมริบ คิดดูซิบัญชีทั้งหมดนี้ ทั้งทองคำ ดอลลาร์ เงินสด ทุกธนาคารนี้ เราเป็นผู้ถือบัญชีทั้งหมดแต่ผู้เดียว เป็นผู้สั่งเก็บสั่งจ่าย จะเข้าช่องไหน ๆ เราเป็นคนสั่งทั้งหมดเลย
เพราะฉะนั้นเงินนี้จะออกไปไหน จะต้องออกไปจากเรา จับได้ตลอดทุกเวลาเลย จึงว่าแน่ใจ ไม่มีมลทินตลอดมาจนกระทั่งป่านนี้ และจะตลอดไปด้วยนะ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ตายใจว่า เงินพี่น้องทั้งหลายบริจาคด้วยความเป็นธรรม ผู้รับรับด้วยความเป็นธรรม จะทำประโยชน์ด้วยความเป็นธรรมอย่างสมบูรณ์เช่นเดียวกันหมด กรุณาทราบไว้ตามนี้
ที่ว่ายังอีก ๕๐ ล้านกว่านั้น เราก็เผื่อไว้เวลาจำเป็นเป็นเงินหมุนเวียน เช่นช่วยโรงพยาบาล หลายประเภทนะที่เราช่วย ที่ว่าเงินหมุนเวียนนี่นะ ออกช่วยสงเคราะห์คนทุกข์คนจนที่จำเป็น ควรจะได้รับการสงเคราะห์ โรงร่ำโรงเรียน สถานสงเคราะห์ ที่ราชการต่าง ๆ เราเอาเงินเหล่านี้หมุนออกไปช่วย
(มาแล้วครับ) มาแล้วเหรอผู้ว่าฯ (เพิ่งลงเครื่องมาครับ) เครื่องแน่นไหม เต็มไหม (เต็มครับผม) เต็มทุกเที่ยวนั่นแหละ (เมื่อวานไปเฝ้าสมเด็จพระเทพฯ มา ได้ข่าวว่าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์จะเสด็จมากราบท่านวันที่ ๙ เช้า ตรงกับวันงานพอดี) ได้ทูลท่านเสด็จหรือเปล่าล่ะ อันนี้ให้ไปถึงท่านเสียก่อนนะ เพิ่มเกียรติชาติไทยของเรา และเพิ่มพระเกียรติของท่านอีก ทั้งสองอย่างไม่มีเสียหาย ให้รีบทูลเชิญเสด็จเสีย เหมาะสม อย่างน้อยชาวอุดรฯ เราก็เป็นเกียรติอย่างยิ่ง แล้วก็เป็นพระเกียรติของท่านอีกทีหนึ่ง อันนี้เหมาะสมมากไม่มีส่วนเสียแม้นิดหนึ่ง ให้รีบทูลเชิญเสด็จเสียก่อนนะ ให้ท่านทรงทราบไว้ก่อน (ผมจะแฟกซ์เข้าไปครับผม)
ฟ้าหญิงเล็กนี้ท่านถวายตัวเป็นลูกบุญธรรมมาหลายปีแล้วแหละ เพราะฉะนั้นวัดนี้ท่านจึงเสด็จบ่อย ทีนี้พอดีกับงานทางอุดรฯ ซึ่งเป็นงานหลวงพ่อและเป็นพ่อท่านด้วย ด้วยเหตุนี้จึงว่าควรอย่างยิ่งที่จะทูลเชิญ ให้ท่านเสด็จมาเป็นเกียรติของพี่น้องชาวไทยเรา เป็นพระเกียรติสำหรับท่านเองด้วย ระหว่างท่านกับเราเป็นพ่อกับลูกกัน สำคัญอยู่ที่ตรงนี้ ให้พิจารณาเสียนะ (ครับ)
ตัวแทนคณะนักบริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวชี้แจงถึงการจัดทอดผ้าป่าช่วยชาติของคณะฯ (ผมขออนุญาตกราบเรียนนะฮะ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนักบริหารการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ระดับกลาง ได้มาศึกษาดูงานที่จังหวัดหนองคายแล้วก็อุดรธานี ตามกำหนดการก็จะต้องมาฟังเทศน์จากหลวงตาหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งทางนักศึกษาและทางนักบริหารรุ่น ๑๕ และเจ้าหน้าที่จากสถาบันพัฒนาผู้บริหารการเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันทำบุญถวายผ้าป่าช่วยชาติกับหลวงตาครับ ผ้าป่าเป็นเงิน ๒๐,๙๐๙ บาทครับ)
วันนี้พูดถึงเรื่องงานส่วนรวมเพื่อชาติไทยของเรา สำหรับหลวงตานี่ไม่มีเว้นนะ เทศน์ทุกเช้า ๆ อย่างนี้ละ เทศน์ทุกเช้า ๆ ตลอดไป ไปกรุงเทพฯ ก็แบบเดียวกัน พอฉันเสร็จแล้วก็พูดธรรมะตลอดจนจบแล้วก็เลิก อันนี้ก็เหมือนกัน เราพยายามช่วยชาติบ้านเมืองของเรา เราช่วยเต็มเหนี่ยวดังที่ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง เราพูดอย่างตรง ๆ เลยตามหลักความจริงของธรรมเป็นอย่างนั้น ถ้ากิเลสละอ้อมแอ้ม ๆ ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย สอดแทรกหาพิษหาภัยทิ่มนั้นแทงนี้ เป็นเรื่องของกิเลส แต่เรื่องของธรรมนี้อย่างตรงไปตรงมา
อย่างที่เราช่วยพี่น้องชาวไทยนี่ คราวนี้เราช่วยอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราไม่หวังอะไรจากการช่วยเหลือนี้ นอกจากจะหวังประโยชน์เพื่อพี่น้องชาวไทยทั่วหน้ากันเท่านั้น สำหรับเราเองเราพอแล้วทุกอย่าง เรื่องธรรมเราก็พูดตรง ๆ ใครจะว่าเราบ้าก็ให้ว่าไป ถ้าหูมันเป็นบ้าก็จะว่าเราบ้า มันก็ออกจากหูมันเสียก่อน หูมันเป็นบ้าแล้วออกมาคำพูดว่า หลวงตาบัวโอ้อวด ปากมันเป็นบ้าเข้าอีกสองชั้นแล้ว ปากเราปากความจริง ปากอรรถปากธรรมเป็นบ้าที่ไหน
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมปึ๋งขึ้นมานี้ ไม่ต้องหาใครมาเป็นสักขีพยาน สอนโลกได้สามแดนโลกธาตุ ในสิ่งที่โลกทั้งหลายไม่รู้ไม่เห็น พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็น โลกละไม่ได้ โลกรักสงวน พระพุทธเจ้าปัดออกเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นไฟ เรียกว่าเป็นต้นเหตุแห่งฟืนแห่งไฟ กิเลสประเภทต่าง ๆ คือเชื้อไฟเผาโลก พระพุทธเจ้าทรงละได้หมด แล้วนำมาสั่งสอนโลกทั่ว ๆ ไปจนกระทั่งทุกวันนี้ ศาสนาก็ล่วงมาได้ ๒,๕๔๓ ปีนี้แล้ว ด้วยธรรมะที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า จากพระทัยของพระพุทธเจ้า แล้วออกมาทางพระโอษฐ์สั่งสอนโลกเรื่อยมาจนทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่ธรรมะเป็นของจริงล้วน ๆ ไม่มีคำว่าแปลงปลอมแฝงอยู่เลย
เราเองที่เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย นำธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ออกจากการปฏิบัติของเรา ได้รู้เห็นมากน้อยเพียงไรในหัวใจ เต็มตื้นแล้วด้วยอรรถด้วยธรรม เราจึงบอกตรง ๆ เลยว่า เราไม่หาธรรมที่ไหนอีกแล้ว ธรรมเต็มหัวใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วเราไม่หาอะไร เราพอทุกอย่างแล้ว ที่เมตตาสงสารก็เพราะชาติไทยของเรานี้เกี่ยวโยงกันทั่วประเทศ ความบกพร่องอะไรนิดหน่อยกระเทือนถึงกันหมดเลย จึงได้ออกเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย ด้วยความบริสุทธิ์ใจและความเมตตาครอบตลอดเวลา จึงว่าเราทำจริงทุกอย่าง ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก เรียกว่าภาษาของธรรม ถ้าภาษาของกิเลสนี้ลูบหน้าปะจมูก เลียแข้งเลียขาเหมือนหมูเหมือนหมา เรื่องของกิเลสเป็นอย่างนั้นไม่แน่นอน เรื่องของธรรมนี้ตรงไปตรงมา ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก จึงเรียกว่าธรรม ตายใจได้เลย
นี่เรามานำพี่น้องทั้งหลายนี้เราก็นำแบบธรรม นำแบบธรรมยังไง ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ตรงไปตรงมาอย่างนี้ นี่เราก็นำพี่น้องทั้งหลายด้วยความเมตตาล้วน ๆ สำหรับเราเองเราพอทุกอย่างแล้ว เราไม่มีคำว่าได้ว่าเสียในตัวของเรา คำว่าแพ้ว่าชนะเราก็ไม่มี คำว่าได้ว่าเสียก็ไม่มี คำว่ากล้าว่ากลัวเราก็ไม่มี มีแต่ธรรมล้วน ๆ เหนือโลกไปตลอด เพราะฉะนั้นการเทศนาว่าการหนักเบามากน้อยเพียงไร ที่ควรจะออกให้เป็นประโยชน์แก่โลกจะออกทันที ๆ เลย ให้พี่น้องทั้งหลายทราบเอาอย่างนี้
ธรรมนี้ถอดออกมาจากหัวใจมาสอนพี่น้องทั้งหลายนะ ปริยัติยกไว้ สาธุ เราก็เรียนมาจนกระทั่งเป็นมหา แต่ไม่ได้แน่ใจ เราพูดตามหลักความจริงเราเรียนมาเราไม่ได้แน่ใจ ในบาป ในบุญ ในนรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ทุกพระองค์สอนไว้แบบเดียวกันหมด เราก็สงสัยเป็นแบบเดียวกันหมด พวกนักปริยัติเรียนมามากน้อย เอาความสัตย์ความจริงเป็นตัวของตัว เป็นเนื้อเป็นหนังของตัวไม่ได้จากการจำนะ จำมาเฉย ๆ เหมือนกับเรายกเอาแปลนบ้านมากาง แปลนบ้านไม่ใช่บ้าน แปลนเป็นแปลน บ้านเป็นบ้าน ถ้าอยากจะให้สำเร็จรูปเป็นบ้านขึ้นมา ให้เอาแปลนออกมากาง เมื่อกางแล้วแปลนนี้ต้องการจะเอาบ้านหลังขนาดไหน ๆ กี่ห้องกี่หับ เอาแปลนมากางปุ๊บ สร้างลงตามนี้ นี่เรียกว่าภาคปฏิบัติ คือการปลูกสร้าง
เมื่อปลูกสร้างแล้วก็เริ่มจะปรากฏ ตั้งแต่ขุดดินทีแรกนู้นแหละ ขุดดิน วางรากวางฐานวางต้นเสาอะไร เห็นเป็นภาคปฏิบัติขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสำเร็จเป็นบ้านทั้งหลังขึ้นมา แปลนกับบ้าน นี้แปลนนั้นบ้าน แปลนนี้ชี้ให้เป็นบ้านขึ้นมาด้วยการปลูกสร้างขึ้นมา นี้ปริยัติก็เป็นแปลนของพุทธศาสนา แปลนแห่งบาปแห่งบุญแห่งมรรคผลนิพพาน อยู่ในนั้นหมด พระพุทธเจ้าสอนไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นแปลนอันถูกต้องดีงาม แต่เราเรียนมาเราไม่ได้ทำไม่ได้ปลูกบ้านมันก็ไม่เห็นบ้านล่ะซิ บ้านกับแปลนมันต่างกันนะ แปลนมันเป็นกระดาษ บ้านมันเป็นดินเป็นอิฐเป็นหินเป็นทราย ประกอบกันแล้วเป็นตึกทั้งหลังขึ้นมา นั้นเป็นบ้าน แล้วแปลนนั้นชี้บอกอย่างนี้ทำอย่างนี้ก็เป็นขึ้นมาอย่างนี้
นี้กระดาษอยู่ในพระไตรปิฎก มีแต่กระดาษแปลนทั้งนั้น แปลนบาป บุญ มรรคผลนิพพาน นรก สวรรค์ อยู่ในนั้นหมด พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นแล้วแสดงไว้ในนั้น เรานำแปลนนั้นออกมาจากปริยัติ เรียนแล้วให้มาปฏิบัติ ปฏิบัติเหมือนเราปลูกสร้าง เราจะเริ่มขึ้นมา แปลนศีลก็เต็มหัวใจเรา อบอุ่น ผู้มีศีลมีธรรม มีหิริโอตตัปปะ เป็นผู้อบอุ่นเรื่องใจ ไปที่ไหนไม่กลัวตาย นั่นเห็นไหม เพราะอำนาจแห่งศีลบริสุทธิ์เต็มตัวแล้ว ไปที่ไหนแน่ใจเลยว่าดีดผึงไปสวรรค์เลย อย่างน้อยไปสวรรค์ ถ้าสมาธิ ปัญญา ขึ้นไป ขั้นเป็นพรหมโลก ถึงนิพพาน นี่ละเต็มอยู่ในหัวใจนี้ เราเอาออกมาเป็นภาคปฏิบัติ เข้าใจไหม
ศีลเราก็รักษาตัวของเราให้เป็นศีลขึ้นมาเต็มตัว สมาธิรักษาขึ้นมาให้เต็มสมาธิ ให้เต็มปัญญา กระทั่งถึงขั้นวิมุตติหลุดพ้นถึงพระนิพพาน เรียกว่าบ้านสำเร็จรูปโดยสมบูรณ์แล้ว แปลนแห่งมรรคผลนิพพานพระพุทธเจ้าสอนไว้ ถ้าเรามีแต่เรียนเฉย ๆ สงสัยวันยังค่ำ ใครไปเปิดดูแปลนไหนก็เห็นแต่กระดาษ ไม่เห็นบ้านเห็นเรือน มันก็สงสัยซิคน นี่ไปเปิดดูคัมภีร์ไหนก็บอก บาป บุญ นรก สวรรค์ แต่ไม่เคยเห็น นรก สวรรค์ เพราะไม่ปฏิบัติ ไม่ก้าวเดินตาม ก็ไม่เห็น ทีนี้เมื่อปฏิบัติตามนั้นแล้ว สิ่งที่จะรู้จะเห็นแปลนบอกไว้หมดแล้ว เอ้า ทำอย่างนั้น ๆ ก็สำเร็จขึ้นมา เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา รูปศีลก็มี รูปสมาธิก็มี ในหัวใจ ๆ รูปปัญญา วิมุตติหลุดพ้น พ้นจากโลก ปรากฏขึ้นในหัวใจ เรียกว่าสมบูรณ์แบบแล้ว
นี่เราปฏิบัติตัวของเราได้สมบูรณ์แบบแล้วทุกอย่าง จึงได้มาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ด้วยความสัตย์ความจริง ด้วยความเมตตาล้วน ๆ เราไม่มีคำว่าอยากโอ้อยากอวด อยากหาอะไรกิเลสมันก่อกวน ความหิวนั่นมันอยาก อิ่มแล้วไม่ต้องอยาก นี่สอนด้วยความเมตตา ใครจะเอาก็เอา ไม่เอาก็เป็นกรรมของสัตว์ มีเท่านั้นเอง นี่ได้สอนโลกทั้งหลาย นำโลกนี้เรานำด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างยิ่งแล้ว ทั้งอุบายวิธีการต่าง ๆ บิณฑบาตขอทานอย่างนี้ ๆ เพื่อจะเข้าชาติไทยของเรา
จากนั้นก็แนะนำสั่งสอนให้ปรับปรุงจิตใจของเรา มันเหลวแหลกแหวกแนวทำความสกปรกโสมมแก่ตนเอง ครอบครัว ตลอดถึงวงงานต่าง ๆ จนกระทั่งวงราชการงานเมืองทั่วประเทศไทย มีแต่ความสกปรกจากกิเลสทั้งนั้น แก้กิเลสออกจากใจ กิริยาแสดงออกทุกอย่างจะสะอาดไปตามจิตที่มีความสะอาดมากน้อย แล้วโลกของเราจะมีความสงบร่มเย็นไปตาม ถ้าสั่งสมตั้งแต่ภายนอก อันนั้นก็สวย อันนี้ก็งาม ไปหาคดหาโกงรีดไถเขามาจากตับปอดประชาชนทั่วประเทศไทย เอามาเป็นสมบัติของตน มันเป็นได้ยังไง
ของเขาแท้ ๆ เอามาเป็นของเรา มาปลูกบ้านปลูกเรือน ฟาดบ้านจัดสงจัดสรร มีเครื่องยนต์กลไก เอามาประดับร้านตัวเองว่าเป็นของตัว มันเป็นได้ยังไง ก็ไม่ใช่ของตัว เป็นตับปอดของประชาชนเขาสละสมบัติออกมาเพื่อส่วนรวม เช่น ภาษีอากร เป็นต้น เอามาให้จุดส่วนรวม เพื่อจุดส่วนรวมนี้จะได้แยกไปเป็นประโยชน์แก่ชาติไทยของเรา มันกลับไปเข้าพุงของตัวเองเสีย แล้วมาประดับประดาบ้านเรือนอะไรเช่นอย่างอธิบายมาตะกี้นี้ มันเป็นประโยชน์อะไร นั้นคือฟืนคือไฟที่จะเผาคนนั้นเองไม่ใช่ใครนะ นี่เรียกว่าใจสกปรก มันสร้างทุกอย่างขึ้นชื่อว่าความสกปรก ไม่มีความอิ่มพอ มันมีแต่หิวแต่โหย ได้เท่าไรไม่พอ ๆ เอาจนกระทั่งบ้านเมืองของเราล่มจมเพราะความสกปรกนี้
เวลานี้ไม่ได้ล่มจมเพราะธรรมนะ ธรรมท่านสะอาดท่านไม่พาล่มจม ความสกปรกคือกิเลส โลภได้ไม่พอ ทุกอย่างคำว่าโลภ ตะกละตะกลามได้ทุกอย่าง ไม่พอ ๆ จนตาย แล้วเมืองไทยเราก็จมไปด้วยอย่างนี้ นี่ความสกปรกมันเข้ามุมไหนซอกใดที่ไหนแหลกไป ๆ จึงให้ไปชำระจิตใจของเราทุกคน ยิ่งวงราชการงานเมืองแล้วเป็นจุดหัวใจของประชาชนคนทั้งชาติอยู่ในนั้นหมด เราต้องไปปฏิบัติตัวของเราให้เป็นคติตัวอย่าง เป็นที่ร่มเย็นกับประชาชนด้วยการปฏิบัติ บริสุทธิ์ยุติธรรมในหน้าที่การงานของเรา นี่เรียกว่าเป็นผู้นำ
ผู้ใหญ่บ้านก็เป็นผู้นำอันดี กำนันเป็นผู้นำอันดี นายอำเภอเป็นผู้นำอันดี ข้าราชการจนกระทั่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดไปถึงวงรัฐบาล ต่างคนต่างปฏิบัติตัวดี ชอบตามศีลตามธรรมแล้ว จะมีความสงบร่มเย็นไปตาม ๆ กันหมด นี่ละธรรมแทรกเข้าไปตรงไหนสะอาดตรงนั้น ๆ กิเลสเข้าไปตรงไหนสกปรกรกรุงรัง ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้คนทุกหย่อมหญ้า เช่น ประเทศไทยของเราเวลานี้ ยุ่งมาก เพราะอำนาจแห่งความสกปรกโสมม เอาตับเอาปอดของเขาไปเป็นตับเป็นปอดของตน เป็นเนื้อหนังกาฝาก มันก็ไปกัดตัวเองลงนรก
พวกนี้พวกท้าทายต่อนรก ท้าทายว่านรกไม่มี มีแต่ความอยากความทะเยอทะยานเท่านั้น เป็นเทวบุตรเทวดาอยู่ในหัวใจ อรรถธรรมไม่ได้มีอยู่ในหัวใจพอจะกราบไหว้ลงคอเลยนะ มีแต่ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา มีเมียคนหนึ่งกี่คน ยิ่งข้าราชการตัวหัวใจสกปรกแล้ว ไปที่ไหนเมียเต็มบ้านเต็มเมือง ไอ้ผู้หญิงตัวเก่ง ๆ ก็เหมือนกัน พอมีดินเหนียวติดหัวว่าตัวเก่งกล้าสามารถแล้วก็อวดอ้างก้ามไป ไปที่ไหน ๆ มีผัวลับผัวซ่อนผัวที่ไหนมีหมดเหมือนกันกับผู้ชาย เพราะมีกิเลสแบบเดียวกัน พอได้แง่ไหนมันเอาทั้งนั้น นี่ความสกปรก ไปที่ไหนรกรุงรัง
กลับมาบ้านเมียถาม ไปไหนวันนี้มา ไม่เคยเข้าวัดนะ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเข้าวัดเมียถาม หาทางแก้..กิเลส โกหกเมีย ไปไหนมาเมื่อคืนนี้หายเงียบไป ไปฟังเทศน์ ฟังซิน่ะ มันไม่เคยเข้าวัดนะ ฟังเทศน์วัดไหน โอ๊ย บอกไม่ได้เดี๋ยวเขาจะตามไปฟังอีก ว่าอีกนะ กลัวเขาจะติดตามไปดูรอยมัน นี่ละตัวสกปรกเป็นอย่างนี้ อย่าให้มีในวงราชการของเรา มีเมียคนหนึ่งพอแล้ว เอายกตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ นี่ภาษาธรรมฟังนะ เราไม่ได้พูดหยาบโลนอะไร พูดตามหลักความจริงที่มันแสดงตัวเป็นความหยาบออกมาจากหัวใจแต่ละคน ๆ เป็นกิริยามารยาทให้เดือดร้อนวุ่นวายไปหมด นี้คือตัวหยาบในตัวของบุคคลนั่นแหละ
แล้วผู้หญิงคนหนึ่ง เอ้า สมมุติว่าเรามีเมียแล้ว เมียเรานี้ขาดอะไร เอา ถามกันซิ เมียของเราคนหนึ่งนี้ขาดอะไรบ้าง แล้วผู้หญิงนอกจากเมียของเราเต็มแผ่นดินไทยเรานี้ มีพิเศษอะไรต่างจากเมียของเรา มันเลิศเลอมาจากไหน มันมีกี่อัน เอ้า ถ้าพูดถึงหีมันมีหีเดียว นมมันก็มี ๒ นม ทุกอย่างมันมีอันเดียว ๆ แล้วผู้หญิงเหล่านั้นมันมีกี่หีกี่นมมันถึงจะมาอวดเมียของมันวะ ถ้ามันมีอย่างเดียวกันแล้ว ถ้าเราเป็นเมียจะฟาดหน้าผากมันเลย นี่เห็นไหมกูก็มีเท่ากันกับเขา มึงเป็นบ้าเหรอจะว่าอย่างนั้น แต่หลวงตาบัวไม่มีเมีย บวชตั้งแต่หนุ่ม
ถ้าเป็นผู้หญิงก็เหมือนกัน ผู้ชายคนหนึ่งมันมีกี่อัน เอามาถามซิ ผู้ชายคนหนึ่งมันก็มีอันเดียว มีเท่านี้ แล้วผู้ชายคนหนึ่งมันมีเท่าต้นเสานั้นเหรอ มันมีสามวาสี่วาเหรอถึงจะเอามาแข่งผัวของเรานะ ผัวของเราก็มีอันเดียว ผู้ชายนอกนี้มันก็มีอันเดียวไม่เกินกัน มันเป็นบ้าหาอะไร ถ้าพูดตามหลักธรรมแล้วมันมีอันเดียวเท่ากันแล้วอย่ายุ่ง เข้าใจไหม มีคนเดียวพอแล้ว ผู้หญิงเมียเราคนเดียวพอแล้ว ผู้ชายผัวเราคนเดียวนี้พอแล้ว อย่ายุ่ง หาฟืนหาไฟมาเผาบ้านเผาเมือง กิเลสมันไม่พออย่างนี้เข้าใจไหม ธรรมตีเอาไว้ให้พอ เอามาเทียบกัน ถ้าว่าธรรมแพ้จะยอมให้ เอา ผู้ชายคนนี้มันมีกี่อัน โค็ยมันมีกี่โค็ย โค็ยมันยาวสามวาสี่วา โค็ยผัวเราแค่นิ้วมือ คนนั้นมันยาวสามวา ผัวของเรามีแค่นี้ เอ้า ให้เสียนะพ่ออีหนู หรือแม่อีหนูให้เขาเสีย เขามีมากกว่าเธอ อันนี้มันก็เท่ากัน นี่เอาธรรมจับเข้าไปมันเท่ากัน มันเป็นบ้าเหรอ
ให้พากันจดจำเอานะ นี้เป็นข้อปฏิบัติเพื่อเราทุกคน ๆ ที่มีกิเลสเป็นฟืนเป็นไฟ มีอยู่ในทุกคนทั้งผู้หญิงผู้ชาย ธรรมท่านถึงชะเข้าไปตรงนั้น ไฟอยู่ตรงนั้นนี่นะ อย่าว่าพูดโอ้พูดอวด ตัวไฟที่มันเผาโลกเวลานี้มันอยู่กับทุกคน ธรรมท่านไม่ได้เป็นความสกปรกโสมมทำลายผู้ใดนะ ตัวนี้ตัวทำลาย เอาน้ำที่สะอาดคือธรรมนี่ชะล้างเข้าไปต่างหาก จะว่าน้ำสะอาดเป็นของสกปรกได้ยังไงพิจารณาซิ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ พอแล้ว เหนื่อยแล้ว
นี่ละเวลาขึ้นเวทีแล้วเป็นอย่างนั้นนะ ปึ๋งปั๋ง ๆ พอลงจากเวทีแล้วก็เป็นคนธรรมดา ไม่มีอะไร ทีนี้ให้พร เอาละเอาเท่านั้นละ ไม่พูดละเอียดมากกว่านี้ไปละ เดี๋ยวศาลานี้แตก ถ้าเปิดยิ่งกว่านี้อีกศาลานี้แตกทันทีเลย นี้เพียงแย้มประตูเท่านั้น วันนี้ขนาดนี้แย้มประตูนะ ถ้าเปิดโล่งหมดประตูนี้ศาลาหลังนี้แตก เอาเท่านั้นละ ไป แค่นั้นเสียก่อน (หลวงตาจะเปิดโล่งอีกเมื่อไรครับ) เอ้า เปิดแล้วเมื่อกี้นี้ไม่ได้ยินเหรอ (ยังเปิดไม่หมด) เอาละเอาแค่นี้ก่อน ๆ
ปัญหา
ถาม เพื่อนที่อยู่อเมริกาเวลาภาวนาแล้วมีปีติแรงมาก ตัวเขาจะแข็งไปหมดแล้วคิดอะไรทำอะไรไม่ได้เลย
ตอบ มันเป็นวาระเป็นระยะของมัน ๆ มันจะค่อยเปลี่ยนแปลงของมันไป เรายึดหลักความรู้กับธรรมที่เคยอันนั้นไว้เป็นหลักไว้นะ เหล่านี้จะค่อยเปลี่ยนแปลงของมันไป มันเป็นเป็นระยะของมันที่เป็นคลื่น เหมือนว่าเป็นคลื่น เราเดินทางไปเจอคลื่น คลื่นนี้เป็นอย่างนี้ คลื่นนั้นเป็นอย่างนั้น ไม่ได้แน่นอนแหละ ก็ผ่านไป ๆ เข้าใจนะ อย่าไปตื่นเต้นกับมัน มันจะเป็นอะไรก็ให้เป็น เขาทำงานทางโลกเขาก็มีแปลก ๆ ต่าง ๆ ที่เขาจะต้องทำไปตามงานของเขา มีหนักมีเบามีคลื่นมีอะไร เป็นธรรมดาของงาน มีหนักมีเบา อันนี้งานของจิตก็อย่างนั้นเหมือนกัน
พิสดารมากนะการภาวนา เราเอามาพูดเพียงเล็กน้อย ๆ ยังบอกแล้วตะกี้นี้ อย่างตะกี้นี้เทศน์ถึงสามวาสี่วาก็ยังบอกว่าเล็กน้อยอยู่นะ ถ้าเอามาหมดนี้ศาลานี้แตกเราบอกแล้วเข้าใจเหรอ นั่นละธรรมพระพุทธเจ้าขนาดนั้น กว้างไหม เพียงหยิบออกมาเพียงนี้ศาลาก็จะเริ่มแตกแล้ว เพียงเท่านี้ นั่นฟังซิ นั่นละธรรมพระพุทธเจ้าไม่เลิศเลอสอนโลกได้ยังไง โลกกิเลสโลกสกปรก ธรรมะต้องสะอาดที่สุดซัดเข้าไป ๆ อย่างที่พูดตะกี้นี้ เป็นระยะ ๆ ตามคลื่นของมัน คลื่นหนักคลื่นเบา หนักเท่าไรธรรมะซัดเข้าไปแหลก ๆ นั่น อันนี้ก็ตาม อย่าไปตื่นเต้นกับมัน มันจะเป็นอะไรให้มันเป็น อย่าไปตื่นเต้นกับมันก็แล้วกัน นี้เป็นอาการของผลที่ได้จากทางด้านจิตตภาวนา มีแปลก ๆ ต่าง ๆ กันอย่างนี้ละ ไม่เหมือนกัน
ท่านก็บอกแล้วปีติมีกี่ปีติ เราเรียนมาแล้ว ปีติ ๕ หรือเท่าไร อันนี้ไม่ได้เป็นกับทุกคนแล้วแต่มันจะเป็น นี่เวลามาเป็นกับเรามันเข้าในข้อใด ๆ พระพุทธเจ้าสอนไว้หมดแล้ว อันนี้เพียงเอกเทศนะ เพียงปีติ ๕ เท่านั้น อุเพงคาปีติ มันโลดโผนขนาดไหนเป็นกับผู้ทำอีกนะ อันนั้นท่านแสดงไว้กลาง ๆ เท่านั้นเอง ไม่ว่าปีติใดใน ๕ ปีตินั้นเป็นแสดงไว้กลาง ๆ ที่ผาดโผนโจนทะยานกว่านั้นยังมีเยอะ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านี้คือหลักเกณฑ์แล้ว มันจะออกไปทางใดก็นี้คือหลักเกณฑ์จับไว้แล้วก็ไม่ผิด เข้าใจเหรอ ให้ทำไป เป็นอย่างไรเป็น
บางคนภาวนามันจะพาตกกุฏิ ก็ให้ตกไปซิ เราทำงานทำการไปไหนมาไหน บางทีไปดูลิเกละครอ้าปากจนตกร้านก็มี ก็ไม่เห็นว่ากัน อันนี้เราทำภาวนามันจะเป็นยังไงก็ให้มันเป็นซี จึงเรียกว่านักภาวนา มันรู้วิถีทุกอย่าง พอมันผ่านไปหมดแล้วมันจะรู้หมดเลย พอแย็บมาทางไหนมันรู้ทันที ๆ เลย นี่เรียกว่าธรรม เหนือโลกอย่างนี้เอง โลกกิเลสตัณหาเท่ากำปั้นนี่นะ ธรรมนี่ครอบโลกธาตุครอบไปหมด นั่นใหญ่กว่ากันขนาดไหน ไม่งั้นแก้กิเลสไม่ตก ถ้าธรรมมีกำลังเพียงเท่ากำปั้น แก้กันไม่ตก ธรรมต้องเหนือกว่าทุกอย่าง ๆ เข้าใจ เอาไปภาวนาอย่างนั้นละ
ถาม เพื่อนที่เป็นคนจีนเขาก็
ตอบ คนไหนก็ช่างเถอะ จีน ๆ แจน ๆ มันชื่อเฉย ๆ คนนั่นละ เข้าใจไหม อย่าเป็นบ้าชื่อ ชื่อนั้นอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมันรแมน พวกบ้าชื่อ
ถาม เขาแปลหนังสือที่เกี่ยวกับพวกโพธิสัตว์มหายาน เลยไปติดธรรมะ
ตอบ เอาเท่านั้นละ ไม่พูดอะไรมากนักละ
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
www.luangta.com