เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
ใช้ความคิดบ้างซิ
ก่อนจังหัน
พระวัดป่าบ้านตาดเราอย่าเข้าใจว่าฉลาดนะ มันโง่เหมือนหมาตายนะพระวัดป่าบ้านตาด เราจะเห็นได้ชัดเจนเวลาขึ้นไปกุฏิเรา เข้าเกี่ยวข้องกับเราได้เห็นได้ชัดเจน เราไม่ใช่เป็นคนฉลาดนะ แต่มองดูหมู่เพื่อนมันยังดูไม่ได้อีกจะทำไง ใช้ความคิดบ้างซิ มาศึกษาอบรมหาอะไร เราจึงไม่อยากให้ใครขึ้นไปกุฏิเรา ไปมันขวางจนได้ๆ ถ้ามีปัญญามันจะขวางเหรอ มีตั้งแต่เรื่องขวางๆ ทั้งนั้น แสดงว่าไม่ใช้ปัญญาเลย เอาหัวชนฝาๆ นี้หรือมาปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าปฏิบัติธรรมแบบเต่าเหรอ แบบหัวชนฝาไปเหรอ ทำไมจึงไม่เอามาคิดบ้าง ใครจะฉลาดแหลมคมยิ่งกว่าศาสดาองค์เอก แล้วทำไมลูกศิษย์ตถาคตมันถึงโง่เอานักหนา
ถึงกาลเวลาที่จะควรพูดพูดเสียบ้าง เพื่อให้เป็นคติเครื่องเตือนใจแก่ผู้มาศึกษาทั้งหลายต่อไปบ้าง กุฏิเราเราไม่อยากให้ขึ้นนะ ฟังให้ชัดนะพระเณรเหล่านี้ แล้วพวกที่มาอยู่นี้เป็นอิสระอิสโร อาจริโย เม ไม่มีเต็มวัด นี่อันหนึ่งทำให้ลืมตัว อาจริโย เม ภนฺเต โหหิ ไม่มี มีแต่ อิสโร โหติ เป็นอย่างนั้นละ ความเป็นอิสระๆ ลืมเนื้อลืมตัว อาจริโย เม ไม่มี เวลาเข้ามาเกี่ยวข้องจะเป็น อาจริโย เม มันดูไม่ได้นะ เป็นยังไงมันถึงโง่เอานักหนาพระนี่ นอกจากนั้นมันจะเป็นขี้เกียจขี้คร้านไม่เอาไหนไปแล้วนะเวลานี้
โธ่ เราปกครองหมู่เพื่อนอกจะแตกนะ ดูทุกแง่ทุกมุม ไม่ใช่ดูธรรมดา ดูทุกแง่ทุกมุม ความคิดทะลุเข้าไป กิริยาอาการดวงใดเข้ามาสัมผัสสัมพันธ์สติปัญญามันจะทะลุเข้าๆ เลย แล้วมันดูไม่ได้นี่น่ะจะให้ว่าไง มันเป็นยังไงมาอยู่นี่ ไม่ได้หน้าได้หลัง ครั้นออกไปก็ไปอวดตัว อาตมานี้มาจากวัดอาจารย์มหาบัวกำลังแพรวพราว เอา ใครอยากให้ทดลองเครื่องเอามา เป็นงั้นนะเดี๋ยวนี้ มีแต่พวกอยากจะให้ทดลองเครื่องทั้งนั้น เครื่องขี้หมาอะไร ไม่ได้เรื่องได้ราว เลอะเทอะจริงๆ
เราจะเห็นได้เวลาเข้าไปเกี่ยวข้องกับกุฏิเรา เราไม่ได้ฉลาดนะ แต่ทนดูหมู่เพื่อนจนดูไม่ได้จะให้ว่าไง โฮ้ มันยังโง่กว่านี้ไปอีกยังมีอยู่มากมายทำไงนี่ ทำให้อิดหนาระอาใจในการแนะนำสั่งสอนหมู่เพื่อน แล้วก็ไหลเข้ามาเรื่อยๆ มาก็ไม่ได้หน้าได้หลังดังที่เป็นมานี้ละ เป็นมาแล้วยังไง แล้วจะเป็นไปข้างหน้าก็เป็นอย่างที่เป็นปัจจุบันนี้ มันเลอะๆ เทอะๆ นะ โฮ้ ทำไง ไม่มีข้อคิดข้ออ่านอะไรเลย
เราจะเห็นได้เวลาขึ้นไปกุฏิเรา สิ่งใดที่เกี่ยวข้องอยู่ในกุฏิเรานั่นน่ะ ในฐานะเราเป็นอาจารย์สอนลูกศิษย์ลูกหาจะมีแง่ไว้ๆ ให้เป็นข้อคิดๆ สะดุดตาปั๊บให้เป็นข้อคิดๆ นี้มันไม่คิดเลย หลับตาชนเอาเลยๆ เราเลยอ่อนใจผู้แนะนำสั่งสอนน่ะ มันเป็นยังไงพวกนี้มาศึกษาหาอะไร พระพุทธเจ้าสอนให้สัตว์โลกโง่อย่างนี้เหรอมันถึงได้โง่เอานักหนา ลืมเนื้อลืมตัวเวลานี้ ลืมตัวไปแล้วนะพระวัดป่าบ้านตาด เรายิ่งไม่อยากให้เกี่ยวข้องกับเราเสียด้วย เราอยู่คนเดียวๆ ลำพังเราสบาย ทั้งคืนอยู่อย่างนั้นสบายแสนสบาย ถ้ามีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้องมันเหมือนผงเหมือนธุลี ผงเข้าตาแบบนั้นละ มันขัดๆ ข้องๆ ไม่มากก็น้อย ถ้าอยู่คนเดียวจ้าอยู่ครอบโลกธาตุ
พูดฟังให้ชัดเสียนะ เอามาหลอกโลกหรือที่พูดอยู่เวลานี้น่ะ ปฏิบัติมาจนเป็นอย่างนี้ จิตเป็นอย่างนี้นี่นะ เพราะฉะนั้นมันถึงขวางโลกละซิ มาสอนโลกมันจึงขวางกัน มันเป็นยังไงมาปฏิบัติยังไง พระพุทธเจ้าสอนว่ายังไงมันถึงเป็นข้าศึกต่อพระพุทธเจ้าอย่างใหญ่หลวง ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรเลย เข้ามาวัดมาวาประชาชนก็เหมือนกันให้คิดอ่านนะ อย่ามางูๆ ปลาๆ กินๆ นอนๆ อยู่นะ มันดูไม่ได้ อย่าเข้าใจว่าไม่ดูนะ ดูหมด ไปที่ไหนดูที่นั่นๆ เดินหย็อกๆ แหย็กๆ ไปไหนมีแต่เรื่องไปดูไปคิดไปอ่าน เรื่องความคิดความเห็นของคนของเราของอะไร ความเสื่อมความเจริญไปทั้งนั้นๆ ละ นี่มันไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร งกๆ งันๆ อยู่อย่างงั้น เออ ทำไง จะให้พร
หลังจังหัน
ปวดขาๆ โธ่ๆ นี่เวลาอนุโลมมัน คือถ้าไม่อนุโลมนี่ตายจริงๆ แต่ก่อนไม่ได้อนุโลม หักโหมกันไม่ตาย แต่เดี๋ยวนี้มันกำลังจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่อนุโลมตายเลยเพราะมันคอยแต่จะพังๆ ไม่เหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนทุกสิ่งทุกอย่างมันแข็งแรง เข้มข้นทุกอย่าง ฝืนยังไงๆ หักโหมยังไงๆ ก็ได้ เดี๋ยวนี้ไม่ได้นะ
คิดดูอย่างที่เรานั่งตลอดรุ่ง โถ ของง่ายเมื่อไร ไม่ใช่ของง่าย คือตัวของเราที่นั่งนี้เป็นเหมือนหัวตอ เพราะทุกขเวทนาที่มันเผาหัวตอคือเรานี้ทุกข์ขนาดไหน ทุกขเวทนามันเผาหัวตอคือตัวเราเองไม่ถอย แต่เรามีดีอันหนึ่งอยู่ ที่น่าชมก็ต้องชมบ้าง คำสัตย์คำจริงมีมาตั้งแต่เป็นฆราวาสนะ ว่าอย่างไรเป็นอย่างนั้น จริงๆ ตลอด เวลาเรามาบวชเรียนเราได้อ่านดูในอรรถในธรรมถึงพิจารณาย้อนหลัง โอ้โห นี่มันมีคำสัตย์คำจริงมาตั้งแต่เป็นฆราวาสแล้ว แต่ก่อนไม่ได้คิด คือว่าอะไร ว่าไปไป ว่าอยู่อยู่ ว่าจะทำทำ ก็เป็นไปตามนั้น เราไม่ได้คิดว่าเป็นคำสัตย์คำจริงหรือไม่ แต่เวลาไปบวชอ่านไปๆ มันเป็นธรรมทั้งนั้นคำสัตย์คำจริง โห ใจเรานี้มันมีความสัตย์ความจริงมาตั้งแต่เป็นฆราวาสแล้ว มันเป็นของมันเอง เราไม่รู้นะ มันหากเป็นของมันเอง
พ่อยังพูดเราไม่ลืมนะ พ่อรู้นิสัย เวลาถามถึงเรื่องทำการทำงานอะไรแล้วมาถามถึงเรื่องของเรา บัวว่าไงมันจะทำไหม โอ๋ย ถ้ามันไม่ลั่นคำเท่าไรก็อย่าไปนั่นเลยนะไอ้นี่น่ะ ถ้าลงมันได้ลั่นแล้วเอาเถอะว่าอย่างนั้น รู้นิสัย ถ้ามันยังไม่ได้ลั่นคำแล้วใครจะไปบอกทั้งบ้านมันก็ไม่ได้ผล ถ้าลงว่าเอาแล้วเท่านั้นละพอ แน่ะรู้นิสัยกัน
ไปทอดผ้าป่าที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขานิมนต์เราไปทอดผ้าป่ามีเท่าไรเราจะเอาหมด เพราะเขาจะทอดผ้าป่าให้เราใช่ไหม มีเท่าไรเราก็จะเอาหมด เราเตรียมพร้อมไปจะเอา พอไปยังไม่ได้ถึงผ้าป่าเลยเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์ดูห้องนั้นห้องนี้ดูสัตว์ ไปก็ไปเจอเอกซเรย์ซี เอกซเรย์นี้มันกำลังจะเสียใช้ไม่ค่อยได้แล้ว เอกซเรย์สัตว์ เอ๊ หมาก็มีเอกซเรย์เหมือนกัน ตาก็ปัก จิตปักตลอด เอ๊ เอกซเรย์สำหรับทำอะไร ว่าใช้ฉายเอกซเรย์สัตว์ เอกซเรย์ภายในสัตว์ แต่เวลานี้มันเสียไปจนจะใช้ไม่ได้แล้วแหละว่างั้น ปักจิตปึ๊กเลย สะดุดกึ๊กเลย แล้วราคาเท่าไรล่ะ ห้าล้าน เอาเลย อย่างนั้นนะ ทั้งๆ ที่จะไปเอาของเขา ยังไม่ได้เอาของเราให้ก่อนแล้ว เป็นอย่างนั้นแหละ
ก็ช่วยโลก ว่าไปเอาเอา ได้มาเท่าไรใส่ตูมๆ ไปเลย จึงว่าช่วยโลก ไม่ได้ตั้งใจไปเอา ไปเอาก็เอา ให้ก็ให้ อันไหนควรจะให้ให้เลยๆ หมาเราก็หลายตัวที่ไปอยู่โรงพยาบาลสัตว์ขอนแก่น น้อยเมื่อไร ไอ้เหาะไอ้เหินเหล่านี้มันไปทั้งนั้นแหละ ตัวไหนๆ จนเขาจำชื่อหมาเราได้ เขาบอกตัวนั้นตัวนี้ เช่นไอ้ปุ๊กกี้เขาก็รู้ ตายแล้ว เราสืบทราบดูเขาไม่ได้เก็บค่ายาค่าอะไรจากหมาวัดป่าบ้านตาดเรานะ ทราบว่าอย่างนั้น สืบๆ ตามดูเขาไม่เอาเงิน นี่ก็เป็นเรื่องปักจิตเราอันหนึ่งเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเอกซเรย์ห้าล้านจึงไม่มีความหมาย ตูมทันทีเลย มันถึงกันใช่ไหมล่ะ ถ้าหากว่าเขาเอาของเราๆ นี้อันนี้ห้าล้านจะได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้นะ ผ่านไปสมควรจะให้ก็ให้ไปธรรมดาๆ แต่นี้ถ้ามีอะไรมันปักลึกอยู่มันก็รับกันปึ๊งเลยๆ
เมื่อวานนี้ก็ไปโรงพยาบาลจังหวัดเลย ตามธรรมดาโรงพยาบาลจังหวัดต่างๆ นี้เราไม่ไปนะ เราจะไปเฉพาะโรงพยาบาลอำเภอๆ จังหวัดนั้นๆ เราจะไม่เข้าโรงพยาบาลจังหวัด แต่จังหวัดเลยนี้ได้เข้า รู้สึกเข้ามาร่วมเป็นปีแล้วมัง เลยกลายเป็นวาระที่จะเอาของไปให้เหมือนกับโรงพยาบาลต่างๆ ตามอำเภอๆ เมื่อวานก็เอาไป เขากำลังสร้างตึกอยู่ ตึกโรงพยาบาลเลย คับแคบมากอยู่ในกลางเมืองเลย โฮ้ โรงพยาบาลอยู่ในกลางเมืองนี้ไม่เหมาะ แต่จะไปหาที่ไหนเมื่อไม่ได้มันก็จำเป็นต้องเอา เอาของไปให้เขาเมื่อวาน เอาของไปให้แล้วไปดูตึกหลายชั้นอยู่นะ ถ้าเสร็จตึกนี้แล้วก็จะพอเป็นไป เพราะตึกใหญ่สูงด้วย เวลานี้กำลังคับแคบไม่มีที่รักษา คนไข้ก็มาก ที่รักษาไม่พอ นี่เขากำลังสร้างใหม่ขึ้น ดูเหมือนสี่ห้าชั้นหรือหกชั้น
โรงพยาบาลจิตเวชเราก็ช่วย เวลาเข้าไปจิตเวชอยู่ทางซ้ายมือ พอไปถึงที่สุดโรงพยาบาลจังหวัดอยู่ทางขวามือ ทางนี้เราก็ช่วยๆ สำหรับจังหวัดเลยนะ ที่อื่นเราไม่ค่อยได้ช่วย จังหวัดต่างๆ ไม่ปรากฏได้ไปช่วยจังหวัดใด ที่ไปช่วยเอาของไปให้ๆ ส่วนช่วยตามความจำเป็นที่เขามาขอร้องไม่ว่าที่ไหนให้ทั้งนั้นแหละ ขอทั้งนั้นแหละ
ที่พูดเมื่อเช้านี้เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้คิด เกี่ยวกับเรื่องความโง่ความฉลาด ความไม่เอาไหน ความเอาจริงเอาจัง ออกไปจากธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ที่พูดเมื่อเช้านี้เกี่ยวกับพระที่เข้าไปในกุฏิเรา พูดให้มันชัดเจน ใครอย่าว่าใครฉลาดเกินศาสดาเอกนะ เวลาไปผ่านศาสดาเอกแล้วหงายหมาหมด เราไม่อยากว่าหงายคน หงายหมาหงายไม่เป็นท่าเข้าใจไหม พระองค์ฉลาดแหลมคมขนาดไหนสอนโลกได้ทั้งสามโลก เราจะสอนตัวคนเดียวก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราว ถ้าต่างคนต่างสอนตัวคนเดียวได้เรื่องได้ราวมันก็เป็นหลักเป็นเกณฑ์ ควรจะเป็นหลักเป็นเกณฑ์มานานแล้ว นี้ไม่ได้เรื่องอะไร
พูดถึงเรื่องว่ามันไม่เอาไหนความโง่ความฉลาด เราทน ด้วยเหตุนี้พระจึงรู้มาเป็นประจำ สำหรับกุฏิเราใครเข้าไม่ได้ง่ายๆ นะ พระเณรก็เข้าไม่ได้ง่ายๆ ถ้าอยากจะเข้าก็เข้าตอนเราไม่อยู่ พอเราไม่อยู่กุฏิเช่นไปที่นั่นที่นี่ พระจะแอบขึ้นไป จะทำอะไรก็ให้รีบทำเสียตอนนั้น เวลาเรามาแล้วหายเงียบๆ เพราะอะไร เพราะพระก็รู้ว่าเราทนดูความเกะกะ ความเซ่อซ่าของพระไม่ได้ เราถึงดุเอาๆ ไม่อยากให้พระขึ้นกุฏิ ความหมายว่าอย่างนั้น เป็นอย่างไรธรรมพระพุทธเจ้าละเอียดลออไหม
สิ่งเหล่านี้เราก็ผ่านมาเพียงแค่พ่อแม่ครูจารย์มั่นก็เถอะน่ะ ว่าอย่างนั้นเลย พ่อแม่ครูจารย์มั่นนี่ละจอมปราชญ์สมัยปัจจุบัน เราก็จอมโง่ ฟิตให้มันฉลาด มันก็ไม่ฉลาด ไปอยู่กับพ่อแม่ครูจารย์มั่น ๘ ปีนี้ พลิกอยู่ตลอด เผลอไม่ได้นะ มองแพล็บมานี้ตาท่านตาธรรมะตาสติตาปัญญา ไม่ได้ตาเซ่อๆ ซ่าๆ ตาไม้ไผ่เหมือนตาพวกเรา แพล็บนี้มันทะลุๆ ท่านมองอะไร เป็นอย่างนั้นละตาจอมปราชญ์ ไปที่ไหนทะลุๆ ตาจอมโง่ไปที่ไหนหัวชนเอา หัวชนแตกก็แตกไป ถ้าทางหมอเขาสงสารเขาก็เย็บให้ ถ้าเขาไม่สงสารเขาจะไสลงแม่น้ำโขงก็แล้วแต่เขา คือมันโง่ขนาดนั้น
เราอยากจะเห็นบรรดาพระปฏิบัติตามแนวทางของศาสดา คือของพระพุทธเจ้าจะมีที่คัดค้านตรงไหนได้บ้างไหม ไม่มี หมอบราบเลย นั่นละจอมปราชญ์ ศาสดาองค์เอก ที่ว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วๆ พิจารณาเรียบร้อยหมดแล้ว ออกคำไหนชอบคำนั้น ไม่มีขั้นใดภูมิใดของธรรมที่จะเล็ดลอดแห่งความตรัสชอบของพระพุทธเจ้าไปได้เลย ฉลาดแหลมคมจอมปราชญ์ อันนี้พวกเรามันจอมโง่เข้าไปหาท่านมันก็เข้ากันไม่ได้ซิ
ปรกติพระจะไม่เข้าไปกุฏิเรา จะอยู่แต่เราคนเดียว เพราะนิสัยเราชอบอย่างนั้น ถ้าอยู่อยู่คนเดียว อยู่ที่ไหนสบายหมด ถ้าจุ้นจ้านๆ ไม่สบาย อยู่ที่ไหนอยู่คนเดียวสบาย ยิ่งอยู่ดึกๆ เงียบๆ นั่นละโลกนี้ว่างหมดเลย สุญฺญโต โลกํ ไปหมดเลย ถ้ามีแต่จิตล้วนๆ พูดไม่ถูกเลยว่าเป็นจิต คือมันเลยนั้นไปเสียทุกอย่าง นั่นละจิตที่ฝึกให้เต็มเหนี่ยวเรียกว่าเป็นธรรมธาตุในขันธ์ รับผิดชอบขันธ์ ธรรมธาตุที่บริสุทธิ์สุดส่วนแล้วนั้นรักษาขันธ์ ขันธ์เป็นสมมุติ ธรรมธาตุนั้นเป็นวิมุตติ ต่างกันอย่างนั้นละ
ท่านจึงว่า สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ โมฆราช สทา สโต ตรัสย่อๆ ดูก่อนโมฆราช เธอจงเป็นผู้มีสติทุกเมื่อ พิจารณาโลกให้เป็นของสูญเปล่า ถอนอัตตานุทิฏฐิความสำคัญว่าเขาว่าเราอันเป็นก้างขวางคอนั้นออกเสีย จะพึงหลุดพ้นจากทุกข์โดยชอบ พญามัจจุราชจะตามไม่ทันผู้พิจารณาโลกเป็นของสูญเปล่าอยู่อย่างนี้ พระโมฆราชก็พิจารณาบรรลุธรรมปึ๋งเลย ทีนี้รวมลงมาแล้วใครก็ตามเมื่อจิตเข้าถึงขั้นนี้เป็นพระโมฆราชด้วยกันหมด สุญฺญโต โลกํ ไม่ต้องบอก ว่างไปหมดเลย เป็นหลักธรรมชาติของจิต อำนาจแห่งความว่างครอบหมด
เดินหยกๆ ไปตามดินนี้ก็เหมือนไม่มีแผ่นดิน อำนาจแห่งความว่างของจิตนะ ต้นไม้ภูเขามองเห็นพอเป็นเงาๆ ส่วนความว่างของจิตนี้ทะลุหมดเลย นี้เป็นหลักธรรมชาติของจิตที่ออกเต็มตัว เป็นธรรมทั้งแท่งแล้วเป็นธรรมธาตุสุดส่วน เป็นอย่างนั้น ว่างเปล่าตลอดเวลา มองเห็นเป็นเพียงรางๆ เป็นเงาๆ ส่วนความว่างมันทะลุหมดเลย นี่ละผลแห่งการปฏิบัติ
อยากให้ชาวพุทธเราได้สนใจในอรรถในธรรม จะพอเป็นผู้เป็นคน การอยู่การกินใช้สอยต่างๆ จะไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว เมืองไทยเราเป็นเมืองฟุ้งเฟ้อ เราเกิดในท่ามกลางเมืองไทยต้องตำหนิเมืองไทยของเรา ตำหนิเพื่อจะยกขึ้น ดัดแปลงแก้ไขที่ไม่ดีตรงไหนก็สอนกันให้รู้ เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมมาตั้งแต่กาลไหนๆ เพราะได้รับความสงบร่มเย็น สมบูรณ์พูนผลมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายมา ทีนี้เวลาเหตุการณ์มันเข้ามาเผชิญต่อหน้าต่อตานี้มันแก้ไม่ทัน แก้ไม่ตก ไม่ทันเขา ปรับตัวไม่ทัน
จึงต้องให้ปรับตัวเสียตั้งแต่บัดนี้ เอาธรรมพระพุทธเจ้าปรับ อย่างอื่นไม่ทัน ถ้ากิเลสปรับแล้วเลวลงๆ ถ้าธรรมปรับนี้ฟื้นขึ้นๆ รู้จักประมาณ การอยู่การกินการใช้การสอยการไปการมาทุกอย่าง ประกอบความพากความเพียร ความเคลื่อนไหวไปมามีสติปัญญารอบๆ ไม่ค่อยเสียง่ายๆ ไม่ค่อยผิดพลาด ถ้าสติปัญญาติดตามๆ ถ้าขาดสติกับปัญญาเมื่อไรแล้วบกพร่องไปเรื่อยๆ เดินจงกรมจนขาหักก็ไม่ได้เรื่อง ถ้ามีสติปัญญานั่งยืนเดินนอนเว้นแต่หลับเท่านั้นเป็นความเพียรตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับสตินะความเพียร
ใครอย่าสำคัญตรงไหนว่ายิ่งไปกว่าสติ สติเป็นเครื่องประกอบสำคัญสำหรับความเพียรตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงนิพพาน ถ้าใครตั้งสติให้ดีอย่างว่าตั้งได้ตั้งฐานได้ ตั้งแต่ความสงบร่มเย็น ถึงขั้นสมาธิวิปัสสนาทะลุถึงนิพพานได้ไม่อาจสงสัย เพราะสติเป็นสำคัญมากทีเดียว กำจัดได้หมด กิเลสจะเกิดขึ้นมามากน้อยสติครอบทีเดียวอยู่ โผล่ขึ้นมาไม่ได้ ถ้าสติเผลอเมื่อไรขาดสะบั้น หัวเราขาดสะบั้นไปเลย กิเลสตีเอา เอาละวันนี้พอเท่านั้น ให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|