เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
พูดเพื่อการฝึกหัด
ก่อนจังหัน
วัดถ้ำพระมีพระมากเท่าไร ๒๐ กว่าเหรอ ท่านจะมาเท่าไรเราเปิดไว้แล้วเรียบร้อย ถ้าพระตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เอา มาเท่าไรมาเราบอก เราจะรับเลี้ยงเราว่างั้น แต่พระโกโรโกโสไล่ลงภูเขาให้หมด อย่าให้หนักภูเขา เสียศักดิ์ศรีภูเขาเราว่า เด็ดทั้งสองอย่าง เพราะฉะนั้นท่านจะมาเท่าไรให้มา เอาจริงจังมาก นี้ไม่ได้เหมือนใคร ถ้าพระเหลวไหลโลเลไล่เดี๋ยวนั้นเลยไม่ให้อยู่ โห เหลาะแหละๆ ไม่ได้ธรรม กิเลสเอาไปกินหมด พระ ๒๐ กว่าเหรอ (เจ้าค่ะ) แล้วแต่ท่านจะมาเถอะ เพราะที่นั่นกว้างขวางมาก อยู่เท่าไรก็ได้บริเวณข้างบนนะ
เราไปนู่นขึ้นไปข้างบนถึงเห็นความสง่าผ่าเผยในการปฏิบัติธรรม เป็นจุดเป็นหย่อมร่มไม้ๆ เป็นแห่ง เข้าอยู่จุดไหนๆ ได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราถึงรับทันทีเลย เราลงรถเราไปหมด แต่ก่อนยังหนุ่มน้อยนะ ไปหมดแถวนั้น เหมาะสมทั้งนั้นๆ มาจึงได้ประกาศเลย บอกท่านอุทัย พระที่ท่านตั้งใจปฏิบัติดีมาเท่าไรให้มา แต่ก่อนมีสองสามองค์ พระท่านก็เกรงใจโยมเขา โยมเขาสองสามคนสองสามครอบครัว ท่านจะไปเขาไม่ยอมให้ไป เขาบอกถ้าเขาไม่ตายพระไม่ตาย สุดท้ายพระก็เลยอยู่ นั่นละต่อไปเราจึงไปเพิ่มเรื่องเข้าไป พระจึงมาก
เราก็หมดสภาพนะเป็นยังไง อย่างนี้ละคนแก่ ประสาหวัด สองอาทิตย์แล้วยังไม่หาย หวัดมันมาขยำคนแก่ แต่เวลาหนุ่มมันขยำไม่ได้ พอเป็นคนแก่มันขยำ เดี๋ยวนี้ยังไม่หาย แล้วหมดกำลังด้วย ไอ้เรื่องหวัดมันก็ไม่เห็นแสดงฤทธิ์เดชอะไร แต่มันไปตีอยู่ภายใน เดินไปไหนมาไหนจะไม่ได้แล้วเดี๋ยวนี้ อ่อนขนาดนั้นละ กำลังวังชาไม่มี เดินมาศาลาจะมากินข้าวก็จะกินไม่ได้ เหอ จะให้เขาเอาข้าวทั้งหม้อเทใส่ปากเหรอ จะไม่ลงไปกินเหรอ คือมันหมดกำลัง
พระให้ตั้งใจปฏิบัติ ดูหัวใจตัวเองนะ อย่าไปดูภายนอกดูโน้นดูนี้ เช่นมีพระอะไรไปทำรั้วกั้นทางโน้น ทั้งพระทั้งทางนี้ไม่ใช่เรือนจำนะ เราเป็นผู้ดูแลรักษาอยู่ ใครเก่งให้ทะลึ่งเข้ามา อย่าไปหาเก่งในที่ไม่ควรเก่ง ดูหัวใจเจ้าของซิ มันชักจะเก่งๆ ไปในทางไม่เป็นท่าละนะ เราไปเที่ยวดูหมดนะ อย่าเข้าใจว่าเราจะไปชมในที่แห่งเดียว ส่วนที่เราชมที่สุดและตำหนิที่สุดคือหัวใจ มันเป็นยังไงดูหัวใจเจ้าของซิ สิ่งเหล่านั้นเราก็ดูตั้งแต่สร้างวัดมา ๕๐ กว่าปีแล้ว มันเป็นยังไงๆ เราดูอยู่ตลอดเวลา เป็นแต่เพียงไม่พูดเท่านั้น อย่าไปหาเก่งในสิ่งไม่เก่ง ดูหัวใจเจ้าของมันบกพร่องตรงไหน อันตรายเข้ามาที่ตรงนั้น เหล่านั้นไม่เห็นมีอันตราย
