ไม่เคารพศาสดาแล้วจะเคารพใคร
วันที่ 15 พฤษภาคม 2550 เวลา 7:50 น. ความยาว 42.56 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

ไม่เคารพศาสดาแล้วจะเคารพใคร

ก่อนจังหัน

         พระเท่าไร (๓๗ ครับผม) เมื่อวาน ๓๔ เหรอ (เมื่อวานนี้ ๓๔ ครับผม) ๓๗ รถเข้ามาในวัดมาเอาของโกดังรถโรงพยาบาลไม่น้อยนะวันหนึ่งๆ โรงพยาบาลต่างๆ มาเอาของในโกดัง จัดไว้เต็มเอี๊ยดๆ โรงพยาบาลไหนมาให้หมดๆ ที่ให้พิเศษก็คือ อุบล โคราช อุตรดิตถ์ นี่ให้เป็นพิเศษ พิเศษก็ให้เสมอกันหมดจำพวกพิเศษ นอกนั้นให้เสมอกันหมดธรรมดา เราจัดไว้ทุกแง่ทุกมุมสำหรับคนยากจนเขามาขอ แล้วก็อะไรอีกหลายอย่าง

เมื่อวานนี้ก็ไปมหาวิทยาลัยขอนแก่น ไปเทศน์ที่มหาวิทยาลัย เขานิมนต์ไปรับผ้าป่า เข้าไปโรงพยาบาลสัตวแพทย์ ไปดูเอกซเรย์เครื่องหนึ่งมันจะใช้ไม่ได้แล้ว เอกซเรย์หมา โรงพยาบาลสัตว์เราเข้าไปดูซอกแซกซิกแซ็ก พอดีไปเห็นเอกซเรย์เครื่องหนึ่ง ถาม ว่ามันใช้ไม่ค่อยได้แล้ว ให้เลย ๕ ล้านนะนั่น อย่างนั้นละ เขานิมนต์เราไปรับผ้าป่า ได้ผ้าป่ามา ๗-๘ แสน เราให้ไป ๕ ล้าน อย่างนั้นละ เขานิมนต์ไปไหนก็ไป แต่ไปเพื่อให้นะเราไม่ได้ไปเพื่อเอา ไปที่ไหนเหมือนกัน อย่างที่ไปมหาวิทยาลัยขอนแก่น โรงพยาบาลสัตว์ เราเคยเอาสัตว์ในวัดนี้ไปให้เขารักษา

เมื่อวานนี้ไปก็ได้โอกาสเข้าโรงพยาบาลสัตว์ ไปดูๆ ก็มีเครื่องหนึ่งที่สำคัญ เอกซเรย์มันจะใช้ไม่ได้แล้วเวลานี้ ราคาเท่าไร ๕ ล้าน ให้เลยเมื่อวาน เราไปเอาของเขามา ๘ แสน เราฟาดไปให้เขาเสีย ๕ ล้านเมื่อวาน อย่างนั้นแล้ว ไปเอาไปให้มันไปด้วยกันนะเรา ไปที่ไหนที่เขาให้ก็เอา ไปที่ไหนบกพร่องให้ๆ เป็นอย่างนั้นละ อย่างเขานิมนต์ไปไหนนี้ไป เขาให้ก็เอา นี้ไปตรงไหนบกพร่องเอาให้ เราให้อย่างนั้นละ เมื่อวานนี้ก็ ๕ ล้าน เครื่องเอกซเรย์เครื่องเดียว ที่จำเป็นถาม ถ้าจำเป็นมากกว่านั้นจำเป็นต้องพิจารณาต่อไปอีกละ อย่างนั้นละเรียกว่าช่วยโลก ไปเขาให้เราก็เอา แล้วที่ไหนจำเป็นเราก็เข้าช่วยๆ อย่างนั้นละ

เราเตือนพี่น้องชาวพุทธเรา อย่าลืมเนื้อลืมตัวอย่าลืมศาสดาองค์เอกนะ ศาสดาองค์เอกสามโลกธาตุนี้ยอมกราบพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีอะไรยิ่งกว่าพระพุทธเจ้ากับธรรม อย่าพากันโลเลโลกเลกนัก ไปที่ไหนมองมันขวางตาๆ ตลอดเวลา ทางนั้นยังโก้เก๋สบายผึ่งผาย ผู้ท่านรักษาธรรมท่านดูดูไม่ได้นะ เลวไหมพวกชาวพุทธเราเวลานี้ มันกำลังเลวจิตใจมันต่ำมากทีเดียว ถือมูตรถือคูถเป็นของสูงเป็นเหมือนทองคำทั้งแท่ง ถือทองคำทั้งแท่งคืออรรถคือธรรมเป็นมูตรเป็นคูถไปแล้วเหยียบย่ำไปมา เพราะอำนาจของกิเลสจิตใจมันต่ำทราม แต่มันชอบสูงคือกิเลสนั่นละ กิเลสนี้ชอบสูงมาก ชอบยกยอปอปั้นทุกอย่าง ธรรมท่านไม่ชอบละท่านเสมอ จึงเป็นสรณะของโลก โลกตายใจได้

โลเลโลกเลกเหลือเกินชาวพุทธเราทุกวันนี้ กิเลสยิ่งหนาแน่นขึ้นมาๆ คนยิ่งปั้นตัวกองมูตรกองคูถให้มันเป็นของทันสมัยขึ้นไปทุกวันๆ ยิ่งร้อนขึ้นไปทุกวัน อย่าเข้าใจว่าโลกนี้เย็น โลกนี้ร้อน ถ้าไม่มีธรรมร้อนทั้งนั้น ใครอย่าอวดเก่งกว่าธรรมพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าได้เป็นศาสดาองค์เอกเพราะธรรม ไม่ได้เป็นเพราะกิเลสตัณหาส้วมๆ ถานๆ ให้พากันจำเอา มันเลอะเทอะไปหมด เราจะเห็นได้ชัดก็คือตอนเย็น ส่วนมากเราจะออกมาตอนนี้ ๔ โมงครึ่งไปหา ๕ โมงจะออกมาดูเหตุการณ์ต่างๆ เพราะตอนกลางวันมันจุ้นจ้านๆๆ ไม่มีเวล่ำเวลาเลยวัดนี้เหมือนตลาด ตลาดคนตลาดส้วมตลาดถาน

มาโลเลๆ มาด้วยความเพลิดความเพลิน ความไม่ระมัดระวังรักษา ผู้ที่ท่านรักษาอยู่ท่านดูตลอด ดูกระทั่งตับคนนู่นจะว่าอะไร แต่ท่านเฉยท่านเหมือนไม่รู้ ทางนั้นก็สนุกเล่นตัว มาอ้าปากมานะ ด้วยความเซ่อซ่าความเพลิดความเพลิน ถ้าวันไหนเราออกมาแล้วก็เหมาะ แต่เราไม่ค่อยออกมาละ ตอนนั้นน่ะตอนสงบเงียบที่จะรักษากฎให้แน่นหนามั่นคงขึ้นไปไม่ให้คนเข้ามาจุ้นจ้าน เพื่อท่านจะได้รักษาศีลรักษาธรรมด้วยความสะดวกสบายสงบเย็นใจด้วยจิตตภาวนา เราออกมาตอน ๔ โมงครึ่งหรือ ๕ โมงออกมาดู ถ้าเราออกมาเอาละพอดีได้ธรรมแท้สอน เข้าใจไหม องค์อื่นท่านไม่ค่อยสอน ธรรมแท้ยิ่งแล้วท่านไม่สอนเลย มีแต่เราละออกหมด พวกส้วมพวกถานพวกทองคำทั้งแท่งออกมาพร้อมกันหมดเลย

มานี่จุ้นจ้านๆ นะ นิสัยไม่เคยระมัดระวังรักษาตัว เคยแต่การปล่อยตัวๆ ไปที่ไหนก็ปล่อย เข้ามาในวัดเป็นสถานที่ท่านรักษา ปล่อย ปล่อยเรื่อยๆ นะ ถ้าวันไหนไปเจอกับเราพอดีละ บางทีมีข้อตลกด้วยนะ ก็เราถึงจะว่ายังไงก็ตามจิตเราไม่มีอะไรกับโลก มีแต่ความเมตตาล้วนๆ ที่จะเป็นพิษเป็นภัยจากหัวใจแม้เม็ดหินเม็ดทราย บอกไม่มีสำหรับเรานะ จะดุด่าว่ากล่าวอะไรเป็นแผนของธรรมสอนโลกทั้งนั้น ไม่มีคำว่าเป็นพิษเป็นภัยต่อโลก เราไม่เคยมีในใจ กิเลสไม่มีในหัวใจจะเอาอะไรมาเป็นพิษ มาจุ้นจ้านบางทีเหมารถมาตั้ง ๓ คัน ๔ คัน รถบัสรถแบ๊สนั่นเข้าใจไหม มาจอดเต็มอยู่หน้าประตู พอดีเราออกไป จะเข้ามานะนั่น ๔ โมงครึ่ง ๕ โมงยังจะเข้ามาเที่ยววัด มาเที่ยวนะนั่น ไม่ใช่มาเพื่ออรรถเพื่อธรรมอะไรละ มาเที่ยว

นี่มาอะไรกัน จะตอบก็ตอบยาก คนนี้มองหน้าคนนั้น คนนั้นมองหน้าคนนี้ ทางนี้จ้อแล้วนะจะเอาแล้ว นี่จะมาเที่ยวหรือ สถานที่นี่ไม่ใช่สถานที่เที่ยว สถานที่บำเพ็ญธรรม นั่นเอาแล้วนะ ใส่แล้วเปรี้ยงๆ ไปออกอย่ามา นี่สมภารวัดท่านรักษาของท่านอยู่ เอาสมภารออกเลย พูดเฉยๆ ไม่มีอะไรกับใครพูดได้สบายนะ กิเลสไม่มีในใจไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใดพูดได้ทั้งนั้นไม่มีภัย ขอให้จิตบริสุทธิ์เต็มส่วนเถอะ ปากกิริยาออกมานี้เลยกลายเป็นของเล่นไปเลย เช่นอย่างที่ว่า “กูจะฟ้องท่านเปา มันมาเที่ยวเพ่นพ่าน” นั่นเห็นไหม ของจริงกับของเล่นมันไปด้วยกัน ที่ว่านี้เราไปอำเภอภูเขียว เอาของไปส่งโรงพยาบาล เขาเขียนไว้ท้ายรถว่า “กูจะฟ้องท่านเปา” ว่างั้น เราก็เลยได้อันนั้นมา เราก็มาต่อยอดของเราทางนี้ เขาให้ต้นฉบับมาว่า “กูจะฟ้องท่านเปา” ทีนี้ปลายฉบับของเราก็ “มันมาเที่ยวเพ่นพ่าน” เข้าใจไหม อย่างนั้นแหละ บางทีคนมามากๆ อ่านหรือยังนั่น นี่อ่านหรือยัง เขายิ้มๆ เขาอ่านพอจนเขาเบื่อ

เออ พระเณรเราตั้งใจปฏิบัตินะ อย่าโลเลโลกเลกนะพระเณร ไม่ได้นะ นี่ปล่อยหมดเรื่องการงานสำหรับจิตตภาวนาของพระ เราไม่ไปแตะต้อง เราพยายามให้พระได้สั่งสมจิตใจ สติธรรมปัญญาธรรมนี้ติดแนบกับใจแล้วจะสวยงามมีคุณค่ามีราคาในทุกอิริยาบถ ถ้าไม่มีสติไม่มีปัญญาพิจารณาสอดส่องดูแลความเคลื่อนไหวของใจ ที่มันแสดงอะไรออกไปผิดถูกชั่วดีแล้วไม่ได้เรื่องนะ ต้องให้มีสติพินิจพิจารณา อย่ามาโลเลโลกเลกนะ

วัดนี้เป็นวัดที่รักษาเข้มงวดกวดขัน ยิ่งพระวินัยด้วยแล้วไม่มีที่ค้านวัดนี้นะบอก มีไม่ได้เลย พระวินัยเรียกว่ากฎหมายพระ จะไม่มีองค์ใดเคลื่อนคลาดผิดพลาดจากหลักพระวินัยเลย ส่วนธรรมสุดวิสัย เหลื่อมล้ำต่ำสูงตามความสามารถของผู้ปฏิบัติ ไม่ได้ปรับโทษ แต่พระวินัยนี้มากน้อยปรับทั้งนั้นๆ เรียกว่ากฎหมายพระ ในวัดนี้เคลื่อนไม่ได้ ใครไม่ปฏิบัติตามหลักพระวินัยเอาเลยทันที ถ้าธรรมมันก็เป็นธรรมดาความสามารถ เพราะไม่ได้ปรับโทษปรับกรรมสำหรับธรรม สำหรับพระวินัยปรับ ปรับตลอด ผิดถูกชั่วดีมากน้อยปรับตามนั้นๆ เพราะฉะนั้นจึงเข้มงวดกวดขัน

พระวัดนี้จะมาเก้งๆ ก้างๆ ให้ผิดพระวินัยให้เห็นไม่ได้นะเรา ไม่ได้เด็ดขาด นี้คือองค์ศาสดา พระธรรม พระวินัยคือองค์ศาสดา ไม่เคารพศาสดาแล้วจะเคารพใคร เคารพศาสดาต้องเคารพธรรมวินัยซิ กฎหมายพระ กฎหมายของธรรมเป็นกฎหมายที่ถูกต้องดีงามให้ปฏิบัติตามนั้น อย่ามาโลเลๆ ไม่ได้นะ นี่เราก็จวนจะตายแล้ว อายุก็ ๙๔ จะเต็มแล้ว ไปที่ไหนก็งกๆ งันๆ แล้วเวลานี้ ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนแต่ก่อน แก่ลงไปทุกวันยิ่งน่าเป็นห่วงมากเข้าๆ เพราะฉะนั้นกับวัดนี้จึงไม่มีอนุโลม จะเรียกว่าไม่มีอนุโลมก็ได้แล้วเดี๋ยวนี้

แต่ก่อนก็สอนมาๆ สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามหลักธรรมหลักวินัย ยืนยันรับรองด้วยหลักธรรมหลักวินัยนำมาสอนพระเณรทั้งหลาย สอนมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้ ๕๐ กว่าปีแล้ว ทีนี้แก่แล้วปล่อยไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราว แต่ใครอย่ามาเก้งๆ ก้างๆ ให้มาผิดที่นี่ไล่ออกจากวัดเลยนะ เพราะเราสอนเต็มภูมิแล้วทำไมจึงเอามูตรเอาคูถเอาฟืนเอาไฟมาเผาวัด ไล่เลย ตอนนี้เป็นตอนไล่พระนะ แก่มาเท่าไรไล่ไม่สอน เพราะสอนมาเต็มภูมิแล้ว ถ้าไม่เป็นท่าไล่ออกๆ เลย ไม่มีใครเราอยู่คนเดียวเราสบาย ยกตัวอย่างให้มันเห็นชัดเจน อย่างกลางคืนเงียบๆ นั่งอยู่เฉยๆ หรือภาวนาไม่ภาวนามันเป็นหลักธรรมชาติแล้วจ้าครอบโลกธาตุ นี่พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้ซิ เราปฏิบัติมาอย่างนี้

พระพุทธเจ้าเป็นอย่างนั้น สาวกเป็นอย่างนั้น แล้วธรรมประเภทนั้นมาสอนโลกผิดไปไหนขอให้ปฏิบัติตาม ไอ้หลับหูหลับตาอยู่กินไปไม่มีราค่ำราคา คนไร้ค่าไร้ราคา มนุษย์ไร้ค่าไร้ราคาคือพวกเราที่ไม่สนใจในธรรมนั้นละ ถ้าสนใจในธรรมแล้วเริ่มมีคุณค่ามีราคา ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น ขอให้มนุษย์ดีเถอะน่ะอะไรๆ จะดีไปตามๆ กัน ถ้ามนุษย์เลวเลวหมด ใครอย่าเห็นอะไรเหยียบหัวมนุษย์นะ มนุษย์ตัวสำคัญนะต้องเสกสรรตัวให้ดี อะไรจะเลวขอให้ตัวดีก็แล้วกัน พากันจำเอา

พระตั้งใจปฏิบัติอย่าไปสนใจกับอะไร การข้อวัตรสามัคคีกันการปัดกวาดเช็ดถูทุกสิ่งทุกอย่างผมได้อนุโมทนาตลอดมา ไม่เคยมีแยกมีแยะแตกร้าวสามัคคีด้วยความขี้เกียจขี้คร้านอ่อนแอไม่เอาไหน ไม่เห็น สำหรับวัดนี้พร้อมเพรียงกันดี ยิ่งพระฝรั่งองค์หนึ่งนี่เก่ง พระฝรั่งองค์นี้ ตาบๆ ชุนๆ ปัดกวาดแล้วยังไม่แล้ว ไปหาเก็บพิเศษในตำหนักในที่ไหนๆ ไปเที่ยวเก็บเอาใบไม้ใส่ถุงๆ ไป พระฝรั่งองค์นี้เก่งมากทีเดียว เหล่านั้นก็ดีๆ เสมอกันมา แต่พระฝรั่งองค์นี้รู้สึกจะดีเป็นพิเศษ เป็นนิสัยของท่านเอง ไปที่ไหนท่านหาเก็บใบไม้ที่นั่นที่นี่ใส่ถุงไปเรื่อยๆ เราก็ดู อย่างมากถ้าจะพูดเป็นแบบตลกก็ It is very good..แล้วผ่านไป ก็เรามันได้ทุกภาษานี่

นั่นพัดเห็นไหม พัดหลวงตาบัว ตั้งอยู่ข้างหลวงตาบัว นี่ลงมาจากภูเขาตอนฟ้าดินถล่ม จากภูเขาลงมาวัดสุทธาวาส ท่านอาจารย์มหาทองสุกท่านมีพัด นี่พัดท่านอาจารย์มหาทองสุกนะ ไม่ใช่ของเรา คุยกันไปคุยกันมาไปสัมผัสท่านเลยถาม นี่บวชมาได้เป็นมหาทั้งองค์แล้วได้มองเห็นพัดไหมท่านว่างั้น อู๊ย ไม่สนใจกับหัวมันละพัดๆ แพ็ดๆ อู๊ย ไม่ได้ ท่านปุ๊บปั๊บไปเอาพัดในห้องท่านนะ เอ้า นั่งเก้าอี้นี้ เอ้า พัดตั้งนี้นะ เป็นมหาทั้งองค์นี่ เรียนเกือบเป็นเกือบตายไม่ได้พัดติดมือบ้างให้เห็นนี้ไม่เหมาะ ท่านนะเอามาตั้งให้ นั่นๆ พัด จึงมีหลวงตาบัวมีพัดยศ ความจริงท่านเอามาทำให้นะเราไม่มีไม่สนใจ นี่พัดยศ ลงมาจากนั่นละในช่วงนั้นช่วงพอดีฟ้าดินถล่มลงจากนั้นมา ท่านเลยเอาพัดยศให้

คนมากทุกวัน ไปสวนแสงธรรมนี้แน่นหมด สวนแสงธรรมตอนเช้าแน่นอาหารการกิน ตอนค่ำแน่นมาฟังเทศน์เต็มหมดเลยนะสวนแสงธรรมที่กรุงเทพ พอตอนเย็นนี้ศาลาหลังใหญ่สองหลังเต็มหมดเลยตอนค่ำ แล้วตอนเช้าก็มาจังหันเต็มหมดเหมือนกัน ตอนเย็นต้องได้เทศน์ เทศน์ออกทางวิทยุทั่วประเทศไทยทุกคืน เขานิมนต์ให้ไปเทศน์ที่ศาลา ที่กุฏิมันรับคนไม่ได้มาก นอกจากนั้นหน้าประตูก็มีต้นไม้บัง ถนนก็ไม่กว้าง นี้เขาเห็นว่าไม่สะดวก ผู้ต้องการอรรถธรรมมีอยู่มาก เลยนิมนต์เราไปเทศน์ที่ศาลาสวนแสงธรรม จนศาลาใหญ่สองหลังเต็มไม่ใช่เล่น พอค่ำมานี้ประมาณทุ่มหนึ่งกว่าเราก็เริ่มเทศน์ เทศน์ให้ฟังทุกคืนๆ ออกทางวิทยุ

ไปที่ไหนไม่ได้หยุดละเรื่องเทศน์ พิลึกจริงๆ นะการเทศน์ ในประเทศไทยเรานี้จะหาองค์ไหนมาเป็นคู่แข่งในการเทศน์มาก เราอยากจะพูดว่าไม่มี ก็มีหลวงตาบัวนี่ ที่ไหนขึ้นหมดเทศน์หมดเลย สนามหลวงเขาเคยนิมนต์พระที่ไหนมาเทศน์เมื่อไร จับลากหลวงตาบัวขึ้นไปเทศน์สนามหลวง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาครบหมด ชาติ ก็นายกรัฐมนตรีคณะรัฐมนตรี ศาสนา พระเณรเป็นพันๆ มหากษัตริย์ก็ฟ้าหญิงเล็กเสด็จ นั่นเป็นอย่างนั้น

พระที่มาดูมากำกับครัวไฟ ครัวไฟในครัวนี้รับรองหมดนะ แถวบริเวณศาลานี้พวกที่เป็นวาระเป็นเวรมาที่นี่ประจำอาทิตย์ละ ๒ องค์หรือไง มานี้ให้ดูแลทั่วถึง ใครมาเป็นพระ ๒ องค์ที่ดูแลในครัวเรานี้รับผิดชอบหมดเป็นระยะๆ วาระละ ๒ องค์ เราไม่เอาไหนละเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่อยู่ลำพังตัวเองก็ไม่ไหว เพราะฉะนั้นพระเณรจึงไม่มีที่จะมาอนุโลมปฏิโลมเหมือนแต่ก่อน เพราะเทศน์เต็มภูมิสอนเต็มภูมิเรียบร้อยแล้วยังมาเก้งก้างๆ ให้เห็นไล่หนีเลยๆ ไม่เอา เดี๋ยวนี้ขั้นอนุโลม หือ เป็นยังไงจึงต้องผิดอย่างนั้น ไม่เอาแล้วเดี๋ยวนี้ไล่หนีไล่ไปเลย เพราะสอนเต็มภูมิแล้ว

นี่หลวงตาบัวก็มีพัดยศ พัดมหาก็มีเหมือนเขาเหมือนกัน แต่ไม่เคยสนใจ นี่เจ้าคุณสองเจ้าคุณอยู่ข้างบนไม่สนใจ ไม่มีอะไรเลิศเลอยิ่งกว่าธรรม ธรรมเข้าสู่ใจแล้วตีออกหมด ไม่มีอะไรเป็นคู่แข่งแล้วธรรม ไปที่ไหนสง่าจ้าครอบโลกธาตุ...ธรรม เหล่านี้ไม่ได้ครอบนะ

 

หลังจังหัน

เมื่อวานนี้ไปมหาวิทยาลัยขอนแก่น หลวงตาได้มอบเครื่องเอกซเรย์ให้โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๕ ล้านบาท (หมอสานิตย์และครอบครัวน้อมถวายเงินสด ๕,๗๐๐ บาท ทองคำ ๑ สลึงครับ) หมอสานิตย์เอาการอยู่นะ ติดพันกับวัด หมอสานิตย์ หมอแผนปัจจุบัน ติดพันกับวัด มาทั้งผัวทั้งเมียทั้งลูก สวนแสงธรรมมาเป็นประจำเลย ที่นี่ก็มา ที่เราพูดเกี่ยวกับเรื่องหมอคือว่า มันมีสิ่งที่น่าสงสัยอยู่ หมอเขาเรียนทางสรีรศาสตร์ ศาสนาก็เรียนและสอนทางสรีรศาสตร์ แต่ทางเดินต่างกันผลต่างกัน

ทางสรีรศาสตร์เกี่ยวกับทางหมอ เรียนถึงเรื่องอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น พวกเส้นพวกเอ็น เป็นต้น ทำหน้าที่ยังไง ขัดข้องยังไง ควรจะแก้ไขยังไงด้วยยา เรียกว่าเรียนสรีรศาสตร์นี้เพื่อแก้โรคแก้ภัย ไปทางโลกล้วนๆ ทีนี้สรีรศาสตร์ทางพุทธศาสนานี้แก้ไตรภพ กามภพ รูปภพ อรูปภพ เรียนสรีรศาสตร์จบแก้ได้หมด เรียกว่าแก้กิเลส ต่างกันอย่างนี้ หมออาจจะไม่ค่อยเข้าใจ ดีไม่ดีอาจจะอาจเอื้อมตีเสมอก็ได้ ว่าหมอก็เรียนทางสรีรศาสตร์เหมือนกัน ไม่เห็นจำเป็นอะไรจะต้องไปเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา นี่ผู้ที่ไม่เข้าใจ

ความจริงทางสรีรศาสตร์เกี่ยวกับหมอเป็นโลกล้วนๆ สรีรศาสตร์ทางพุทธศาสนาเป็นธรรมเพื่อรื้อถอนกิเลสล้วนๆ อันนั้นแก้โรคภัยไข้เจ็บ อันนี้แก้โรคใจ โรควัฏวนโรคกิเลสตัณหา ต่างกันอย่างนี้ ทางหมอจะไม่เข้าใจทางพุทธศาสนานี้มากอยู่ เห็นว่าเรียนสรีรศาสตร์ด้วยกันก็นึกว่าจะเหมือนกัน ไม่เหมือน สรีรศาสตร์ทางหมอนี้เกี่ยวกับเรื่องแก้โรคแก้ภัย ประสาทส่วนต่างๆ ทุกสิ่ง มันทำงานอะไรๆ ขัดข้องกันยังไง แก้ไขกันยังไงมันจึงเป็นโรคเป็นภัยขึ้นมา แก้กันอย่างนั้น

ส่วนสรีรศาสตร์ทางพุทธศาสนานี้แยกออกเป็นธาตุเป็นขันธ์ ที่โลกยึดมั่นถือมั่น ภูเขาภูเราสู้ไม่ได้ ภูเรานี่หนักมากใหญ่โตมาก ถือเขาถือเรา ภูเขาทั้งลูกสู้ไม่ได้ ท่านเรียนนี้แก้นี้ต่างหาก ทำลายภูเขาภูเราลงแล้วราบเลย ไม่มีโลกไหนจะแซงธรรมขึ้นมาได้ ต่างกันอย่างนี้

         (ลูกศิษย์น้อมถวายทองคำ ๒๐ บาท) ทองคำไม่ใช่เล่น เหลืองอร่ามอยู่ในคลังหลวงของเรา ทองคำจำนวนทั้งหมดนี้จะไปเหลืองอร่ามอยู่ในคลังหลวงของเรา ประดับหัวใจของชาติไทยเรา นี่ละหัวใจของชาติคือทองคำ ตั้งแต่เราได้นำพี่น้องทั้งหลายคราวนี้ทองคำได้ถึง ๑๑,๐๐๐ กำลังจะถึง ๕๐๐ กิโล ๑๑,๕๐๐ กิโล ทองคำที่เราช่วยชาติคราวนี้ได้เข้าสู่คลังหลวง ถึง ๑๑,๐๐๐ กำลังจะเหยียบ ๕๐๐ กิโล ๑๑,๕๐๐ กิโลก็ไม่ผิด กำลังไหลเข้า นั่นของเล่นเมื่อไรช่วยชาติ ถ้าไม่มีช่วยชาติแล้วที่พูดเหล่านี้แม้เม็ดหนึ่งก็ไม่มีเลย นี่เข้าได้ถึง ๑๑,๐๐๐ กำลัง ๕๐๐ กิโล น้ำหนักของทองคำ

ส่วนดอลลาร์เข้าได้เพียง ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่าบาท หยุด คือหยุดด้วยเหตุผล ทองคำนี่ไม่มีหยุด ร้อยทั้งร้อยเข้าหมดเลย ทองคำร้อยทั้งร้อยไม่ให้แยกไปไหนเลย สั่งเข้าเลย เข้าคลังหลวงโดยถ่ายเดียว ทุกเม็ดหินเม็ดทรายเข้าหมดเลย เพื่อจะประดับชาติไทยของเราให้มีหัวใจสง่างาม เป็นความร่มเย็นเป็นสุข ศักดิ์ศรีดีงามก็เทียมเท่าประเทศอื่นๆ ไม่น้อยหน้า นี่ละอันหนึ่ง แล้วดอลลาร์ได้เพียง ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่า ทีนี้เงินไทยร่อยหรอลงเราจึงเอาดอลลาร์นี้หมุนมาช่วยเงินไทย เพราะตอนเทศน์มันก็ได้จตุปัจจัยไทยทานมาช่วยโลก พอหยุดเทศน์แล้วปัจจัยเหล่านั้นก็หมดไปๆ แต่ความจำเป็นของชาติที่หมุนเข้ามาหาเราไม่ได้บกบาง จึงต้องเอาดอลลาร์มาช่วยกัน มาช่วยกันกับเงินไทย เดี๋ยวนี้ดอลลาร์เข้ามาหมดละเข้ามาช่วยเงินไทย สร้างนั้นสร้างนี้

ส่วนทองคำเรียกว่าร้อยทั้งร้อยตลอดมาและจะตลอดไป ไม่ให้ออกที่ไหนเลย ให้เข้าคลังหลวงล้วนๆ เวลานี้ได้ทองคำ ๑๑,๕๐๐ กิโลแล้ว ไม่ใช่น้อยๆ นะ ถ้าพวกเราไม่ได้ประกาศความรักชาติของตน เสียสละเพื่อชาติของตนออกมาแล้วทองคำเหล่านี้จะไม่มีเลย ไม่ปรากฏ ตลอดเงินที่ว่าดอลล่งดอลลาร์ไม่มีเลย นี่สง่าอยู่คลังหลวงเห็นไหมล่ะ ก็เพราะความรักชาติของเรา อันนี้ต้องมีผู้นำ คิดอยากทำเท่าไรไม่มีผู้นำก็ลำบาก จึงต้องมีผู้นำ

เฉพาะอย่างยิ่งระยะนี้คือเราเป็นผู้นำ เราก็นำอย่างตายใจเสียด้วย ไม่มีผิดมีพลาด ไม่มีเศร้าหมอง ตรงไหนไม่มี หมดเลย เข้าถึงจุดๆๆ นี่ละเรียกว่าธรรมนำโลก นำเพื่อความสง่างาม สมบูรณ์พูนผล ถ้ากิเลสนำโลกจมๆ ได้ก็แบ่งสันปันส่วนไปกิน กว่าจะเข้าส่วนรวมได้ช่องนี้ นอกนั้นเอาไปสะแตกกันหมด ส่วนธรรมไม่มีสตางค์หนึ่งก็ไม่มีสำหรับเราเป็นผู้นำ ที่จะแยกแยะไปไหนไม่มี ที่จะมีด้วยเจตนาไม่มีเลย อาจจะตกหลุดหายไปอย่างไรไม่รู้อย่างนั้นอาจมีได้ แม้แต่น้ำเราตักไปใส่โอ่งมันยังหยดย้อยไปตามทางได้ใช่ไหม นี่ก็อาจเป็นได้ อันนั้นเราไม่นับเพราะไม่มีเจตนา นอกจากความระมัดระวังสุดวิสัยไปแล้วมันก็เป็นของมันเอง

เราก็พยายามที่สุดแล้วช่วยพี่น้องทั้งหลาย ทางด้านวัตถุก็ช่วย ด้านจิตใจนี้ช่วยมากทีเดียว ตั้งแต่เราเริ่มออกว่าจะนำพี่น้องทั้งหลายเราคิดเรื่องธรรมต่างหากนะ วัตถุเงินทองข้าวของที่จะหนุนชาติของเรานั้นเราคิดเพียงเล็กน้อย แต่โลกทั้งหลายเขาจะคิดถึงเรื่องวัตถุมาก เงินทองข้าวของวัตถุต่างๆ ที่เข้าสู่ส่วนรวมคราวนี้จะได้ออกเด่นชัด  นี่โลกเขาคิดกันอย่างนี้ แต่เราไม่คิด อันนี้ออกเพียงเป็นแนวหน้าประกาศตนเท่านั้น ส่วนที่จะออกจริงๆ รอบตัวนั้นก็คือคราวนี้ธรรมจะได้เข้าสู่ใจประชาชน ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

ธรรมเข้าสู่ใจประชาชน ตั้งแต่วันเราเริ่มประกาศสอนธรรมทั่วประเทศไทย สอนที่นั่นที่นี่เรื่อยไป แล้วกระจายมาจนกระทั่งถึงเวลานี้ออกวิทยุตั้งร้อยกว่าสถานี มีแต่ธรรมออก ออกไม่หยุดธรรม ถ้าธรรมออกไปตรงไหนๆ จะชุ่มเย็น สมบัติเงินทองข้าวของออกถ้าไม่มีธรรมตามรักษาแล้วฉิบหาย สมบัติจะมีมากขนาดไหนพังๆ ถ้ามีธรรมตามรักษาคงเส้นคงวาไปตามเหตุตามผลตามความจำเป็นไป กิจการทุกอย่างเรียบร้อย นี่ละถ้าธรรมรักษาไม่มีเสีย ถ้าให้กิเลสรักษาบอกว่าแหลกๆๆ

จึงอย่าพากันลืมหัวใจของเราซึ่งเป็นสมบัติล้นค่า รักษาสมบัติทั้งหลายอยู่ที่ใจที่มีธรรม เอาตรงนี้นะ นั่นเห็นไหมเขียนประกาศไว้หน้าวัด ใครไปเขียนไว้ก็ไม่รู้ เงินวัดนี้เงินเพื่อโลก เราไม่เก็บ เขียนไว้นั้น ใครจะสร้างอะไรๆ ให้ไม่เอา ที่อยู่ที่หลับที่นอนพอเป็นพอไป แต่ทางจงกรมให้ลึกเป็นเหวนั้นละธรรมเจริญ นั่นละเขียนไว้ผิดไหมไม่ผิด จะว่าไม่เก็บไม่เก็บจริงๆ สมบัติเงินทองข้าวของพี่น้องทั้งหลายเอามาให้นี้ออกหมดนะ ออกหมด เราแบตลอด ไม่เอา ถ้าลงว่าไม่เอาไม่เอา

ธรรมเป็นอย่างนั้น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมหลายสันพันคมธรรม ตรงไปตรงมา โลกทั้งหลายจึงตายใจได้ตลอดมาจนกระทั่งบัดนี้ โลกถ้าไม่มีธรรมฉิบหายไว้ใจไม่ได้ ไม่ว่าแต่ตัวเองจะไว้ใจตัวเองไม่ได้ ไว้ใจกันก็ไม่ได้ ถ้ามีธรรมไว้ใจตัวเองได้ ไว้ใจกันได้ สังคมต่างๆ มีธรรมในใจแล้วเชื่อถือกันได้ ตายใจกันได้ ถ้าไม่มีธรรมไม่มีทางที่จะตายใจได้ เงินอยู่ในกระเป๋าหมดไปเมื่อไรไม่รู้ อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดี ฉวยเงินในกระเป๋าออกไป หมด กระเป๋าเกลี้ยงเข้าใจไหม ถ้ามีธรรมควรหรือไม่ควร ควรจะจับจ่ายซื้อหรือไม่ซื้อ พิจารณา ไม่สมควรไม่ซื้อ นั่นธรรมมีการเก็บการรักษา การจับจ่ายด้วยเหตุด้วยผลทุกอย่าง วันนี้ก็เท่านั้นละนะ

วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ทองคำที่ได้เช้าวันนี้ ๓๓ บาท ๒๕ สตางค์ สรุปทองคำน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ทองคำที่หลอมแล้วได้ ๔๓๗ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๓๕ แท่ง แท่งหนึ่ง ๑๒ กิโลครึ่งได้ ทองคำที่ยังไม่ได้หลอม ๗ กิโล ๔๙ บาท ๘๐ สตางค์  รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็น ๔๔๕ กิโล ๑๖ บาท ๙๑ สตางค์ ถ้ารวมกับทองคำ  ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเข้าด้วยกันก็เป็นทองคำ ๔๘๒ กิโล ๔๙ บาท ๘๐ สตางค์ นี่ประเภททองคำน้ำไหลซึม ส่วนที่เข้าคลังหลวงแล้วนั้น ๑๑,๐๓๗ กิโลครึ่ง นี่ละผลที่เราช่วยชาติได้มาอย่างนี้ ช่วยตรงไหนหนุนขึ้นตรงนั้น

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก