สำนวนเทศน์จะบอก
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
  วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๐

สำนวนเทศน์จะบอก

เมื่อเช้านี้ปรอทลง ๑๒ ที่กุฏิเรา อุดรกับนี้ผิดกัน ๔ องศา ถ้าทางนี้ ๑๒ ทางนั้นต้อง ๑๖ คือทางอุดรเขาบอก เวลาเขามาจังหันถามเขาว่าลงเท่านั้น ของเราลงเท่านี้ ผิดกัน ๔ ขีด ๔ องศา ทางโน้นไม่ได้หนาวเท่านี้ ทางนี้หนาว ๑๒ ทางโน้นจะต้อง ๑๖ ผิดกัน อย่างภูพานน่าจะหนาวกว่าเรา เอาอาหารไปส่งวันนั้น ของเรา ๑๒ โรงพยาบาลภูพานเราเอาของไปส่งวันนั้นถามเขา ว่า ๑๖ ผิดกันตั้ง ๔ องศา ของเราหนาวกว่า หรือของเราอยู่กับป่าอยู่กับภูเขาเหรอ แต่ก่อนมันเป็นดงติดกับภูเขานะนี่ วัดเราภูเขาติดลงมาถึงป่าดงถึงบ้าน นี่ดงทั้งนั้นที่เป็นวัดนี่ เป็นดงใหญ่ติดเข้าไป

         หลังจังหันแล้วก็จะไปวัดดงศรีชมพู ไปเทศน์จบแล้วก็กลับมาไม่ค้าง เพราะวันไปวัดเจ้าคุณเขียน บ้านโพนนี้จะค้างคืนหนึ่ง เพราะฉะนั้นทางนี้จึงไม่ค้าง ไปวันนี้แล้วก็กลับวันนี้เลย วันที่ ๓ ไปวัดเจ้าคุณเขียน ค้างคืนหนึ่ง ไปบรรจุพระธาตุท่าน เจ้าคุณเขียนเปรียญ ๙ ประโยคนะ ท่านอยู่บ้านโพน เปรียญจบ ๙ ประโยค เขาขอให้ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ดูเหมือนท่านเป็นให้ปีหนึ่งที่โคราช ดูเหมือนท่านเป็นให้ปีเดียวหรือสองปีนี่ละ ท่านก็ลาออกเลยมาอยู่บ้านโพน ปฏิบัติกรรมฐานมาเรื่อยๆ

ท่านติดต่อกับเราเงียบๆ ทราบได้ชัดเจนก็คือท่านส่งพระมาเรื่อย ส่งพระมาจากวัดท่าน บางทีท่านก็เขียนจดหมายฝากมาพร้อม บางทีก็ให้พระมาเองมาอยู่วัดนี้แล้วเอากลับคืนไป เดี๋ยวเอาองค์นั้นมาเดี๋ยวเอาองค์นี้กลับคืนไปอยู่อย่างนั้น ท่านทำอย่างนั้นมาเรื่อยๆ อย่างท่านบุญมีที่วัดถ้ำเต่านี้ก็มาจากท่านนั่นแหละ ท่านเอามาฝากที่นี่ จากนี้ท่านก็ขอไปโน้น ขอกลับไปโน้น อยู่ไม่นานท่านก็ส่งมาอยู่ถ้ำเต่า ท่านอยู่เงียบๆ

ปี พ.ศ.เท่าไรเราจำไม่ได้ที่ไปทอดผ้าป่าวัดท่านเจ้าคุณเขียน นานแล้วนะ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี ตั้งแต่คุณนายศรีจันทร์ยังอยู่ คุณนายศรีจันทร์เสียไปหลายปีแล้ว เราไปทอดผ้าป่า คือทางสายนี้ไม่มีแต่ก่อน สายกุมภวาปีตัดออกไปศรีธาตุ ไปบ้านโพนออกไปสี่แยกสมเด็จไม่มี ต้องไปขอนแก่นแล้วโค้งเข้ามาบ้านโพน เดี๋ยวนี้ตัดเข้าไปเลย นั่นละปีนั้นที่เราไปทอดผ้าป่าวัดท่าน ตอนนั้นคอมมิวนิสต์ยังชุมอยู่ พวกลัทธิผีลัทธิยักษ์ลัทธิไม่มีศาสนา

เหตุที่พูดนี้คือว่านิมนต์ท่านเทศน์ พอทอดผ้าป่าแล้วก็นิมนต์ท่านเทศน์ ท่านอยู่วัดป่า ท่านออกมาจากโคราชแล้วก็มาอยู่วัดป่าบ้านโพน เขานิมนต์ท่านเทศน์ ท่านก็เทศน์ให้เขาฟัง ท่านจะเป็นนักเทศน์หรือไม่เป็นก็ไม่ทราบแหละ แต่เราจะพูดว่าเป็นนักเทศน์ก็ได้แล้วใช่ไหมล่ะ เวลาไปทอดผ้าป่าเราคอยฟังท่านเทศน์ ฟังนี่เราจะเอาแง่ภาคปฏิบัติกับภาคปริยัตินะ ท่านมาอยู่วัดป่านานแล้ว เป็นยังไงภาคปฏิบัติทางด้านจิตตภาวนา จะบอกชัดเจนในสำนวนเทศน์ ความหมายว่าอย่างนั้น สำนวนเทศน์มันจะบอก

คือสำนวนเทศน์นี่จะไม่มีในตำรา แต่จะมีจากความจริงล้วนๆ ออกๆ ท่านเทศน์เราก็ฟัง เรียกว่านักเทศน์ฟังนักเทศน์ แต่เราฟังมีแง่คือว่าคอยฟังภูมิจิตภูมิธรรมของท่าน ท่านมาปฏิบัติอยู่นี้เป็นเวลานานแล้ว แล้วภูมิจิตภูมิธรรมท่านเป็นยังไง จะคอยฟังสำนวนเทศน์ท่าน คือเทศน์ถ้าทางด้านจิตใจได้ผลได้ประโยชน์มันจะออกๆ ธรรมะที่ท่านเรียนมา ๙ ประโยคจะไม่เข้ามายุ่งเลย จะมีแต่ภาคปฏิบัติออกล้วนๆ เราจะคอยจับเอาตรงนั้น ฟังท่านเทศน์ ท่านก็เทศน์ดีอยู่เรื่องดี แต่เราคอยจับเอาทางด้านปฏิบัติ มุ่งทางด้านปฏิบัติ พอท่านเทศน์จบลงแล้วก็เข้าใจ ว่าภาคปฏิบัติของท่านเป็นยังไง ได้ผลหรือยัง ก็ทราบจากสำนวนเทศน์ท่าน คือถ้าได้ผลทางภาคปฏิบัติ สำนวนเทศน์จะออกมาเป็นภาคปฏิบัติ ปริยัติ ๙ ประโยคจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง ภาคปฏิบัติจะออกล้วนๆ มากน้อย เป็นอย่างนั้นละ มันบอกเองนะ

คือภาคนี้เป็นภาค ธรรมะภาคปฏิบัติเกิดขึ้นจากใจตัวเอง เป็นสมบัติของเราเองๆ เรื่อยๆ แต่ภาคที่เราเรียนเป็นความจำ ไม่ใช่สมบัติของตัวเอง ความจำจำได้แล้วมันหลงลืมๆ ถ้าเป็นภาคปฏิบัติรู้ขึ้นมาด้วย เป็นสมบัติของเราด้วย บอกชัดๆ ให้ท่านเทศน์ให้ฟังวันนั้น เราก็ฟัง ฟังคือเราจะคอยจับเอาตามท่านเทศน์ ท่านมาอยู่นี้นานภาคปฏิบัติของท่านเป็นยังไง ได้ผลยังไงบ้าง จะคอยฟังเสียงท่านเทศน์ ถ้าได้ผลทางภาคปฏิบัติ จิตใจท่านรื่นเริงบันเทิงไปในทางภาคปฏิบัติแล้วมันจะบอกในสำนวนเทศน์ ได้มากน้อยเพียงไร สูงต่ำขนาดไหน มันจะแย็บออกละสำนวนเทศน์ แม้จะเทศน์สอนประชาชนก็ตาม แย็บออกจนได้แหละภูมิธรรม จับได้ทันทีๆ

ที่ท่านเทศน์คราวนั้นแล้วก็มา ก็ยังไม่เท่าไร ภาคปฏิบัติของท่านก็ยังไม่เท่าไร คือฟังสำนวนเทศน์ นี้เราพูดอย่างตรงไปตรงมา ก็เรากรรมฐานใหญ่จะว่าไง กรรมฐานใหญ่ไปทอดผ้าป่า เวลาเทศน์มันไม่ได้ฟังภูมิ ๙ ประโยค ๑๐ ประโยคนะ มันจะฟังธรรมะออกจากหัวใจ นั่นละเป็นของตัวแท้ พระพุทธเจ้ารู้อย่างนั้น พระสงฆ์สาวกรู้อย่างนั้น ท่านจะรู้อย่างไรท่านเรียนมา ๙ ประโยค ทางนี้จะไปจับ ทางนี้ ๓ ประโยคจะไปจับดูท่านเทศน์ ภูมิจิตภูมิธรรมของท่านสูงต่ำขนาดไหนๆ ท่านจะออกมา แม้ท่านจะไม่เทศน์ธรรมะขั้นสูง ก็จะมีแย็บออกมาจนได้ภูมิธรรมของท่านที่อยู่ในใจ ความหมายว่างั้น

นี่ท่านมรณภาพไปแล้ว อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ พออัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุแล้ว เราก็เข้าใจแล้วว่าท่านกับเราติดต่อกันลับๆ คือท่านฝากพระฝากเณรของท่านมาเรื่อยๆ ฝากมาแล้วขอกลับคืน แล้วฝากมาเรื่อย เป็นอย่างนั้น ติดต่อกันลับๆ เวลาอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุเราจึงถามย้อนหลัง ว่าท่านเป็นยังไงภาคปฏิบัติของท่าน โหย ธรรมะของเราเทศน์มีแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ อยู่ในกุฏิของท่านเต็มไปหมดเลย ท่านรวบรวมไว้หมด เข้าใจไหมแกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว สูงสุดของธรรม ธรรมะขึ้นถึงขั้นสูงสุด ท่านเอาไปไว้หมดเลย ท่านมีทุกกัณฑ์ พระเล่าให้ฟัง ธรรมะของเราท่านเอาไปฟัง

กลางคืนท่านฟังเทศน์ของเรานี้ละ ฟังอยู่คนเดียวไม่มีใครยุ่ง เรียกว่าท่านปฏิบัติคนเดียวเงียบๆ เจ้าคุณเขียน ๙ ประโยค ท่านติดต่อกับเราหรือว่าลงเราไม่ลงเราก็แล้วแต่เถอะ อย่างลับๆ เงียบๆ รู้ได้เวลาท่านส่งพระเณรมาอยู่กับเรา แล้วขอคืนไป แล้วส่งมาเรื่อย แล้วขอคืนไปเรื่อย อย่างนี้เงียบๆ มาตลอด บทเวลาอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุเราจึงถามย้อนหลัง ที่ไหนได้เทปเราเต็มอยู่กับกุฏิของท่าน ท่านฟังเทปเราตลอดว่างั้น พระเล่าให้ฟัง กลางคืนเงียบๆ ได้ยินเสียงอ๊อดๆ มีแต่เทศน์ของเราว่างั้น เอ้อ เหมาะสมแล้ว อัฐิกลายเป็นพระธาตุยอมรับทันทีเรา

เพราะธรรมะที่เราเทศน์สอนพระมีตั้งแต่เนื้อๆ ล้วนๆ เทศน์สอนประชาชนก็เป็นประชาชนไป แกงหม้อใหญ่ ช่วยโลกมีแต่แกงหม้อใหญ่ละมาก แกงหม้อเล็กไม่ค่อยมี จะมีบ้างก็ที่มีพระภาคปฏิบัติเข้ามาเกี่ยวข้องถึงแย็บออก เช่นอย่างไปวัดเขาน้อยสามผาน จันท์อย่างนี้มี ผู้สนใจปฏิบัติมีมาก ธรรมะจะออกภาคปฏิบัติ ถ้าเขายังไม่รู้ประสีประสาก็เป็นภาคแกงหม้อใหญ่ไป

(ถวายน้ำผึ้งเจ้าค่ะ) เอามาเถอะน้ำผึ้ง นี่บรรดาลูกศิษย์เคยรู้หรือเปล่าไม่ทราบ หลวงตานี้แต่ก่อนเป็นหมอผึ้ง วันนี้พูดเสียบ้างเห็นน้ำผึ้งมา เราไม่เคยพูดนะ ตีทอยขึ้นบนต้นยางสูงๆ ตีทอยขึ้นนู้นเอาผึ้ง เป็นหมอผึ้งใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่ตามหลังยั้วเยี้ยๆ เราเป็นหมอผึ้งเป็นคนตีผึ้งให้ พวกนี้เป็นคนหาม เราเพียงแต่แบกปืนติดตัวไป เพราะในดงในป่าอะไรควรยิงยิงดะเลย เราเป็นหมอผึ้งแต่ก่อน

พอพูดอย่างนี้เราก็ระลึกได้ เราบวชได้ ๑๔ พรรษา ออกจากนี้เราจะไปบ้านแวงที่ธรรมลีอยู่ หนองแวงที่ผาแดง เดินตัดไปนี้มันตรงดี ไปนี้เขาบอก นี้ๆ ทอยที่ท่านตอกตั้งแต่เป็นหมอผึ้งยังอยู่ เดี๋ยวนี้ผึ้งไม่เข้าแล้ว ที่ไหนก็ร้างไปหมด เห็นทอยเราขึ้นตีผึ้งบนต้นยาง

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก