อย่าเข้าใจว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ตลอดไป
วันที่ 10 พฤษภาคม 2550 เวลา 7:45 น. ความยาว 31.53 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

อย่าเข้าใจว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ตลอดไป

สรุปทองคำน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๙ พฤษภา ได้ทองคำ ๔๓๗ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๓๕ แท่ง ทองคำที่ยังไม่หลอม ๖ กิโล ๕๐ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็น ๔๔๓ กิโล ๓๓ บาท ๓๙ สตางค์ ถ้ารวมกับ ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบแล้วเข้าด้วยกันก็เป็นทองคำ ๔๘๑ กิโล ๕๐ สตางค์

         (โยมมากราบถวายทองคำและปัจจัย) นี่เหล่านี้เพื่อเข้าหัวใจของชาติทั้งนั้นแหละ เข้าคลังหลวงๆ ดอลลาร์เดี๋ยวนี้ไม่เข้า ออกกระจาย ดอลลาร์กับเงินไทยไปด้วยกัน แต่ก่อนดอลลาร์เข้าๆ กับทองคำ ดูเหมือนได้เข้า ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่าดอลล์ ส่วนทองคำเข้าตลอดไม่ให้แยกไปไหนเลย ร้อยทั้งร้อยเข้าตลอด ดอลลาร์เข้า จากนั้นแล้วเราก็ประกาศจะไม่ได้เข้า คือเราคิดทุกอย่างแล้วเราถึงพูด เพราะเงินไทยเราร่อยหรอลงทุกวันๆ พอหยุดเทศน์ช่วยชาติแล้วทองคำก็ร่อยหรอลง แต่ความจำเป็นของประชาชนที่มาเกี่ยวข้องหนาแน่นขึ้นทุกวัน นี่ซิที่ไปเดือดร้อนถึงดอลลาร์ ต้องเอาดอลลาร์มาช่วยกัน เดี๋ยวนี้ดอลลาร์ไม่ได้เข้าคลังหลวง มากับเงินไทยไปด้วยกัน ออกทั่วประเทศ

นั่นเห็นไหมรถจอดสองคัน มาคันหนึ่งเมื่อไร ฟาดมันเสียสองคัน เวลาจะออกไปของเต็มรถนะนั่น ของจากโกดังขนไปเต็มรถเลย ก็อย่างนั้นแหละ เราให้ด้วยความเมตตา เราช่วยโลกช่วยจริงๆ พูดด้วยความเป็นธรรมเราให้จริงๆ ว่าไม่เอาไม่เอา ของทั้งหลายเหล่านี้เราไม่เอา แบตลอด เพื่อโลกทั้งหมดเลย เราไม่เอา จะได้มาด้วยวิธีการใด ไหลเข้ามาๆ ไหลออกหมดเลย

สำหรับเงินในวัดที่เกิดก็เหมือนกันแบบเดียวกัน ที่เขามาถวายในวัดโดยเฉพาะๆ ออกเหมือนกันหมดเลย เราพยายามช่วยที่สุด ในชาตินี้พูดง่ายๆ เสียว่าเป็นชาติสุดท้ายของเรา เราบอกตรงๆ จะไม่กลับมาเกิดอีก จ้าอยู่ในนี้ มันขาดสะบั้นไปหมดแล้วกับวัฏวนที่มาเกี่ยวโยงกันอย่างนี้ๆ ตัดขาดหมดแล้ว เห็นชัดๆ อยู่อย่างนั้นจะว่าไง นี่ฝั่งวัฏวน นี่วิวัฏฏะ เห็นชัดๆ สนฺทิฏฺฐิโก สุดยอดครั้งสุดท้ายก็ลงตรงนี้ละ

นี่ฝั่งวัฏวน วนไปวนมาเกิดสูงๆ ต่ำๆ ลุ่มๆ ดอนๆ อย่าเข้าใจว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ตลอดไปนะ ไปนี้ถ้าใครทำความชั่วช้าลามกจมนะ ใจดวงนี้ละพาให้จม ร่างกายก็เป็นดินน้ำลมไฟ ไม่ไปนรก ไม่ไปสวรรค์-นิพพานที่ไหนละ แตกแล้วก็ลงเป็นดินน้ำลมไฟ เดี๋ยวนี้ก็เป็นดินน้ำลมไฟอยู่อย่างนั้น พอแตกนี้ก็กระจายออกไปสู่ธาตุเดิมของเขา ส่วนจิตนี้ไม่ตาย ไม่มีคำว่าตาย ใครพิสูจน์ไม่ได้ นอกจากพุทธศาสนา

พุทธศาสนาถ้าพูดกลางๆ ก็พิสูจน์ไม่ได้เพราะไม่พิสูจน์ ต้องเข้าในจิตตภาวนา เพื่อความพ้นทุกข์จริงๆ ตามวิถีของจิต ร่องรอยของจิตเป็นมาอย่างไรๆ มันจะเป็นสายมาเลย มาถึงปัจจุบัน สั้นยาวเท่าไรมันจะขาดจากวัฏวน มันก็รู้ๆ พอขาดสะบั้นออกหมดแล้วเป็นคนละฝั่งเลย นั่น ท่านจึงบอกว่า อยมนฺติมา ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเราตถาคต บอกอยู่ชัดๆ ในใจ

รถโรงพยาบาลคำม่วง เอ๊ะ เมื่อวานให้คำม่วงไม่ใช่เหรอแล้วมายังไงอีก หรือไปเอาของ คือตอนจะไปให้เอาของเต็มรถนะ ของเต็มรถทุกคันเลย ออกๆ จึงว่าวัดเสียสละ ไม่มีอะไรเหลือ เสียสละเสียหมดเลย อย่างที่ว่าสั่งรถเข้ามา พอรถมาถึงแล้วเขามารับรถก็ขนของใส่รถเต็มรถไปเลย อย่างนั้นละ บกบางไม่ได้นะโกดัง ขนมาใส่รถสิบล้อขนเข้ามาเต็ม ไม่นานหมดๆ อยู่อย่างนั้น เราทำอย่างนี้ หัวใจเปิดไปด้วยเมตตา พูดชัดๆ เลยว่าความตระหนี่นี้บอกไม่มีเลย ไม่มี มีแต่ความเมตตาครอบไว้หมดเลย ความเมตตาก็เอาออกซิ ความตระหนี่กวาดเข้ามา ความเมตตาเปิดออก นี่ความตระหนี่ไม่มี เราบอกชัดๆ บอกไม่มี มีแต่ความเมตตาซึ่งเป็นธรรมล้วนๆ ออกตลอดเวลา

ไปตามสายทางเหมือนกันนะ แจกทานไปตามทาง วันหนึ่งหมดกี่พันกี่หมื่นไม่รู้ ใครไม่ทราบนะ มันหากเป็นของมันอย่างนั้นละ ถ้าไปถึงไฟแดงจอดดูเขามาขายดอกไม้ไฟแดง ให้คนละสามร้อยๆ พวกเขามาขายดอกไม้ที่ไฟแดง ไปก็คอยดู ถ้าสมมุติรถเราเป็นทางไฟเขียวผ่านปั๊บเราก็จอด เรียกเขามาเอาแล้วค่อยไป เป็นอย่างนั้น รถหวอไปนี้ก็เปิดทางโล่งเลย เราสั่งไปแล้วสั่งรถหวอ ไปถึงไฟเขียวไฟแดงให้จอด พอเขาเลยไฟเขียวไฟแดงเขาก็จอด เราก็เรียกพวกนี้มาเอาให้แล้วไป อย่างนั้นละ ทุกวันเป็นอย่างนั้น ไม่มีเหลือเรา มันเป็นอยู่ในจิตนี้มันเปิดโล่งหมดด้วยความเมตตา ไม่ใช่อะไรนะ

พวกขายดอกไม้ให้คนละสามร้อยๆ ที่ไหนพอให้ให้ทั้งนั้นละ บางทีเขาขึ้นสามล้อเขาบรรทุกใส่ของขายไปตามถนน เรามองไปเห็นจอดรถปั๊บเอาให้ ไหนขายอะไร.. ดู เอาสักอย่างหนึ่งนิดเดียว ให้เขาเป็นพันอยู่นะ ไม่ให้น้อย ให้เป็นพัน ไปเลย สงสารนี่ทำอย่างไร อำนาจแห่งความสงสารทำโลกให้เย็นไปหมด อำนาจความสงสารนี่ทำโลกให้เย็น กว้างขวาง เย็น ความตระหนี่ถี่เหนียวไปไหนตีบตันอั้นตู้ หาทางเดินไม่ได้ ผิดกันมาก

นี่เราไปด้วยความเบิกกว้างตลอด มีเท่าไรหมด ไปแต่ละครั้งๆ หมดไปสักกี่หมื่นไม่ทราบแหละ เช่นโรงพยาบาลถ้าเข้าแล้วอย่างน้อยโรงละสองหมื่นๆ เป็นอย่างนั้นจะให้ว่าอย่างไร เวลามันเปิด จิตนี้เวลามันเปิดมันเปิดอย่างนั้น เปิดไม่มีอะไรติดตัว ออกหมดเลย อย่างที่เขาเขียนไว้นั่น เงินวัดป่าบ้านตาดเป็นเงินเพื่อโลก เราไม่เก็บ เขียนไว้นั้น ใครไปเขียนก็ไม่รู้ เราไม่ได้เขียน ว่าเงินวัดป่าบ้านตาดเป็นเงินเพื่อโลก เราไม่เก็บ ใครมาสร้างอะไรให้ไม่เอา ที่อยู่ที่หลับที่นอนพอเป็นไปพอ แต่ทางจงกรมให้เป็นเหวไปเลย ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

วัดนี้เข้มงวดกวดขันในการภาวนา เราไม่ไปแตะเรื่องการภาวนา ให้งานของท่านเสียไปไม่ให้มี วัดนี้จึงไม่ให้มีงาน ให้มีแต่เดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนา เราไม่ไปยุ่ง เรื่องของเราเป็นเรื่องของเราไป ส่วนงานภาวนาของพระไม่ให้บกพร่องนะ ทำอย่างนี้เป็นประจำ เราอยากเห็นผู้ภาวนาจิตใจสว่างกระจ่างกระจ่างแจ้งออกมาด้วยจิตตภาวนา มันเห็นได้ชัดมากทีเดียวนะจิตตภาวนา จิตใจที่มันหมอบนี้มันเบิกกว้างออกๆ จนจ้าไปหมดเลย ตีกิเลสออกๆ ด้วยจิตตภาวนา ต่อจากนั้นมันก็จ้าไปเลย

พูดอย่างนี้พูดถอดออกมาจากหัวใจมาพูดนี่นะ ไม่ได้พูดแบบโม้แบบคุยเฉยๆ ขึ้นไปนั่งน้ำตาร่วงบนภูเขาเคยพูดไม่รู้กี่ครั้งลืมเมื่อไร ความเคียดแค้นให้กิเลสในตัวเองเคียดแค้นถึงขนาดเชียว เอาละมึงเอากูขนาดนี้เชียวเหรอ น้ำตาร่วง เหอ มึงเอากูขนาดนี้เชียวเหรออยู่ภายในใจนะ เอาละอย่างไรมึงต้องพังวันหนึ่ง ให้กูถอยกูไม่ถอย  นั่นเอาแล้วนะ คือผูกโกรธผูกแค้นให้กิเลสที่อยู่หัวใจเรา

มันก็เอาจริงๆ ด้วยนะ ฟัดเสียจนกระทั่งบางทีขึ้น เหอ ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์น้อยขึ้นมาแล้วหรือ กิเลสหมอบหมด เงียบ มันไม่หมด แต่มันละเอียดมาก เงียบไปเลย เหอ ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์น้อยขึ้นมาแล้วเหรอ แต่ไม่สำคัญเท่านั้นเอง ว่าเฉยๆ ยังไม่สำคัญว่าสำเร็จ พอตีเข้าๆ ละเอียดขนาดไหนกวาดหาจนเรียบ แล้วก็ตัดสินขึ้นมาผางเลย อรหันต์น้อยอรหันต์ใหญ่หายหมด เวลาได้ตัดสินใหญ่ขึ้นมาเป็นสนฺทิฏฺฐิโก กวาดโลกธาตุแห่งวัฏวนออกหมดจากหัวใจเป็นวิวัฏฏะ นิพพานทั้งเป็น ทีนี้ไม่ถามถึงพระอรหันต์น้อยอรหันต์ใหญ่ไม่ถาม

นั่นการปฏิบัติธรรม ถ้าเอาจริงเอาจัง ธรรมสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบ เป็นทางเดินที่ชอบแล้วเพื่อมรรคผลนิพพาน ขอให้เดินตามนั้นไม่เป็นอื่น เดินตามนั้นถึงตามนั้น เดี๋ยวนี้เรื่องการภาวนาจะไม่มีเหลือในแดนชาวพุทธเราแล้วนะ อย่าว่าที่อื่นที่ใดเลย พระก็หยิ่งเจ้าของ เอาผ้ามาคลุมหัวโล้นแล้วก็หยิ่งเจ้าของ ไปที่ไหนเขาว่าเป็นพระเขาไม่อยากแตะเขากลัวบาป แต่พระเองไม่กลัวบาปนะ หน้าด้านที่สุดก็พระเรา ตัวหน้าด้าน ผู้ดีเราไม่ว่านะ ผู้ที่มันหน้าด้านมี

พระว่าพระมันว่าได้เต็มปากนี่วะ มันผ่านมาด้วยกันเห็นกันอยู่ หลักธรรมวินัยเรียนมาด้วยกัน ผิดถูกประการใดรู้กันทันทีๆ จะพูดไม่ได้ยังไง ศาสนาก็จะเหลือแต่วัดแต่วา วัดวาก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถาน ในส้วมในถานคืออะไร คือมูตรคือคูถ พระปฏิบัติตัวเหลวแหลกแหวกแนว ไม่มีธรรมมีวินัยติดตัวในวัดในพระเลย วัดก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระก็เลยกลายเป็นมูตรเป็นคูถอยู่ในวัดหนึ่งๆ เป็นไปแล้วเดี๋ยวนี้ เราเห็นปั๊บแล้วว่าวัดๆ เหรอ นั่นละคือส้วมว่างี้ไม่ผิด นั่นละคือส้วม มองเข้าไปในส้วมนั้นคือมูตรคือคูถ นั่น มันปฏิบัติตัวเหลวแหลก จิตใจต่ำทรามเสียอย่างเดียวเลวหมดนะ ถ้าจิตใจสูงจิตใจเด็ดเดี่ยวทางธรรมนี้อยู่ที่ไหนก็จ้าอยู่อย่างนั้น จิตใจต่ำเสียอย่างเดียวไม่มีความหมายมนุษย์เรา

จงพากันฝึกฝนอบรมจิตใจให้ดี ตัวที่มันต่ำทรามก็คือกิเลสตัวต่ำทราม ครอบเข้าที่หัวใจแล้วหัวใจต่ำทรามที่สุดเลวที่สุดเลย นี่ออกทางวิทยุให้โลกได้ฟังเสียบ้าง เราพูดออกมานี้อย่างเปิดเผย ถอดออกจากหัวใจมาพูด เราไม่ได้พูดเฉยๆ จ้าอยู่ในหัวใจนี้แล้วเป็นเวลา ๕๖ ปีละมัง วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ เวลา ๕ ทุ่ม หลังวัดดอยธรรมเจดีย์เป็นกี่ปี (๕๗ ปีที่จะถึงนี้เจ้าค่ะ) นั่นละจ้ามาตั้งแต่นั้น ไม่มีสมมุติใดที่จะเข้ามาผ่านหัวใจได้เลย

กิริยาอาการที่แสดงก็แสดงตามสมมุติเพราะธาตุขันธ์เป็นสมมุติ มีการติการชมได้ในธาตุในขันธ์อันนี้ แต่สำหรับจิตหมดไม่มีอะไรที่จะไปติชมได้เลย ความติความชมก็เลว ลงถึงจิตอันเลิศธรรมอันเลิศภายในใจแล้วอะไรเข้าไม่ติด ตกหมด นินทาสรรเสริญตกพร้อมกันหมดเพราะไม่เลิศเลอเหมือนธรรมในใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วเป็นธรรมทั้งแท่ง เรียกว่า ธรรมธาตุ นั่นละจิตที่ชำระได้เต็มที่แล้วเป็นอย่างนั้น ตั้งแต่บัดนั้นละที่นี่ทุกข์ไม่มีในพระอรหันต์ ทุกข์ที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับจิตไม่มี แต่เรื่องธาตุเรื่องขันธ์มีเหมือนโลกทั่วๆ ไป เจ็บไข้ได้ป่วยเราก็เหมือนกันเพราะเป็นสมมุติด้วยกัน แต่จิตนั้นพ้นจากสมมุติแล้ว เรื่องเหล่านี้เป็นสมมุติเข้าไม่ติด

เพราะฉะนั้นพระอรหันต์จึงไม่มีทุกข์ ว่าบรมสุขหรือมันก็เลยโลกไปเสีย แต่ท่านนำมาพูดว่าบรมสุขเฉยๆ มันเลยนั้นไปอีกแล้ว เป็นขึ้นกับใจดวงใดก็รู้เองไม่ต้องไปถามใคร จะพูดให้เป็นตามหลักความจริงนั้นพูดไม่ถูกนะ อย่างที่ว่าบรมสุขก็ว่ากันไปอย่างนั้น มันเลยนั้นอีก เราพยายามปฏิบัติวัดนี้มาโดยเข้มงวดกวดขันทางด้านจิตตภาวนา ไม่ให้มีงานการอะไรไปรบกวนพระ เราก็เป็นงานของเราตามเรื่องของเรา แต่งานของพระทางด้านจิตตภาวนาให้เข้มงวดกวดขันตลอดไปไม่ให้มีงานอะไรมายุ่ง

เพราะฉะนั้นคนเข้ามาเกี่ยวข้องเพ่นพ่าน เราถึงว่าเอาได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มบทเต็มบาทเต็มอรรถเต็มธรรม เราไม่ได้ว่าเพื่อความเสียหายแก่ผู้มานะ เช่นเขาหลั่งไหลเข้ามานี้ ๔ โมง ๕ โมงยังหลั่งไหลเข้ามา รถบัสๆ ใหญ่ๆ เข้ามา มาเที่ยวเพ่นพ่านๆ เก้งก้างๆ ตามนิสัยพวกเลว หัวใจเลว ต้องการตั้งแต่ความเพลิดความเพลิน ไปที่นั่นเป็นยังไงที่นี่เป็นยังไง ไปดูวัดนั้นเป็นยังไงวัดนี้เป็นยังไง วัดเจ้าของไม่ดู หัวใจเจ้าของไม่ดู ท่านผู้ดูท่านดูอยู่นี่ เข้ามาขวางหูขวางตาท่านท่านก็ว่าเอาซิ ถ้าเป็นเราไม่เป็นไรละหงายหมด รถบัสมาจอดเต็มหน้าวัด พอเราออกไปแล้วไปเจอ มาอะไร เอาละนะ จากนั้นแล้วก็ซัดเลยเปรี้ยงๆ นี่สมภารวัดรู้ไหมขึ้นเลยนะ คำพูดเหล่านี้มันเหนือโลกหมดแล้ว ธรรมชาตินี้เหนือโลกหมดแล้วพูดได้ทั้งนั้น พูดแล้วหายเลย ไม่มีคำว่าตำหนิติเตียนภายในจิตใจหรือโกรธแค้นผู้หนึ่งผู้ใด พูดไปตามสายธรรมๆ ไปเลย ไปกลับ ไล่เลย มองดูหน้ากัน เราขบขันนะ

บางทียังบอกด้วยนะ คือบอกด้วยนอกสมมุติ มาพูดกับเขาในวงสมมุติ นี่สมภารวัดนะ พูดกับเขา อันหนึ่งมันนอกสมมุติแล้ว แต่กิริยาอันนี้ก็บอกว่า นี่สมภารวัดนะ คือเขาก็ไม่กล้าว่าอะไรเราเป็นสมภารวัด ว่าได้สบายๆ คือมันไม่มีอะไร พูดกับโลกก็พูดไปอย่างนั้น กิริยาแว็บๆๆ ออกเท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงกล้าพูดได้ ถ้าอย่างติดเขาติดเราพูดไม่ได้นะ เข้าใจไหม ถ้าติดเขาติดเราจะว่า นี่สมภารวัดนะ อวดใหญ่ เบ่งเขาก็จะว่างั้น นี่เขาจะว่าอะไรก็ตามเฉยไม่สนใจ บอกว่า นี่สมภารวัดนะ ไปออก สมภารวัดท่านรักษาวัดท่านน่ะ มายุ่งทำไม ไล่ มองดูหน้ากัน ขบขันนะ แต่ทางภายในมันยิ้มๆ นะ มันอดหัวเราะไม่ได้ สงสารด้วยนะ มันไม่ได้เป็นอย่างกิริยาออกมานะ ภายในจิตเป็นอย่างหนึ่ง กิริยาที่ออกมานี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง เขาก็มองดูหน้ากัน สุดท้ายขึ้นรถกลับ

ถ้าไม่ติดเราเสียอย่างเดียวไม่ติดอะไรเข้าใจไหม ถ้าติดเราอย่าไปพูดนะ ติดเราก็ติดเขา ถ้าไม่ติดอะไรนั้นแล้วพูดได้ตามสายธรรมเลย ควรหนักหนัก ควรเบาเบา ควรไปก็ไล่อย่างนี้ก็เอาเข้าใจไหม ว่าแล้วเหมือนกันหมดเฉยไม่มีอะไร เข้าใจ เอาละวันนี้พูดเท่านั้นละ จะให้พร

(หลวงตาครับ กุญแจรถยนต์ที่หลวงตาเมตตาให้ บึงกาฬกับคำม่วง) โอ๋ คำม่วงเหรอ มาเอากุญแจ มารับเอากุญแจ ทางไหนๆ มันก็เหมือนกันละมั้ง หือ คันไหนก็เหมือนกันละมั้ง เอาไป คำม่วงกับที่ไหน (บึงกาฬครับ) เอ้อๆ เอาไป บึงกาฬกับคำม่วง นี่ก็รถพยาบาล โรงพยาบาลมีแต่คนจนตรอกเข้าไป หมอไม่มีเครื่องต้อนรับกันจะมีความหมายอะไรคนไข้น่ะ จะต้องมีเครื่องต้อนรับ เช่นรถเช่นรา เช่นเครื่องไม้เครื่องมือแพทย์ให้ เราจึงให้มากที่สุด โรงพยาบาลให้มากที่สุดบรรดาที่ช่วยโลกมา ช่วยโรงพยาบาลมากที่สุดเลย อย่างให้นี้นะ นี่ก็ตั้งสองคันมาพร้อมกัน

เหนื่อยนะทุกวันนี้เหนื่อย ไปไหนมาไหนเหนื่อยแล้วเดี๋ยวนี้ ธาตุขันธ์อ่อนลงๆ ธาตุขันธ์อ่อนลงทุกวัน เดินไปตามวัดตามวาเหนื่อยนะ ถ้าไม่เดินก็ไม่ได้ขัดตามนี้ เพราะฉะนั้นจึงเดินอยู่เรื่อย เดี๋ยวโผล่ทางนู้นเดี๋ยวโผล่ทางนี้ เดินจงกรมนะนั่น เดินจงกรม คนแก่เดินจงกรม มือไพล่หลังเดินจงกรมไปเรื่อยที่นั่นที่นี่ หน่อยหนึ่งก็พักอย่างนั้นนะ เวลามันอ่อนมันอ่อน แต่เราไม่ได้วิตกวิจารณ์กับมัน เพราะมันเป็นเครื่องมือใช้เฉยๆ ใช้ไปซ่อมแซมไปๆ เจ็บนั้นปวดนี้ก็เอายารักษาไปบ้าง เมื่อสุดวิสัยที่จะไปไม่ได้แล้ว สลัดปั๊บเดียวไปเลย

เพราะที่มันหนักทุกวันนี้ หนักเพราะธาตุขันธ์ต่างหาก จิตไม่ได้หนัก จิตไม่มีอะไรเลย แต่มาแบกธาตุขันธ์ พาอยู่พากิน พาหลับพานอน พาขับพาถ่าย พาเคลื่อนไหวไปมา มีตั้งแต่บรรเทาทุกข์ของธาตุขันธ์นะ ส่วนจิตไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นเมื่อมันหมดสภาพแล้วจึงสลัดปั๊วะเดียวไปเลย ทีนี้หมด มีอะไรเข้ามากวนให้ยิบๆ แย็บๆ เข้าถึงจิตให้รับทราบๆ ไม่มี (วันนี้ทองคำได้ ๘ บาท ๔๔ สตางค์ครับผม) เอ้อ วันนี้ก็ได้เยอะอยู่นะ ๘ บาท นับว่าได้เยอะอยู่ นี่ละขนเข้ามาขนเข้าใส่คลังหลวงขนไปเลย เรามีแต่ขนเข้านะ ไปที่ไหนๆ มีแต่ขนเข้าๆ ทั้งนั้น ไม่มีขนออก เราที่จะให้ทำความกระทบกระเทือนแก่ส่วนรวมไม่มี มีแต่อุ้มอุ้มตลอด

เพราะฉะนั้นเวลาเรานำทองคำเข้าคลังหลวง แล้วมีผู้ปากแสบปากสกปรก ปากเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง มาห้ามไม่ให้เราเอาทองคำเข้าสู่คลังหลวง ฟังซิน่ะ  โถ ขาดสะบั้นเลยเรากับคนคนนี้ เข้ากันไม่ได้เลย นี่ออกทั่วประเทศ ก็มันมีอย่างนั้นจะให้เราพูดว่ายังไง คนหนึ่งขนทองคำเข้าไปเพื่ออุ้มชาติทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่กับอันนี้หมด เราพยายามหาทองคำเข้าๆ แล้วมาสั่งผู้ใดผู้หนึ่งลับๆ ห้ามไม่ให้ถวายทองคำแก่เราเพื่อนำเข้าคลังหลวง

พอมีผู้มาบอกเท่านั้นปั๊บขาดสะบั้นเลยกับคนคนนี้ เข้ากันไม่ได้จนกระทั่งถึงวันตาย นี่ข้าศึกของชาติ ของศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ตรงนี้หมด เราเป็นคุณแก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันเข้ากันไม่ได้ คนหนึ่งเป็นผู้อุ้ม คนหนึ่งเป็นผู้มาทำลาย เอาไฟมาเผาแล้วจะเข้ากันได้ยังไง บอกว่าเข้ากันไม่ได้กับเรา เราไม่คุ้นกับอะไรถ้าไม่ใช่ธรรม อะไรที่เป็นข้าศึกของธรรมเราจะปัดปุ๊บทันทีเลย แล้วก็สนิทกันไม่ได้จนตาย

นี่ละธรรมแท้เป็นอย่างนี้ อะไรมาขวางธรรมไม่ได้ นี่เราพูดตามหลักความจริง มันมีมาอย่างนี้เราก็พูดตามเรื่อง แล้วขาดสะบั้นจากกันเราก็พูดจริงๆ เราไม่ติดใจหรือไม่ข้องแวะ เราไม่ตายใจกับคนคนนั้นนะ ถ้าลงได้เป็นอย่างนี้แล้วขาดสะบั้นคนละฝั่งไปเลย เราพูดจริงๆ ธรรมไม่คุ้นกับใคร ถ้าเป็นความถูกต้องเป็นธรรมด้วยกันไปหมด ถ้าอันใดมาขัดธรรมนี้เอากันละซัดกัน นี่ฟังเสียนะมี เราช่วยชาติบ้านเมืองแทบเป็นแทบตาย ผู้มาขัดมาแย้งเพื่อจะทำลายชาติอยู่ในนั้นมี ให้พากันจำเอา นี่ออกแล้ว

เราทำประโยชน์ให้แก่ชาติได้ขนาดไหน สุดหัวใจของเรา สมบัติที่จะเข้าสู่ส่วนรวมเราพยายามทุกวิถีทาง แม้เม็ดหินเม็ดทรายเราไม่เคยแตะ ลงถ้าได้ช่วยแล้วเป็นอย่างนั้น บริสุทธิ์เต็มที่เลย สมบัติพี่น้องทั้งหลายมาบริจาคไม่มีส่วนใดที่จะไหลออก เราเอาเข้าหมดๆ ผู้ที่มาเกี่ยวข้องกับการเงินการทองกับเราต้องเป็นหัวใจเดียวกับเรา เป็นอื่นไปไม่ได้ เราเอาจริงๆ ช่วยทุกอย่าง อย่างที่ว่าเราช่วยโลกเราไม่เอาอะไร เราก็ไม่เอาจริงๆ อย่างช่วยอยู่ทุกวันนี้ช่วยโลก แม้ที่สุดเวลาเราตายไปเราเขียนพินัยกรรมเอาไว้ด้วย เวลาเราตายแล้ว ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นเก็บเงินที่เขามาบริจาคทานเพื่อเผาศพหลวงตาบัว เมื่อเงินบริจาคได้มามากน้อยเพียงไร ให้คณะกรรมการยกเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเข้าคลังหลวงหมด เราจะเผาด้วยไฟบอกแล้ว มีพินัยกรรมแล้วนะนี่ เราเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว เอามาอ่านป้างๆ ก็คือคำพูดของเราเองจะคัดค้านไปไหน

เราเจตนาขนาดไหน ด้วยความเมตตาต่อโลกต่อชาติไทยของเรา อะไรจึงมาแตะต้องไม่ได้ เช่นอย่างมาขัดมาขวางไม่ให้เอาทองคำให้หลวงตาบัวเข้าสู่คลังหลวง นี่ซิมันถึงใจแล้วนะนั่น ขาดสะบั้นไปเลย คนประเภทนี้มันมาจากไหนโลกไหน อยากถามว่างั้นนะ ถ้าเป็นโลกมนุษย์เรา ก็คนไทยเป็นมนุษย์ทั้งประเทศ แล้วนี่มันเป็นหมาหรือเป็นอะไร หรือเป็นยักษ์เป็นผีมาจากไหนจึงมาขวางคนไทยเราให้เสียไปหมดทั้งประเทศใช่ไม่ได้ ไม่คุ้น ขาดสะบั้นไปเลยเรา ไม่เล่นด้วยจริงๆ อะไรที่ขัดธรรม คือการขัดธรรมก็คือว่าจะมาทำลายธรรม ความสงบร่มเย็นของส่วนรวมนั้นละ เราไม่เล่นด้วยเลย เอาละให้พร

 

บชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก