เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
เทวดากับพระคุยกัน
ก่อนจังหัน
พระเท่าไรวันนี้ (๓๔ ครับผม) พระวัดป่าบ้านตาดนี้ไม่เคยฉันจังหันครบองค์นะ ขาดตลอดมาตั้งแต่สร้างวัด คือที่จะให้มาฉันพระมีจำนวนเท่าไรมาฉันเท่านั้นนี้ไม่มีวัดนี้ ขาดตลอดมาเลยเป็นประจำ พอองค์นี้มาฉันองค์นั้นหยุด หายไปแล้วๆ เป็นไปตามอัธยาศัยของพระที่ฝึกฝนทรมานตนเอง เรื่องของธรรมนี้ต้องฝืนกิเลสเต็มที่ กิเลสมันฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ชอบยอสรรเสริญ กิเลสตัวชอบยอ พวกบ้ากิเลสนี้พวกบ้ายอพวกนี้นะ แม้แต่พระเราหัวโล้นๆ นี่ก็เป็นบ้ายอกับเขา ตั้งขึ้นว่าสูงนะ ให้เป็นชั้นนั้นชั้นนี้ เตลิดเป็นสมุห์ ปลัด แล้วขึ้นไปพระครู เจ้าคุณเจ้าฟ้า ขึ้นไปสมเด็จ เลยกลายเป็นบ้าไปหมดนะพระเรา
ตีหน้าผากมัน มันเป็นจริงๆ จะให้ว่าไง น่าสลดสังเวชไหมกิเลสเข้ามาครอบศาสนา มองหาศาสนาไม่เห็น เห็นแต่กิเลสตัวเป็นบ้ายศนั่นแหละ ยิ่งตั้งยศใหญ่เท่าไรยิ่งเป็นขี้กองใหญ่ ขี้ของพระบ้ายศ อยากเป็นนั้นอยากเป็นนี้ ปีนนั้นปีนนี้ ในหัวใจมีอะไร ไม่จ่อสติปัญญาธรรมลงไปบ้างมันจะเป็นยังไง มันเข้ากันไม่ได้กับธรรมะพุทธศาสนากับคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งสอนไม่ให้ตื่นลาภ ยศ สรรเสริญ นินทาเรียกว่าโลกธรรมแปด ปัดหมด นี่ละคำสอนพระพุทธเจ้าให้ปฏิบัติตัวเป็นนักเสียสละ อะไรที่จะเป็นข้าศึกต่อจิตใจให้ปัดออกให้หมดๆ อย่าสั่งสม ส่งเสริมตั้งแต่สิ่งที่เป็นคุณเป็นค่าของจิตใจเท่านั้น
เดี๋ยวนี้มองหาศาสนาจะไม่เห็นแล้วนะ พี่น้องทั้งหลายยังภูมิใจอยู่เหรอว่าเราเป็นลูกชาวพุทธ แล้วเราภูมิใจอยู่เหรอได้เข้ามาวัดป่าบ้านตาด เข้ามาหาหลวงตาบัว อีตาบัวน่ะ ยังเป็นบ้ากันอยู่เหรอ อีตาบัวไม่ได้ภูมิใจตัวเองนะ ภูมิใจที่เราแก้กิเลสตัวไหนที่เป็นภัยต่อศาสนาขาดลงไปๆ เราภูมิใจนั้นต่างหาก พระพุทธเจ้าก็เหมือนกันท่านไม่ได้เป็นบ้ายศบ้าลาภบ้าสรรเสริญเยินยอ เหมือนพระสมัยจรวดดาวเทียมนี่นะ พระสมัยทุกวันนี้เป็นสมัยจรวดดาวเทียม นับไปตั้งแต่วัดป่าบ้านตาดออกไปซิ พวกจรวดดาวเทียมนี่น่ะ
ความเป็นบ้ายศบ้าลาภบ้าสรรเสริญไม่มีใครเกินพระ แล้วจะเอาธรรมอะไรไปสอนโลกเขาก็เมื่อเราเป็นบ้ายศอยู่แล้วอย่างนี้ ปัดออกๆ ให้เหลือแต่ธรรมชาติทองคำธรรมทั้งแท่งอยู่ภายในจิตใจแล้ว ดังพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่าน ท่านอยู่ในป่าในเขาท่านสง่างาม พวกเรานี้โอ่อ่าฟู่ฟ่าไปด้วยลาภด้วยยศ พวกนี้พวกส้วมพวกถานอยู่ในส้วมในถาน ทำตัวเป็นมูตรเป็นคูถในส้วมในถานนั่นเกิดประโยชน์อะไร ฟังนะพี่น้องทั้งหลายฟังนะ ไม่มีใครมาพูดคำพูดอย่างนี้ เพราะกิเลสมันปิดปากๆ ไม่ให้พูด ให้พูดตั้งแต่ที่ว่ากิเลสชอบ กิเลสมันชอบยอมันบ้ายศบ้ายอคือกิเลส ธรรมท่านไม่บ้า เหนือหมดโลกธาตุนี้ ไม่ว่าจะยกยอสรรเสริญจะอะไรก็ตาม ไม่ได้วิเศษเหมือนธรรม ธรรมเลิศเลออยู่แล้วจึงไม่รับอะไร ขาดสะบั้นตกไปหมดไม่มีเหลือ
พวกเราอะไรมาคว้ามับๆ มันไม่เป็นหน้าเป็นหลัง เอาตั้งแต่กิเลสออกหน้าออกตา ธรรมมองไม่เห็นในหัวใจไม่มีธรรม พูดอย่างนี้เอาไปพิจารณานะ มีตั้งแต่ธรรมล้วนๆ ที่เรานำมาพูด ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามท่านผู้หนึ่งผู้ใด กิเลสชั่วก็บอกว่าชั่ว ใครสั่งสมกิเลสชั่วๆ มากๆ ก็คนนั้นชั่วพระองค์นี้ชั่วว่าได้นะ ถ้าใครสั่งสมอรรถธรรมมากๆ คนนั้นดีคนนี้ดีพระดี อย่างนั้นต่างหากนะ นั่นเห็นไหมอยู่หน้าวัด เขามาติดไว้หน้าวัดน่ะ พวกพระเป็นบ้าพวกเปรตพวกผี ยกตนขึ้นว่าศูนย์พิทักษ์ๆ นั่นอยู่หน้าศาลาไปดู มันพิทักษ์อะไรพวกเทวทัต มันทำลายศาสนาต่อหน้าต่อตาประชาชนคนทั้งประเทศซึ่งถือพุทธศาสนา
โห โอ่อ่าฟู่ฟ่านะ ฟาดโทรโข่งระเข่งอะไร เขาติดอยู่เขาเอามานั้น อยู่หน้าศาลา เอาติดไว้ทำไหม เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ดูพระเป็นบ้า ไปดูเอาที่ศาลาเป็นยังไง มันน่าทุเรศเหลือเกิน ประกาศขายตัวตลอด ยิ่งเลวลงทุกวันๆ พระเรา หาที่จะคืบคลานดีขึ้นไปๆ นี้แทบจะไม่มี เดี๋ยวนี้เข้าไปบิณฑบาตในกรุงเทพมีคนใส่บาตรหรือเปล่า เพราะพระขี้เกียจขี้คร้านกินแล้วนอนกอนแล้วนิน ถึงเวลาตื่นนอนแล้วก็มากินๆ ขี้เกียจบิณฑบาต ประชาชนเขาเลยไม่ค่อยใส่บาตร กรุงเทพแต่ก่อนหนาแน่นที่สุดเรื่องการใส่บาตร เป็นแถวๆ ตามตรอกตามซอยไม่อด เดี๋ยวนี้จะไม่ค่อยมีใครใส่บาตร เพราะพระเป็นตัวอย่างที่เลวทำจิตใจของประชาชนทั้งหลายให้หดให้ย่นเข้าไป ไม่ให้เกิดความเคารพเลื่อมใส
พวกนี้มีแต่กินกับนอน กับเป็นบ้ายศบ้าลาภ ตั้งพระครูพระคันเจ้าฟ้าเจ้าคุณ ขึ้นเป็นสมเด็จยิ่งเป็นบ้าใหญ่นะพระเรา เราก็ไม่เคยเห็นนะใครเป็นบ้า ให้มาดูพระนะ พระสมัยปัจจุบันนี้พระจรวดดาวเทียม พวกนี้พวกบ้ายศ แล้วไปดูคน ชื่อนี้อยู่จรวดดาวเทียม เวลาจะหาดูคนจริงๆ ให้ไปค้นดูใต้ก้นนรกนู่น พวกนี้อยู่ใต้ก้นนรก ก้นส้วมก้นถาน ที่ดีมันไม่ไปอยู่ แต่ชื่อยศถาบรรดาศักดิ์พวกนี้เป็นบ้าเกินโลกเขา อู๊ย พูดแล้วน่าสลดสังเวช
การพูดเช่นนี้ไม่ได้เหยียบย่ำทำลายผู้หนึ่งผู้ใด เอาธรรมพระพุทธเจ้ามาพูด มาชะมาล้างพวกกองมูตรกองคูถคือกิเลสตัณหา ให้พากันไปปฏิบัติชำระสะสางมันจะพอดูได้บ้างนะเรา ธรรมไม่มีแล้วดูไม่ได้นะคนเรา คนมีค่าอยู่กับธรรมอยู่กับความดีงาม ถ้าไม่มีธรรมแล้วจะแต่งแบบไหนก็แต่ง ก็เหมือนเขาตกแต่งหีบศพนั่นแหละ ศพคนเป็นศพคนตายมันไม่มีค่า มันเน่าเฟะอยู่ในตัวของมันเอง แต่ตัวเองยังภูมิใจนะ มันน่าทุเรศไหม เอาไปพิจารณา ทางวัดเราก็ได้เขียนไว้ทุกแบบ หลวงตาไม่เคยหวั่นกับสิ่งใดนะ เพราะฉะนั้นจึงทำได้ทุกแบบทุกฉบับที่ธรรมยอมรับธรรมเห็นด้วย เป็นอุบายวิธีของธรรม เราทำได้ทุกแบบ
นั่นข้างหน้าเห็นไหม เขียนเป็นลำดับลำดามา ที่นี่เป็นวัด เป็นสถานที่ภาวนาเพื่อความสงบใจ ไม่มีกิจจำเป็นไม่ควรมาเที่ยวเพ่นพ่าน นี่เป็นสำนวนเตือนธรรมดาเป็นอรรถเป็นธรรมนะ ไอ้พวกนี้มันทะลึ่งพึ่งพรวดเข้ามา พวกหน้าด้านๆ มาไม่รู้จักอาย ที่นี่ก็เข้าไปข้างนั้นอีกว่า กูจะฟ้องท่านเปา มันมาเที่ยวเพ่นพ่าน คือว่าให้พวกหน้าด้าน มันเข้ามาในวัดมาเที่ยวเพ่นพ่านๆ ผู้รักษารักษาแทบเป็นแทบตาย ผู้ทำลายมาทำลายด้วยนิสัยสันดานหยาบของมันเอง ไม่ใช่ตั้งเจตนามาทำนะ มันหากเป็นมาตั้งแต่นิสัยในหัวใจของมัน กิริยาอาการของมันออกมาไหนกิริยาเลอะๆ เทอะๆ นี้ออกไปแสลงหูแสลงตา ท่านผู้รักษาดูไม่ได้นะ
ผู้รักษามีอยู่ ถ้าธรรมไม่มีแล้วหมานี่เดือดร้อนมากนะ จะไปแย่งเอาหางหมาตัวนั้นหางหมาตัวนี้มาติดก้นตัวเอง ทั้งๆ ที่เราก็ไม่มีหาง แล้วหมาจะเดือดร้อนนะ หมาวัดป่าบ้านตาดมีกี่ตัวไม่รู้ รีบไปเตือนหมาให้ไปตีเกราะประชุมหมาในสภาหรือเทศบาลเมืองอุดรเดี๋ยวนี้ เตือนหมา ให้สูระวังตัวนะ เวลานี้คนกำลังสมัครตัวเป็นหมา เขาไม่มีหางเขาจะมายุ่งสูนะ ให้ไปตีเกราะประชุมในทุ่งศรีเมือง พูดแล้วมันทุเรศ ท่านทั้งเห็นเป็นยังไงเราพูดอย่างนี้ เราอายใคร เพราะความสกปรกมันเลวร้ายมากยิ่งกว่านี้นี่นะ นี่การชำระสะสางด้วยคำพูดคำจาวิธีการต่างๆ นี้เป็นการชำระสะสางนั้นเป็นความผิดไปแล้วเหรอ ผู้ที่ทำผิดจนเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ทั้งเป็นนี้ไม่ได้เป็นความผิดหรือ มีแต่ความดีความชอบกันทั้งนั้นนะ น่าทุเรศนะ
ศาสนาจะไม่มีนะเดี๋ยวนี้ ใหญ่เท่าไรยิ่งหยาบยิ่งโลน เป็นผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งหยาบโลนเอากิเลสเทิดหัวมันๆ ให้เขายกยอปอปั้น ยกอะไรกองขี้ กิเลสเป็นของดีเหรอ ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลงเป็นของดีหรือกิเลสจึงจะไปยกยอปอปั้น ธรรมต่างหาก ให้ฝึกฝนอบรมตนเอง ไม่งั้นจะไม่มีมนุษย์เหลืออยู่ในแดนชาวพุทธเรา ในเมืองไทยของเรานี้แหละมันจะเลอะๆ เทอะๆ ไปตามๆ กันหมด ทั้งชาวบ้านชาววัด เอาละวันนี้เทศน์เท่านี้ ให้พร
หลังจังหัน
เรามันเที่ยวไกล ดูว่าภาคอีสานนี้เกือบหมด ไปทำประโยชน์ให้ที่นั่นที่นี่ ฉะนั้นจึงได้เห็นที่ทั้งหลายแห้งแล้ง เช่นอย่างแห้งแล้งนี้ภาคอีสานทั้งหมดเลยเท่าที่เราผ่านไป แห้งแล้งทั่วหน้ากันหมด ไม่มีจุดใดๆ จะมีน้ำมีท่าพอได้ทำไร่ทำนา เช่นอย่างไปทางกาฬสินธุ์ก็เป็นแม่น้ำลำปาวไปเสีย เขาคัดออกมาไม่ใช่น้ำฝน นอกนั้นเหมือนกันหมด แห้งแล้งมาก ปีนี้รู้สึกว่าแห้งแล้งทั่วถึงกันหมด นี่หมายถึงทางภาคอีสานที่เราได้ไปเห็นเหตุการณ์ต่างๆ แห้งแล้งทั่วถึงกันหมดเลย ตามธรรมดาที่นั่นต้องมีน้ำมีท่าได้ทำไร่ทำนาอะไร มันเป็นหย่อมๆ น้ำมีเป็นแห่งๆ แต่ปีนี้เหมือนกันหมด ยกเว้นน้ำลำปาวที่เขาคัดออกไปทำสิ่งเพาะปลูกต่างๆ ตามไร่ตามนาเท่านั้นเอง นอกนั้นจะเป็นน้ำฟ้าน้ำฝนไม่มี แห้งแล้งเหมือนกันหมดเลย
ทองคำเรานี้ตั้งแต่เริ่มแรกรวบรวมมาเข้าคลังหลวงนี้ ได้เท่าไรแล้วเวลานี้ ถึงวันนี้ทองคำทั้งหมดได้ประมาณเท่าไร (ถึงวันที่ ๑๕ พ.ค.ได้ ๔๘๒ กิโล ๕๐ บาท ๘๐ สตางค์ครับผม) นี่เป็นประเภทน้ำไหลซึม ทองคำที่เราเข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้ กับกำลังจะเข้าอยู่รวมกันทั้งหมด ๑๑,๔๘๒ กิโล ๕๐ บาท ๘๐ สตางค์ ทองคำที่พี่น้องทั้งหลายรวมกันเข้าสู่คลังหลวงของเรา เป็นทองคำ ๑๑,๔๘๒ กิโล ถ้าพวกเราทั้งหลายไม่คุ้ยเขี่ยขุดค้นเอามารวมกันมันก็ไม่เห็นความเด่นของทองคำซึ่งมีคุณค่ามาก นี่ก็ได้ตั้ง ๑๑,๔๘๒ กิโล เข้ามาจุดส่วนรวม ทองคำน้ำหนัก ๑๑,๔๘๐ กว่ากิโลของง่ายเมื่อไร แล้วก็เด่น
นี่เป็นเครื่องประกันในชาติไทยของเรา มีการทำมาค้าขายซึ่งกันและกัน มีเครื่องประกันก็คือทองคำ หากเราติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรังมากน้อยเพียงไรทองคำเราเอาไปไว้ในประเทศนั้นๆ ประกันตัวไว้เลย มากน้อยตามแต่ระหว่างประเทศทั้งสองจะตกลงกัน ให้ทองคำไปประกัน เอาค้าขายกันไป มีเรื่องอะไรๆ ติดหนี้ก็ติดเอาทองคำประกันไว้เลย ถ้าไม่มีทองคำเขาไม่ให้ติด ไม่มีเครื่องประกันเขาไม่ให้ เมื่อเราได้ทองคำแล้วเอาไปวางกึ๊กประกันได้แล้ว เอาค้าขายกันไป มันก็เป็นอย่างนั้น
รวมทั้งหมดทองคำเข้าสู่คลังหลวงคราวนี้ ๑๑,๔๘๒ กิโล นี่ละทองคำที่ได้มาจากน้ำใจของพี่น้องทั้งหลายรวมหัวกันเข้า ให้มาเป็นกองในหัวใจของชาติไทยเรา ได้ทองคำ ๑๑,๔๘๒ กิโลนี่เข้า เราพาพี่น้องทั้งหลายวางตัวประกันยันชาติไทยของเรา มีความแน่นหนามั่นคง ใครมาแตะสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เป็นอย่างนั้นนะ ส่วนดอลลาร์เราเสียใจมันไม่ได้สมใจเนื่องจากเงินไทยเราไม่พอใช้ แต่ก่อนเราออกเทศนาว่าการเงินไทยเข้ามา ดอลลาร์ก็มา ทองคำก็มา พอเราหยุดการเทศน์ช่วยชาตินั่นแล้วทองคำก็มาตามธรรมชาติของมันเรื่อยๆ แต่ดอลลาร์ไม่ค่อยมา
เงินไทยร่อยหรอลงไป แต่ความจำเป็นของพี่น้องชาวไทยเรารุมเราคนเดียว เราอกจะแตกแล้วนะ พากันทราบหรือยัง คนนั้นจนทางนั้นคนนี้จนทางนี้วิ่งเข้ามาหาเราๆ ก็เอาเงินของพี่น้องทั้งหลายนี้ละออกช่วย ทีนี้มันก็ร่อยหรอๆ จนจะไม่มีเงิน จึงไปลากเอาดอลลาร์มา ดอลลาร์เลยไม่ได้เข้าคลังหลวง วิ่งตามเงินไทยไปหมดเลยดอลลาร์ ถึงขนาดนั้นยังไม่พอ มีผู้นำมีผู้ประกาศออกให้ทราบทั่วถึงกันต่างคนก็ต่างนำมาบริจาคเข้าๆ ถ้าไม่มีใครประกาศก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปให้ใคร พูดมีสายที่มาที่ไปมันก็มาอย่างนี้ละ
อย่างที่เราประกาศเพื่อพี่น้องทั้งหลายจะได้บริจาค สั่งสมหลักเกณฑ์แห่งชาติไทยของเราขึ้นให้แน่นหนามั่นคง ด้วยทองคำ ดอลลาร์ เงินสดเงินไทยเรา เราพยายามช่วยทุกอย่าง สำหรับเราก็ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วไปแล้วว่า เราช่วยโลกนี้เราช่วยด้วยความพอของเรา หาธรรมนั่นละธรรมพอ หาโลกไม่พอ หาจนวันตายตายทิ้งเปล่าๆ สมบัติเงินทองกองเท่าภูเขาเวลาตายแล้วยังเหลือแต่กระดูกเขาเอาไปเผาไฟ สิ่งเหล่านั้นก็ไปตามๆ กัน ส่วนบุญและบาปไม่ได้ถูกเผานะ ถ้าเป็นบาปเผาหัวใจคน ถ้าเป็นบุญพยุงหัวใจคน ให้พากันสร้างนะ
ศาสดาองค์เอกนะมาเป็นเจ้าของศาสนา สั่งสอนโลกให้ถูกต้องตามหลักความจริงเพื่อความพ้นทุกข์ของสัตว์โลกที่หมุนเข้าสู่ศาสนา พุทธศาสนาแปลว่าคำสอนของท่านผู้รู้ แปลว่าอย่างนั้น อย่าพากันนอนใจ อย่าพากันตื่นนักไอ้ขี้หมูขี้หมาส้วมถานเต็มบ้านเต็มเมือง มันเกลื่อนอยู่ทุกแห่งทุกหน แต่ไปที่ไหนมีแต่คนทุกข์คนจน มันจนอะไร สิ่งเหล่านั้นก็เหลือหูเหลือตาแล้วมันจนอะไร มันจนอยู่ที่หัวใจกับกิเลสไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอๆ มันจนอยู่ที่ตรงนี้
ท่านเรียกว่า นตฺถิ ตณฺหาสมา นที แม่น้ำไหนๆ ก็เถอะสู้แม่น้ำกิเลสตัณหาความทะเยอะทะยานอยากนี้ไม่ได้เลย แม่น้ำมหาสมุทรทะเลยังมีขอบมีเขตฝั่งมหาสมุทร ฝั่งแห่งตัณหาไม่มี ท่วมท้นไปหมดเลย นี่ละตัวมันท่วมหัวใจสัตว์โลก ได้เท่าไรไม่พอๆ เวลาตายแล้วไม่เห็นได้เรื่องอะไร มีคนไปเผาศพใครเผาก็ได้ยากอะไร สำคัญอยู่ที่บุญและบาป อยู่ที่หัวใจนั้นละ นั้นละตัวจะเผาอยู่ตรงนั้น ตัวจะเสริมออกจากกองทุกข์ เสริมขึ้นไปสู่ความสุขก็คือความดี อยู่ที่หัวใจนะ
จำให้ดีคำสอนนี้เป็นคำสอนของท่านผู้วิเศษเลิศเลอแล้ว คำสอนพระพุทธเจ้าไม่ผิด ให้พากันนำไปปฏิบัติ อย่าเป็นบ้ากับกิเลสตัณหามากนัก อะไรๆ ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสตัณหาแล้วมันจะม้วนมากว้านเข้ามาเผาหัวอกเจ้าของหมดนั่นแหละ ถ้าเป็นบุญเป็นกุศลมันไม่อยากทำ เงินบาทหนึ่งจะเอาไปให้ทานนี้จับแล้วจับเล่า ถ้าว่านี้โรงสุรานี้ยาเมาฟาดหมดทั้งกระเป๋าเลย จนกระทั่งเข้าบ้านไม่ได้ เขามาเล่าให้ฟัง คนขี้เหล้า คนการพนัน เมียไม่ให้แตะเงิน นี่เขามาเล่าให้ฟังนะ มันก็เป็นคติดี เราได้ฟังเต็มหูเราก็พูดได้เต็มปากเข้าใจไหม เขามาเล่าให้ฟัง
เมียไม่ให้แตะเงิน เมียรักษาเงินคนเดียว ถ้าให้ผัวรักษาหมดเลย ว่าอย่างนั้นนะ ไมให้เข้าไปแตะเลย วันนั้นเผอิญเมียมีธุระจำเป็น เลยให้ผัวไปจ่ายตลาด เอาเงินให้ไปจ่ายวันนี้จำเป็นไปตลาดไม่ได้ ให้ผัวไป พอได้เงินไปแล้วสามวันไม่กลับมา เงินหมดเลยจึงกลับมา เข้าบ้านไม่ได้ถูกเมียขนาบเอา มี เขามาเล่าให้ฟัง เป็นความจริง อย่างนั้นละมันไว้ใจไม่ได้นะกิเลสนี่ เห็นสุราฟาดสุรา เห็นการพนันขันต่อเอาหมด ไอ้นี่รับเหมาหมดจนเข้าบ้านไม่ได้เลย เมียให้ไปจ่ายตลาดเมียก็ท้องแห้ง ลูกท้องแห้ง ผัวท้องป่องด้วยสุรายาเมา เป็นอย่างนั้นนะ มันเลวขนาดนั้น
ธรรมนี่พอ เห็นชัดเจนเรื่องธรรมนี้พอ กิเลสไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอ จำให้ได้ทุกคนหัวใจมีทุกคน กิเลสตัณหาคือความทะเยอทะยานอยาก ไม่มีใครพอ เป็นเศรษฐีเงินกองเท่าภูเขาก็เถอะหัวใจไม่พอ ยังอยากได้มากกว่านี้ นั่นอำนาจของกิเลสตัณหาไม่มีฝั่งมีฝา ธรรมมี จิตใจได้รับความสุขความเย็นใจสบายใจขนาดไหนจากการบำเพ็ญความดีนี้จะเอิบอิ่มภายในใจ เย็นสบายๆ มันเย็นอยู่ในหัวใจนะ ไม่ได้มีอะไรมาเย็นยิ่งกว่าหัวใจกับธรรมเข้าสัมผัสสัมพันธ์กันแล้วเย็นตลอดเวลา อยู่ในป่าในเขาเย็น อดบ้างอิ่มบ้างเย็น
นั่งอยู่บนก้อนหิน บิณฑบาตกับคนในป่าเขาแห่งละสี่หลังห้าหลังคาเรือน บิณฑบาตกับเขามาได้สักเท่านี้ก็มานั่งบนก้อนหินแล้วมาฉัน ได้ข้าวเปล่าๆ เท่านั้นก็พอ นั่นเห็นไหมล่ะ จิตไม่ได้อยู่กับอาหาร อยู่กับมรรคผลนิพพานพุ่งๆ อันนี้พอยังชีวิตให้เป็นไปวันหนึ่งเท่านั้น ฉันข้าวเปล่าๆ มันจะฉันได้มากเท่าไรคนเรา ฉันนิดหน่อยก็เอาไปแบ่งให้กระจ้อนกระแตอยู่ข้างๆ ก้อนหินนะ เอาไปวางไว้ตรงนั้นวางไว้ตรงนี้ ตอนเช้าเขาก็มาคอย เราไปบิณฑบาตมาเขามาคอย
เราฉันนิดหน่อยฉันข้าวเปล่าๆ มันจะมีกับอะไรในป่าในเขา ก็เราหาอย่างนั้น ไปตำหนิเขาไม่ได้ เราต้องหาดัดสันดานเราเอง ที่เหลือเฟือไม่ไป เป็นอย่างนั้นนิสัยเรา แต่ท่านผู้อื่นผู้ใดเราไม่ทราบ สำหรับเราเองเราทำอย่างนั้น ไปบ้านไหนบ้านใหญ่บ้านโตไม่ไปไม่อยู่ พอไปบ้านใหญ่เขารุมออกมา โอ๋ย แล้วกันบ้านนี้ใช้ไม่ได้แล้ว คือเขาจะมากวน มันไม่ได้ภาวนาตอนเช้าก็อาหารเต็ม กินแล้วท้องป่องนอนเหมือนหมูขึ้นเขียงไม่เป็นท่า ไปหาในที่ที่คับแคบตีบตัน ได้ข้าวมาสักเท่านี้มานั่งบนก้อนหินแล้วก็ฉัน ฉันเสร็จแล้วก็ไปแจกให้กระจ้อนกระแตอยู่ข้างๆ
ภาวนากายเบา กายเบาไม่ง่วงนะ มีแต่ข้าวเปล่าๆ ไม่ง่วง ถ้ามีกับง่วงนะ ยิ่งกับเป็นผัดเป็นมันอย่างวัดป่าบ้านตาดนี่แล้ว กินแล้วนอนนึกว่ามันตายแล้วนิมนต์พระมา กุสลา ถ้ามาหูมันยังดิ้น โอ๊ยนี่ยังไม่ตาย ทำให้อีแร้งอีการำคาญจะตายแล้ว บินขึ้นไปต้นไม้คอย ครั้นลงมาจริงๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วมังไปกุสลาได้แล้ว ลงมาหูมันยิบแย็บๆ.มันยังไม่ตายอยู่อย่างนั้นละ ทำให้อีแร้งอีการำคาญ ถ้ากินมากๆ เป็นอย่างนั้นนะ กินน้อยไม่ง่วง เฉพาะข้าวเปล่าๆ ไม่ง่วงนะ เดินจงกรมตัวเบาไปเลย นั่งภาวนาเหมือนหัวตอ เป็นหัวตอตรงแน่ว จิตสงบแน่ว ถ้าอยู่ในขั้นสงบสงบแน่ว ถ้าอยู่ในขั้นวิปัสสนานี้มันกระจายของมันออกทั่วแดนโลกธาตุ
นี่ละผลแห่งการภาวนา ไม่มีอะไรที่จะเป็นนักรู้นักเห็นยิ่งกว่าใจ ใจนี้เรียกว่านักรู้ มันจะรู้ไปหมดซอกแซกซิกแซ็ก ถึงเวลารู้ เปิดออกแล้วมันจะรู้ของมันไปหมด ไม่มีใครบอกก็ไม่สงสัย พอเจอเข้าปั๊บ อ๋อๆ ทันทีเลย นี่ละใจรู้จากจิตตภาวนาที่เบิกกว้างออกจากกิเลสทั้งหลายด้วยจิตตภาวนา จิตใจผ่องใสสะอาดสะอ้าน แม้ที่สุดพวกเปรตพวกผีเห็น นั่นเป็นอย่างไร พอพูดอย่างนี้มีพระองค์หนึ่งเป็นเพื่อนกัน สนิทกันกับเรา สนิทกันมากนะ พระองค์นี้ท่านก็เด็ดเหมือนกัน ท่านไปภาวนา
ท่านก็อดข้าว อย่างนั้นละพวกภาวนาส่วนมากมักจะอดข้าว คือการอดข้าวนี่สติดี สตินี้แน่วเลย อดหลายวันเข้าไปสติแน่วตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไม่มีเผลอ นี่เพราะอำนาจของการอดอาหาร อาหารน้อยเท่าไรๆ การนอนนี้น้อยมาก คืนหนึ่ง ๒ ชั่วโมงเป็นอย่างมากเรา หลับเท่านั้นแหละ จากนั้นมามีแต่ความเพียร สติตั้งแน่วๆ จิตใจมันก็เบิกกว้างๆๆ ออกไป ถ้าพูดถึงเรื่องสมาธิก็ยิ่งแน่นหนามั่นคง เรื่องของปัญญายิ่งกว้างขวางขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด
นั่นละจิตตภาวนา ท่านทั้งหลายฟังเอา คำภาวนาไม่มีใครมาพูด มีแต่ตลาดกระดูกหมูกระดูกวัวส้วมถานเต็มบ้านเต็มเมือง ตลาดแห่งมรรคผลนิพพาน ตลาดแห่งอรรถแห่งธรรมไม่มีในชาวพุทธเรานะเวลานี้ จะไม่มีเหลือแล้ว แล้วผลที่ได้คืออะไร มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้กันไปหมด ไปหาใครถามสบายเหรอ สบายตายขึ้นเลยนะ มันตอบว่าสบายตายอะไร จากนั้นมันก็แจงเรื่องไป ถ้าสบายภายในใจเป็นอย่างไร สบายดีเหรอ โอ๋ย ท่านพูดนิ่มนวล มาคุยกันนี้เวลาพระท่านคุยกันเฉพาะจิตตภาวนาด้วยกันเป็นชั่วโมงๆ นะ
คือท่านเพลิน ไปอยู่ที่นี่จิตเป็นอย่างนั้นๆๆ ได้รู้ได้เห็นอย่างนั้นๆๆ เรื่อยเลย เพราะจิตมันเบิกกว้างเป็นนักรู้ พอกิเลสตัวปิดบังหุ้มห่อค่อยจางออกไปๆ จิตมันจะรู้จะเห็นไปสิ่งต่างๆ ที่ใครว่านรกอเวจีพวกเปรตพวกผีไม่มี พวกตาบอดต่างหากนี่นะ ท่านผู้ตาดีด้วยจิตตภาวนาท่านเห็นนี่จะว่าอย่างไร พอพูดอย่างนี้แล้วไปถึงพระองค์ที่ว่านี่ละ ไปอยู่ด้วยกัน ท่านอยู่ภูเขาลูกหนึ่งเราก็อยู่ภูเขาลูกหนึ่ง ต่างองค์ต่างไม่ฉันจังหัน ไปภาวนา
เทวดานั่นแต่ก่อนเป็นแม่ของท่านแม่ของพระองค์นั้น ท่านไปนั่งภาวนาอดอาหาร กลางวันนะ ไม่ใช่กลางคืน เงียบๆ ด้อมๆ เข้ามาข้างมาหาลูก พระท่านตกใจซิพระ มาเป็นผู้หญิง เทวดาเป็นผู้หญิงด้อมๆ มาข้างๆ ลูก พระท่านก็สะดุ้ง มาก็มาลูบหลัง ท่านก็กระโดด อ้าวมาอย่างไร ผู้หญิงมาอย่างไร ผู้หญิงก็ช่างเถอะ นี่ผู้หญิงเทวดา ไม่ใช่ผู้หญิงทั้งหลายทั่วไป คนเขาจะเห็นละซิ ไม่ให้ใครเห็น ให้เห็นเฉพาะลูกกับแม่เท่านั้น
นั่นเห็นไหมล่ะเวลาท่านคุยกันเทวดากับพระ มานั่งแอบลูบหลังลูกชาย ลูกชายตื่นมองเห็นแม่ แม่เป็นผู้หญิงสะดุ้งเลย อ้าว มาอย่างไรกัน พูดภาษาใจ ไม่ได้วากวีกๆ เหมือนพวกบ้าในศาลา ตั้งแต่อาจารย์บ้าลงไปมันวากวีกๆ เข้าใจไหม แล้วมาอย่างไร แม่นั่งอยู่บนหินนี่ ว่าอย่างนั้นนะ ดูลูกชายสลดสังเวชสงสาร ไม่ฉันจังหัน เวลาไหนเห็นแต่นั่งภาวนา สงสาร แม่คิดหาอุบายวิธีการจะเอาอาหารซึมซาบเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายให้ลูกเลยมา นี่แม่เอาอาหารทิพย์มา บอกอย่างนั้นนะ
ทิพย์ไหนก็ช่างเถอะ ลูกดุแม่ใหญ่โตเลย มาอย่างไรกันนี่ แม่เลยเล่าให้ฟัง มานั่งอยู่นี่คนจะไม่เห็นเหรอ ไม่เห็น มีกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านคนก็ไม่เห็น เห็นเฉพาะแม่กับลูกเท่านั้น ฤทธิ์เทวดาบันดาลไม่ให้เห็น เลยเล่าเรื่องราวแต่ก่อนเคยเป็นลูกมา แล้วเห็นลูกมาบำเพ็ญสมณธรรม แม่ก็สงสาร นั่งอยู่วันไหนก็เป็นอย่างนั้นๆ อดอยากขาดแคลนขนาดไหน เห็นแต่นั่งภาวนา สงสารวันนี้เลยมา นี้จะเอาอาหารทิพย์มา อาหารทิพย์เป็นอย่างไร คือเอามาลูบหลังมันจะซึมซาบเข้าในร่างกาย
ฟังซิอาหารทิพย์ เทวดามาพูดกับพระนักภาวนาเชื่อได้หรือไม่เชื่อได้ ฟังซิ พระก็ถามดูเป็นอาหารประเภทไหน มันจะไม่เป็นฉันอาหารในเวลาวิกาลหรือ นี้อดอาหาร อาหารไม่กินข้าว แล้วเอาอาหารอย่างนี้มาให้กิน กลางวันก็ดีเอามาให้กินมันไม่ขัดหรือ ไม่ขัด เป็นอาหารทิพย์ต่างหาก เอาอาหารทิพย์มาลูบหลัง ทางลูกชายก็ขยะๆ ตื่นๆ มันเป็นผู้หญิง ขยะๆ ไม่มีใครเห็น มีแต่เราแม่กับลูกเห็นกัน เลยมาพูดให้ลูกนี่ลดหย่อนผ่อนผันลงบ้าง การอดอาหารนี้ได้ผลก็จริงแต่มันแพ้ธาตุขันธ์มาก
เอาละวิธีการภาวนาเป็นเรื่องของอาตมาเอง นั่นเห็นไหม แม่ไม่ได้ภาวนามาพูดมันเข้ากันไม่ได้ ลูกสอนแม่ แม่กลัวลูกจะตายเอาอาหารทิพย์มาใส่ฝ่ามือแล้วมาลูบหลังลูก ทางลูกนี้ขยะๆ ก็มันเห็นกันอยู่สองต่อสอง ไม่มีใครเห็นมีแต่แม่กับลูก นี่นักภาวนาเป็นความจริงอย่างนี้จะให้ว่าอย่างไร ท่านรู้อยู่เห็นอยู่กันอย่างนั้น พวกเรามันหูหนวกตาบอดมันไม่เห็น จากนั้นแล้วก็นั่งคอยดูลูกอยู่บนภูเขา ลูกภาวนา นี่ละนักภาวนาท่านเทวบุตรเทวดาก็มาอนุโมทนาสาธุการ มีหรือไม่มีเทวดาฟังซิน่ะ พวกตาบอดว่าเท่าไรมันไม่เชื่อ ถ้าพวกตาดีรายเดียวปั๊บเข้าใจทันทีเลย
เอา เราจะยกตัวอย่างให้ฟัง นี้เอาธรรมมาพูดนะไม่ได้หยาบได้โลน เรื่องราวมันเป็นมาก่อนแล้ว ก่อนที่จะนำมาพูด จะหยาบจะโลนหรืออย่างไรก็ตามมันมีมาแล้วเป็นมาก่อนแล้วมาพูดทีหลัง พระเป็นคู่กัน องค์หนึ่งไปอยู่ถ้ำนั้น องค์หนึ่งอยู่ถ้ำนี้ ภาวนาด้วยกัน กะว่าจะเท่านั้นวันเท่านี้วันถึงจะลงมาหากัน นอกนั้นไม่ฉัน พอไปอยู่ได้สามวันพระองค์หนึ่งโดดมาหากันแล้ว อ้าวไหนว่าจะไปอยู่เท่านั้นวันมาได้อย่างไร จะอยู่ได้อย่างไร มีผู้หญิงคนหนึ่ง นั่นเห็นไหมล่ะ ท่านเห็นด้วยกันค้านกันไม่ได้นะ
มันเป็นอย่างไรผู้หญิงคนนี้ มันเอาฝ่าเท้ามันเกาะเพดานถ้ำหย่อนหัวลงมา มันมากอดท่าน เอานมมาเคลียมาคลอ ท่านปัดเท่าไรมันไม่ยอมฟังเสียง ทั้งคืนอยู่ไม่ได้ รบกับเปรตตัวนี้เปรตผู้หญิงมันมาคลอเคลียมากอด เอานมมาใส่นี่ ท่านก็ปัดตลอดเวลาได้สามคืนทนไม่ไหวเปิด จึงได้มานี่ เป็นอย่างไรก็ไม่รู้ผู้หญิงคนนี้ มาจากไหนไม่รู้ไม่ได้พิสูจน์เหตุผลกลไกของมัน เห็นแต่เหตุการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างนั้น ปัดกัน ทนไม่ได้สามคืนลงมานี้
ถ้าอย่างนั้นผมจะไปทดลองดู พระองค์นี้เป็นคู่กัน รู้เหมือนกัน พอไปได้คืนเดียวองค์นี้เผ่นเลย โผล่มา อู๊ย ยอมรับมันไม่ได้นอน มันกวนแต่เรา แผ่เมตตาส่วนกุศลอะไรมันไม่เอาทั้งนั้น มันจะเอาตั้งแต่กามกิเลส ผู้หญิงคนนี้มันตายตอนที่มีท้องอยู่ มันปีนต้นไม้ คือต้นไม้มีผลหมากรากไม้ มันสุก มันปีนขึ้นไปตกต้นไม้ตาย มันตายทั้งๆ ที่มีท้องเลยมาเป็นเปรต เวลามาพิจารณาทีหลังจึงได้ทราบว่าเป็นอย่างนั้น แล้วก็ถามเลียบๆ เคียงๆ พระท่านไม่ได้ถามตรงไปตรงมา ก็พอเข้าใจได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเขากำลังมีท้อง แล้วผลไม้จะเป็นมะไฟหรืออะไรก็แล้วแต่มันปีนขึ้นไปมันตก ตกลงมาเลยตายอยู่ที่นั่นมาเป็นเปรตเฝ้าอยู่นั้น เพราะฉะนั้นเวลามาที่นี่มันจึงมาขอส่วนบุญส่วนกุศล แต่มันไม่เอาส่วนบุญส่วนกุศล
นี่ละเรื่องราวเป็นอย่างนี้ ทีนี้พระองค์นี้ไปก็แบบเดียวกัน อยู่ได้คืนเดียวเปิดเลย นั่นเห็นไหมท่านเชื่อกันหรือไม่เชื่อกัน โห จริงๆ อยู่ได้คืนเดียว องค์นั้นทนอยู่ได้สามคืน นี่ละความจริงเป็นยังไง นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าถ้าลงได้รู้ได้เห็นไปหาพยานที่ไหน ไม่ต้องไปหา เจอปั๊บรู้ทันทีๆ คนนี้เคยเป็นผัว คนนี้เคยเป็นเมีย มองดูปั๊บจับปุ๊บมันทะลุกันเลยทันที แล้วไม่เชื่อใครด้วยนะ นี่ละญาณหยั่งทราบ เข้าใจหรือเปล่า วันนี้เปิดออกเสียบ้างพอให้เข้าใจ เรื่องญาณหยั่งทราบ ไม่ต้องหาพยานที่ไหนมา ความรู้มันหยั่งเข้าถึงกันจับปุ๊บเข้ากันได้ทันทีๆ เลย
นี่ละการภาวนาเป็นของครึของล้าสมัยเหรอ ศาสดาองค์เอกเป็นศาสดาที่ล้ำยุคล้ำสมัย ล้ำโลกล้ำสงสารมาสอนโลก มันครึไปไหน มีแต่กิเลสตัวครึๆ ตัวส้วมตัวถาน มาอวดส้วมอวดถานตัวเองต่อทองคำทั้งแท่ง คือธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง กิเลสตัณหามันอวดหยิ่ง มันชอบยอชอบสรรเสริญ ยกมูตรยกคูถขึ้นเป็นทองคำทั้งแท่ง เหยียบทองคำทั้งแท่งลงให้เป็นมูตรเป็นคูถก็คือกิเลสเหยียบธรรมนั้นแหละ พอว่าจะไปเดินจงกรมมันไม่ไหวมันสู้หมอนไม่ได้ นั่นละหมอนมูตรคูถ อรรถธรรมมันไม่สนใจ พักสักหน่อยก่อน พักสักหน่อยฟาดครอกๆ หมอนแตก เอาละพอ
วันนี้พูดธรรมะหลายแง่หลายทางเหมือนกัน พอเป็นคติได้บ้างหรือไม่ล่ะพวกนี้ พูดธรรมะหลายกระทงอยู่วันนี้ หลายแง่หลายทาง (วัดป่าคำสะอาด อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนให้เป็นสถานีเครือข่ายของสถานีวิทยุเสียงธรรมบ้านตาด ร้อยเปอร์เซ็นต์ ครับ).วิทยุเวลานี้มากร้อยกว่า ออกจากปากเรา วิทยุร้อยกว่าแห่งเดี๋ยวนี้ มันเป็นเองนะ ที่เราเทศน์เราปล่อยเลยๆ เราไม่เป็นอารมณ์กับอะไร พอเทศน์จบปั๊บหายเงียบๆ แล้วเขาก็ไปคุ้ยเขี่ยขุดค้นออกมา ออกทางวิทยุเวลานี้ตั้งร้อยกว่าสถานีแล้ว เออ พอใจๆ เทศนาว่าการเราแน่ใจทุกขั้นของธรรม ไม่มีสงสัยเลย แม่นยำๆ ถอดออกจากนี้ทั้งนั้น จึงเป็นที่แน่ใจในการเทศน์ แล้วผู้ฟังควรจะแน่ใจอุตส่าห์พยายามบึกบึนตามธรรมที่สอนไว้แล้วนั้น จะค่อยหลุดพ้นจากอุปสรรคทั้งหลายไปโดยลำดับ ถึงความพ้นทุกข์ได้โดยไม่ต้องสงสัย
วันนี้แปลกๆ ฉันจังหันมันแปลกๆ อยู่ วันนี้ผิดปรกติอยู่ ฉันตลอดลื่นตลอด มานั่งฉันตั้งแต่หมู่เพื่อนเริ่มออกบิณฑบาต หมู่เพื่อนกลับมาแล้ว จัดอาหารอะไรเรียบร้อยแล้วฉันไปด้วยกัน หมู่เพื่อนออกหมดแล้วเรายังไม่ออก วันนี้แปลกอยู่ คอยๆ ดู คือธาตุขันธ์นี้มันไม่แน่เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงๆ วันนี้เป็นอย่างนี้ละคอยดูวันหลังเป็นยังไง ฉันจังหันได้มากวันนี้
บรรดาลูกหลานที่มาฟังเทศน์วันนี้ให้ได้ผลได้ประโยชน์นะ ศาสนาห่างเหินจากจิตใจของชาวพุทธเรามามากต่อมากนานแสนนาน ไฟกำลังแสดงเปลว ไฟความโลภ ราคะตัณหา ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมกำลังเผาบ้านเผาเมืองเรา เอาน้ำดับไฟคือธรรมเข้าไประงับให้อยู่ในความพอดี การอยู่การกินการใช้สอยทุกอย่างอย่าให้ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเลยเถิดเลยแดน ให้อยู่ในกฎแห่งความพอดีเรียกว่าธรรม เข้าใจเหรอ เอาละไปที่นี่
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|