เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
ท่านอาจารย์หลุย
๓ วันเต็มๆ ยุ่งที่ศาลาใหญ่ ๓ วัน ๕ วันนี้ละมัง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มา ธาตุขันธ์เป็นยังไงพูดไม่ถูก กับอาหารกับอะไรเบื่อหมดเลย ฉันนี่ได้บังคับเอา ก็ได้เท่านั้นละบังคับ ถ้าเป็นความดูดดื่มเพราะการฉันเองมันก็ไปของมันได้เลย ถ้าไปฝืนมันนี้ไม่ได้เรื่อง นี้ฝืนเอา
วันนี้สงบหน่อย ตั้งแต่วานนี้ย้อนหลังนี่ โถ พิลึกกึกกือ เราเลยจะตาย งานที่ศาลาใหญ่ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ถึงวันที่ ๑ มันก็เริ่มมาหลายวันแล้วละ เห็นเขามาปลูกทำปะรำอะไรหลายวันแล้ว พึ่งเสร็จไปเมื่อวานนี้ เราทำเพื่อช่วยโลกด้วยความเมตตานั่นละไม่ใช่อะไร เราทนเอา เช่นอย่างวันนี้ร่างกายรู้สึกว่าไม่สบาย ถ้าธรรมดาก็เรียกว่ามากแหละ แต่เราก็รู้กันอยู่แล้วตั้งแต่วันเกิด ทุกข์มากน้อยก็รู้กันอยู่ ไม่ทราบว่ามากว่าน้อยก็เต็มตัวมันแหละ วันนี้จึงอ่อนเปียกไปเลย
(ลูกศิษยกราบเรียนการจัดเตรียมงานวันครบรอบมรณภาพที่ ๑๐ พ.ย.๕๐ ณ วัดป่าหนองผือนาใน) ไปดูหนองผือก็อย่างว่า คือแต่ก่อนป่าเรียบร้อย ป่าสะอาดสะอ้าน ป่าทุกวันนี้ป่าสกปรกรกรุงรังเพราะหัวใจคน หัวใจพระสกปรก ไปที่ไหนก็ตามดูวัดก็รู้ ถ้าวัดสกปรกแสดงว่า พระทั้งวัดตั้งแต่เจ้าอาวาสลงมาสกปรก ถ้าวัดสะอาดเจ้าของวัดสะอาด เข้มงวดกวดขันรักษาอยู่ตลอดเวลา เมื่อวานเราไม่ได้แวะไป ตรงไปนู่นแล้วกลับมาเลย เพราะเรามีธุระของเรา ไปสกลนครกราบหลวงปู่มั่นแล้วออกมาตรงมาเลยไม่ได้แวะหนองผือ นานๆ ไปทีหนึ่งหนองผือ เห็นไหมกุฏิหลวงตา เราชักสงสัยมันใช่กุฏิเราเหรอ เขาเขียนไว้ว่าเป็นกุฏิเรา เราก็เชื่อเดาๆ ไปอย่างนั้นละไม่สนิทใจ
คือกุฏิท่านอยู่ที่นี่ ทางออกไปบ้านนาในไปนั่น กุฏิเราอยู่นั่น นี้มันไปอยู่ทางโน้น เอ๊ มันยังไงกัน เขาเขียนว่ากุฏิอาจารย์มหาบัว เราไม่สนิทใจ แต่เขาเขียนไว้เขาอยู่กับที่ เราเลยคิดว่าเขาอาจจะแน่นอนกว่าเรา กุฏิท่านอยู่นี่ กุฏิเราอยู่นั่น คอยฟังตลอด พระเวรพระยามอยู่นั่น เราต้องเป็นหัวหน้าเวรหัวหน้ายามตลอดเลย กลางวันไม่ค่อยสำคัญอะไรนัก แต่กลางคืนสำคัญ เป็นวาระไป อยู่ข้างล่าง ๒ องค์ ข้างบน ๒ องค์ ไม่ให้มีเสียงนะ ท่านอยู่ในห้อง คอยฟังท่าน พระนั่งภาวนาอยู่นอกห้อง ๒ องค์ข้างบน ข้างล่าง ๒ องค์ เราเป็นคนคอยตรวจยาม ตรวจเรื่อยมาเรื่อย ไม่นานนักละเวรยาม สองชั่วโมง เพราะพระมากผลัดเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ
เราไปจำพรรษาเป็นเอกเทศ ไปภาวนาอยู่ที่ อ.ศรีสงคราม ปี ๒๔๘๘ จากนั้นเข้ามาหาท่านแล้วก็ไม่ได้ออกไปไหนละ ไปอยู่ตามนั้นภูเขาลูกนั้น ดูไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปีแล้วตั้งแต่ไปหนองผือคราวที่แล้วจนกระทั่งบัดนี้ คงไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี ไม่ค่อยได้ไป พอออกจากหนองผือไปทีแรกกลับมา ๓๐ ปี จากนั้นมาก็ไปอีกห่างๆ ระยะนั้นมานี้ไม่ได้ไป วัดหนองผืออยู่ในป่า ทางจงกรมอยู่ในป่า ที่บริเวณโล่งๆ มีไม่กว้างนัก กลางวันพระไม่มี เงียบกริบอยู่ในป่า กลางคืนก็เหมือนกัน กลางคืนก็อยู่ในป่า กลางวันอยู่ในป่า ที่โล่งๆ อยู่ในวัดนั้นพระเณรตอนกลางวันไม่ค่อยเห็นละ อยู่ในป่าหมดเลย
พูดอย่างนี้เราก็ระลึกถึงท่านอาจารย์หลุย ท่านอาจารย์หลุยกับเราสนิทกันเกินกว่าที่จะคาดจะหมายอย่างว่า เราเดินจงกรมอยู่ในป่ากลางคืนเงียบๆ คือปรกติเราจะไม่มีไฟ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในป่าในเขา มิหนำซ้ำเทียนเอาไปไว้ห่อเดียวเท่านั้นพอ เราเดินจงกรมกลางคืนเงียบๆ วันนั้นเราเดินจงกรมอยู่ในป่า ท่านอาจารย์หลุยท่านไปถามพระว่าท่านมหาอยู่ไหน ท่านไปกุฏิเราไม่เห็น เอ๊ ไม่เห็นอยู่ที่นี่ก็ต้องอยู่ในป่าโน่นแหละ ทางจงกรมท่านอยู่ไหนว่างั้น อยู่ตรงนั้น ท่านก็กุ๊บกั๊บๆ ไปเลยมืดๆ นะ เราอยู่ที่มืดท่านก็ไปมืดๆ ฟังเสียงกุบกับๆ เข้าไป
เราวิตกถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่นนะ เสียงกุบกับๆ เข้าไป เอ๊ พ่อแม่ครูจารย์มั่นเป็นอะไร พอเข้ามาใกล้ๆ ท่านจำทิศทางได้ละซิ ใครมานี่ ผมเองว่างั้นท่านอาจารย์หลุย ผมเอง ท่านรู้ทิศทางแล้วท่านก็ตรงเข้ามาเลย มาคว้าแขนเราจูงไปเลย เอ้า จะเอาไปไหน นู่นไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่น ท่านเป็นอะไร ท่านไม่เป็นอะไรแหละ แล้วเอาไปทำไม ก็ให้ท่านมหาพาไป ถ้าไปแต่ผมถูกเขกแล้วถูกไล่ลงว่างั้น ก็เมื่อคืนนี้ผมไปแล้วครูจารย์ทำไมไม่เห็นไป ก็นั่นซีจึงมาเอาไป แล้วไปจริงๆ นะ จับแขนจูงไปจากป่า เหมือนเด็กนะ นิสัยท่านชอบเล่น ไม่ถือสีถือสาถือเนื้อถือตัวคือหลวงปู่หลุย
มักน้อยที่สุดบรรดาลูกศิษย์พ่อแม่ครูจารย์มั่น คือท่านอาจารย์หลุย มักน้อยมาก ว่าสันโดษก็ไม่ใช่ เลยจากสันโดษไป ท่านมักน้อยมาก หากเป็นอย่างนั้นละไปอยู่กับท่าน คือท่านดุไม่ใช่อะไรนะ นั้นเป็นเมตตาประเภทหนึ่งสำหรับองค์นี้ ลูกศิษย์นะ ลูกศิษย์ขึ้นไปหาท่านนี้จะไม่เหมือนกัน แม้แต่ครูบาอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ท่านไป เราจะคอยจับจ้องดูตลอด องค์นี้ขึ้นไปท่านจะปฏิบัติทั้งภายนอกภายใน ภายในคือภายในใจจิตตภาวนา ภายนอกกิริยาอาการต่างๆ ท่านปฏิบัติต่อองค์นี้อย่างไรบ้างๆ เราจะไม่ยอมลง ท่านปฏิบัติไม่เหมือนกัน ขึ้นไปองค์นี้เป็นอย่างนี้ องค์นั้นเป็นอย่างนั้นเรื่อยไป เป็นอย่างนั้นพ่อแม่ครูจารย์มั่น
สำหรับเรารู้สึกจะเป็นอะไรๆ ก็ไม่เคยมี ท่านไม่เคยดุเราในเรื่องขึ้นเรื่องลงนะ เรื่องเข้าเรื่องออกหาท่านนี้ เรื่องขึ้นเรื่องลงกุฏิท่านไม่เคยมีท่านดุเรา นอกนั้นแหลก อย่างนั้นละ ยิ่งครูจารย์หลุยด้วยแล้วแหลก มาอะไรหลุยๆ ทางนั้นเงียบๆ ไปลงขึ้นมาหาอะไร คนพักภาวนานี่นะ ตกลงก็ด้อมลง นี่เมตตาประเภทหนึ่งนะนั่น ไม่ใช่ท่านดุจริงๆ นะ คือเมตตาใช้เป็นประเภทๆ ไม่ซ้ำกัน เราได้ดูชัดเจน องค์นี้ขึ้นไปใช้เมตตาแบบนี้แบบนั้นๆ เรื่อยมา ท่านฉลาดมากทีเดียว วันนี้เพลียมาก ธาตุขันธ์เป็นอะไรล้มเหลวมาตั้งแต่ตื่นนอน ดูว่ามันจะไม่สบายจะเป็นไข้ท่า พอตื่นนอนขึ้นมามองดูอาหารเบื่อ ที่ฉันนี้บังคับเอา บังคับได้เท่านั้น มันเป็นอะไร พอตื่นนอนขึ้นมาเป็นแล้วธาตุขันธ์อ่อนไปหมด
ที่เรานำสมบัติเข้าช่วยชาติคราวนี้ได้ไม่ใช่ย่อย ได้เป็นชิ้นเป็นอันจริงๆ ทองคำก็ตั้ง ๑๑ ตัน กับเดี๋ยวนี้กำลัง ๕๐๐ กิโลแล้ว ทองคำ เข้าคลังหลวง ๑๑ ตันกับ ๕๐๐ กิโล สรุปทองคำ วันที่ ๓๑ ทองคำที่หลอมแล้ว ๔๓๗ กิโลครึ่งเท่ากับ ๓๕ แท่ง ทองคำที่ยังไม่ได้หลอม ๓๐ กิโล ๒๐ บาท ๒๘ สตางค์ ทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอม เป็น ๔๖๗ กิโล ๕๓ บาท ๑๗ สตางค์ ถ้ารวมกับ ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็เป็น ๕๐๕ กิโล ๒๐ บาท ๒๘ สตางค์ ที่เราได้นำเข้าคลังหลวงคราวนี้ ดังที่พูดสรุปลงทีเดียวว่า ทองคำเราที่ได้เข้าคลังหลวงคราวนี้เป็น ๑๑ ตัน กับ ๕๐๐ กิโล กำลังเข้า ถึงแน่ๆ มิหนำซ้ำจะเลย เราบอกเลยว่า ๑๑ ตันกับ ๕๐๐ กิโลไว้ก่อนเลย
ส่วนดอลลาร์นั้นได้เข้าเพียง ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่าดอลล์ เงินไทยเราไปซื้อทองคำ ๒ พันล้าน ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง นอกนั้นเงินไทยไม่ได้เข้าเลย ออกช่วยโลก ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเพียง ๒ พันล้านเท่านั้นละเงินไทยเรา ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ๒ พันล้าน จากนั้นออกหมด ออกนอกหมดเลย ก็ได้มากอยู่นะคราวนี้ ส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องการก่อการสร้างจากเงินไทยของเรา เงินสดนี้มากต่อมาก โรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่ง จากนั้นก็โรงร่ำโรงเรียน ที่ราชการต่างๆ ทั่วๆ ไป ช่วยหมดละ ในกรุงเทพที่เด่นชัดกว่าเพื่อนก็เรือนจำลาดยาว ตึกสองหลัง ๔๙ ล้าน อันนี้เด่นกว่าเพื่อนในกรุงเทพ ๔๙ ล้าน ตึกสองหลัง ให้พวกนักโทษหญิงอยู่ เอาละที่นี่ให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ |