เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
สมเหตุสมผลกับความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด
(วันนี้ทางจังหวัดอุดรจัดงานรำลึกถึงหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรครบรอบ ๑๑๔ ปีเจ้าค่ะ) ที่มีรูปปั้นของท่านอยู่นั้นนะ ที่แถวเมืองอุดรนี่เป็นทุ่งกว้างนะ แถวเมืองอุดรทั้งหมดไปถึงหน้าวัดโพธิสมภรณ์ ที่โรงร่ำโรงเรียนใหญ่ๆ โตๆ ทุกวันนี้แต่ก่อนเป็นป่าสะแก แถวนั้นมีแต่ไม้สะแก พวกละองพวกละมั่งพวกสัตว์นี้ออกมาเป็นฝูงๆ โห ๓๐-๔๐ แต่ละพวกละฝูง มันเที่ยวหากินตามนั้น แต่ก่อนยังไม่ได้ตั้งเมืองอุดร
มันมีนิทานมา คือมีแต่บ้านเหล่าบ้านเดียวอยู่ที่นั่น แถวนั้นไม่มีบ้านคน บ้านเหล่าก็จะมีกี่หลังคาเรือน ทีนี้อีตาทิดพิณอยู่ทางบ้านเหล่า อีตาทิดพาอยู่ทางสารคาม เป็นเสี่ยวกัน ทางโน้นมาเยี่ยมทางนี้ก็พาไปหาเที่ยวชมป่าล่าสัตว์ เพราะสัตว์เต็มป่าอยู่นี่ พวกละองพวกละมั่งพวกอะไรนี้มากจริงๆ เหมือนสัตว์บ้าน ตรงที่หน้าวัดโพธิฯ มันเป็นลานมีน้ำขังอยู่บ้างหน้าฝน หน้าแล้งไม่มีแห้งแล้ง
อีตาทิดพิณกับทิดพานี้ไปหาล่าสัตว์ ไปถึงที่ตรงนั้นละที่หน้าวัดโพธิฯ วัดโพธิฯ จะมีอะไรแต่ก่อน มีแต่ป่าเสม็ดสะแหมด เป็นป่าทั้งหมด พอไปล่า ปืนแต่ก่อนต้องมีไฟจุด เอากาบมะพร้าวถือไปด้วย เวลาจะยิงก็คนหนึ่งจุดให้ คนหนึ่งยิง ไม่มีดินปืนแต่ก่อน เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนมายังไงไม่รู้ นี่หมายถึงตั้งแต่ท่านพระครูวัดโยธานิมิตร ท่านเป็นคนบ้านเหล่าท่านเล่าให้ฟัง
พอไปก็เห็นละมั่งเต็มอยู่ในป่าสะแก มันเหมือนสัตว์บ้านว่างั้นเถอะ ยั้วเยี้ยๆ ทางนี้ก็ถือคบไฟนิดๆ ตามไป เวลาจะยิงก็ให้ทางนี้จี้ดินระเบิด พอไปจวนเข้าไปๆ ก็คลานไป พวกละมั่งก็เต็มอยู่นั้น ทางนี้ก็โบกมือให้มาเรื่อยๆ ให้ทัน คือยิงให้ทัน เวลายกขึ้นยิง ทางนี้จ่อแล้วก็ยิงว่างั้นเถอะ พอจวนเข้ามาทางนี้ก็กวักมือให้มาเรื่อยๆ ทีนี้มันนุ่งผ้าโจงกระเบนละซีไม่มีกางเกง มีแต่เพลินกับละมั่ง จ้อละมั่ง พอดีผ้าโจงกระเบนหลุดยังเหลือแต่นั่นละ ทางนี้ก็ถือไฟจ่อเข้าไป ทางนั้นก็โดดผางเลย
อย่ามาๆ แตนๆ บอกผู้ถือไฟ อย่ามาๆ แตนๆ ไฟจี้หำมันเข้าใจไหม แต่เขานึกว่าแตน อย่ามาๆ แตนๆ ทางนั้นก็ดิ้นตาย หัว(เราะ) ไหนรังมันอยู่ไหนจะเก็บมันให้หมด ที่ไหนได้เห็นแต่ควันไฟ เลยบอกว่า เอ๊ คนหนึ่งทำจริงอีกคนหนึ่งมาทำเล่นยังไง นั่นละเรื่องนิทานที่ว่าหนองประจักษ์ มันไม่มีคน เป็นป่าสะแก เขามาปรับปรุงใหม่ เดี๋ยวนี้ก็เลยเป็นที่น่าอยู่น่ากินน่าเที่ยวแล้วแหละที่หน้าวัดโพธิฯ ทำเลน้ำมากนะ ดูเหมือนไปเอาน้ำมาจากเขื่อนห้วยหลวง แต่ก่อนไม่มีที่เก็บน้ำ เวลาเขาทำใหม่เดี๋ยวนี้เป็นที่เก็บน้ำได้ดี
(หลวงตาหยิบบุหรี่มาสูบ) หลวงปู่แหวนท่านสูบบุหรี่ตัวใหญ่ๆ สามตัวนี้จะเท่าตัวหนึ่งของท่านเหรอ ท่านสูบตัวใหญ่อย่างนี้มวนสูบ นั่นละความชินต่อนิสัย ท่านเลยประจำอยู่ที่เชียงใหม่เลยนะ เชียงใหม่นี้มีพระเพชรน้ำหนึ่งไปสำเร็จอยู่นั้นหลายองค์ พ่อแม่ครูจารย์มั่นก็อยู่เชียงใหม่ ไปสำเร็จอยู่ที่เชียงใหม่ หลวงปู่พรหมที่เชียงใหม่ หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน สี่แล้วที่เชียงใหม่ หลวงปู่ตื้อ ท่านเหล่านี้อัฐิกลายเป็นพระธาตุหมดแล้วนะ เรียกว่าตีตราพระอรหันต์ไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ออกประกาศอย่างเปิดเผยให้ประชาชนทราบทั่วหน้ากัน จากอัฐิที่กลายเป็นพระธาตุเรียบร้อยแล้ว
หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่พรหม หลวงปู่ขาว ไปสำเร็จที่เชียงใหม่ หลวงปู่ตื้อ โถ หลวงปู่ตื้อพระธาตุของท่านสวยงามมาก เหมือนสีทองคำเลย อยู่บ้านข่า เราไปดูเอง อัฐิกลายเป็นพระธาตุ นี่ก็มาจากเชียงใหม่ๆ ทั้งนั้น สี่ห้าองค์เท่าที่พอทราบได้ หลวงปู่มั่น หลวงปู่พรหม หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว หลวงปู่ตื้อ ห้าแล้ว เชียงใหม่ห้าองค์ เป็นทำเลที่บำเพ็ญสมณธรรมของท่านได้เป็นอย่างดี มีแต่ในป่าในเขาๆ พระถึงไปเป็นเพชรน้ำหนึ่งอยู่ที่นั่นหลายองค์
นั่นละเห็นไหมธรรมของพระพุทธเจ้า ก็เหมือนเพชรนิลจินดาที่ฝังอยู่ในแผ่นดิน คนที่ตาบอดหูหนวกก็เหยียบย่ำไปมา เพชรพลอยอยู่ในนั้นเหยียบย่ำไปมา กิเลสพวกตาบอดมันเหยียบย่ำธรรมทั้งหลายไปมาอยู่อย่างนั้น มันไม่เห็นไม่รู้ไม่สนใจ อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี มีแต่จะดีเรื่อยๆ พวกส้วมพวกถานดีทั้งนั้น ถ้าเป็นพวกเพชรนิลจินดาไม่สนใจ ทีนี้ผู้สนใจผู้ปฏิบัติท่านปฏิบัติของท่านอยู่ แล้วก็เจอเรื่อยๆๆ ดังที่กล่าวมาเหล่านี้ มีแต่ท่านผู้เจอแล้วทั้งนั้นๆ
หลวงปู่ขาวนี่พอจำได้ว่าโรงขอด ไปทางอำเภอแม่แตง ท่านเล่าให้ฟัง มี ๕ องค์เท่าที่จำได้ หลวงปู่ตื้อก็ที่นั่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ขาว หลวงปู่พรหม ที่เชียงใหม่ห้าองค์ของเล่นเมื่อไร ส่วนมากมีแต่ทำเลในป่าในเขา ท่านผู้บำเพ็ญได้ธรรมประเภทนี้มามักจะอยู่ในป่าในเขาลึกๆ ทั้งนั้น ไม่ได้ออกมาหาตลาดกระดูกหมูกระดูกวัวนะ ท่านเข้าอยู่ในป่าในเขา เอาตั้งแต่เพชรน้ำหนึ่งออกมา
นี่ทองคำๆ เราพยายามขวนขวายเข้ามาสู่หัวใจของชาติ พยายามเต็มกำลังความสามารถของเรานะ สมบัติที่จะเป็นหัวใจของชาติ สมบัติสำคัญๆ เราพยายามขวนขวายหามา อันนี้ก็ใช่เข้าคลังหลวงๆ ไม่ตกเรี่ยเสียหายไปไหนเลย เราทำด้วยเจตนาต่อชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ต่อบ้านต่อเมืองเราจริงๆ เพราะฉะนั้นจึงบริสุทธิ์ทุกอย่าง ที่เรานำพี่น้องทั้งหลายขวนขวายหามานี้ ไม่ได้มีตกเรี่ยเสียหายไปไหน เพราะเราเป็นผู้นำ ผู้เก็บรักษาก็เป็นหัวใจเดียวกับเรา เคลื่อนคลาดไปไม่ได้ ตรงแน่ว แน่วต่อความบริสุทธิ์
นี่ก็ได้ตั้งมากมายแล้ว เราพิจารณาดูซีในปัจจุบันนี้เราเคยมีที่ไหนล่ะ เมืองไทยเราได้ทองคำเข้าสู่หัวใจแห่งชาติของตนถึง ๑๑ ตัน เท่ากับหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยเก้ากิโลได้เข้าคลังหลวงแล้ว เราก็พยายามที่สุด ส่วนดอลลาร์ได้เข้าเพียงสิบล้านสองแสนกว่า ดอลลาร์ต้องออกมาช่วยเงินไทย เงินไทยที่ช่วยโลกไม่พอ พอเราหยุดเทศนาว่าการแล้วการเงินการทองที่จะมาช่วยชาติมันก็หมดไปๆ แต่คนที่เขามาขอร้องหรือขอความจำเป็นให้ช่วยเหลือนี้ก็ไหลมาตลอดเวลา สุดท้ายก็ต้องได้เอาดอลลาร์ละมาช่วยเงินไทยกระจายออกไป เดี๋ยวนี้อาศัยดอลลาร์ช่วยเงินไทย
ท่านทั้งหลายเห็นไหมที่ได้นำพี่น้องทั้งหลายนำด้วยความบริสุทธิ์จริงๆ เรียกว่าเป็นประวัติศาสตร์แห่งชาติไทยของเรา ในความบริสุทธิ์จากการนำพี่น้องทั้งหลายเพื่อชาติบ้านเมืองของเรา ไม่มีอะไรตกเรี่ยเสียหายไปไหนเลย เราเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง จึงบริสุทธิ์ มีเท่าไรเข้าหมดๆ นี่ก็จะเข้าไปเรื่อยๆ อย่างนี้ละ ถ้าเรายังไม่ตายเหตุการณ์มันยังเกี่ยวโยงอยู่นี้เราก็จะต้องได้เป็นอย่างนี้ มาเรื่อยๆ ทองคำ-ดอลลาร์ สำคัญที่สุดคือทองคำ ดอลลาร์-เงินสดนี้ออกตลอดอยู่แล้วนี่ ช่วยชาติบ้านเมือง ส่วนทองคำนี้เอาเข้าจุดๆ
นี่ก็ได้ทองคำหนักถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยกิโลกว่าแล้วที่นำเข้าคลังหลวง หาได้ที่ไหนลองดูซิน่ะ ได้ทองคำเป็นหมื่นกิโล หมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยกิโลกว่าแล้ว ความแน่นหนามั่นคงอุ่นหนาฝาคั่ง คลังหลวงของเราเป็นหลักเป็นเกณฑ์ได้โดยลำดับๆ เมืองไทยของเราก็มีหน้ามีตา ไม่น้อยหน้า ถูกเขาชี้หน้าชี้หลังอย่างลับๆ มันน่าอายไหมล่ะมนุษย์น่ะ เราเป็นมนุษย์เหมือนเขา เขามีหน้ามีตา ชี้หน้าชี้ตาเราอย่างลับๆ มันน่าอายไหมล่ะ
เมื่อเราเป็นเนื้อเป็นหนังของเรา ต่างอุตส่าห์พยายามขวนขวายหามาเต็มกำลังความสามารถของตนแต่ละท่านๆ เพื่อประเทศไทย มันก็ได้ทองคำมาถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยกว่ากิโล ของเล่นเมื่อไร ถ้าไม่หาไม่ได้เลยนะ ก็หน้าเหี่ยวหน้ายุบยอบอยู่อย่างนั้น นี้ได้มาแล้วก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทองคำตั้งหมื่นกว่าของเล่นเหรอ ก่อนที่จะนำพี่น้องทั้งหลายเราคิดทุกแง่ทุกมุม ไม่ได้นำไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้านะ นำพี่น้องทั้งหลายในแง่ใดคิดเรียบร้อยแล้วค่อยพาออกๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ผิด ไม่ผิดแหละ
พอเราว่าจะนำช่วยชาติ ประชาชนทั้งหลายก็จะคิดถึงด้านวัตถุเงินทองข้าวของ หนุนชาติไทยของเรา อันนี้เราถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ประชาชนจิตใจจ่ออยู่ตรงวัตถุ ว่าจะได้วัตถุอะไรบ้างมาช่วยชาติบ้านเมืองของตน แต่เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น วัตถุเป็นเพียงชิ้นหนึ่งเล็กๆ แต่ธรรมะที่จะเข้าสู่จิตใจเพื่อฟื้นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของตนนั้นเป็นเรื่องใหญ่โตมาก คราวนี้ธรรมะจะได้กระจายออกสู่หัวใจประชาชน จิตใจก็จะค่อยชุ่มเย็นมีหลักมีเกณฑ์มีเหตุมีผล การประพฤติเนื้อประพฤติตัวการกินอยู่ปูวาย เมื่อธรรมเข้าสู่ใจย่อมรู้จักประมาณ นั่น คราวนี้เป็นคราวที่ธรรมจะได้เข้าสู่หัวใจประชนชาวพุทธเรา ก็เข้าจริงๆ เห็นไหมล่ะ เวลานี้เกือบร้อยสถานีแล้วมัง (๙๘ แล้วครับ)
นั่น สถานีต่างๆ ๙๘ สถานี เป็นสถานีของธรรมที่ไหลเข้าสู่ใจทั้งนั้น จากที่ออกไปเป็นหนังแส่หนังสือออกทางวิทยุในที่ทั่วๆ ไปมาแต่ก่อนนั้นออกมากขนาดไหน ตั้งแต่เราเริ่มประกาศธรรมที่ว่านำพี่น้องทั้งหลาย วัตถุก็ร่อยหรอๆ ก็อย่างนี้ละทองคำได้นิดๆ หน่อยๆ แต่ธรรมออกทุกวัน ออกอย่างกว้างขวางด้วยนะ ไม่ได้คับแคบนะไม่ได้ตีบตัน ออกกว้างขวาง วิทยุนี้กระจายออกไปเรื่อยๆ เกือบร้อยสถานีแล้ว ยังจะออกอีกนะธรรมะที่ออกทางวิทยุ
ธรรมะที่ออกทั้งหมดนี้เราเป็นที่พอใจ เราไม่มีอะไรบกพร่องในธรรมทั้งหลายที่นำออกเพื่อพี่น้องทั้งหลาย เพราะเป็นที่แน่ใจจากหัวใจเราเองซึ่งปฏิบัติมารอดล้มรอดตาย เรียกว่าเดนตายมาจึงได้ธรรมะมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ไม่ใช่ได้ธรรมดา ไปอยู่ในป่าในเขา พอพูดอย่างนี้ยังทำให้ระลึกได้ กิเลสเกิด ธรรมเกิด เราอยู่บนภูเขา ถึงเวลาไปบิณฑบาตก็คำนวณกำลังวังชากับระยะทางที่จะไป มันจะถึงบ้านเขาหรือไม่ยังไง กำหนดมากะว่าไปถึงบ้านเขาในระยะนั้น เอาฉันตรงนั้น ถ้าเลยนั้นแล้วจะไปบิณฑบาตไม่ได้ ก็ไป แม้เช่นนั้นยังไม่ถึงบ้าน ไปถึงกลางทางเท่านั้นหมดกำลัง
ตอนนั้นอายุในราว ๓๐ อยู่ในย่านนี้ กำลังเร่งนะ ๒๗-๒๘ ออกปฏิบัติ ตั้งแต่นั้นละขึ้นเวที ไปหมู่บ้านก็ไม่ถึงหมดกำลัง เลยไปนั่งเจ่าอยู่กลางทาง แต่เรื่องจิตใจนี้ไม่ต้องพูด มันอ่อนเฉพาะเรื่องกำลังทางร่างกายต่างหาก จิตใจเหมือนจะเหาะเหินเดินฟ้า นี่ละมันดึงมันฉุดมันลากมันต่อสู้กันอย่างนี้ เราจึงต้องทน เอ้า ถึงจะทุกข์ยากลำบากขนาดไหน เอ้า ทน เพราะธรรมนี้หายาก การหิวโหยโรยแรงไม่มีกำลังวังชาเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกิน พอกินอิ่มแล้วนี้เหมือนม้าแข่ง กำลังมารวดเร็ว แต่กำลังของธรรมมาได้ยาก ต้องพยุงทางนี้ให้มาก นั่นละจึงต้องอดบ่อยๆ
พอไปถึงกลางทางไปไม่รอดแล้ว ไปนั่งเจ่า แต่จิตมันสง่านะ มันออบแอบๆ ไปไม่รอดตั้งแต่ร่างกายเท่านั้น ส่วนจิตนี้มันสง่างามตลอดเวลา เดี๋ยวขึ้นแล้วนะ นี่ละเรียกว่ากิเลสเกิด เป็นคำๆ ผุดขึ้นมาเลยเราไม่ได้คาดได้คิดละ นี่เห็นไหม ท่านอดอาหารเพื่อจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่กิเลสยังไม่ตาย ท่านกำลังจะตายอยู่เวลานี้รู้ไหม คืออดอาหารมันหิวโหยมันจะตาย รู้ไหม กิเลสขู่เราเพื่อจะให้เราหมอบวิ่งตามกิเลส นี่เรียกว่ากิเลสเกิด สกัดลัดกั้นเราไม่ให้ก้าวเดินเพื่อความพ้นทุกข์ มันจะลากเอาไว้
ท่านเห็นไหม ท่านอดอาหารเพื่อจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่กิเลสยังไม่ตายท่านกำลังจะตายเวลานี้รู้ไหม ขึ้นอย่างผึงๆ นะ รุนแรงมากเหมือนกัน พอทางนั้นตกลงไปปั๊บธรรมขึ้นทันทีเลย นั่น ทีนี้ธรรมเกิด นั่งอยู่ สักเดี๋ยวก็ การกินนี้ก็กินมาตั้งแต่วันเกิด นี่เห็นไหมมันแก้กัน กินมานี้ตั้งแต่วันเกิดก็ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไร อดเพียงเท่านี้จะตายหรือ เอ้า ตายก็ตาย นั่นเห็นไหมล่ะ พุ่งเลยไม่มีอ่อน นั่นละเรียกว่าธรรมเกิดแก้กันกับกิเลส เราไม่ลืมมันเป็นอยู่ในหัวใจ เป็นคำพูดขึ้นมาเป็นคำๆๆ เวลากิเลสออกก็ออกอย่างนั้น เวลาธรรมปราบกิเลสแก้ปัญหากันกับกิเลสก็แก้อย่างนั้น เราไม่ได้ลืมนะ
ธรรมเหล่านี้ละที่ได้นำมาสอนพี่น้องทั้งหลายเป็นของเล่นๆ เมื่อไร เราสละเป็นสละตายจริงๆ เพื่อธรรมทั้งหลายนี้ เพราะจิตใจมันมุ่งมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์เลย หลังจากได้ฟังโอวาทของพ่อแม่ครูจารย์มั่น เหมือนว่านิพพานนี้อยู่ชั่วเอื้อมๆ เห็นไหมนี่น่ะ พุทธศาสนาศาสนธรรมของพระพุทธเจ้านี้คือตลาดแห่งมรรคผลนิพพาน รู้ไหมๆ อยู่อย่างนั้น ธรรมะท่านท้าทายเราเข้มข้นมากทีเดียว สมกับเจตนาเราไปเพื่อจะตัดความสงสัยเรื่องมรรคผลนิพพาน อยากไปมรรคผลนิพพานก็อยากไป แต่จะมีหรือไม่มีนะ นี่ส่วนย่อยมันไปแบ่งเอา ถ้าหากว่ามีท่านผู้ใดผู้หนึ่งมาบอกเราว่ามรรคผลนิพพานยังมีสมบูรณ์อยู่แล้ว เราจะมอบกายถวายตัวต่อท่านผู้นั้นแล้วเราจะเอาตายเข้าว่าเลย
เราไปก็เข้ากันได้กับพ่อแม่ครูจารย์มั่น ท่านก็ใส่ผางมาเลย ไล่ไปที่ไหนไม่ใช่มรรคผลนิพพานไม่ใช่กิเลสไม่ใช่ธรรม ไล่ไปหมดทั่วโลกธาตุ ไม่ใช่กิเลสไม่ใช่ธรรม ธรรมแท้กิเลสแท้อยู่ที่ใจ เอ้า เปิดขึ้นด้วยจิตตภาวนา นั่นเห็นไหมท่านบอก พระพุทธเจ้าเปิดขึ้นด้วยจิตตภาวนา สาวกทั้งหลายเป็นสรณะของพวกเรานี้เปิดด้วยภาวนา เอ้า เปิด กิเลสอยู่ที่นี่ธรรมอยู่ที่นี่ไม่อยู่ที่อื่น อย่าไปหาให้เสียเวล่ำเวลา ท่านใส่เปรี้ยงๆ ทางนี้ขึ้นเลยทันที พอออกจากที่ท่านมากลับไปยังไม่ถึงที่พัก เป็นยังไงทีนี้ถึงใจไหม ฟังอย่างถึงใจหายสงสัย ทั้งๆ ที่กิเลสมีอยู่ในใจ แต่มรรคผลนิพพานนั้นหายสงสัยเลย
ทีนี้มีแต่จะฟัดกันละที่นี่ ทีนี้จะจริงไหม ได้ฟังธรรมะอย่างถึงใจจากพ่อแม่ครูจารย์มาแล้วเป็นยังไงจะจริงไหม จริง ไม่จริงต้องตายเท่านั้น นั่นเห็นไหมล่ะ ไม่จริงตายเท่านั้น นั่นละตั้งแต่บัดนั้นมา ฟัดกันเลยไม่ได้ถอย นิสัยอันนี้มันนิสัยอะไรไม่รู้ละ ถ้าเป็นทางโลกเขาเรียกว่าผาดโผนโจนทะยาน ถ้าเป็นทางธรรมเรียกว่าเด็ดขาดเฉียบขาด มันก็พุ่งซิ ตั้งแต่บัดนั้นมาเอาเป็นเอาตายเข้าว่าๆๆ เป็นเวลา ๙ ปี เราตกนรกทั้งเป็นนะ ได้รับความทุกข์ความยากลำบากที่สุดในชีวิตอันนี้ชีวิตของพระ ย่นเข้าไปชีวิตของการภาวนาหนักมากที่สุดในชีวิตของเราที่เป็นนักบวช
ตั้งแต่เป็นฆราวาสมางานใดก็ตามหนักขนาดไหนทิ้งได้เลย แต่งานจิตตภาวนาไม่มีทิ้ง มีแต่ฟัดกันตลอด ให้ตายอยู่บนเวทีเลยเชียว นั่นละถึงได้หนักมาก แล้วผลก็สมเหตุสมผลกับความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด กิเลสมันก็อ่อนตัวลง ทีนี้ก็ฟัดกันเสียขาดสะบั้นลงไป จ้าขึ้นมาแล้วจึงได้นำธรรมนี้มาสอนโลก มาสอนท่านทั้งหลายด้วยความหลอกลวงเหรอ เราเอาเป็นเอาตายเอาชีวิตเข้าแลก แล้วมาสอนโลกด้วยความหลอกลวงเป็นไปได้หรือพิจารณาซิ เพราะฉะนั้นการพูดการจาจึงไม่มีคำว่าสะทกสะท้าน ธรรมะอยู่ในหัวใจนี้ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันครอบโลกธาตุแล้วสะทกสะท้านที่ไหนพิจารณาซิ เชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ใคร ตาบอดมีกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านๆ คนไม่มีความหมาย คนตาดีเพียงคนเดียวสองคน นี่ละความหมายอยู่ที่นี่ เอาตรงนี้ให้ได้ เข้าใจไหมล่ะ เอาละพอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz |