กองไฟเผาหัวใจโลก
วันที่ 4 มิถุนายน 2550 เวลา 7:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐

กองไฟเผาหัวใจโลก

ก่อนจังหัน

พระเท่าไร (๓๙ ครับผม) แน่ะเมื่อวาน ๓๘ วันนี้ ๓๙ จวนเข้าพรรษาแล้วพระไหลเข้ามา ต้องได้ดันเอาไว้ๆ ถ้าเป็นภูวัวเราไม่ว่าอะไร ภูวัวสถานที่เหมาะสมมาก กว้างขนาดไหน พระมีจำนวนมากเท่าไรได้ทั้งนั้น แต่ที่นี่มันจำกัด ที่รับพระเท่านั้นมีสถานที่ที่เหมาะๆ พอๆ กัน มากกว่านั้นไม่มีสำหรับในวงนี้ นอกกำแพงยังไม่ได้กำหนด กุฏิก็ปลูกไปเรื่อยๆ ข้างนอก อย่างไรก็ตามเถอะถ้าพระภาวนามีจำนวนมากไม่ค่อยดี จำนวนมากอารมณ์มาก

ผู้เอาจริงเอาจังแล้วเด็ด องค์เดียวๆ สององค์ องค์เดียวสององค์อยู่ในป่าๆ ไปไหนเคลื่อนไหวไปมาเป็นบุคคลคนเดียว ไม่มีสองมีสาม เพราะไม่มีสิ่งรับผิดชอบมันก็ไม่เป็นน้ำไหลบ่า ตรงไปตรงมา ป่าช้าอยู่กับตัว นั่นละผู้ปฏิบัติมุ่งต่ออรรถต่อธรรมจริงๆ ป่าช้าอยู่กับตัวเลย มัดติดตัวไปเลย พอเป็นเป็น พอตายตาย ซัดกันไม่ถอย กิเลสมันของเล่นเมื่อไร

เราเคยพูดเสมอไม่จืดไม่จาง งานใดก็ตามว่างั้นเลย ถ้ายังไม่ได้ผ่านงานฆ่ากิเลสเสียก่อนจนกระทั่งกิเลสบรรลัยแล้วอย่ามาคุยนะ ว่างั้นเลย คือกิเลสมันอำนาจเหนือโลก เรียกว่าครอบโลกธาตุไม่มีอะไร มีกิเลสเท่านั้น พอฟาดกิเลสนี้พังลงไปแล้วไม่มี ว่างเปล่าไปหมดเลย ดังที่พูดเมื่อวานนี้ สุญฺญโต โลกํ ดูก่อน โมฆราช เธอจงเป็นผู้มีสติ สติสำคัญมากนะ มีสติทุกเมื่อ พิจารณาโลกให้เป็นของสูญเปล่า ถอนอัตตานุทิฏฐิ ที่ถือเขาถือเราซึ่งเป็นเหมือนก้างขวางคอออก จะพึงข้ามพ้นพญามัจจุราชเสียได้ พญามัจจุราชจะมองไม่เห็นผู้พิจารณาโลกเป็นของว่างเปล่าอยู่อย่างนี้

ติดใจเหลือเกินนะภาษิตข้อนี้ คือเวลาเป็นแล้วมันเป็นเหมือนกันหมด เป็น สุญฺญโต ว่างเปล่าหมดเลย ไม่มีอะไรมาขวางหัวใจ ก็กิเลสเท่านั้นขวาง ขวางมากขวางน้อยมีแต่กิเลส พอกิเลสขาดลงไปอะไรจะมีเต็มฟ้าเต็มแผ่นดินไม่มีขวาง กิเลสเท่านั้นขวางใจ

การชำระกิเลสนี้จะไปชำระเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้นะ ต้องจริงจังมากทีเดียว นี่เข้าไปในครัวเราก็ได้ไปดุเอาบ้างหรือเตือนบ้าง เข้าไปนี้เห็นสร้างนั้นสร้างนี้ขึ้นมา ขยายโน้นขยายนี้ออกไป นี่มันเหยียบหัวกูไปนะ เหยียบหัวพระพุทธเจ้านะบอก กูปกครองวัดมานี้ พระพุทธเจ้าเป็นกษัตริย์อยู่ในปราสาทราชมณเทียร อะไรจะสมบูรณ์พูนผลเหมือนพระพุทธเจ้าที่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เวลาเสด็จออกบวชสำเร็จผลประโยชน์แล้วสอนพระว่า รุกฺขมูลเสนาสนํ บรรพชาอุปสมบทแล้ว ให้ท่านทั้งหลายไปอยู่ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ไม่ได้มาอยู่หรูๆ หราๆ อย่างนี้นะ นี่ทำไมไปอยู่ที่ไหนมันค่อยหรูหราขึ้นๆ เป็นอย่างนั้นนะ

หรูหรากิเลสก็คือหรูหราส้วมถานนั่นเอง หรูหราธรรมมีแต่จิตกับสติฟัดกันอยู่ตลอด นั่นละผู้ที่ครองธรรมสมบัติอันเลิศเลอคือผู้นี้เอง ผู้ที่สร้างโน้นสร้างนี้หรูๆ หราๆ มันสร้างไว้เผาตัวเอง โลกกิเลสต้องเป็นอย่างนั้น หนักเท่าไรแบกหามไม่ถอยคือกิเลส ธรรมะเบาเท่าไรยิ่งขนออกๆ ต่างกันนะ โธ้ น่าทุเรศ เข้าไปข้างในว่าบ้างละ ค่อยขยายนั้นขึ้นมาขยายนี้ขึ้นมา ทางนี้เราก็ดูอยู่แล้วอยู่ตลอด ไม่ให้หรูหราด้วยวัตถุ ให้หรูหราอยู่กับความเพียร สติปัญญาฟัดกับกิเลสตลอดเวลา นี่เป็นผู้มีความเพียรอันหรูหรา กิเลสจะพังในจุดนี้ ไม่พังเพราะมีตึกรามบ้านช่องกุฏิกุฏังเท่าภูเขากี่ชั้นก็ตาม ไม่พัง นั้นคือพอกพูน ให้พากันจำเอาไว้

สิ่งเหล่านี้พาคนให้ได้รับความสุขที่ไหน ไปที่ไหนก็เกลื่อนกล่น ใครได้รับความสุขมีไหม พระพุทธเจ้าสอนพระสงฆ์ให้ไปอยู่ในป่าในเขาเพราะพระองค์เป็นแล้ว อยู่ในตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธตั้ง ๖ ปี ทรมานอยู่อย่างนั้นจนสำเร็จ สำเร็จมาจากที่แร้นแค้นกันดารลำบากลำบน บรรดาสาวกทั้งหลายผู้ที่มาศึกษาอบรมก็ รุกฺขมูลเสนาสนํ ไล่เข้าป่าๆ จนกระทั่งทุกวันนี้จืดจางเมื่อไรธรรมะข้อนี้ ก็มีตั้งแต่พระหัวโล้นๆ ทันสมัยนี่แหละหาเรื่องมาพูด ว่าพระที่อยู่ในป่าเป็นพระวิกลจริต ตัวมันเลยบ้าไปแล้วหมดราค่ำราคา มันเอาส้วมเอาถานของมันมาอวด เหยียบทองคำทั้งแท่งไป

พูดแล้วสลดสังเวชนะ พระนี้เป็นพระธรรมกถึกด้วย มาเทศน์นี้ขายตัวเองอย่างแหลกเหลวเลย พูดนี่หมายถึงว่าพูดด้วยอารมณ์ของกิเลส คือไม่พอใจแล้วพูดกระแทกแดกดัน ว่าพระที่อยู่ในป่านั้นเป็นพระวิกลจริต คือพูดกระแทกแดกดันพวกที่อยู่ในป่าด้วยความโกรธความเคียดแค้น มันไม่ได้คำนึงเลยว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระเช่นไร พระอยู่ในป่าหรือพระอยู่ในตลาดกระดูกหมูกระดูกวัว พิจารณาซิ หรืออยู่ในห้องหับฟู่ๆ ฟ่าๆ เทวทัต วิดีโอ เต็มอยู่ในห้อง หนังสือพิมพ์กี่ฉบับกองทับหัวมันอยู่นั้น พระพุทธเจ้ามาอยู่อย่างนั้นเหรอมันถึงได้มาอวดพระพุทธเจ้า ว่าพระอยู่ในป่าเป็นพระวิกลจริต

ใครอยู่ในป่าทีแรก พระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรกแล้ว จากนั้นก็สอนพระสงฆ์จนกระทั่งปัจจุบันนี้ โอวาทข้อนี้ตัดได้เมื่อไร ใครตัดโอวาทข้อนี้เป็นอุปัชฌาย์ไม่สมบูรณ์ ขาด นั่น ข้อนี้เป็นข้อสมบูรณ์เด็ดขาดมาก แล้วทำไมจึงไปหาว่าผู้อยู่ในป่าเป็นวิกลจริตถ้าไม่ใช่ตัวบ้ามันว่าเอง คนมีสติสตังจะพูดไม่ได้อย่างนี้ พูดฆ่าพูดขายตัวเอง แล้วเป็นนักเทศน์ด้วยนะไม่ใช่ธรรมดา อวดตนอวดตัว คลังกิเลสอวดทองคำอวดได้ยังไง มันเข้ากันได้เหรอ นี่พูดเป็นเสียงธรรมอย่างนี้ เอากันเลยซัดกันเลย มาเดี๋ยวนี้ก็หลวงตาบัวไม่ต้องฉันจังหัน ขึ้นเวทีซัดกันเสียก่อนจึงจะมาฉันจังหันถ้าไม่ตายนะ ถ้าตายตกเวทีแล้วไปเลย เข้าใจไหม

มันพูดขัดมันขวางธรรมพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เทวทัตจะเป็นใครไป พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนั้นเหรอ ท่านสอนให้ไปอยู่ในตลาดกระดูกหมูกระดูกวัวที่เต็มไปด้วยแมลงวันตอมหึ่งๆ นั้นเหรอ มันน่าคิดนะ ไอ้พูดด้วยอารมณ์ของกิเลสมันฟังไม่ได้นะ ถ้าพูดด้วยอารมณ์แห่งธรรมเอาซัดเข้าไปเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นกิเลสขาดสะบั้นๆ นั่นคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น ความหรูๆ หราๆ ฟู่ๆ ฟ่าๆ ของโลกมันก็คือกองไฟเผาหัวใจโลกนั่นเองจะเป็นอะไรไป

พากันตั้งอกตั้งใจให้มีสติสตังนะพวกที่มาวัดมาวา ให้ได้ข้อคิดเอาไป อย่ามาหรูๆ ฟู่ๆ ฟ่าๆ เฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร กินแล้วนอนกอนแล้วนินเลยลืมตัว ถ้ามาวัดนานเข้าๆ หน้าด้านนะ ไม่ใช่จะดีทีเดียวนะ กิเลสแทรกเข้าตรงไหนหน้าด้านตรงนั้นแหละ ครั้นอยู่ไปนานไปเกิดทิฐิมานะหน้าด้านไปนะ ให้ระวังให้ดีตรงนี้น่ะ ให้พร

หลังจังหัน

         (พระสงฆ์จากบ้านโนนสมบูรณ์ กิ่งอำเภอเมืองยาง โคราช มากราบขอความอนุเคราะห์ปัจจัยจากหลวงตาเพื่อขอเทพื้นและกั้นห้องพร้อมซ่อมแซมกุฏิ เป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท) เศษเท่าไร เศษ ๙๙,๙๙๙ เหรอ ตามธรรมดาเราไม่ค่อยได้สนใจกับทางด้านวัตถุ พอบวชมาเวลาเรียนก็ไปอยู่กุฏิที่ท่านปลูกไว้แล้วเสีย ผมอยู่โคราชตั้ง ๕ ปี ท่านยังไม่รู้อีกเหรอว่าผมเป็นพระโคราช (ไม่รู้ครับ ผมยังไม่เกิดครับ) ก็รู้เสียซิ ผมอยู่โคราชตั้ง ๕ ปี เอาให้เลย ให้เขาเอาเงินสดให้ไปเลย ไม่ต้องเป็นกังวล ให้เขาเอาเงินมาเลยแสนห้า แสนห้าพอเหรอ ให้พระท่านไป ให้จัดเงินให้เดี๋ยวนี้เลย แสนห้าหมื่นแค่นี้มันจะพอหำขาดเหรอ เราช่วยมาสักเท่าไรๆ ไปที่ไหนช่วยดาดาษๆ ตลอดมา เพราะเห็นอกเห็นใจพี่น้องทั้งหลายที่อยู่ร่วมกันเป็นความทุกข์ความลำบาก เมื่อพอถูไถได้ถูไถทันที เราว่าจะไปเอานั้นเขาบกพร่องอันนี้ให้อันนี้ก่อนก็มี ยังไม่ได้ไปเอานะ เอาให้ก่อนก็มี เป็นอย่างนั้นละ

         (ทหารจากขอนแก่นทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ให้บุตรหลาน และประชาชนใกล้เคียงได้มาขอความอนุเคราะห์เครื่องคอมพิวเตอร์ ๑๕ เครื่อง เป็นเงิน ๒๙๐,๐๐๐ บาท) พอดีเหรอ ๒๙๐,๐๐๐ (พอครับ) พอเอาให้ ทางวัดเรามีเงินสดก็ให้ไปพร้อม คือไม่ต้องกังวลต่อกัน เรื่องการเรื่องงานเรื่องเงินเรื่องทองไม่ใช่ของเล่น ถ้าให้ไปแล้วเสร็จไปเลย ให้จัดเสีย ทางหนองบัวลำภู ๘ แสนบาท ที่นี่ ๒๙๐,๐๐๐ พอช่วยที่ไหนได้ถูไถกันไปอย่างนี้

         (พระจากภูฝอยลมมากราบปรึกษาหลวงตาเรื่องการปลูกป่า) เราไม่ได้บวชมาปลูกป่าเราไม่รู้เรื่องละ ปลูกป่าก็มาถามเรา ไปติดตามกันเถอะ อ้าวจริงๆ เรื่องป่าเราไม่ชำนาญเราไม่รู้เรื่อง เมื่อเช้าออกไปนู้นที่เขาเอาไม้มาจากเมืองชลหลายรถนะ ต้นไม้เอามาปลูกสองฝั่งคลองหน้าวัด ฝนตกเห็นแผ่นดินชื้นๆ เราเลยไปดูต้นไม้ ไปเขากำลังปลูก โค่นลงก็มี เขาคงจะไปดูใหม่ปลูกใหม่ มาจากเมืองชลหลายคันรถนะ ไม้เราก็ดูเป็นไม้ชนิดที่เคยมีทางนี้ก็มี ไม่เคยมีเลยก็มีแถวนั้นละ

ปลูกไว้ก็สำหรับลูกๆ หลานๆ เราไม่ได้หวังกินนะ วัดนี้เป็นวัดสาธารณะมาตั้งแต่ต้นหลวงตาบัวสร้างวัด ไปที่ไหนแจกทานไว้ ไปไหนเปิดโล่งๆ ทำประโยชน์ให้โลก อันนี้ก็เหมือนกันเขาจะปลูกอะไรเอาปลูกเถอะ เราว่าอย่างนั้นเลย หลวงตาบัวจะอยู่ได้กี่วันจะมาเป็นเปรตเฝ้ากินต้นไม้อยู่นี่เหรอ นู่นแดนสวรรค์นิพพานมีทำไมไม่ไป ว่าอย่างนั้นเข้าใจไหม ไปดูต้นไม้ที่เขาปลูก พอดีลูกๆ หลานๆ ได้อาศัยกินกันทั้งบ้านนั่นละ จะว่าอะไร ทางวัดไม่ค่อยอะไรละ ยิ่งทุกวันนี้ท่วมหมดๆ มันจะตายแล้วพระ อดอยากอะไรอาหารทุกวันนี้แล้วจะไปกวนอะไรกับผลหมากรากไม้ ปลูกไว้สำหรับคนได้กินเต็มไปเลยแถวนั้น เขาเอามาจากเมืองชลหลายคันรถนะ เราไม่ได้บอกได้สั่งมันมาเองเป็นเอง เราก็สั่งให้เขาไปปลูกเสีย อันใดที่ควรปลูกที่ไหนก็เอาไปปลูกเสีย

มันวุ่นจริงๆ นะเรา เราว่างเมื่อไรวันหนึ่งๆ ไปที่ไหนยุ่งตลอด แม้ที่สุดเดินออกไปที่นี่ไม่ได้นะ พอเห็นนี้รุมๆ ไม่ว่าแต่ประชาชนพระก็รุม มันรุมหาอะไรหัวโล้นๆ เหมือนกัน มันอยากถามว่าอย่างนั้นนะ ไปไหนรุมๆ เมื่อเช้านี้ก็ออกไปจะไปดูที่ฝนตกใหม่ๆ แผ่นดินกำลังชื้นเขาไปปลูกต้นไม้ใหม่ที่ขนมาจากชลบุรีตั้งหลายคันรถ เราบอกให้ปลูกไว้แถวคลองนั้นแหละ วันนี้ได้โอกาสพอสว่างแล้วก็ออกไปเดินไปดู เขาก็ปลูกดี

ไปที่ไหนมองเห็นคนต้องหลีกนะ ไม่หลีกไม่ได้ตาย ใครโง่ๆ เซ่อๆ ตายพวกนี้ ตั้งแต่เราก็ว่าฉลาดหลบคนยังสู้เขาไม่ได้ พอออกไปนี้เห็นรุมแล้วๆ มองเห็นคนนี้หลบไปนี้รุมแล้วๆ อย่างนั้นละ มันรำคาญ เราพูดจริงๆ เวลาเทศนาว่าการเราก็ตั้งหน้าเป็นเจตนาที่จะแนะนำสั่งสอนให้ได้เหตุได้ผลได้อรรถได้ธรรม นำประโยชน์ไปใช้ เวลาหยุดหยุด เราไม่ได้เหมือนใครนะ ว่าไปไป ว่าอยู่อยู่ ไม่ได้เหลาะแหละๆ อย่างนั้นไม่มี หยุดหยุดจริงๆ แม้แต่คนเดินผ่านมาก็ไม่พูดด้วย ไปเลยๆ อย่างนั้น

เพราะฉะนั้นไม่ใช่เวลาที่จะพูดจะคุยนี้ใครไปก็ตามเราก็เฉย รุมมาเราก็เฉย เดินเฉยเลย เรามีย่ามอยู่ในนี้ยาแก้ตัว เข้าใจไหม ยาหลบหลีกปลีกตัวอยู่ในนี้หมด สันพร้าอีโต้ก็มี สันพร้าอีโต้ตีคนซี มันหลบไม่ทันก็ตีเอา นี่มาปลูกต้นไม้อะไร เราไม่เข้าใจนะเรื่องปลูกต้นไม้ ไม่เข้าใจ ไม่ได้ศึกษา เข้าป่าอยู่เลย รุกฺขมูล ไปหาปรึกษากันพวกปลูกป่า เราไม่ชำนาญการปลูกป่า ไม่เข้าใจ ประสาป่าก็มาถาม ในวัดเรานี้ไม่เห็นเรียนวิชามาเต็มวัด ประสาปลูกป่าก็มาถาม

(สำนักปฏิบัติธรรมสามร่มโพธิ์ศรี อ.เมือง จ.ยโสธร มาขอความอนุเคราะห์ปัจจัยเพื่อสร้างห้องน้ำ ๒๐ ห้อง กุฏิ ๑๐ หลัง แทงค์น้ำ ๓ แทงค์ และต้องซื้อที่ดินเพิ่มเติม) อันนี้เป็นอันว่างดไปเลย ไม่ใช่งด ให้หยุดไปเลยเราไม่ไหว ไปสร้างกันเถอะ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกของโลกไม่เห็นไปสร้างอะไรๆ เข้าอยู่ในป่าพาราณสี ๖ ปี สำเร็จออกมา ท่านไม่เห็นสร้างอะไร รุกฺขมูลเสนาสนํ ไล่พระเข้าป่าๆ เพราะท่านสำเร็จในป่า บำเพ็ญในป่า อันนี้จะทำอะไรสร้างเสียยุ่งไปหมด ไม่เอา ไม่ให้

เราเข้าไปในครัวเห็นสร้างอะไรอีผีบ้าน้องสาวเราเห็นสร้างอะไรกุฏิ ขยายไป อีผีบ้า มึงมาเหยียบหัวกูอีนี่ กูพามึงสร้างวัดสร้างอีหยังแน มึงดูพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร ขยายออกไปเรื่อยๆ ไม่เป็นท่าขยายไปเรื่อย หัวใจกิเลสบีบมันจะตายขยายมันออกไปเป็นไรกิเลสน่ะ มันน่าโมโหนะ ไปที่ไหนมีแต่วัตถุๆ ธรรมกับกิเลสที่จะฟัดกันในหัวใจไม่เห็นมีที่ไหน มันโมโห ไปที่ไหนมีแต่วัตถุๆ เราเบื่อ ไม่พูดเฉยๆ ทีนี้เมื่อมันมาสัมผัส พูด ไม่ได้สนใจนะกับวัตถุ

ครูบาอาจารย์สมัยปัจจุบันหลวงปู่มั่นเบอร์หนึ่งไม่สนใจกับอะไรเลย เขานิมนต์ไปพัก กั้นห้องศาลาเล็กๆ กั้นห้องนอน เขาจะมาปลูกกุฏิ ยุ่งทำไม แน่ะ อันนี้มันก็พอดีแล้ว เท่านั้นอยู่ มาที่ไหนก็อยู่ บ้านโคกเหมือนกัน นามนเหมือนกัน มาหนองผือก็เหมือนกัน หลังสุดท้ายนี้ท่านอาจารย์ฝั้นนะนำญาติโยมมาขอจากท่าน ให้ท่านนำมากราบเรียน ท่านดุเอาแหลกเหมือนกัน แต่ท่านก็มีอุบายขออย่างนั้นอย่างนี้ ตกลงท่านก็เลยนิ่ง ถือความนิ่งว่าท่านอนุญาตแล้ว ความจริงท่านหมดลมดุคน ท่านหยุดปาก แล้วก็สร้างขึ้น กุฏิหลังหนองผือ ท่านสนใจอะไรกับวัตถุ อยู่ที่ไหนท่านอยู่สบายๆ

กุฏิหลวงตาบัวก็ไม่ได้คุยนะ ๘ หน เขาจะมาสร้างให้เรา ๘ หน ตีเอาจนแหลกนะ หนที่ ๘ หยุดจนกระทั่งป่านนี้ คิดว่าอีตาบัวมันจวนจะตายแล้ว เอาละไม่ต้องไปขออีก  บอก ๘ หน ว่าอย่างนี้เลย ถ้าถือเป็นครูเป็นอาจารย์ทำไมคำพูดเหล่านี้มันไม่เป็นธรรมเหรอ ทำไมถึงจะตะบันเอาตั้งแต่สร้างอย่างเดียวๆ กุฏิไม้กับธรรมอะไรมันดีกว่ากัน สอนขนาบใหญ่ด้วยนะ นี่เป็นครั้งที่ ๘ นะ ตั้งแต่นั้นมาเลยเงียบไป หรือเขาไปซ่อมเครื่องใหม่มาก็ไม่รู้ ศาลานี้ ๔ ไม่ให้ เขาจะมาปลูกใหม่ รื้อใหม่ทำใหม่ อย่างนั้นนะเรื่องวัตถุมันเร็ว แต่เรื่องธรรมในใจที่จะตีมันออก กิเลสภายในใจไม่ทำไม่สนใจกันซิ มันถึงฟังไม่ได้นะ

นี่ก็ปลูกนั้นปลูกนี้ขึ้นมาในวัด ถ้าเราไม่อยู่เอาละ เราอยู่ไม่ได้ มันสอดมันแทรกอยู่งั้น เรื่องอย่างนี้ละเร็ว แซงกันขึ้นๆ กิเลสกับธรรมฟัดกันภายในใจมันไม่ทำ มันไปหาเกาอยู่งั้น เพราะอันนี้มันง่าย ทำง่าย ตีกิเลสมันตียากหนา จึงไม่มีใครอยากไปตีไปสู้มัน จึงกล้าพูดที่ว่างานใดก็ตามในโลกนี้ถ้าไม่ได้ผ่านงานฆ่ากิเลสเสียก่อนอย่ามาคุย เราบอกตรงๆ นะเราเคยฟัดมาแล้ว งานใดใครจะว่ายากหนักมากที่สุดในโลกอะไรๆ ฆ่ากิเลสหนักมากที่สุด กิเลสเป็นเจ้าอำนาจครอบสามโลกธาตุ กิเลสเป็นนายใหญ่ทั้งนั้น ใครปราบมันได้ ก็มีแต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายปราบได้อยู่หมัด นอกนั้นไม่มีใครปราบ  มีแต่มันปราบแหลก

นี่ก็ฟัดเสียกิเลสอยู่หมัด พูดตรงๆ จึงได้เอาคำนี้มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เวลาไปบำเพ็ญในป่าใครรู้เมื่อไรเราจะเป็นจะตาย เวลามาเทศน์ว้อๆ เหมือนว่าล้างมือเปิบ พวกนี้พวกล้างมือเปิบ เราทำแทบเป็นแทบตายในป่าในเขา มองเห็นผักกระโดนกระเดนเขาเอามานี้ระลึกถึงปั๊บนะ ระลึกถึงในภูเขากินผักกระโดนผักอะไรในป่า พวกผักหนามผักอะไรอยู่ในป่า พวกญาติโยมเขาเอามาต้ม ต้มแล้วเขาเอาไปใส่บาตรให้กิน ความทุกข์ความยากลำบาก แต่สิ่งที่หนักมากที่สุดใหญ่ที่สุดในหัวใจเราคือมรรคผลนิพพาน เราจึงไม่เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ยาก

การที่จะขยับใส่มรรคผลนิพพานนี้ยากมาก ต้องฟัดกิเลสให้ขาดสะบั้นเสียก่อน เอาจริงๆ ฟาดกิเลสขาดสะบั้นไปก็เคยเล่าให้ฟังแล้ว ตั้งแต่นั้นแล้วไม่มีอะไรยากในโลก ไม่มี หมด มันจะยากแสนยากขนาดไหน ในหัวใจไม่มี โล่งหมดเลย เอากิเลสเสียอย่างเดียวขาดสะบั้นจากใจไม่มีอะไรมาขวางใจนะ กิเลสเป็นก้างขวางคอ ขวางที่สุด พอกิเลสลงไปแล้วโล่งหมดเลย สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ มันออกจากหัวใจเข้ากันได้อันเดียวกัน

พากันเข้าใจกันหรือยังที่พูดนี่ เราจึงไม่อยากให้ใครไปยุ่งกับวัตถุนั้นวัตถุนี้ ยิ่งกว่าการจ่อลงในหัวใจกับกิเลสที่มันฟัดหัวใจเราแหลกๆๆ ไม่ตายแต่ทรมาน กิเลสมันทรมานใจคน อยากให้เอาตรงนี้ให้กิเลสตายไม่มีอะไรกวนนะ หมด ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ผู้สิ้นกิเลสแล้ว ไม่มีอะไรกวน ตั้งแต่วันกิเลสขาดสะบั้นไป หมดสิ่งก่อกวน ความทุกข์ยากลำบากเจ็บนั้นปวดนี้เป็นเรื่องของธาตุของขันธ์ เข้าไม่ถึงใจ มันเป็นหลักธรรมชาติ บังคับให้เข้าถึงก็ไม่ถึง นั่นละถ้าจิตได้ขาดสะบั้นจากสมมุติ เหล่านี้เป็นสมมุติ ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา เหล่านี้เป็นสมมุติอยู่ในขันธ์ เป็นสมมุติด้วยกันทั้งนั้น แก้กันที่นี่ ตายก็ตายที่นี่ ธรรมชาติของจิตที่บริสุทธิ์แล้วนั้นเลย อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ไม่มีอะไรเข้าไปถึง ท่านจะเอาทุกข์มาจากไหน ฟังซิน่ะ เอาละพอ

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก