เนื้อนาบุญ เนื้อนาบาป
วันที่ 27 มีนาคม 2550 เวลา 8:10 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

เนื้อนาบุญ เนื้อนาบาป

ก่อนจังหัน

การได้รับการอบรมอยู่เสมอเป็นของสำคัญมากทีเดียว ในวัดนี้เช่นอย่างในวัดป่าบ้านตาดแต่ก่อน ประมาณอาทิตย์หนึ่งประชุมทีๆ อบรมพระ เข้มงวดกวดขันในทางข้อวัตรปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา วิชชา วิมุตติ เข้มงวดกวดขันตลอดมา แต่ระยะนี้ห่าง เกี่ยวกับเรื่องประชาชนคนทั้งประเทศ ก็ต้องแบ่งทางโน้นทางนี้ ทางพระเลยเบาบางไป ไม่ค่อยได้อบรมเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนแต่ก่อน เพราะฉะนั้นพระจงนำอรรถนำธรรมที่เคยได้รับการอบรมไปแล้วนั้นไปประพฤติปฏิบัติ

การประกอบความพากเพียรสติเป็นของสำคัญ ปล่อยสติไม่ได้ การภาวนาสติเป็นพื้นฐานจนกระทั่งวิมุตติพระนิพพาน เว้นสติไปไม่ได้ สติเป็นสำคัญ สติติดอยู่กับหัวใจ สัมปชัญญะเวลาเคลื่อนไหวไปมามีความรู้ตัวอยู่เสมอ นี่เรียกว่าสติสัมปชัญญะ ให้นำไปปฏิบัติ พระเราไม่มีหน้าที่อะไร ผมไม่ไปแตะต้องการทำความพากเพียรของพระ งานของพระ ผมไม่แตะต้อง ผมส่งเสริมตลอดมา งานการในวัดนี้จึงไม่มีเพราะเราไม่ให้มี งานการของพระเต็มอกอยู่แล้ว ได้แก่การประกอบความพากเพียร เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ด้วยความมีสติสตังติดแนบอยู่กับตัวตลอด นี่เรียกว่างานของพระ อย่าให้เบาบางงานนี้นะ

งานใดจะบกพร่องขาดเขินไม่สำคัญยิ่งกว่างานของจิต ที่บกพร่องขาดเขินจากอรรถจากธรรม มีสติธรรม ปัญญาธรรม เป็นสำคัญ ถ้าบกพร่องอันนี้บกพร่องมาก พากันตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ผมไม่ไปแตะเรื่องความเพียรของพระ งานการอะไรไม่ให้เข้าไปยุ่งพระ เพราะผมรักสงวนมากมาดั้งเดิม ตั้งแต่ประกอบความเพียรอยู่โน้น เรียกว่าเราไม่มีงานใดเข้าแทรกเลย ไม่มีจริงๆ เราเป็นคนนิสัยอย่างนี้ว่าอะไรเป็นอันนั้นเลย เรื่องความพากเพียรตั้งแต่ได้รับโอวาทจากพ่อแม่ครูจารย์แล้วเท่านั้น งานอื่นมาแทรกไม่ได้ ไม่ให้มายุ่งเลยตลอด ฟาดจนขาดสะบั้นลงไปทั้งสองฝ่ายดังที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ นั่นละลงเวที ด้วยความเพียรแก่กล้าสามารถเอาเป็นเอาตายกันจริงๆ เห็นผลอย่างนั้นแหละ

ผู้ประกอบความเพียรอย่าทำเหยาะๆ แหยะๆ ใช้ไม่ได้นะ ให้เข้มงวดกวดขัน สติเป็นสำคัญ สติแล้วจากนั้นก็ปัญญาเคลื่อนไหวไปตาม งานการทุกอย่างจะไม่ค่อยผิดพลาดถ้ามีสติและมีปัญญาแนบไปด้วยแล้ว ไม่ค่อยผิดพลาด งานนอกงานในงานแก้กิเลสภายในใจ ไม่ผิดพลาดแหละ ได้ผลเป็นที่พอใจตลอดไป ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ในโลกนี้อย่าไปหวังอะไรว่าเป็นสาระ ไม่มี ในโลกอันนี้เต็มโลกอยู่นี้แหละ แต่มันก็เป็นสมบัติของโลกไม่ใช่เป็นสมบัติของธรรม คือของเรา มีธรรมภายในใจ ธรรมภายในใจสำหรับพระแล้ว คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ประกอบให้ดี

สมถธรรม ได้แก่ ความสงบ อบรมจิตใจของตนให้เข้าสู่ความสงบด้วยธรรมบทใดบทหนึ่งในขั้นต้น เช่นใครชอบพุทโธก็เอาได้ ธัมโม สังโฆ คำบริกรรมใดให้นำมาบริกรรม จิตติดแนบกับคำบริกรรม สติติดแนบอยู่กับคำบริกรรมแล้วผู้นี้ตั้งตัวได้ ประกอบความเพียรจิตจะเหาะเหินเดินฟ้าไปไหนก็ไปเถอะ หนีสติไปไม่พ้น อำนาจของสตินี้ควบคุมได้ตลอด ถ้าสติดีอยู่แล้วกิเลสจะไม่เกิด สติดีเท่าไรกิเลสหมอบตลอดเวลา สติเป็นสำคัญ เป็นฝั่งแม่น้ำมหาสมมุติมหานิยม คือขอบฝั่งได้แก่สติ ไม่ให้เลยฝั่งไป บีบบังคับเข้าไปในนั้น

สติเป็นสำคัญมาก ไม่ว่าที่ไหนพระองค์ทรงชมเชยตลอดสติ เผลอสติไปเท่าไรขาดบาทขาดตาเต็ง คนก็ขาดบาทขาดตาเต็ง พระก็ขาดบาทขาดตาเต็ง บ้าๆ บอๆ จากนั้นก็เป็นบ้าไปเลย บ้าโลกบ้าสงสาร บ้าโลภ บ้าโกรธ บ้าราคะตัณหา บ้ากินไม่พอ บ้ากินไม่อิ่ม เที่ยวกอบเที่ยวโกยเที่ยวรีดเที่ยวไถ มีแต่บ้าแบบนี้ทั้งนั้น ไม่มีสติแล้วเอาเถอะน่ะ ไปได้หมด ใครจะว่าเรียนสูงเรียนต่ำขนาดไหน กิเลสอยู่เหนือวิชาทุกประเภท ถ้าไม่มีธรรมแล้ววิชาทุกประเภทกิเลสจะเข้าไปเป็นเจ้าของอยู่นั้น ตัวทำลายอยู่กับกิเลส

มีอำนาจมากเท่าไรยิ่งทำลายโลกได้มากเท่านั้น ดูซิเมืองไทยเราตั้งผู้ใหญ่มาเป็นนายกรัฐมนตรีกี่ยุคกี่สมัย ตั้งใครขึ้นมาก็เท่ากับตั้งยักษ์ตั้งผีขึ้นมากินบ้านกินเมือง นี่ละเรื่องของกิเลส ตั้งขึ้นมาก็ตั้งให้มันเป็นยักษ์กินบ้านกินเมือง ความรู้มีเท่าไรมอบให้กิเลสทำงานหมด สุดท้ายตับปอดของประชาชนไม่มีเหลือเลย นี่ความรู้ของกิเลส ถ้าความรู้ของธรรมมีหนักมีเบา มีนอกมีใน มีความสม่ำเสมอเป็นสำคัญ สำหรับธรรมแล้วความเสมอภาคเป็นสำคัญ

อย่างทุกวันนี้ท่านทั้งหลายเห็นไหม เราอยู่นี้เราอยู่เฉยๆ ได้เมื่อไร นั่งอยู่นี้จะคอยกินอยู่อย่างเดียวเท่านั้นใครจะมาว่าอะไร แต่นี้อยู่ไม่ได้นะ ดูความสม่ำเสมอของอาหารการบริโภคทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเราและหมู่เพื่อน ต้องดูให้สม่ำเสมอ มีมากมีน้อยให้เสมอ ความเสมอนั้นเป็นที่สงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน แต่ความไม่เสมอนั้นเข้านั้นเข้านี้เป็นลำเอียง ใช้ไม่ได้นะ ของมีมากเท่าไรไม่มีความหมายอะไรเลย ความเสมอเป็นความหมายอันยิ่งใหญ่ มีมากมีน้อย กินด้วยกันเป็นความผาสุกร่มเย็น มีมากก็ตาม แต่ใครเห็นแก่ตัวๆ เห็นแก่พรรคพวกของตัว พวกนี้ก่อความเดือดร้อนแก่ส่วนรวมไม่ดีเลย จำเอานะทุกคน

เราดูตลอดเวลานะดูความสม่ำเสมอ ไม่ได้ดูอะไร ความสม่ำเสมอเป็นธรรม อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ธรรมความสม่ำเสมอ พากันตั้งใจปฏิบัติ พระเอาให้จริงให้จัง การประกอบความพากเพียร เวลานี้พุทธศาสนาจะไม่มีเหลืออยู่ในเมืองไทยเรานะทางด้านจิตใจ ก็มีเหลือแต่ชื่อแต่นามในคัมภีร์เต็มไปหมด ไม่ว่าสถานที่ใดวัดใดเต็มไปด้วยคัมภีร์พระไตรปิฎก มันหากมีแต่กระดาษนั่นซิ คนไม่สนใจประพฤติปฏิบัติ เรียนมามากน้อยเพียงไรก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เหมือนนกขุนทอง แก้วเจ้าขาๆ เวลาเอาแก้วมาให้ดูไม่รู้ ฟาดให้มันเห็นตัวจริงซิพระพุทธเจ้าโกหกโลกจริงๆ เหรอ

ศาสดาองค์เอกตรัสรู้ขึ้นมาพระองค์ใด สร้างพระบารมีมาตั้งแต่ต้น ๑๖ อสงไขยบ้าง ๘ อสงไขยบ้าง ๔ อสงไขยบ้าง เต็มภูมิของศาสดาแล้วจึงได้นำมาสอนโลกด้วยความสัตย์ความจริง ความรู้แจ้งเห็นจริง แล้วมาสอนพวกเราจะโกหกพวกเราได้เหรอ มันมีแต่พวกลูกศิษย์ตถาคตโกหกตนเอง เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป ไม่ละอายบุญละอายบาป เห็นไหมพระที่ติดรูปไว้หน้าศาลานั่น พระอลัชชี พวกเปรตพวกผี มาโอ่อ่าฟู่ฟ่าอวดอันธพาลใหญ่เห็นไหม ติดไว้หน้าศาลา มีใครบ้าง เราไม่อยากว่าพระองค์นั้นองค์นี้ มันเลยพระไปแล้ว ยิ่งกว่าเปรตกว่าผี พวกเปรตพวกผีเอาผ้าเหลืองมาครอบหัวอยู่นั้นน่ะ โอ่อ่าฟู่ฟ่า ติดไว้หน้าศาลาไปดูซิ ก็เพื่อให้เป็นคติแก่พี่น้องทั้งหลายทั้งฝ่ายพระฝ่ายฆราวาสนั่นแหละ

ความเลวอยู่ในพระก็เป็นพระเลว อยู่ในคนก็เป็นคนเลว จึงติดไว้ อย่าพากันเป็นพระเลวคนเลวประเภทนี้ดูไม่ได้เลย ศาสดาองค์เอกเลิศเลอ เลวที่ไหน สาวก สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราเลวที่ไหน มีแต่พวกตายใจได้ๆ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส เป็นเนื้อนาบุญของโลกได้อย่างสมบูรณ์พูนผล ตายใจได้เลย นั่น พวกเรามีแต่พวกยักษ์พวกผีมันเนื้อนาบาป เนื้อนาก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้แก่ประชาชน อวดดีอวดเด่น กิเลสเข้าไปเป็นเจ้าของ เอาผ้าเหลืองครอบไว้เท่าไรก็ไม่มีความหมาย กิเลสทำหน้าที่แทนไปหมด ดูแล้วดูไม่ได้นะ

พระเลวไม่มีใครเลวยิ่งกว่าพระนะ เพราะพระเป็นความละเอียด โลกเคารพนับถือ ลงพระได้เลวแล้วดูไม่ได้ ผ้าขาวเด่นมาก ถูกสิ่งสกปรกแล้วติดเร็ว ทีนี้คำว่าพระเขาถือเป็นที่เคารพนับถือบูชากราบไหว้ พอแสดงอากัปกิริยาออกมานิดหน่อยเท่านั้น เหมือนกับมลทินไปเปื้อนผ้าเหลือง ติดเปื้อนพระซึ่งเป็นผ้าขาวแล้ว จึงต้องระมัดระวัง ตัวเองเหมือนกัน การประพฤติปฏิบัติให้เห็นชัดเจนก็คือจิตตภาวนาพิจารณาเข้าไป จิตเวลานี้มันดำเหมือนกับหลังหมี มันตะเกียกตะกาย มันพาเราล้มลุกคลุกคลาน ฟาดลงไปๆ มันจะดำขนาดไหน

ดำมันยังดำได้ ขาวมันยังมีในโลกทำไมมันขาวไม่ได้ ซักเข้าไปฟอกเข้าไปถูเข้าไป สุดท้ายก็ค่อยกระจ่างไปๆ หลังหมีดำกลายเป็นหลังหมาขาวไปแล้วนั่นเห็นไหมล่ะ จิตใจขาวสว่างกระจ่างแจ้งด้วยการชำระสะสาง ถ้าไม่ชำระไม่ได้นะ ศาสนาก็มีอยู่เต็มประเทศไทยทำไมจึงไม่สนใจกัน สนใจตั้งแต่เรื่องฟืนเรื่องไฟเผาไหม้กัน ความโลภนี่ละมันพิลึก ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหาพิลึกพิลั่น เหยียบโลกเหยียบสงสาร แต่ไม่มีใครเห็นโทษ ไม่มีใครเบื่อหน่ายอิ่มพอมัน เพราะฉะนั้นจึงพากันตะเกียกตะกายเป็นบ้ากันทั้งโลก ไปถามที่ไหนใครว่าดีที่ไหนเลิศเลอที่ไหนมีแต่ลมปาก

ความดีถ้ามีธรรมเข้าไปแล้วอยู่ที่ไหนดีหมด ไม่ว่าคนทุกข์คนมีคนจนคนโง่คนฉลาด คนมีฐานะสูงต่ำมีธรรมในใจสง่างามไปตามๆ กัน แม้แต่เด็กก็น่ารักเมตตาสงสาร ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ด้วยแล้วยิ่งน่ากราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจ นั่นละธรรมอยู่ที่ไหนสง่างาม เอาธรรมไปประดับตนจึงสง่างาม อย่าเอามูตรเอาคูถไปโปะตัวเองแล้วไปที่ไหนให้คนแตกฮือๆ คนสกปรกคนเลอะเทอะไปที่ไหนผู้เขาสะอาดเขาดูไม่ได้ จำให้ดี เอาละให้พร

เมื่อวานคงจะเป็นไข้หวัดท่า แต่ทำไมมันระบมไปหมดทั้งตัว เหมือนว่าบอบช้ำถูกทุบถูกตีเมื่อวานทั้งวันเลย เราก็ไม่ได้ฉันยาอะไรมาก ฉันยาพาราเซตามอลที่แก้ปวดนั้น แล้วก็ยาแก้หวัด เมื่อคืนนี้เวลามันสงบนอนนี้เหมือนตายนะ เอ้อ พึ่งมีคราวนี้ละที่นอนเป็นหลับเป็นตื่นเมื่อคืนนี้ คือมันบอบช้ำมากเวลานอนมันเลยกลายเป็นตายไปเลย เอ้อ ตายแบบนี้ไม่เป็นไรแหละ ตายเถอะเราว่างั้น โธ่ มันบอบช้ำมาก เมื่อวานระบมหมดทั้งตัว

(เสียงรถวิ่งผ่านศาลา) รถพยาบาลหรือรถอะไรมา รถโรงพยาบาล ถ้ารถออกมาจากโรงอย่างนี้แล้วก็ต้องมีของออกจากโกดัง เพราะธรรมดาของจัดไว้โกดังสำหรับโรงพยาบาลต่างๆ เต็มเชียว เราเอาไปส่งก็ไป เรื่องของที่จัดไปโรงพยาบาล โรงไหนมาได้เลยๆ พระเวรประจำศาลามีพระดูเหมือนประมาณสององค์ องค์ละอาทิตย์ๆ พระเหล่านี้เป็นผู้คอยดูแลควบคุม พระที่ดูแลดูควบคุมศาลานี้ก็เหมือนกันให้มีตาบ้างนะ ให้ลืมหูลืมตาบ้างใครมาอยู่ศาลารับผิดชอบ ดูรอบคอบให้เห็นบริเวณในครัวออกไปนั้นเหล่านี้ ไปถึงกุฏิอาจารย์หมออวย ใครต่อใครไปให้ดูรอบคอบบ้างนะ

พวกเปรตพวกผีพวกโจรพวกมารมันอยู่ตามแถวนี้ มันมาทำหน้าที่เป็นลูกศิษย์พระ แต่มันเป็นเปรตเป็นผีกินลึกลับๆๆ อยู่ในนี้ ว่าไม่เห็นหรือ จับข้อมูลๆ ได้หมดนะ ถ้าไล่ใครออกไปนั่นข้อมูลได้เต็มหัวอกแล้วนะนั่น ไม่พูดเฉยๆ คนนั้นให้ออกๆ คือจับได้หมดแล้ว มันมาทำเลอะเทอะ มารับใช้พระมันมาเป็นเปรตเป็นผีกินตับกินปอดวัดกินปอดพระ เอ้อ เลวนักนะ เลวจริงๆ มาอยู่นี้ก็เลี้ยงอิ่มหนำสำราญไปหมด แล้วมันก็ยังเป็นไปได้ กินนั้นกลืนนี้ ขโมยนั้น เล็กๆ น้อยๆ พอได้ใหญ่ก็จะเอา แต่มันเอาใหญ่ไม่ได้มันก็เอาเล็กๆ น้อยๆ มันดูไม่ได้นะ เลวมากทีเดียว ให้ดูนะพระที่รักษาศาลา ดูให้รอบ ตาให้สอดให้ส่องซิ ใครมาที่ไหนใครเข้าใครออกให้สอดส่องดูให้ดี จนกระทั่งเราบอกมันถึงจะได้ยินเดี๋ยวนี้น่ะ ได้ยินแล้วไปคิดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เราคิดมาพอแล้วนะเหล่านี้น่ะ

เราเป็นหัวหน้าวัดดูหมด ใครเข้าใครออกเป็นยังไงๆ อันนี้มันไม่ได้เรื่องได้ราว อยู่ก็อยู่แบบซุงทั้งท่อนเป็นแบบหัวตอ สติปัญญาไม่มีแก้กิเลสไม่ได้ ดูข้างนอกไม่รอบดูข้างในรอบได้ยังไง ต้องได้บอกเสียก่อนถึงจะคิดอ่าน หรือไม่คิดก็ไม่ทราบ โอ้ เราหนักใจนะอยู่กับพระกับเณรอยู่เท่าไร เรียกว่าหลับหูหลับตาอยู่ พูดจริงๆ เป็นจริงๆ เพราะฉะนั้นกุฏิเราจึงไม่ค่อยให้เข้าไปยุ่ง เราอยู่คนเดียวตลอด ไม่ว่ากลางวันกลางคืนอยู่คนเดียวตลอด กำหนดจิตลงไป เปิดให้โล่งเสียว่า พอจิตเข้านี้ปั๊บโลกนี้สูญไปหมดเลย ว่างไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นั่น เราอยู่ด้วยอันนี้ต่างหากนะ

เราไม่ได้อยู่ด้วยคนนั้นคนนี้เพื่อนฝูงลูกศิษย์ลูกหานะ อยู่ด้วยอันนี้ เพราะฉะนั้นอันใดยิ่งเข้ามาขวางหูขวางตาละมันหนักมากกระเทือนมาก ดูไม่ได้ดูแบบโลก จิตไม่ได้เป็นจิตแบบโลกบอกชัดเจนเลย ตั้งแต่ปฏิบัติธรรมมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยธรรมเต็มหัวใจ หัวใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วมันจ้าอยู่ตลอดเวลา ก็ต้องแบบคนหูหนวกตาบอดไปอย่างนั้นละ ว่าไง เขาทำอะไรก็ทำไปตามเขา กิริยาของธาตุขันธ์ของเขามียังไงของเรามียังไงก็ต้อนรับกันไปอย่างนั้น ธรรมชาตินั้นไม่ได้เป็นนะ นี่ละการปฏิบัติธรรมเห็นผลประจักษ์ใจอย่างนี้ ถ้าปฏิบัตินะ ถ้าไม่ปฏิบัติก็นอนตายอยู่เหมือนซุงทั้งท่อน

เราอยู่กับหมู่กับเพื่อนมันเหมือนกับหลับหูหลับตาอยู่ อย่างพระเณรนี้เราก็ไม่ค่อยให้ยุ่งกับเรา เลยพระเณรคำว่า อาจริโย เม จะไม่มีละ ลืมตัวไปก็มีเยอะ ไม่ทราบว่าข้อวัตรปฏิบัติเกี่ยวกับครูบาอาจารย์เป็นยังไงต่อยังไง แต่เราก็มอบส่วนใหญ่ให้แล้วเราจึงไม่ว่าอะไร คือข้อวัตรปฏิบัติข้างนอกก็เป็น อาจริโย เม ให้ปฏิบัติให้ดีรอบคอบก็แล้วกัน เราเอาจุดนั้น เราจึงไม่สนใจกับอะไร นิสัยเราก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งด้วย ให้ทำข้อวัตรปฏิบัติซึ่งเป็นหน้าที่ของเราที่จะปฏิบัติต่อวัดต่อครูอาจารย์ให้ดีก็แล้วกัน

หลังจังหัน

         สรุปทองคำประเภทน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๒๖ เมื่อวานนี้ทองคำที่หลอมแล้วได้ ๓๘๗ กิโลครึ่งเท่ากับ ๓๑ แท่ง แท่งหนึ่ง ๑๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ยังไม่ได้หลอม ๑๐ กิโล ๖๔ บาท ๙๑ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็น ๓๙๘ กิโล ๓๒ บาท ๒ สตางค์ ถ้ารวมกับทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๓๘ กิโล ที่เป็นเศษของ ๑๑ ตัน เอา ๓๗ กิโลครึ่งเข้ามารวมกันก็เป็น ๔๓๕ กิโล ๖๔ บาท ๙๑ สตางค์ เรียกว่าเราได้ทองคำ ๑๑ ตันกับ ๔๓๕ กิโล ๖๔ บาท ๙๑ สตางค์

         ทองคำเราได้จากการช่วยชาติคราวนี้ ๑๑ ตันกับ ๔๓๕ กิโล ๖๔ บาท ๙๑ สตางค์ นับมาถึงเมื่อวานนี้วันที่ ๒๖ ก็ค่อยได้เข้ามาๆ เข้าสู่หัวใจของชาติเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร อย่างไรก็ขอให้ได้ทองคำเข้าไว้เป็นหัวใจของชาติๆ ยังดี ต้นเหตุที่เราจะเกี่ยวกับเรื่องทองคำ คือเขาอาจจะมีความหมายละ ที่เราไปมอบทองคำที่คลังหลวงเป็นครั้งแรก หัวหน้าคลังหลวงเขามานิมนต์เราไปดูทองคำในคลังหลวง  ทองคำที่เก็บไว้ในคลังหลวงเขานิมนต์เราเข้าไปดู ไปองค์เดียวนะ

เขาว่าที่ได้พบเห็นทองคำนี้มีสองท่านด้วยกัน สมเด็จพระเทพฯกับหลวงตา เขาเห็นความสำคัญ ที่เราเข้าไปก็จะเป็นสื่อสำคัญอันหนึ่งเขาถึงนิมนต์เข้าไป เห็นสองท่านเท่านั้นเห็นทองคำ เราก็เข้าไปดู ดูอย่างละเอียดลออ วางไว้เป็นซอกๆ ทองคำเป็นตับๆ กองเป็นแท่งๆ เราก็เดินซอกแซกไปหมด พอเสร็จแล้วก็เชิญหัวหน้าคลังหลวงไปคุยกันสองต่อสอง ว่าทองคำเราเวลานี้เอาไปฝากไว้ประเทศใดบ้าง เหตุที่เราถามอย่างนี้โดยไม่ต้องถามว่าฝากหรือไม่ฝากก็ตาม เพราะความแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องการเกี่ยวโยงระหว่างประเทศ ต้องเอาสมบัติเงินทองเข้าเป็นเครื่องประกันกันไว้

เราก็เลยถามจุดนั้น เขาก็ตอบทันทีเลย ทองคำเราที่ไปฝากประเทศนอกไว้เป็นเครื่องยืนยัน ว่าอย่างนี้เลยเรา มีเท่าไรๆ เขาก็บอก ประเทศสหรัฐมีเท่านั้น อังกฤษมี ดูมีสองประเทศ สหรัฐมาก แล้วในประเทศไทยเราล่ะมีเท่าไร มีเท่านั้นตัน นั่นละเราใจหายหมดเลย เมืองไทยเราทั้งประเทศมีทองคำเพียงเท่านั้นตันที่ไปฝากสหรัฐเป็นเครื่องยืนยันเกี่ยวกับเรื่องการติดหนี้ติดสินกัน มากมายกว่าทองคำที่อยู่ในคลังหลวงเราตั้งสองเท่า สามเท่า

คือแสดงว่าเกี่ยวโยงกันอยู่มากระหว่างสหรัฐกับประเทศไทย จึงต้องมีทองคำไปยืนยันกันตั้งมากมาย แต่เราไม่บอกจำนวนเท่าไร เราเป็นหัวใจของชาติไปลากตับลากปอดออกมาแกงมีอย่างเหรอ แล้วเราเป็นผู้นำเสียด้วยนะของประเทศ เวลานั้นกำลังนำพี่น้องทั้งหลายขนสมบัติเข้าสู่คลังหลวง เราจะไปพูดจุดสำคัญๆ ให้ใครทราบได้อย่างไร เราต้องเป็นจุดเคล็ดลับสำคัญของเราอันหนึ่ง สหรัฐฝากไว้เท่านั้น อังกฤษฝากไว้เท่านั้น มีสองประเทศ แล้วในเมืองไทยเราเวลานี้มีเท่าไร ว่ามีเท่านั้น ใจหายวูบเลย

นั่นละเราถึงได้โฆษณาเกี่ยวกับทองคำเข้าคลังหลวง เวลานี้เข้า ๑๑ ตันแล้วนะ พอหายใจได้บ้างละระยะนี้ ยังต้องพยายามอีก ให้พี่น้องทั้งหลายขวนขวายหาทองคำเราเข้าสู่คลังหลวง เรียกว่ามีน้อยมากนะ ทองคำในคลังหลวงเรามีน้อยมาก เราไม่บอกใครละเรื่องอย่างนี้ มีแต่ให้พากันพยายามหาทองคำมา เวลานี้กำลังเก็บไว้ที่ตู้นิรภัยในกรุงเทพฯ ทางอุดรก็มีตู้นิรภัยสำหรับเก็บทองคำไว้ เวลาชายปั๋มมาทีไรก็ให้เอาไป

สรุปทองคำน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๒๖ เมื่อวานนี้ ทองคำที่หลอมแล้ว ๓๘๗ กิโลครึ่ง เรียกว่า ๓๑ แท่ง ที่ยังไม่ได้หลอม ๑๐ กิโล ๖๔ บาท ๙๑ สตางค์ แท่งหนึ่งมัน ๑๒ กิโลครึ่ง นี่ได้ ๓๑ แท่งที่หลอมแล้วเวลานี้ ที่ยังไม่หลอม ๑๐ กิโล ยังไม่ถึง ๑๒ กิโลครึ่งยังหลอมไม่ได้ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่หลอมเวลานี้ ๓๙๘ กิโล ๓๒ บาท ๒ สตางค์ ถ้ารวม  ๓๗ กิโลครึ่งเข้าด้วยกันก็เป็น ๔๓๕ กิโล ๖๔ บาท ๙๑ สตางค์ ทองคำที่เรากำลังรวมกันอยู่เดี๋ยวนี้มีในจุดนี้ละ

เราได้พยายามที่สุดอะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติไทยของเรา เราพยายามที่สุด ใครมาแตะไม่ได้นะ เหมือนว่าเรานี้เป็นเจ้าของของสมบัติทั้งประเทศแต่ผู้เดียว คือความรักความสงวนใครมาแตะไม่ได้ ว่าอย่างนั้นเถอะ จะเอาเข้าถ่ายเดียวๆ เท่านั้น ทองคำเราในคลังหลวงเวลานี้ก็พอหายใจได้บ้าง เพราะมันเข้า ๑๑ ตันแล้ว เพิ่มเข้าไปอีก พอหายใจได้

เมื่อวานนี้หนักมากนะ ดูเป็นไข้หวัด หนักมากทั้งวันเลย แต่เราก็ไม่เห็นฉันยาอะไร ก็ฉันยาพาราเซตามอลที่แก้ปวด แล้วฉันยาแก้หวัด เมื่อคืนนี้นอนเหมือนตีไว้เลย เหมือนถูกตีถูกทุบไว้เลย ก็ดีอย่างหนึ่งเวลานอนหลับดีนะเมื่อคืน วันนี้พอฟื้นขึ้นบ้าง ที่จะไปเวียงจันทน์วันที่ ๓๑ นี้ได้กำหนดกฎเกณฑ์เรื่องรถเรื่องราไว้เรียบร้อยแล้วเหรอ (เรียบร้อยแล้วครับ ติดต่อไว้ทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว มีเบอร์ติดรถแต่ละคันๆ เรียบร้อย) รถที่จะเข้าอย่างไรต่ออย่างไรติดต่อเรียบร้อยแล้ว (รถตอนนี้ ๕๖ คันแต่มีพวกที่กรุงเทพฯที่จองเบอร์เรียบร้อยแล้ว คิดว่าเกือบร้อยคันครับ) นั่นเป็นอย่างนั้นละ หลวงตาบัวเคลื่อนไปไหนเป็นอย่างนั้นเดี๋ยวนี้

นี่ก็ยกประเทศต่อประเทศช่วยกัน คราวนี้ของเราก็ไม่น้อยนะ ลงขนาดเขาไม่มีที่เก็บเราก็ให้เท่านั้น ให้เท่าที่จะพอมีที่เก็บ ไม่อย่างนั้นจะให้มากกว่านี้ เช่นข้าวเป็นต้น  (ข้าว ๑๐ ตัน พวกน้ำปลา น้ำมันพืชอย่างละร้อยๆ เตียงคนไข้ ๒๐ เตียง แล้วที่เขาขอมา เสื้อผ้า ผ้าห่ม อะไรพวกนี้ให้ตามที่เขาขอมาครับ) ให้ตามที่เขาขอมา เขาไม่มีที่เก็บก็ให้แค่นั้น เช่นข้าวไม่มีที่เก็บก็ให้เท่าที่มีที่เก็บ ไม่อย่างนั้นจะให้มากกว่านั้น (เครื่องมือแพทย์เขาขอ ๘ รายการ ห้าล้านห้าแสนห้าหมื่น) เขากำลังสั่งเหรอ (หมออ้วนสั่งแล้วครับ) ที่ขอแล้วเป็นอันว่าตายตัว เรียกว่าจะตามหลังกันไปเพราะไม่ทัน

ช่วยเต็มเหนี่ยว ผู้ที่พออาศัยได้เราก็ช่วยกันไป ไม่ว่าใครเกิดมาไม่ได้มีเป็นตัวของตัวละ ต้องหวังพึ่งผู้อื่นเป็นลำดับ ตั้งแต่คลอดออกมาก็หวังพึ่งพ่อแม่เป็นผู้เลี้ยงดูมาตลอดๆ จนกระทั่งเฒ่าแก่ก็ลูกหลานช่วย ช่วยกันตลอด นี่ก็เหมือนกัน เราก็ช่วย ในวาระที่จะช่วยได้ช่วย ปีนี้กฐินวัดโพธิก็จะมานะ (กำหนดวันแล้วครับ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๐) ตอนบ่ายเหรอ (บ่ายครับ) ท่านก็เป็นอันหนึ่งกับเรา ท่านขอก็สมควรอยู่ ถ้าเป็นคนอื่นไม่เหมาะ แต่นี้ท่านกับเราเป็นอันเดียวกันด้วย แล้ววัดโพธิเป็นวัดอุปัชฌาย์ของเราด้วยเราก็พร้อมรับทันทีเลย เพราะเหตุผลลงกันเรียบร้อยแล้ว

นี่ก็วันที่ ๑๘ เรากำลังพิจารณาจะเอาอะไรๆ ไปวัดโพธิสมภรณ์จะขาดเขินอะไรบ้างเราต้องพิจารณาก่อนที่จะช่วยเหลือวัดโพธิ พวกอาหารการกินอะไรต่ออะไร พวกข้าวสารนี่ต้องช่วยละ พวกข้าวสาร พวกอาหารอย่างอื่นๆ ด้วยต้องช่วย เอาละให้พร 

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก