ธรรมจูงจมูกทำไมไม่เห็น
วันที่ 4 พฤษภาคม 2550 เวลา 8:00 น. ความยาว 22.18 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

ธรรมจูงจมูกทำไมไม่เห็น

ก่อนจังหัน

งานของพระวัดนี้มีเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา มีสติติดแนบอยู่กับตัว ปัญญาค่อยออก ถ้าสติมีแล้วปัญญาจะมี ถ้าสติไม่มีปัญญาไม่มีเลยละ นี่ตั้งหน้าตั้งตามาปฏิบัติ วัดนี้เราให้โอกาสเต็มเหนี่ยว เรียกว่าไม่มีข้อยกเว้นอะไรเลย ให้ภาวนาเท่านั้น วัดนี้สงวนทางด้านจิตตภาวนาเพื่อชำระกิเลสมาเป็นประจำตั้งแต่สร้างวัด ไม่ให้มีงานอื่นใดมาเป็นใหญ่เป็นโตยิ่งกว่างานการเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ผู้มาให้มีสติอยู่กับใจจะไม่ค่อยพลั้งเผลอ ผิดพลาดไม่ค่อยมี การกระทบกระเทือนไม่มี ถ้ามีสติอยู่กับตัว เพราะขาดสตินั่นแหละเปิดช่องโหว่ให้ฟืนไฟเผาในหัวอก ไม่มีทางออกมันก็ระบายไปกระทบคนนั้นกระทบคนนี้

เรายิ่งแก่เท่าไรเรื่องราวยิ่งยุ่งขึ้นในวัดนี้น่ะ ทั้งครัวทั้งวัด สำหรับทางพระไม่ค่อยมีอะไร ทางครัวละสำคัญมากเรื่องมาก พูดให้มันตรงไปตรงมาเรื่องมากคือผู้หญิงมากที่สุด ยุ่งนั้นยุ่งนี้ยุ่งไม่หยุดไม่ถอย ผู้ชายคือพวกฝ่ายพระไม่เห็นมีเรื่องอะไร แต่ฝ่ายผู้หญิงมี เราไม่ได้ตำหนิทุกคนนะ ส่วนมากมี เป็นอย่างนั้น รำคาญลำบากนะ มาเองจะให้ทำยังไง ครั้นมาแล้วมาก่อฟืนก่อไฟเผากัน ปากยุบๆ ยิบๆ มันไม่อยู่เป็นสุขนะ นินทาคนน้นนินทาคนนี้ หัวใจเจ้าของเป็นไฟเป็นโทษอยู่นั้นมันไม่ดู มันไปดูแต่โทษคนอื่น โทษเจ้าของไม่ดูมันก็ไม่เห็นละซิ มีแต่เรื่องยุ่งนะ

เรายิ่งแก่มาแทนที่จะได้ปล่อยได้วางภาระทั้งหลายให้สะดวกสบาย อยู่ตามธาตุตามขันธ์ กลับยิ่งยุ่งขึ้นมา เพราะลูกศิษย์ลูกหาเพื่อนฝูงอยู่ในวัดในวาทั้งสองฝ่าย มันก่อฟืนก่อไฟเผาตัวเองแล้วเผาคนอื่น เผาพรรคเผาพวกอยู่ในวัดให้แหลกเหลวไปหมด เราก็เลยกลายเป็นกองไฟไปด้วย พากันพิจารณาให้ดี ธรรมะคือสติธรรม ปัญญาธรรม เป็นสำคัญ ถ้าไม่มีสติธรรมปัญญาธรรมเหลวไหลทั้งนั้น ถ้าสติธรรมปัญญาธรรมมีไม่ค่อยผิดพลาดคนเรา พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ

นี่อนุโลมผ่อนผันสุดขีด ยิ่งจวนจะตายเท่าไรยิ่งปล่อยลงไป พอปล่อยลงไปก็เหมือนกับว่าเปิดทางให้ไฟเผาเข้ามาในวัด แต่ก่อนไม่ปล่อยก็เรียบๆ ทุกอย่างไม่ค่อยมีเรื่อง เดี๋ยวนี้มันเฒ่ามันแก่แล้วปล่อยไปๆ ปล่อยไปเท่าไรก็เท่ากับเปิดทางให้ไฟไหลเข้ามา เผาเข้ามา โธ่ ลำบากมากนะ กิเลสนี้เร็วที่สุด ไม่มีอะไรเร็วเกินกิเลส ให้ขึ้นฟัดกันเสียก่อนจะรู้ การมาพูดอย่างนี้ฟัดมาแล้ว พูดได้เต็มปากไม่กระดากอาย เพราะเราทำอย่างนั้นจริงๆ ไม่มีอะไรหนักมากยิ่งกว่าการแก้กิเลส สู้กับกิเลส งานใดๆ ก็ตามงานแก้กิเลสเป็นสำคัญ พอกิเลสขาดสะบั้นลงไปจากใจแล้วไม่มีงาน

นั่นละท่านว่า วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว คือการรบกับกิเลสนั่นแหละ เสร็จเรียบร้อยลงไปแล้ว กิเลสม้วนเสื่อแล้วแสนสบาย นี่ละตัวสำคัญก่อเรื่องก่อราว ก่ออยู่ไม่หยุดไม่ถอยภายในจิตใจ ท่านว่า อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา มันดันออกมาอวิชชา ตัวมืดบอดมันดันออกมาให้คิดให้ปรุงให้อยากรู้อยากเห็น ทุกอย่างอยู่ในนั้นหมดนั่นละความอยาก เอาอะไรให้กินมันไม่เอา ถ้าเอาอารมณ์ของกิเลสให้มันเอาๆ กินไม่หยุดนะ กินไม่หยุดไม่ถอย กินจนตายไม่เกิดประโยชน์อะไร

พวกภาวนามาภาวนาไม่ได้เรื่องอะไรนะ โฮ้ เราสลดสังเวช มองดูมันเป็นทันที มันเห็นทันที มองไปแพล็บมันจะผ่านสายตา ขวางตาทันที หูไม่ค่อยแสดงออกมาเพราะไม่ค่อยพูดได้ระวัง แต่กิริยานี้มันปิดไม่อยู่ มันจะทำให้เห็นจนได้แหละ แสดงว่าสติไม่เป็นท่า คนมีสติตั้งหน้าตั้งตาอยู่ไม่ค่อยผิดพลาดนะ ทำงานทำการอะไรก็ไม่ค่อยผิดพลาด ถ้าขาดสติไปแล้วเหลวไหลทั้งนั้น ขอให้หมู่เพื่อนได้พินิจพิจารณาตั้งใจปฏิบัติ

ผมก็อบรมแนะนำสั่งสอนเต็มกำลังความสามารถ เป็นเวลาเท่าไร สร้างวัดนี้มาได้ ๕๐ ปีแล้ว มีแต่สอนหมู่สอนเพื่อนทั้งนั้น สอนตัวไม่ได้สอนพูดตรงๆ เราหมดตัวข้าศึกในหัวใจ ขาดสะบั้นลงไปหมดแล้วไม่ได้สอนตนไม่ได้แก้ตน มีแต่สอนคนอื่นวิธีการแก้กิเลสแก้ยังไง เราแก้มายังไงสอนวิธีนั้นเรื่อยๆ มาจนกระทั่งบัดนี้ สร้างวัดได้ ๕๐ ปีแล้ว ๕๑-๕๒ ปีแล้ว มีแต่สอนหมู่สอนเพื่อนทั้งนั้น แต่ก่อนสอนเจ้าของอยู่ในป่าในเขา ไม่มีใครไปยุ่งละ

พูดถึงเรื่องการเที่ยวเราไปคนเดียวทั้งนั้น ไม่เอาใครไปด้วยมันไม่สนิทใจ ป่าช้าอยู่กับเราคนเดียวพอ อยากกินกิน ไม่อยากกินกี่วันช่างมันไม่สนใจ ป่าช้าอยู่กับเรา จะเป็นจะตายนักรู้คือจิตมันรู้นี่ จะตายจริงๆ ให้มันกิน นอกจากนั้นฟัดกับความเพียรตลอด อย่างนั้นนะ การแก้กิเลสมันของเล่นเมื่อไร อยู่ไปกินไปเหมือนหมูขึ้นเขียงใช้ไม่ได้นะ เดี๋ยวนี้วัดป่าบ้านตาดเลอะเทอะจนจะดูไม่ได้นะ เราคนเดียวนี้แหละเป็นผู้ปกครองดูแล เดี๋ยวนี้ดูวัดนี้ซึ่งเป็นวัดของเรามันดูไม่ได้นะเดี๋ยวนี้ เราทนดูเอาอย่างนั้นแหละ มันเลอะเทอะขนาดนั้นนะ

โหย มาเก้งๆ ก้างๆ มาทุกแห่งทุกหน เขียนไว้หน้าวัดมันไม่ได้อ่าน มันหลับตาเข้ามาเลย เห็นไหมเขียนไว้ กูจะฟ้องท่านเปา มันมาเที่ยวเพ่นพ่าน มันดื้อเหลือเกินต้องถึงท่านเปา มันมาเที่ยวเพ่นพ่าน มันไม่ดูอะไรนะ นิสัยของมันเก้งๆ ก้างๆ คนหนึ่งรักษาอยู่ปฏิบัติอยู่ คนหนึ่งมาทำลาย มันขวางกันขนาดไหน ดูไม่ได้นะ จนอิดหนาระอาใจนะเรา โห ศาสนาจะหมดแล้วเหรอๆ ว่านับถือพุทธศาสนา มันไม่มีในตัวบุคคลเลย มีแต่ลิงแต่ค่างซึ่งเป็นเรื่องของสัตว์ไปเสียหมดเวลานี้ ไม่ว่าพระไม่ว่าฆราวาสเป็นแบบเดียวกันหมด กิเลสขยำไปหมดนั่นแหละ ไม่มีใครคิดสู้กิเลส ฟาดกิเลสให้อยู่ในเงื้อมมือแล้วอยู่ผาสุกสบายเย็นใจ ไม่ค่อยมีและไม่มี โห หนักนะเราหนัก เราสอนหมู่สอนเพื่อนมานี้ได้ ๕๖-๕๗ ปี

ระยะ ๕๖-๕๗ ปีนี้ลงเวทีแล้ว ฟัดกับกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้ว ลงจากเวทีแล้วก็มองดูหมู่ดูเพื่อน แต่ไม่ได้ตั้งใจสั่งสอน ไปอยู่ในป่ามันก็ด้นดั้นเข้าไป พระจมูกดีที่สุดหมาสู้ไม่ได้ จมูกพระกรรมฐานเรานี่ ไปอยู่ที่ไหนมันบุกเข้าไปหาจนได้ ป๊บปั๊บหลบนู้นหลบนี้หลบไปทางไหนมันก็หลบตาม โถ เราจะว่ายังไงดี จมูกพระหมาสู้ไม่ได้ พระกรรมฐานจมูกดีมากนะ เราไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนเดี๋ยวโผล่ไปแล้ว มาอะไร เฉย จะตีก็ตายทิ้งเปล่าๆ ไม่ยอมหนี เป็นอย่างนั้นนะ

ตั้งแต่นั้นมาดูเหมือนได้ ๕๖-๕๗ ปีที่เกี่ยวกับหมู่กับพวก โดยที่หมู่พวกไปหาเอง เราอยู่ในป่าในเขาไม่ได้สนใจกับใคร พอกิเลสขาดสะบั้นลงไปจากหัวใจแล้วอยู่ที่ไหนสบายหมด นั่งอยู่บนก้อนหินก็สบาย บิณฑบาตมาในป่าในเขาได้ข้าวได้อะไรๆ นั่งฉันอยู่บนก้อนหินแสนสบาย ไม่มีอะไรยุ่ง ไอ้ยุ่งนี้แหม จะเอาอะไรมาพอกพูนขนาดไหนมันก็ไม่เป็นสุขถ้าใจมันยุ่ง ถ้าใจไม่ยุ่งเสียอย่างเดียวอยู่ที่ไหนสบายหมด

ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะพระเรา เอาให้จริงให้จัง เราหนักมากนะ อายุนี่จวนจะตายแล้ว ว้อกๆ อยู่นี้จวนจะตายแล้ว เราตายแล้วยิ่งจะร้ายกว่านี้นะวัดป่าบ้านตาด แตกกันฮือๆ เลยละ ตั้งแต่เราอยู่นี้ดูมันก็ขวางตาอยู่ตลอดมาไม่มากก็น้อย ขวางอยู่อย่างนั้น ทั้งสองฝักสองฝ่าย เราก็ทนเพราะเราเป็นผู้ปกครอง ทน มาเอง มาแล้วก็มาให้เราแบกทั้งฝ่ายพระฝ่ายฆราวาส พากันตั้งอกตั้งใจจริงๆ นะ การปฏิบัติธรรมไม่ตั้งใจไม่ได้ กิเลสมันเร็วที่สุด

ใครมาก็มาเก้งๆ ก้างๆ ให้กิเลสจูงจมูกๆ ธรรมจูงจมูกทำไมไม่เห็น มีแต่กิเลสจูงจมูก พวกนักปฏิบัตินี่ละ ยิ่งลูกศิษย์หลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด เขาถือว่าปฏิบัติเคร่งครัดๆ เคร่งครัดตั้งแต่กิเลสร้อยจมูกพระจูงละเคร่งครัดมากวัดป่าบ้านตาด ไม่เป็นหน้าเป็นหลังอะไรนะ เอาละให้พร

หลังจังหัน

         ศาลาหลังนี้ท่านปัญญายกขึ้น แต่ก่อนอยู่เตี้ยๆ ท่านปัญญายกขึ้น คนฉลาดอยู่ เราหมดทั้งบ้านทั้งเมืองมายกก็ไม่ขึ้น ท่านปัญญากับพระองค์สององค์ และฆราวาสคนหนึ่งหรือสอง พระองค์หนึ่งเท่านั้นขึ้นเลย ท่านฉลาด นี่ปัญญามันต่างกัน กำลังปัญญาสำคัญมากกว่าทุกอย่าง ทำอะไรน่าชมท่านปัญญา ไม่มีต้องติ ท่านปัญญาสุขุมมาก มาอยู่กับเราขอถึงห้าหนนะ ขอมาอยู่กับเรา เราไม่ให้ มาขออีก หนที่ห้านี่จะไม่รับให้อยู่ในสำนักก็ตามแต่ขอพักชั่วคราว แล้วจะให้ไปเมื่อไรก็ได้ ท่านว่าอย่างนั้นนะ เราก็รับครั้งที่ห้า

         เวลามาท่านดีทุกอย่าง เราก็หาคนดีพระดีของดีอยู่แล้วจะขับไล่ท่านไปอย่างไร ถ้าขับไล่ท่านก็ขับไล่เราเสีย เราไม่รู้จักของดีควรไล่เราออก ท่านปัญญาสุขุมมาก ศาลาหลังนี้ท่านยกขึ้น แต่ก่อนเตี้ยๆ ท่านยกขึ้น ดูเอา ปัญญานี่สำคัญนะ เวลาท่านเสียเป็นโรคอะไรลืมแล้ว (มะเร็งลำไส้ใหญ่) ตอนนั้นเราไปกรุงเทพฯ วันที่ ๑๗ ท่านเสียวันที่ ๑๘ ดูว่าอย่างนั้น (ท่านเฉียดๆ พระอรหันต์ไหมคะ) พระอรหันต์อดอยากอะไร เหล่านี้มีแต่หันทางนั้นหันทางนี้

         ท่านปัญญาละองค์หนึ่งพระต่างชาติที่มาอยู่วัดนี้ สุขุมมาก ละเอียดลออสุขุมมาก ไม่มีที่ต้องติ นอกนั้นก็ดีไปคนละทางๆ แต่ท่านปัญญายกให้เป็นเบอร์หนึ่ง ท่านละเอียดลออมาก ถ้าเป็นนักมวยก็เรียกว่าเราต่อยท่านไม่ถูก ท่านอาจจะต่อยเราหงายหมาไปหลายหน คือไม่มีที่ต้องติก็ไม่ติ ท่านอาจจะติเราหลายหนก็ได้ เราต่อยท่านไม่ถูกท่านอาจต่อยเราถูกก็ได้ ท่านปัญญาสุขุมมาก

         ท่านทำแปลนด้ามมีด ด้ามมีดเล็กๆ ท่านทำแปลน เอ๊ย ประสาด้ามมีดก็ทำแปลน อ๋อ ถ้าทำแปลนแล้วมันทำได้สะดวก บทเวลาเอาข้าวในบาตรไม่เห็นทำแปลน เราว่า ท่านตอบดีนะ อันนั้นมันสำเร็จรูปมาแล้ว ท่านว่ามันสำเร็จรูปมาแล้วไม่ต้องทำแปลน น่าฟังอยู่นะ เพราะเราถามสอดแทรกหาปัญญาของคนนี่ พอเราไปมองเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งหนาๆ อยู่ไกลๆ เรานั่นละเขียน มันยุ่งมาก

เราเห็นนายเทิ้งเขาอยู่ที่วัดสุทธาวาส นายเทิ้งแกพูดตลกพวกพระเณรชอบ พระอะไรไปรุมแก แกไม่ค่อยได้ทำงาน แกเลยเขียนไปติดไว้หน้าที่ทำงานแกว่าอย่ายุ่ง เราก็เอานั้นมาเขียนไว้อย่ายุ่ง อ่านออกไหม  ท่านฉลาด ท่านว่าคิดว่าอ่านออก ลองว่าซิ อย่ายุ่ง อย่ายุ่งหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าอย่าอย่างนี้ใช่ไหม เราไปทดลองท่านปัญญา จากนั้นเราก็ทิ้งไว้ แล้วเด็กไปเขียนติดป้ายหน้าประตูนู่น เขียนว่าอย่ายุ่ง คนเลยมายุ่งทั้งวัน ท่านเขียนอะไรอย่ายุ่ง ติดป้ายไว้จนได้วุ่นกันใหญ่ ที่ไหนได้เป็นเด็กเอาติดป้ายไว้ มันเลยยุ่งใหญ่ เราก็ไม่ลืม ท่านปัญญาสุขุมมาก ภาวนาท่านก็ดี เราสอนแนะอยู่ตลอด

เสร็จแล้วให้พร

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก