เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
เห็นวัตถุดีกว่านามธรรม
ก่อนจังหัน
พระเท่าไร (๓๕ ครับผม) พระมากขึ้นทุกวันๆ พระให้ตั้งใจปฏิบัติเข้มงวดกวดขันทางความพากเพียรยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดนะ อย่าเอางานอื่นใดมากีดขวางธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ ความพ้นทุกข์อยู่กับจิตตภาวนาเป็นสำคัญ ให้พากันเร่งทางด้านจิตตภาวนา อยู่ที่ไหนอย่าเผลอสติ ถ้าสติครอบอยู่แล้วกิเลสไม่เกิด มันจะหนาเท่าภูเขาก็สู้สติไม่ได้ สติปราบอยู่ ถ้าขาดสติปั๊บนี้พังทลายเลย ความเพียรทุกด้านไม่มีเหลือขาดสติเสียอย่างเดียว ถ้าสติติดแนบอยู่กับใจกิเลสเกิดไม่ได้ ผู้ประกอบความพากเพียรมักจะมองข้ามสติอยู่เสมอ จึงไม่ค่อยได้หลักได้เกณฑ์
การประกอบความเพียรสติเป็นสำคัญ ควบคุมในงานทั้งหลายอยู่กับสติ ไม่ว่างานภายนอกภายในสติเป็นสำคัญ ท่านจึงบอกไว้ว่า สติ สพฺพตฺถ ปตฺถิยา สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง คือไม่เว้นเลยสติที่จะไม่ติดแนบ ไม่มีเว้น สติต้องติดแนบตลอด งานนอกการในสติติดอยู่ตลอดเวลา คนนั้นไม่ค่อยเผลอไผลไปไหน ผิดพลาดไปนั้นไปนี้บ่อยๆ ถ้ามีสติอยู่แล้ว คนไม่มีสตินั้นแหละมันเพ่นพ่านๆ ไม่ได้หน้าได้หลังอะไร
วันนี้พระ ๓๕ ของน้อยเมื่อไร ผมนี้แก่ลงทุกวันๆ การอบรมสั่งสอนหมู่เพื่อนพระเณรในวัดนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนนะ เรียกว่าเป็นคนละโลกไปเลย วันหนึ่งๆ อยู่สืบลมหายใจไปอย่างนั้นแหละ พอถึงกาลเวลาแล้วก็ไป ใครจะประกอบความพากเพียรเพื่อความพ้นทุกข์ด้วยสติปัญญา เอาให้หนักนะ อย่าไปกังวลกับสิ่งใด ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าการแก้กิเลสซึ่งเป็นมหาภัยอยู่ที่ใจ ออกจากใจ อันนี้เป็นสำคัญมากทีเดียว สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา มีแต่ท่านผู้ที่ทรงสติไว้เรียบร้อย จนกลายเป็นสติวิปุละ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสติ อยู่ที่ไหนสติติดอยู่กับตัวเอง สุดท้ายเป็นสติหลักธรรมชาติ ตั้งไม่ตั้งก็เป็นอยู่อย่างนั้น
ทุกสิ่งทุกอย่างให้อภัยกันนะนักปฏิบัติธรรม อย่ามาคอยเพ่งโทษเพ่งกรณ์ซึ่งกันและกัน นั้นเป็นเรื่องของกิเลสคอยทำลาย ไปที่ไหนยุแหย่ก่อกวนที่นั่น กิเลสไปไหนหาความดีไม่ได้ เข้าไปตรงไหนแตกตรงนั้นๆ ยุแหย่คนนั้นก่อกวนคนนี้ มีแต่เรื่องของกิเลส ถ้าเรื่องธรรมมีแต่ประสานให้อภัยกัน เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน นี้คือธรรม อย่านำเรื่องของกิเลสมาใช้ อยู่ในเราก็แตกเรา เข้าหมู่คณะก็แตกหมู่คณะ ในวัดก็แตกวัดได้นะ ขอให้มีสติติดอยู่กับตัว ความให้อภัยซึ่งกันและกันให้ติดแนบอยู่เสมอ ใจเขาใจเรา ใครก็หวังความถูกต้องดีงามด้วยกันนั่นแหละ แต่มันเผลอไปได้ก็เพราะความเผลอสตินั่นแหละไม่ใช่เพราะอะไร
ศาสนาจะไม่มีเหลือละ มีแต่ชื่อๆ เวลานี้ไปดูซิ เอา ดูวัดเสียก่อน วัดนี้กลายเป็นส้วมเป็นถานมานานแล้วนะเวลานี้ พระเณรกลายเป็นมูตรเป็นคูถอยู่ในส้วมในถาน อยู่ในวัดหนึ่งๆ มีแต่ปฏิบัติเลอะๆ เทอะๆ ไม่สนใจในหลักธรรมหลักวินัย วัดก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรก็กลายเป็นมูตรเป็นคูถเต็มส้วมเต็มถาน ไปที่ไหนว่าวัดๆ มีแต่ชื่อเฉยๆ ตัวพระตัวเณรเป็นมูตรเป็นคูถใช้ไม่ได้นะ วัดป่าบ้านตาดนี้เป็นมูตรเป็นคูถอันใหญ่หลวงนะ พระเณรไหลรวมมาที่นี่ เป็นมูตรเป็นคูถอันใหญ่หลวงอัดเต็มอยู่ในวัด คือส้วม ส้วมวัดนี้มี ๓๐๐ กว่าไร่ วัด ๓๐๐ กว่าไร่นี่ละส้วมถานกว้าง ๓๐๐ กว่าไร่ พระเณรเท่าไรวัดนี้ จะร่วม ๕๐ แล้วนี่ นี่ละพวกมูตรพวกคูถเต็มอยู่ในวัดในวา เพราะการปฏิบัติเหลวแหลกแหวกแนว เห็นภายนอกดีกว่าภายใน เห็นวัตถุดีกว่านามธรรมแล้วเสียทั้งนั้นผู้ปฏิบัติธรรม
ถ้ามีสติอยู่กับตัวแล้วจะไม่ค่อยเสีย อันนี้มันไม่ได้มองดูสติ วันหนึ่งมองดูสติสักครั้งหนึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือมองดูแต่คนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี คนทั้งโลกไม่ดี สุดท้ายก็ว่าดีแต่เราคนเดียว รวมลงไปแล้วก็คือว่าเลวแต่เราคนเดียว ไม่ได้ดูในจุดนี้นะ ให้ดูหัวใจตัวมันดีดมันดิ้น มันหิวมันโหยอยู่ที่หัวใจ ให้ระวัง การปฏิบัติอย่ามองดูที่ไหนมากยิ่งกว่าใจ ตัวดีดตัวดิ้นตลอดเวลาอยู่ที่ใจ ถ้ามีสติจับจะมองเห็นมันแสดงออกมา สติจับจริงๆ มันไม่แสดง ถ้าไม่มีสติแล้วเผาเจ้าของก่อนอื่นแหลกเหลวไปหมด
มองไม่ทันนะในวัดในวาเหมือนกัน เพ่นพ่านๆ เข้ามาในวัด ไม่ทราบเข้ามาแบบไหนดูไม่ทัน อยู่ที่หน้าวัดเราดูไม่ทัน ต้องมอบให้ท่านเปาดูเห็นไหมเขียนไว้หน้าวัด กูจะฟ้องท่านเปา มันมาเที่ยวเพ่นพ่าน ต้องให้ท่านเปาดูช่วย เราดูลำพังเราไม่ทัน มอบให้ท่านเปา แต่เราไม่ได้เอาไม้ติดมือท่านเปาเงื้อเอาไว้ ฟาดหน้าผากแตก ใครทะลึ่งเข้ามาๆ ให้ท่านเปาฟาดมันหัวแตกเลย เขียนไว้ข้างหน้าเห็นไหม ใครอ่านหรือเปล่า กูจะฟ้องท่านเปา มันมาเที่ยวเพ่นพ่าน พวกนี้พวกเพ่นพ่านไม่ได้หน้าได้หลังอะไร เอานิสัยฆราวาสสกปรกโสมมเข้ามาในวัดซึ่งท่านปฏิบัติเพื่อความสะอาดตลอดเวลา มันก็เข้ากันไม่ได้ซิ มันเพ่นพ่านๆ
วัดป่าบ้านตาดนี่พิลึกนะ พอสว่างเท่านั้นละมองดูเพ่นพ่านๆ เวลามาถามไม่ได้เรื่องได้ราว หากมาตามนิสัยอย่างนั้นละ นิสัยกิเลสจูงจมูกมา ไม่ได้สติสตังพอที่จะยึดไปเป็นข้อปฏิบัติบ้าง เลวนะเลวลงทุกวัน ศาสนาไม่มีในตัวเลวทั้งนั้นมนุษย์เรา ถ้ามีศาสนาแล้วไม่เลว ดีอยู่ภายใน เป็นแก่นแน่นหนามั่นคงอยู่ภายใน ความดีงามทั้งหลายอยู่ภายในที่เรารักษาอยู่นั้นแหละ พากันตั้งใจปฏิบัตินะ โลเลโลกเลกๆ ทุกวันนี้กิเลสมันยิ่งเสริมตัวเข้ามา เสริมตัวเข้าทุกวันๆ ไปที่ไหนมองดูปั๊บเห็นแล้วกิเลสออกหน้าๆ แต่เจ้าของยังเพลิน ก็เพลินไปตามกิเลสนั่นแหละ ไม่ได้ดูธรรม สติธรรม ความดีงามความพอเหมาะพอดี ขอบเขตจะมี ผู้มีสติแล้วจะมีทั้งขอบเขต มีทั้งเหตุทั้งผลติดตัวไป ถ้าไม่มีสติเลอะเทอะทั้งนั้น พากันจำเอานะ
วันนี้พูดเสียบ้าง ต่อไปก็จะไม่ได้พูด วันนี้จะไปร้อยเอ็ดไปค้างนู่นคืนหนึ่ง มันหากเป็น เดี๋ยวไปนู้นเดี๋ยวไปนี้ไม่ได้อยู่แหละ ไปสอนคน พระพุทธเจ้าท่านสอนคน ท่านบริสุทธิ์แล้วเป็นศาสดาองค์เอก สาวกทั้งหลายสอนคนก็สอนด้วยความบริสุทธิ์ เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ หลวงตาบัวสอนคน แบกส้วมแบกถานไปสอนเขา เอาส้วมเอาถานไปโปะใส่ส้วมถานของเขา ส้วมถานต่อส้วมถานเจอกันแล้วแตกกระจายนี้เหม็นคลุ้งไปทั่วประเทศไทยในเมืองพุทธของเรา ฟังให้ดีนะพระเหล่านี้น่ะ
โอ้ ศาสนามีไม่เกิดประโยชน์เพราะคนไร้สาระ ไม่มีศีลธรรมติดตัวเลย เรียกว่าคนไม่มีราคาไม่มีสาระ ไปด้วยความเพลิดความเพลิน ไปไหนมองดูปั๊บรู้ทันทีๆ สำคัญก็คือสังขารความคิดความปรุงสำคัญมั่นหมายว่าที่นั่นจะดีที่นี่จะดี เที่ยวชมอันนั้นเที่ยวชมอันนี้ เจ้าของเลวไม่ดู เพ่นพ่านๆ อยู่ที่ไหนมีแต่ความเพลินพาไป นี่สนุกถ้าว่าสนุก สนุกดูโลก โลกเพ่นพ่านถูกกิเลสตัณหาจูงจมูกๆ ไม่รู้ตัวๆ วันหนึ่งได้เพลินจนกระทั่งนอนหลับนั่นแหละ ตื่นขึ้นมาเอาอีกๆ อยู่อย่างนั้น ไม่มีสารประโยชน์อะไรเลย ฟาดหัวใจที่มันดีดมันดิ้นให้มันสงบลงบ้างจะเป็นยังไงดูซิ
อย่างท่านผู้นั่งภาวนา ร่างกายตั้งปึ๋งแน่นปึ๋งเหมือนหัวตอ สติอยู่ที่นั่นจิตก็สงบลงได้ ถ้าจิตไม่สงบดิ้นยิ่งกว่าลิง พวกเรานี่พวกลิงสู้ไม่ได้ ไปที่ไหนลิงแตกฮือๆ มันสู้มนุษย์ไม่ได้ มนุษย์นี้เก่งกว่าลิง เป็นอาจารย์เป็นครูบาของลิงได้ ความคึกความคะนองเต็มไปหมด ไปที่ไหนกามกิเลสเป็นตัวสำคัญ ไม่รู้ตัวนะ ตัวนี้ตัวลึกลับมากทีเดียว มันจูงๆ ตลอด ไปเพื่อความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไม่ได้ไปเพื่อศีลเพื่อธรรม เลอะเทอะไปหมดนะ ชาวพุทธเราเลอะเทอะแล้วเราจะหวังพึ่งใคร
ในโลกนี้ก็มีพุทธศาสนาเป็นที่เกาะที่ยึดของผู้ที่รักใคร่ใฝ่ธรรม ถ้าไม่มีธรรมในใจแล้วไม่มีค่ามีราคาอะไร ใครจะว่าบ้านเมืองไหนเจริญๆ ก็เจริญตั้งแต่อิฐแต่ปูนแต่หินแต่ทรายแต่สิ่งก่อสร้างต่างๆ แต่หัวใจมันเป็นไฟไปเหมือนกันหมด แล้วจะเกาะที่ไหนยึดที่ไหน เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้ยึดเกาะเข้ามาภายในใจ สติอยู่กับธรรม ไปที่ไหนเย็นหมดเจริญหมด อยู่ในป่าในเขาก็เจริญ
อย่างพระท่านนั่งภาวนาอยู่ในป่าในเขา บิณฑบาตได้มานั่งอยู่ก้อนหินก้อนหนึ่งฉันจังหัน มีแต่ข้าวเปล่าๆ ท่านก็สบาย เพราะจิตใจท่านอยู่กับธรรมท่านสบาย ไม่ได้เหลือเฟืออะไรแหละท่านนักปฏิบัติอยู่ในป่า มีแต่องค์ขาดๆ เขินๆ อดอยากขาดแคลนทั้งนั้น แต่หัวใจท่านอยู่กับธรรมๆ ท่านสบายอยู่กับธรรม อาหารการกินเพียงอาศัยไปวันหนึ่งๆ ไม่ได้หนักแน่นฝากเป็นฝากตายเหมือนธรรม ท่านจึงอยู่ได้ในป่า ท่านเป็นสรณะของพวกเราท่านอยู่ในป่านะ ไม่ได้เหลือเฟือฟุ่มเฟือย ไอ้พวกเราเหมือนหมู กินทั้งวันทั้งคืนไม่มีอิ่ม แต่กินแล้วหิวตลอด คือกิเลสตัณหาพากินมันต้องหิวทุกวันทุกเวลา ถ้าธรรมพาทำพาไปแล้วอิ่มตลอดนะ เอาละให้พร
หลังจังหัน
หัวหน้าคลังหลวงเขาเรียกผู้ว่าการธนาคาร พอเราไปมอบทองคำวันนั้นเป็นครั้งแรก ทองคำก็มาก ดอลลาร์ก็มาก มอบพร้อมกันวันนั้น พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประธานนี่ละเขาเรียกผู้ว่าการ มานิมนต์เราเข้าไปดูทองคำในคลังหลวง บอกว่าที่นี่ได้มาเห็นสองท่านด้วยกัน ใครบ้างล่ะ สมเด็จพระเทพ หนึ่ง กับหลวงตานี้ หนึ่ง มีสองได้เข้าไปเห็นทองคำ วางเป็นตับๆ เป็นซอกๆ ที่นิมนต์เราไปดูก็เป็นความมุ่งหมายว่าให้ได้เห็นนี้เพราะเราเริ่มต้นที่เอาทองคำเข้ามามอบแล้ว นี่เป็นครั้งแรกแล้ว
พอเราออกมาเราเห็นเราก็ประกาศขึ้นเลย ถ้าไม่ได้เห็นก็ไม่ประกาศ เพราะยังไม่ทราบข้อมูลอย่างชัดเจน นี้เข้าไปดูเรียบร้อยแล้วพอออกมาก็ประกาศเลย ทองคำเราในคลังหลวงมีมากน้อยเพียงไรก็ประกาศ ตั้งแต่นั้นก็เรื่อยมา จนกระทั่งได้ทองคำ ๑๑ ตัน เห็นไหมล่ะ ๑๑ ตันกับนี้อีก อยู่ในนั้นไม่มาก คือฝากไว้ประเทศนั้นบ้างประเทศนี้บ้าง ทองคำฝากไว้เป็นตัวประกัน เกี่ยวข้องกับการซื้อการขายติดหนี้ติดสินต้องเอาทองคำเป็นเครื่องประกัน มีอยู่สองประเทศเท่าที่เราทราบมา สหรัฐมาก เพราะเกี่ยวพันกันมากต่อมาก ทองคำเราต้องไปฝากเป็นตัวประกันไว้นั้น โห ไม่ใช่น้อยๆ นะ อังกฤษมีบ้างไม่มาก มีสองประเทศ
เพราะเราตั้งใจถามให้ได้ข้อมูลมาจริงๆ สหรัฐมาก อังกฤษมีน้อย มีสองประเทศเท่านั้น เท่าที่ทราบว่าเราเอาทองคำไปค้ำประกันไว้ คือการซื้อขายหรือติดหนี้ติดสินเขาก็เอาทองคำนี้ไปประกันไว้ สำหรับสหรัฐมาก แล้วย้อนเข้ามาเมืองไทยเรามีเท่าไร ทางนั้นก็บอกเมืองไทยเราทั้งเมืองทั้งประเทศมีเท่านั้น ใจหายวูบเลย นั่นละที่เราได้ประกาศลั่นทุกวันนี้ จนกระทั่งได้ทองคำตั้ง ๑๑ ตัน เห็นไหมล่ะเพิ่มเข้าไป ไม่ใช่น้อยๆ ถ้าไม่เห็นก็ไม่ได้ประกาศก็ไม่ได้ ทองคำเหล่านี้ไม่ได้
เราพยายามที่สุดที่จะให้บ้านเมืองเรามีความแน่นหนามั่นคง ความสงบร่มเย็นก็คือธรรมสั่งสอนอยู่แล้ว ความแน่นหนามั่นคงคือการขวนขวายของพวกเราที่ได้ยินได้ฟัง จากธรรมจากครูอาจารย์แล้ว สนับสนุนกันเข้าๆ ให้มีจำนวนมากขึ้น ทองคำเราก็ได้ตั้ง ๑๑ ตันแล้วเวลานี้ เพิ่มเข้าไปแล้ว ต่อไปนี้ก็ยังจะได้อีก จึงได้ประกาศให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบว่าทองคำเราในคลังหลวงเรามีน้อยมาก ให้พากันพินิจพิจารณา คลังหลวงคือหัวใจของเราทุกคน ในประเทศไทยนี้หัวใจเราอยู่ที่คลังหลวงทุกคนๆ ให้พยายามหาทองคำให้ได้สืบทอดลมหายใจ เพิ่มลมหายใจในคลังหลวงของเรามากขึ้นๆ เราจะได้มีความอบอุ่นแน่นหนามั่นคง
ทองคำเป็นสำคัญมาก เวลานี้ทองคำเราอยู่ในคลังหลวงยังมีน้อยมาก เราประกาศให้ทราบนี้คือประกาศด้วยความสัตย์ความจริง มีน้อยมาก น้อยเท่าไรมากเท่าไรเราไม่บอก ให้เชื่อเสียทีเดียวเลยไม่มีข้อแม้ ให้เชื่อว่าทองคำในคลังหลวงเรามีน้อยมาก จำคำนี้ให้ดี แล้วน้อยมากทำอย่างไรมันถึงจะมากขึ้นอีก ก็ต้องต่างคนต่างพยายามคนละเล็กละน้อยดังที่ได้มา เพิ่มเข้าไปหลอม
อย่างวันนี้ก็ได้มาแล้ว สรุปทองคำน้ำไหลซึม ถึงวันที่ ๔ พฤษภา ทองคำที่หลอมแล้วได้ ๔๓๗ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๓๕ แท่ง ทองคำที่ยังไม่หลอม ๕ กิโล ๑๕ บาท ๙๖ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็น ๔๔๒ กิโล ๔๘ บาท ๘๕ สตางค์ ถ้ารวมกับ ๓๗ กิโลครึ่งซึ่งมอบไปแล้วนั้นเข้าด้วยกันก็เป็นทองคำ ๔๘๐ กิโล ๑๕ บาท ๙๖ สตางค์ ทองคำประเภทนี้กำลังขวนขวายรวมได้แล้วก็จะเข้าคลังหลวง เวลานี้เก็บไว้ พอหลอมแล้วเก็บไว้
พยายามซิ อะไรที่จะทำให้บ้านเมืองเราแน่นหนามั่นคงให้พากันช่วยสนับสนุน หนุนกันเข้าไป อย่าพากันช่วยทำลาย ดังที่เป็นมานั้นน่ะ ๒๕๔๐ นั่น เมืองไทยเราจนจะได้เตรียมพระมากุสลา มันจะจม กุสลาให้เมืองไทย เมืองไทยจม เมืองไทยตาย แล้วก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้ เห็นไหมล่ะทองคำก็ได้ตั้ง ๑๑ ตัน เรียกว่าฟื้น ดอลลาร์นี่ได้ดูเหมือน ๑๐ กว่าล้านที่เข้าคลังหลวงแล้วนะ ทองคำเข้าแล้วที่ว่า ๑๑ ตัน ส่วนอื่นกระจาย เงินไทยนี้ออกออกทั่วประเทศ มีโรงพยาบาลละมากที่สุด การช่วยโลกนี้โรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่ง รู้สึกจะหนักมากกว่าเพื่อนโรงพยาบาล ทั่วประเทศนะ ทั้งใกล้ทั้งไกลทุกภาค เงินของพี่น้องทั้งหลายกระจายออกช่วยโรงพยาบาลทุกภาคเลย เป็นแต่เพียงว่ามีมากมีน้อยต่างกัน หากมีทุกภาค นี่ละเรียกว่าช่วยชาติของเรา
เราพยายามเต็มกำลังความสามารถ ที่จะให้พี่น้องทั้งหลายเรามีความแน่นหนามั่นคง และสงบร่มเย็นด้วยอรรถด้วยธรรม เราพยายามทุกวิถีทาง ตั้งแต่พวกเราเริ่มช่วยชาติมานี้ก็เห็นผลเป็นที่พึงพอใจอยู่กับทองคำตั้ง ๑๑ ตันแล้วนั่น นี่เป็นเครื่องหมายชัดเจนมาก แล้วดอลลาร์ ๑๐ ล้านกว่า จากนั้นทั้งเงินไทยเงินดอลลาร์กระจายทั่วประเทศ ก่อนั้นสร้างนี้ โรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่ง ช่วยโรงพยาบาลละมากต่อมาก
เวลานี้โรงพยาบาลที่อำเภอภูเขียว ตึกนั่นก็ ๑๐ ล้านกว่า อำเภอเพ็ญนี้ ๖-๗ ล้านหรือไง โรงพยาบาลนะ แล้วที่ไหนบ้าง (อำเภอคำม่วงครับ) อำเภอคำม่วงไม่ใช่โรงพยาบาล เป็นที่ว่าการอำเภอ เขาขอทั้งหลัง หลังนั้นเป็นจำนวนเงิน ๘ ล้าน ที่ว่าการอำเภอทั้งหลังเราให้ทั้งหลังเลย ๘ ล้านบาท เวลานี้กำลังช่วยอยู่ คือมันแยกไปทุกทิศทุกทาง ตามแต่ความจำเป็นทางด้านไหนจะมาแง่ไหน ทางทิศใดแดนใด เห็นสมควรที่จะช่วยเราก็ให้ๆ หมด
สำหรับเงินวัดนี้พี่น้องทั้งหลายให้ทราบทั่วหน้ากันว่าไม่เก็บ เงินวัดป่าบ้านตาดไม่มีคำว่าเงินเก็บ มีแต่เงินจ่าย เราช่วยโลกเราช่วยจริงๆ ออกหมดเลย ไม่ว่าจะได้อะไรๆ มาออกหมด ไม่มีเก็บสำหรับวัดนี้ ปัจจัยที่ได้เข้ามานี้เหมือนกัน ได้เข้ามาเท่าไรออกๆๆ ออกช่วยโลกนั่นแหละไม่ใช่อะไร เราพยายามเต็มกำลังความสามารถ เรียกว่าช่วยโลกทั้งนั้น เราอุตส่าห์ขวนขวายหามาได้มากน้อยๆ ออกช่วยโลกทั้งหมด เราไม่เก็บไม่เอา เพื่อช่วยโลกเราเป็นที่พอใจ ช่วยโลกก็คือช่วยเรานั่นละ ช่วยเราแต่ละคนๆ
เงินวัดนี้ถ้าหากจะเก็บมันจะได้สัก..เราไม่อยากจะว่าพันล้านนะ ถ้าว่าหมื่นล้านขึ้นไปเราจะเห็นด้วย คือไหลเข้ามาเท่าไรๆ มันไหลออกหมดเลย เข้ามาเท่าไรออกหมดๆ เลย ไม่มีแอ่งเก็บน้ำ ไหลเตลิดเปิดเปิง พอพูดอย่างนี้เราก็ระลึกถึงผู้ชายคนหนึ่งเขารักษาอะไรที่เขาวงพระจันทร์ รอยพระบาท เราขึ้นไปนั้นเขาอยู่ที่นั่น เขารักษารอยพระบาท ทีนี้เราขึ้นไปองค์เดียว พวกลูกศิษย์ลูกหาเขากำลังรับประทานกัน มีแต่อายุอย่างน้อย ๖๐ ขึ้นไป อายุอย่างน้อย ๖๐ ขึ้นไป ต้วมเตี้ยมๆ แต่เวลาไปนี้ขึ้นรถไป
เขามาวิงวอนหลายครั้งหลายหนเอาจริงเอาจังมาก เราก็เลยอนุโลม เลยสละเวลาไปกับเขาเรื่องราว พอไปถึงนั้นมืดแล้ว จากนั้นก็จะขึ้นเขาวงพระจันทร์ เวลาฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นอาหารออกไปให้เขารับประทาน แล้วเราก็ถามว่าใครจะขึ้นบ้างเขาวงพระจันทร์ มีแต่ผู้จะขึ้นเขาวงพระจันทร์ อายุ ๖๐-๗๐ มีแต่จะขึ้น กูตายถ้าไปกับพวกนี้กูตายละวันนี้ ก็คิดหาอุบายออก พอเขารับประทานอาหารแล้ว เราก็หาอุบายบอกเขา นี่มาเมื่อคืนนี้มันมืดมันไม่มองเห็นอะไร จะเที่ยวดูวัดก่อน เราว่าอย่างนั้น เที่ยวดูวัดในนั้น นั่นละจะหาทางออกนะ
พอเขารับประทานกันเราก็ปุ๊บปั๊บออก พอลับหลังเปิดขึ้นเขาวงพระจันทร์ ฟังเขาว่านะเราขึ้นอย่างเร็ว ทหารขึ้นเท่าไรนะ (๒ ชั่วโมงครับ) ว่าทหารมีกำลังมาก ว่าขึ้นเวลาเท่านั้นๆ นอกนั้น ๓ เดือนกว่าจะขึ้น ทีนี้เวลาเราไปดู ๒ ชั่วโมงพอดีนะ เราไปองค์เดียว พอเขารับประทานลับหลังเปิดเลยคนเดียว ขึ้นไปเรื่อยๆ ขึ้นถึงเขาวงพระจันทร์พอดี ๒ ชั่วโมงเป๋งเลย เขาว่าเดินเก่งมากเขาว่าอย่างนั้นนะ ทหารสู้ไม่ได้ ทหารยังตั้ง ๒ ชั่วโมงกว่าๆ เรา ๒ ชั่วโมงถึง
ที่นี่ไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งเขารักษารอยพระบาทอยู่นั้น เขาคงจะแปลกใจเขา ครั้นอยู่ๆ เราโผล่ขึ้นไปคนเดียว พวกนั้นเขาอยู่ตีนเขา ให้เขาคลานขึ้นไป ถ้ามากับพวกนี้เราตายเลยเข้าใจไหม เราต้องหาอุบายหลบออกมาก่อน ขึ้นคนเดียวปุ๊บเลย ผู้ชายคนนี้ถ้าหากว่าเป็นแบบโลกๆ แล้วเรียกว่าต้องมีอะไรกัน คือตาเขาจับเขาจ้องเราจนเลยความพอดี จนเสียมารยาท เขาดูเราดูขนาดนั้นนะ จนเสียมารยาท แต่เราเหมือนไม่ดูหากรู้หมด ถ้าหากว่าเป็นเรื่องโลกต้องมีอะไรกันกับเรา เราก็เฉย เขาจ้องดู
เขาถามมาอย่างไร เราบอกมาจากกรุงเทพ ขึ้นมาเขาวงพระจันทร์มาองค์เดียว มาที่นี่มาองค์เดียว ลูกศิษย์ลูกหาอยู่ข้างล่าง เราว่าอย่างนั้น จากนั้นมาเขาก็จ้องดูตลอด เราก็เที่ยวนั้นเที่ยวนี้ แล้วอยู่ๆ เขามาดูลายมือเราฝ่ามือ คือเขาจ้องเอาเหลือประมาณ แต่เรามันเหมือนขอนซุง เขาดูเราเหมือนไม่รู้นะ แต่เขาดูเราเขาดูอย่างเปิดเผย ถ้าโลกเขาเรียกดูจนเสียมารยาท แต่เราดูเขาเขาไม่รู้ เขาจ้องดู มันจะมีอะไรกันนะทำไมถึงได้ดูนักหนา เราทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เขาจ้อง
พอมานั่งปั๊บเขาก็ถามมาอย่างไรไปอย่างไร เราก็บอกเราขึ้นมาองค์เดียวพวกนั้นอยู่ข้างล่าง เขาขอดูลายมือ นี่สำคัญนะ เขาดูลายมือเป็นเขาว่าอย่างนั้น เขาชี้ทุกจุดเลย เขาดูลายมือเรา ดูทุกจุดๆ สรุปความแล้วว่าท่านอาจารย์องค์นี้ไม่มีแต่ไม่จน ไปไหนทางไหลเข้า นี่ทางไหลออก คือไหลออกไม่สั่งสม เข้าใจไหม ได้เท่าไรออกหมด นี่ไม่มีแต่ไม่จน นี่ทางไหลเข้า นี่ทางไหลออก ไม่มีแอ่งเก็บน้ำ ไหลเตลิดเปิดเปิง เขาพูดน่าฟังนะ เราไม่ถามเขาอะไร ปล่อย ถ้าเขาเก่งก็ให้เขาดูเอง เราไม่ต้องไปถามเขา
เขาก็ดูเขาบอกว่าท่านอาจารย์องค์นี้ไม่มีแต่ไม่จน แล้วสุดท้ายท่านอาจารย์องค์นี้มีแปลกๆ อยู่ เขาดูท่านอาจารย์องค์นี้มีวาสนามาก มันแปลกๆ อยู่ เราก็เฉยนะ ท่านอาจารย์องค์นี้มีวาสนามาก ก็เราไปองค์เดียวเขาจะทายอะไรให้เขาทาย ใครจะไปรู้ดียิ่งกว่าเรารู้เราใช่ไหมล่ะ เขาอยากทายให้เขาทาย ดูลายมือเขาดูหมด สรุปความลงแล้วว่าอาจารย์องค์นี้มีวาสนามาก ไม่มีแต่ไม่จน เราจับได้สองคำ ให้เราถามเขาไม่ถามละ เขาอยากดูก็ให้เขาดูซิ ใครจะไปรู้ดียิ่งกว่าเรารู้เรา เราก็ไม่ลืมที่ขึ้นไปเขาวงพระจันทร์
วันนี้ก็ประมาณสักบ่ายโมงออก หรือจวนๆ จะบ่ายโมงออกไปค้างที่เสี่ยสมหมายเขา ให้เขาสักคืนหนึ่ง เขาจะมีอะไรผ้าป่งผ้าป่าอะไรเพื่อชาติของเรานั่นแหละ เราจึงได้อนุโลมไป ถ้าเพื่อชาติบ้านเมืองแล้วเราอุตส่าห์บึกบึน เพราะเห็นแก่ชาติ ถ้าลำพังเราไปหาอะไร เท่านั้นก็พอ อยู่วันหนึ่งๆ ไปพอ ไม่ยุ่งกับอะไร เราไม่เอาอะไร ไม่ต้องการอะไร ในโลกธาตุนี้เราเปิดหมด เราไม่เอา แล้วเราจะไปหาอะไร อยู่ในตัวของเรามันก็พอทุกอย่างแล้ว ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอยู่นี้เต็มหมด เราจะไปหาอะไรมาเพิ่มอีก แต่นี้ก็บึกบึนเพื่อชาติของเรานั้นแหละ เราพยายามที่สุดเพื่อส่วนรวม ที่เราบึกบึนอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อส่วนรวม
การเทศน์ก็เทศน์ ดีไม่ดีพระทั่วประเทศไทยมีเราเป็นเบอร์หนึ่งก็ไม่เห็นผิด การเทศนาว่าการเทศน์ทั่วประเทศไทยเลย ออกจากปากเรานี้แล้วก็ออกทางวิทยุ ออกทุกแบบทุกฉบับก็เรา ถ้าว่าเทศน์ก็คือเรา อุตส่าห์พยายามช่วยชาติก็คือเรา ช่วยมาจนกระทั่งป่านนี้ เรียกว่าช่วยโลกเสียจริงๆ จตุปัจจัยไทยทานได้มามากน้อยออกหมดๆ ไม่เอา แบๆ ตลอด ไม่เอา ถ้าว่าไม่เอาไม่เอา..เรา พูดคำไหนขาดคำนั้นไปเลย เพราะเราพอทุกอย่างแล้ว มีแต่โลกขาดตกบกพร่องอยู่รอบด้าน ไปที่ไหนต้องช่วยไปเรื่อยๆ
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|