เรารักษาวัดมา ใครจะทะลึ่งเข้ามา เอา มา เราดูแลอยู่นี่ทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชาย อย่าเก่งในที่ไม่เก่ง พระมักจะเก่งในทางที่ไม่เก่ง ไปเที่ยวดูแลอันนั้นอันนี้ ดีไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ หัวใจเจ้าของไม่ดู เวลาดูมันเผลอหรือไม่เผลอ บอกชัดเจนเลยว่าเผลอตลอด นั่น ตั้งแต่จ่อดูหัวใจเจ้าของอยู่มันยังเผลอได้ ยิ่งไปทำอย่างนั้นด้วยแล้วยิ่งเผลอไม่เป็นท่าเป็นทางอะไร อย่าไปหาเก่งในที่ไม่เก่งนะพระเหล่านี้น่ะ เราดูตลอดเวลา
เรารับพระมาไว้สำหรับความพากเพียรโดยเฉพาะ คือจิตตภาวนา นอกนั้นเราไม่เห็นมีอะไรสำคัญ อดบ้างอิ่มบ้าง ขาดตกบกพร่องเราไม่เคยสนใจกับมันยิ่งกว่าสติกับปัญญาที่จะบกพร่องทางด้านจิตใจการประกอบความเพียร อันนี้ดูมากตลอดเวลา ดูงานนอกดูงานในของพระนะ ดูงานนอกเพื่อดูงานในของพระ คือหัวใจของพระเป็นยังไง อย่าไปหาเก่งในที่ไม่เก่งพระเหล่านี้น่ะ ไม่ได้นะ เลอะๆ เทอะๆ ไปภายนอก ไปหาฉลาดตั้งแต่ภายนอก ภายในมันโง่จะตายดูไหมล่ะ
นี่ปฏิบัติมาเราพูดจริงๆ ออกปฏิบัติ ๙ ปีใครมาแตะไม่ได้นะ นี่พูดจริงๆ นี่ละนำมาสอนโลก พระพุทธเจ้าเสด็จออกทรงผนวช ปฏิบัติอยู่ ๖ ปีใครไปยุ่ง งานการอะไรไปยุ่งท่าน พระสาวกทั้งหลายท่านไปปฏิบัติอยู่ในป่าในเขา สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ อะไรไปยุ่งท่าน นั่นฟังซิ เรานี้จะเอาอะไรไปแข่งพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกล่ะ หาเก่งในที่ไม่เก่ง อย่าเก่งนะในวัดนี้ เราไม่ดูอะไรมากยิ่งกว่าดูหัวใจพระ การงานของพระมีงานยังไงต่อยังไงเราดูถึงหัวใจๆ ตลอดเวลา มันเลอะๆ เทอะๆ ไปละนะ
ได้เข้มงวดกวดขันรักษาตลอดเวลา พอถึงเวลาแล้วเรามักจะด้อมๆ ออกมาดูระเบียบของพระและประชาชนที่มา ส่วนมากเขาก็มาตามนิสัยของเขา จะตำหนิว่าเขาไม่ดีไม่ถูกก็ไม่ถูก เพราะมันเป็นนิสัยของเขาเคยมาอย่างนั้น เราผู้รักษาอยู่นี้เราดูเองเตือนเองบอกเองอะไรเองอะไรที่มาเกี่ยวกับวัดที่เรารักษาอยู่ เพราะฉะนั้นเรามักจะออกมาตอน ๕ โมงเย็นหรือ ๔ โมงครึ่งเริ่มละ ประชาชนญาติโยมเข้าวัดเริ่มตัดให้ขาดวรรคขาดตอนเพื่อเป็นความสงบ เรามักจะออกเสมอ ถ้าอันไหนไม่เป็นท่านี้เตือนๆ บางทีเอาหนักก็มี
รถบัส ๓ คันพูดให้มันชัดๆ นี่ออกสนามเลย ๓ คัน ๔ โมงครึ่งกำลังจะหลั่งไหลเข้ามาเลอะๆ ในวัดนี้ ซึ่งเป็นเวลาที่ท่านกำลังสงวนมาก ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง กำลังหลั่งไหลลงมาจากรถบัส ๓ คัน พอดีเราออกไปประตูวัดพอดี นี่จะไปไหนมาไหนกัน จะมาชมวัด วัดเป็นอะไรถึงควรชม แล้วที่ตำหนิมีบ้างไหมเราว่างั้น เวลานี้ไม่ใช่เวลาชมเวลาตำหนิ ให้ออกไป ไล่ออกเดี๋ยวนั้น นี่หลวงตาบัวเจ้าอาวาสวัดนี้บอกเลย เอาจริงๆ โลกอันนี้มันเหมือนถานขี้ว่าไง ธรรมจ้าอยู่ครอบโลกธาตุพูดอย่างนี้เสียไปไหน ก็สอนให้มันได้สติสตังต่างหาก เรายกเรา เราไม่เก่งก็ตามยกขึ้นแทนได้ นี่หลวงตาบัวเจ้าอาวาส เขาก็นิ่งเลย ย้อนถามกัน ไม่งั้นเขาจะมีเรื่องอะไรต่ออะไร เรายกหลวงตาบัวขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ไล่หมดทั้งสามคันเปิดเลย ป่านนี้มันหยุดหรือยังไม่รู้ หมดน้ำมันมันก็ไม่หยุด รถ ๓ คันถูกไล่เข้าใจไหม รถ ๓ คันน้ำมันหมดป่านนี้ยังไม่หยุด มันคงจะเหยียบตั้งแต่คันเร่ง
นี่ก็เขียนไว้นั้น บอกธรรมดาสุภาพอ่อนโยนก็บอก สถานที่นี่เป็นวัด เป็นสถานที่บำเพ็ญภาวนาเพื่อความสงบใจ ไม่มีกิจจำเป็นไม่ควรมาเที่ยวเพ่นพ่าน นี่สำนวนที่เหมาะสมสวยงามพอดีๆ กับกิเลสกับธรรมไม่มากนัก อันที่สองว่า กูจะฟ้องท่านเปา มันมาเที่ยวเพ่นพ่าน นี่ธรรมเด็ดแล้วนะนั่น เอากิเลสให้บี้เข้าใจไหม มันต้องหลายชั้นหลายภูมิซิ ตีกิเลสตีแง่เดียวไม่ได้
พูดถึงเรื่องเราออกปฏิบัติ ๙ ปี อะไรมาแตะเราไม่ได้นะ จริงจังมากทุกอย่าง ไปองค์เดียว พ่อแม่ครูจารย์ยกทันที พระในวัดเวลาลาท่านไปเที่ยว บางทีสององค์ บางทีสามองค์ จะลาท่านไปเที่ยว ท่านดูแล้วนั่น ก็ท่านดูอยู่ตลอดตั้งแต่มาอยู่ในวัดหนองผือ ท่านดูตลอด ถึงเวลาท่านเหล่านั้นอยากจะไปเที่ยวก็มาลา จะลาไปเที่ยว ไปเที่ยวที่ไหนขึ้นเลย ไม่ได้พูดหลายถ้อยหลายคำท่านพิจารณาพอแล้ว จะไปเที่ยวที่ไหน อยู่ในวัดนี้ไม่ทราบมันตกนรกกี่หลุม แล้วออกจากนี้ไปมันจะไปตกหลุมไหนอีกล่ะ เท่านั้น ใครจะกล้าไปล่ะท่านว่างั้น มันจะไปตกนรกหลุมไหนอีก เดี๋ยวนี้มันก็ตกอยู่ทั้งวันทั้งคืนให้เห็นอยู่นี่น่ะท่านว่างั้น แล้วออกจากนี้มันจะไปตกหลุมไหนอีก เงียบเลย ไม่ไปแล้ว
อันนี้หมายถึงผู้ตั้งใจ และเป็นผู้มีความระมัดระวังรักษามากน้อยเพื่ออรรถเพื่อธรรมหนักเบาแค่ไหนท่านดูหมดแล้ว ทีนี้ย่นเข้ามาถึงเรา ไม่ใช่คุย พอจะลาท่านไปเที่ยว การลาไม่ใช่ลาตรงๆ นะต้องหาอุบายวิธีการต่างๆ วัดนี้เวลานี้มีธุระอะไรๆ บ้าง ประการหนึ่งเหมือนอย่างว่ารับผิดชอบในวัดแทนท่านตลอดเวลา เราจึงหาความสุขไม่ได้อยู่วัดหนองผือ คอยดูพระดูเณรเพื่อความสงบร่มเย็นสบาย ไม่มีใครไปรบกวนท่าน เพราะท่านไม่ได้นิมนต์ใครมา มาเองแล้วมายุ่งท่าน เราต้องสอดต้องแทรกอยู่ตลอดเวลา เป็นทุกข์มากนะอยู่หนองผือ
ทีนี้เวลาจะลาก็อย่างว่า งานการอะไรมีหรือไม่มีอะไรบ้างสำหรับวัดนี้ ถ้าไม่มีท่านก็บอกไม่มีอะไรท่านว่างั้น ถ้าหากไม่มีก็อยากกราบลาพ่อแม่ครูจารย์ไปเที่ยวไปภาวนาสักระยะหนึ่ง เราบอกระยะนะ ท่านจะเก็บไว้เงียบเลย จากนั้นมาคอยฟัง ท่านจะพูดไม่พูดก็ตาม คำนี้เราจะมาซ้ำอีกไม่ได้ จะลาไปเที่ยวอีกไม่ได้ ได้โอกาสแล้วท่านจะบอก เอ้อ ที่ท่านมหาอยากจะไปเที่ยวนั้นก็ไปได้ละ
ทีนี้มาถึงตัวเราละ ไปที่ไหนล่ะ ไปทางนั้นๆ เอ้อดี ทางนั้นดีๆ ท่านเคยไปเที่ยวมาหมดแล้ว แล้วจากนั้นจะไปกี่องค์ ไปองค์เดียว ขึ้นทันทีเลย เอา ท่านมหาไปองค์เดียวใครอย่าไปยุ่งท่านนะ นั่นเห็นไหมล่ะ ชี้นิ้วอย่างนี้ ใครอย่าไปยุ่งท่านนะ ก็ท่านเห็นความตั้งใจของเราขนาดไหน การประพฤติปฏิบัติอยู่ในหมู่ในเพื่อนท่านก็ดูอยู่ ดูตลอดเวลา เราทุกข์จะตายเพราะดูเพื่อนที่ไม่เรียบร้อย แน่ะ นี่เราตั้งใจไปจะไปหาความเรียบร้อยเข้าสู่ใจ แล้วใครจะไปรู้ยิ่งกว่าจอมนักปราชญ์สมัยปัจจุบัน เออ ไปองค์เดียวนะท่านมหา ใครอย่าไปยุ่งท่าน เอาหนักด้วยนะ ชี้อย่างนี้เลย พระเณรนั่งอยู่ข้างๆ อย่าไปยุ่งท่านนะ เราก็ไปสบาย ที่ว่าจะไปตกหลุมไหนก็ไม่เห็นท่านว่า
ที่ไปนี่อะไรมายุ่งไม่ได้ งานการอย่างที่ว่านี่ละยุ่งไม่ได้ ดูแต่ใจด้วยสติด้วยปัญญา หมุนติ้วๆ ตลอดเวลา ไม่ให้มีอะไรมากวน บิณฑบาตก็เป็นความเพียรตลอด เขาจะเอาอะไรใส่บาตรไม่ใส่บาตรไม่สนใจ แต่จิตกับสติปัญญานี้ดูตลอด นี่การรักษาตัว การแก้กิเลส ฟาดฟันกับกิเลสจะไปเผลอตัวไปเหรอ เอา สรุปลงมาครั้นเวลามาหาท่านมีแต่หนังห่อกระดูก ท่านก็รู้แล้ว ทุกครั้งเป็นอย่างนั้น ไม่ได้มีอ้วนท้วนสวยงามอะไรละ มีตั้งแต่หนังห่อกระดูก ก็มันฝึกทรมานกันอย่างเต็มเหนี่ยวๆ ลงมา
เพราะฉะนั้นเวลาไป ไปกี่องค์ ไปองค์เดียว เอ้อท่านมหาไปองค์เดียวใครอย่าไปยุ่ง ท่านเอาเด็ดด้วย ชี้นิ้วอย่างนี้ ท่านดูความตั้งใจของคนไม่ตั้งใจขนาดไหน ท่านดูตลอดเวลา ครูบาอาจารย์ นี่เราพูดถึงการประกอบความเพียร นี่ ๙ ปี ฟัดกับกิเลสอยู่อย่างนี้ตลอด ไม่ให้มีงานใดเข้ามายุ่งเลย ไปเที่ยวบ้านใดที่มีบ้านใหญ่ไม่อยู่ ไปอยู่ที่บ้านสี่หลังคาเรือนห้าหลังคาเรือนบนหลังเขา บนหลังเขาทั้งนั้น บิณฑบาตได้มามีแต่ข้าวเปล่าๆ ก็กิน ฟัดกันกับกระจ้อนกระแตไปด้วยกัน ข้าวเศษเหลือไปวางไว้ก้อนหินให้กระจ้อนกระแต กูก็กินอย่างนี้กูไม่มีกับ มึงก็กินเหมือนกูนะ ก็ในป่าในเขาใครจะหากับมาให้เรา ก็เราหาอย่างนั้นนี่
นี่ละการประกอบความเพียรเป็นอย่างนี้ ๙ ปี พวกเรือนจำนี่เขากินวันละสองมื้อสามมื้อ เราเหมือนตกนรกทั้งเป็นนะ ก็ไม่เคยสนใจ เพราะความมุ่งมั่นต่อแดนนิพพานมันรุนแรงมากไม่ใช่ธรรมดา จะอดจะอิ่มอะไรไม่เคยเป็นอารมณ์ มุ่งต่อมรรคผลนิพพาน จิตกับสติปัญญาระหว่างความเพียรฟัดกับกิเลสอันไหนเบาอันไหนหนักซัดกันอยู่ตลอดเวลา บอกตรงๆ ๙ ปี ตั้งแต่พรรษา ๗ ออกปฏิบัติ จากเรียนเสร็จเรียบร้อยตามคำอธิษฐาน เราตั้งใจว่าเราเรียนอย่างมาก ๓ ประโยค เป็นปากเป็นทางในการปฏิบัติได้พอแล้วขนาดนี้ นักธรรมก็เอกแล้วนี่
เอา ออก ออกด้วยความสะดวกสบาย เพราะแบบแปลนคือปริยัติเรียนมาเรียบร้อยแล้วพอ ออก พรรษา ๗ จากนั้นมาฟัดกันเลยกับกิเลสไม่ได้ถดถอย พรรษา ๗ ถึงพรรษา ๑๖ เก้าปีนี่ตกนรกทั้งเป็น เราทำอะไรเราไม่ได้เหลาะแหละนะ จริงจังมาก เพราะฉะนั้นมองเห็นพระเห็นเณรตาจับปั๊บเข้าหัวใจปุ๊บๆๆ ดูพระดูเณรดูตลอดเวลานะ ถึงจะงกๆ งันๆ ก้าวขาไม่ออกสติปัญญาไม่ได้เป็นอย่างนี้นะ สติปัญญามันไม่มีก้าวมีขา มันเป็นจรวดไปเลย เลยจรวด ถ้าจิตขั้นนี้แล้วเป็นธรรมธาตุ มันจะรอบตัวๆ ตลอดเวลา ถึงเจ้าของจะล้มลุกคลุกคลานจิตไม่ได้ล้มนะ ธรรมชาตินี้มันอยู่อย่างนี้ นี่เป็นธรรมชาติ ท่านทั้งหลายฟังเสียผลของการปฏิบัติ
เพราะฉะนั้นดูพระดูเณรมันถึงได้ดูถนัดชัดเจนละซิ เจ้าของภูมิใจได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทางนี้มันจะตายแล้วอกจะแตก ฟังหรือยังพระเณรเหล่านี้น่ะ อย่าไปหาจัดนั้นทำนี้ อันนั้นสวยอันนี้งาม อันนี้ไม่ดีนะ ให้ดูหัวใจเจ้าของมันบกพร่องหรือมันสมบูรณ์แค่ไหนให้ดูนะ นี่อกจะแตกแล้วนะปฏิบัติอยู่กับหมู่กับเพื่อน ออกปฏิบัติเฉพาะเจ้าของ ๙ ปีฟังซิน่ะ นี่ไม่มีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้อง เกี่ยวข้องไม่ได้จริงๆ ๙ ปี คนเดียวๆๆ ตลอด ตั้งแต่พรรษา ๗ ถึงพรรษา ๑๖ พรรษา ๑๖ ก็ยังบอกชัดเจนแล้วนี่ผลที่เราเสาะแสวงหาได้เต็มกำลังเอาเป็นเอาตายเข้าว่านี้ ตั้งแต่พรรษา ๗ ถึงพรรษา ๑๖ นี้ผลเป็นอย่างไร ก็บอกแล้ววัดดอยธรรมเจดีย์ใช่ไหม เอามาอวดท่านทั้งหลายหรือ ปฏิบัติแทบเป็นแทบตายแทบสลบไสลแล้วเอามาหลอกท่านทั้งหลายมีอย่างเหรอ
นี่ละผลแห่งการปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจังเป็นอย่างนี้ แล้วมาเห็นพระเก้งๆ ก้างๆ ดูตั้งแต่ภายนอกไม่ดูภายในไม่ได้นะเรา ให้พากันจำทุกคน อย่าเหลาะๆ แหละๆ เดี๋ยวนี้พระมันมีแต่ผ้าเหลืองห่มหัวโล้นมันเท่านั้น กรรมฐานเรานี้ตัวสำคัญ ไปที่ไหนก็ว่าอาตมาเป็นลูกศิษย์กรรมฐาน อาตมาเป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัว นี่มันจะไปอวดกินนะ หลวงตามหาบัวขี้กับตดมันอยู่ด้วยกันมันวิเศษวิโสอะไร มันยังจะเอาไปอวดได้ เพราะพวกเอาเราไปอวดมันเลวกว่าขี้กว่าตด มันก็เอาขี้ตดนี้ไปอวดได้ ฟังให้ดีนะเหล่านี้น่ะ
ทำอะไรทำให้จริงให้จัง อย่ามาเหลาะแหละให้เห็นนะ นี่ปฏิบัติมาพอแล้วมองเห็นนี้มันขัดทางสายหูสายตาดูรู้ตลอดเวลา สำหรับอวัยวะของเรามันเคลื่อนไม่ได้ละเดี๋ยวนี้ กำลังอ่อนมาก เดินมาฉันจังหันนี้มันก็โซซัดโซเซ เมื่อเช้านี้ก็เหมือนกันเป็นทั้งคืนเลยเมื่อคืน จนกระทั่งถึงเช้าถึงเวลาแล้วดูนาฬิกา ถึงเวลายังไม่อยากลุก นี่ถ้าหากไม่มีเพื่อนมีฝูง ลูกศิษย์ลูกหาไม่ลงนะ ไม่มา ไม่ฉัน เพราะเราเคยแล้วถ้าวันไหนไม่สะดวกในธาตุในขันธ์ไม่ฉันเลยๆ มันเคยเสียพอ ไม่ได้มีอารมณ์ว่าหิวไม่หิว ไม่มี มันเอาเหตุผลอยู่ในใจพอ
พากันจำเอานะ พากันตั้งใจประพฤติปฏิบัติฝึกหัดดัดแปลงกายวาจาใจของตน ที่พูดเหล่านี้พูดเพื่อการฝึกหัดเราทุกคนๆ ให้นำไปปฏิบัติ ได้มากได้น้อยตามกำลังของเราที่เป็นฆราวาส เป็นพระความพากเพียรเป็นอีกประเภทหนึ่ง ประชาชนเป็นอีกประเภทหนึ่งในการขวนขวายเพื่อความดีทั้งหลาย พากันจำเอา เอาละให้พร
หลังจังหัน
(สถานีตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ขอเมตตา เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน ๓๐ เครื่อง เป็นเงิน ๘๖๓,๐๐๐ บาทถ้วน เพื่อบริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และรถยนต์กระบะแบบ ๔ ประตู ๑ คัน ราคาประมาณ ๖๖๕,๐๐๐ บาทถ้วน รวมสองรายการ เป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๕๒๘,๐๐๐ บาทถ้วนครับ) ที่ว่ามาอะไรมีความจำเป็นอันดับหนึ่งอันดับสอง ที่ขอมาทั้งหมดอะไรเป็นความจำเป็นอันดับหนึ่ง(เครื่องคอมพิวเตอร์ครับ) เป็นเงินเท่าไร (๘๖๓,๐๐๐ บาทครับ) เออ อันนี้ให้
วันนี้อาการของหวัดทุกสิ่งทุกส่วนไม่แสดงนะ เงียบหมดเลย มีที่ความเพลีย วันนี้เพลีย เพลียตั้งแต่เมื่อคืน ลุกไม่อยากลุกนะ ถึงเวลาที่จะลงมาศาลานี้ เข้าไปพักอีกหน่อย สว่างออกมาเสียก่อน เพลียเข้าไปพัก ถึงเวลาที่จะลงมาไม่อยากลง คือมันเพลียมากขนาดนั้น ส่วนหวัดต่างๆ อาการหมดละ เงียบๆ หมด ยังเหลือแต่ความเพลีย วันนี้เสวยความเพลียที่ไข้หวัดมันหามาให้
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |