โลกได้รับความทุกข์เพราะความฟุ้งเฟ้อ (เศรษฐกิจพอเพียง)
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา 13:20 น.
สถานที่ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ

อาคารวิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ (อาคาร 14)

อ.เมือง จ.สกลนคร

เมื่อบ่ายวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙

โลกได้รับความทุกข์เพราะความฟุ้งเฟ้อ (เศรษฐกิจพอเพียง)

วันนี้เป็นวันโอกาสวาสนาอำนวย บรรดาพี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธทั่วประเทศไทยได้มาชุมนุมกันที่นี่ โดยมีหลวงตาบัวเป็นผู้ให้โอวาทแนะนำสั่งสอนเกี่ยวกับความเป็นอยู่ปูวายของเราทั่วโลกดินแดน มีความเป็นอยู่ปูวายเป็นสำคัญ ถ้าอันนี้ไม่ดีแล้วโลกนี้ว่าเจริญเท่าไรก็หาความเจริญไม่ได้

         วันนี้ได้มีโอกาสมาพูดธรรมะให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เพราะเสียงอรรถเสียงธรรมนี้นานๆ จะได้ฟังสักทีหนึ่ง แต่โลกเสียงสงสารเสียงฟืนเสียงไฟเผาไหม้นั้นมีทั่วโลกดินแดน หาความสงบร่มเย็นไม่ได้ ล้วนแล้วตั้งแต่เรื่องของโลกที่เป็นโลกของกิเลส มีฟืนมีไฟเผาไหม้กันไปตามลำดับลำดา ธรรมนี้เป็นน้ำดับไฟคอยระงับดับกันไปด้วยศีลด้วยธรรม ความรู้จักประมาณ การอยู่การกินการใช้สอยทุกอย่าง ท่านจึงเรียกว่าเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือให้รู้จักความพอดิบพอดี อย่าให้ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว

         โลกนี้ได้รับความทุกข์เพราะความฟุ้งเฟ้อไม่รู้จักประมาณนั้นแล ได้มาเท่าไรก็ไม่พอๆ กับกิเลสตัวทะเยอทะยาน ไม่มีคำว่าพอก็คือกิเลส คำว่าพอเพียงนั้นคือธรรม เป็นเบรกห้ามล้อ ยับยั้งเอาไว้ ไม่เช่นนั้นโลกนี้จะหมุนกันเป็นไฟเสียหมด ใครก็ตื่นลมตื่นแล้งว่าโลกนี้เจริญๆ แต่ความเจริญของโลกนั้นคือฟืนคือไฟเผาไหม้จิตใจและกิริยาอาการให้เดือดร้อนวุ่นวายหมุนติ้วไปนั้นไม่ค่อยได้คิดกัน

         ธรรมท่านจึงเป็นเบรกห้ามล้อ หักห้ามไว้ให้อยู่พอประมาณ ที่เรียกว่าเศรษฐกิจพอเพียง มีพออยู่พอกินพอเป็นพอไปแล้วก็ให้อยู่ไปตามนั้น จะเป็นความสงบร่มเย็น  อย่าดีดอย่าดิ้นเกินเหตุเกินผล เห็นเขามี เศรษฐีคนมีเงินมากเขาก็มีเป็นธรรมดา เราเป็นคนทุคตะเข็ญใจก็ให้ดูฐานะของตน กำลังวังชาวาสนาบารมีของตน ของเขาของเรานั้นต่างกัน ให้อยู่ตามสภาพแห่งอำนาจวาสนาบุญญาบารมีของตน ตะเกียกตะกายไปเป็นเหมือนโลกทั่วๆ ไป อย่าดีดอย่าดิ้น เห็นเขามีอะไรก็อยากมีกับเขา ครั้นเมื่อเงินในกระเป๋าไม่มี ก็ไปเที่ยวกู้เที่ยวยืมเขามา กู้ยืมนั้นแหละคือฟืนคือไฟตามเผาไหม้ในหัวใจของเรา

         ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า กองทุกข์ที่มีอยู่ในโลกนี้คือหนี้สินเป็นสำคัญ การติดหนี้ติดสินนี้เป็นทุกข์ในโลก การไม่ติดหนี้ติดสินเป็นอิสระของตัวเอง แม้คนทุกข์คนจนหาเช้ากินเย็นแต่ไม่ได้ติดหนี้ติดสินใครก็อยู่ผาสุกเย็นใจ คนที่ติดหนี้ติดสินเขานั้นเป็นฟืนเป็นไฟ สุดท้ายเจ้าหนี้กับลูกหนี้ก็เลยทะเลาะเบาะแว้ง เกิดเป็นฟืนเป็นไฟก่อกรรมก่อเวรต่อกันมีจำนวนไม่น้อย เพราะหนี้สินเป็นสำคัญ

         เพราะฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธ ให้อยู่ในความสันโดษพอดี เรียกว่าเศรษฐกิจพอเพียง ให้พยายามเสาะแสวงหาตามกำลังความสามารถของตน เรามีล้ออยู่ในบ้านของเรา เราก็นำล้อไปใช้ เขามีรถยนต์เขาก็ใช้รถยนต์ เขามีกี่คันรถยนต์ในบ้านของเขาก็เป็นเรื่องของเขา เรามีล้อเราก็ใช้ล้อของเรา ก็เป็นวาสนาของเรา ไม่ดีดไม่ดิ้น เห็นเขามีรถยนต์ก็อยากมีรถยนต์ ซื้อสดซื้อผ่อน ซื้อเหล่านี้มีแต่เรื่องติดหนี้ติดสินทั้งนั้น เป็นความไม่พอดีเลย นี่ละการสร้างทุกข์ให้แก่ตน

         เริ่มต้นตั้งแต่ความทะเยอทะยาน ไม่อยู่ตามปรกติ คือความเพียงพอตามนิสัยวาสนาบารมีของตนบ้างเลย มีแต่ความดีดความดิ้น อยากให้เป็นอย่างโลกเขา มันไม่เป็น โลกนี้ธรรมท่านว่า กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตํ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกแจกสัตว์ทั้งหลายให้มีความประณีตเลวทรามต่างกัน เพราะฉะนั้นโลกเกิดมาจึงเกิดมาด้วยอำนาจแห่งบุญกรรมของตน จะไปเกิดในโลกใดก็อำนาจแห่งบุญกรรมติดตามไปด้วยทุกภพทุกชาติ ความสุขความทุกข์มีมากน้อยจึงติดตามผู้มีกรรมที่ตนได้สร้างไว้ทั้งดีทั้งชั่วตลอดไป

         ในภพใดชาติใดก็ตามบุญกรรมเป็นสำคัญ ที่จะต้องติดแนบกับหัวใจ ดวงที่พาให้ไปเกิดตะเกียกตะกายก็คือใจดวงนี้ ไปเกิดที่ไหนบุญกรรมก็ต้องติดตามไป ความสุขความทุกข์ก็ต้องติดตามจิตใจไป เกิดในภพใดชาติใดแทนที่จะเป็นความสมหวัง ผิดหวังก็มีมากมายก่ายกอง เพราะเราสร้างความผิดหวังเอาไว้ ผลเกิดขึ้นมาก็มีแต่ความผิดหวังๆ ความสมหวังนั้นมีน้อยทีเดียว โลกทั้งหลายจึงมีความเดือดร้อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเชื่อบุญเชื่อกรรมเป็นสำคัญ

         เมืองเราประเทศไทยของเราอย่างน้อย ๘๐% เป็นประเทศแห่งชาวพุทธ ถือพระพุทธศาสนาเป็นหลักใจฝากเป็นฝากตาย ถ้าเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วจะพอเป็นพอไป ไม่ดีดไม่ดิ้นจนเกินเหตุเกินผลจนถึงกับได้รับความทุกข์ความทรมาน ไม่มีวันหยุดยั้งได้เลยดังที่เป็นอยู่เวลานี้ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายดูตัวเอง ดูกรรม ดูวาสนาของตัวเองแต่ละคนๆ อย่าไปดูแต่ตึกรามบ้านช่อง ความเป็นเศรษฐีของคนมั่งมีเขา จะเอากบตัวหนึ่งไปแข่งช้างทั้งตัวนั้นเป็นไปไม่ได้ อย่างเขาเรียกว่าอึ่งอ่างกับวัว

         อึ่งอ่างนั้นตัวเล็กๆ เขาอยู่ในรูในถ้ำของเขา แม่ไปเที่ยวหากิน แล้วมีวัวตัวหนึ่งเที่ยวหากินป้วนเปี้ยนมาปากรูของอึ่งอ่างตัวนั้น อึ่งอ่างตัวนั้นก็ขยับไปนู้นขยับไปนี้ กลัววัวจะเหยียบหัวอึ่งอ่างนั้นแหละ ทีนี้พอวัวผ่านไปแล้วแม่ไปหากินกลับมาก็เล่าให้แม่ฟังว่า แม่ เมื่อสักครู่นี้มีสัตว์ตัวหนึ่งใหญ่โตมาก มาเหยียบผ่านไปเหยียบผ่านมาอยู่ที่ปากรูของลูกนี้แหละ ลูกขยับไปขยับมา หลีกมหาภัยคือสัตว์ตัวใหญ่นี้ กลัวมันจะเหยียบแหลก แล้วก็ผ่านไป สัตว์ตัวนี้ใหญ่โตมาก

         แม่พอมาเห็นก็ว่ามันใหญ่ขนาดไหนล่ะลูก แม่ก็พองตัวขึ้น พองตัวขึ้นแล้วมันใหญ่ขนาดนี้ไหมลูก มันยังใหญ่กว่านี้อีกแม่ แล้วแม่ก็พองตัวขึ้นอีก แล้วถามลูก เป็นอย่างไรลูก พองขนาดนี้มันใหญ่สู้สัตว์ตัวนั้นได้ไหม สู้วัวตัวนั้นได้ไหม ยังสู้ไม่ได้ แม่ก็พองตัวขึ้น พองตัวขึ้นเท่าไรมันก็คืออึ่งอ่างพองตัวนั้นแหละ มันไม่ใช่วัวพองตัว มันจะให้เท่ากับวัวได้อย่างไร ครั้นพองไปพองมาสุดท้ายก็ท้องแตกตาย แม่อึ่งตาย ลูกอึ่งก็เป็นลูกกำพร้า หาเช้ากินเย็นไม่พอปากพอท้อง แม่ก็เกิดมาทะเยอทะยาน ไม่รู้จักได้จักพอ ได้เท่าไรไม่พอๆ

         ทีนี้มรดกอันนี้ก็ตกทอดมาหาลูกหลานไทยของเรา ได้เท่าไรก็ไม่พอๆ มีล้อมีเกวียนอยู่ในบ้านในเรือนก็ไปค้นหารถยนต์มา ได้คันหนึ่งก็ไม่พอ ได้สองคันก็ไม่พอ สุดท้ายก็ไปกู้ยืมเขามาซื้อรถยนต์ แล้วซื้อผ่อนขายผ่อนไปเรื่อย แล้วความทุกข์ความเดือดร้อนก็วิ่งมา นี่คือความไม่รู้จักประมาณในฐานะของตน จึงขอให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายจดจำเอาไว้ เขามีรถเขาก็ใช้รถ เรามีล้อมีเกวียนมีอะไรในครอบครัวเหย้าเรือนของเราเราก็ใช้ตามความมีความเป็นของเรา นี่เรียกว่าเศรษฐกิจเพียงพอ เป็นผู้รู้จักประมาณในวาสนาของตนก็ไม่ดีดดิ้นมากนัก แล้วก็ไม่เป็นทุกข์มาก

         จึงขอให้พี่น้องยึดหลักธรรมเข้าไปเป็นหลักใจ อย่าดีดอย่าดิ้นจนเกินเหตุเกินผล ไม่ดีงามเลย ส่วนสำคัญที่สุดซึ่งเราเป็นลูกชาวพุทธก็คือศีลธรรม ให้มีอยู่ในใจบ้าง ในวันหนึ่งๆ คำว่าลูกพระพุทธเจ้าก็คือลูกพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ไปที่ไหนให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าคือพุทโธ ระลึกถึงพระธรรมคือธัมโม ระลึกถึงพระสงฆ์คือสังโฆ  ระลึกถึงความตายคือมรณัสสติ เราจะมีการตายได้ทั่วโลกดินแดนไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้ เวลามีความเป็นอยู่อย่างนี้ขอให้ประพฤติไปตามศีลตามธรรม เวลาตายไปแล้วก็ได้ไปสุคติ มีโลกสวรรค์เป็นสำคัญ สำหรับผู้มีธรรมในใจจะไปสู่สถานที่ดีคติที่เหมาะสม

         แต่ผู้ที่มีแต่ความทะเยอทะยานแบบอึ่งอ่างกับวัว แล้วสุดท้ายก็ท้องแตก ไม่เกิดประโยชน์อะไร ท้องแตกขาดทุนสูญดอก เจ้าของก็ตาย พองตัวขึ้นก็พองตัวเพื่อทำลายเจ้าของเอง จึงไม่ควรนำมาใช้ ให้พากันรู้จักประมาณ คนเราถ้ามีพุทธ ธรรม สงฆ์อยู่ในใจแล้วย่อมไม่ตื่นเนื้อตื่นตัว มีลาภมียศก็ไม่เป็นบ้าลาภบ้ายศ จนกระทั่งกินกลืนรีดไถไปได้ทุกแห่งทุกหน ทุกตำบลหมู่บ้าน นำอาหารว่างจากตับจากปอดของประชาชนมากินเลี้ยงกันบนโต๊ะบนเก้าอี้ในพวกกินไม่พอนั้นเพียงสองสามโต๊ะ ตับปอดของประชาชนก็ไม่มีเหลือ เอามาเป็นอาหารว่างเสียทั้งหมด นี่คือคนลืมตัว

         ให้พากันจำเอาไว้ อย่าลืมตัว มีเท่าไรก็ให้ใช้ตามเกิดตามมี ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ปกครองบ้านเมืองด้วยแล้วต้องมองไกลๆ แสงตาใช้ไกลๆ ปัญญาใช้อย่างกว้างขวาง มองดูใจของเขาของเราว่ามีใจเสมอกัน แม้แต่สัตว์เขาก็กลัวตาย กลัวความทุกข์ความลำบาก ทำไมมนุษย์ตาดำๆด้วยกันจะเป็นคนทุกข์คนจนก็ใจของคน มีอยู่ในความทุกข์ของคนแต่ละคนๆ เขาก็เกลียดทุกข์เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงให้มองกันด้วยความกว้างขวาง มีความเมตตาสงสาร

         อย่าเห็นแก่รีดแก่ไถแก่กินแก่กลืนโดยถ่ายเดียว ไม่เป็นของดี เจ้าของได้มานั้นพอใจดีใจ แต่คนทั้งโลกเขาเกิดความเดือดร้อนเสียหาย จนกระทั่งถึงว่าตับปอดไม่มีในใจ เพราะถูกรีดถูกไถไปกินโต๊ะกินเลี้ยงกันเสียหมด ผู้ใหญ่ประเภทนี้คือผู้ใหญ่เป็นยักษ์เป็นผีเป็นโจรเป็นมาร กินตับกินปอดของประชาชนด้วยความลืมเนื้อลืมตัว จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายที่เป็นชาวพุทธเป็นใหญ่ปกครองบ้านเมือง ก็ให้ทำเหมือนกันกับเราเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกเรา มีกี่คนก็เป็นลูกของเราทั้งหมด ที่จะต้องเลี้ยงดูให้ทั่วถึง ไม่ว่าลูกชายลูกหญิงมีกี่คน ก็อยู่ในความรับผิดชอบของพ่อแม่ที่จะเลี้ยงดูให้ทั่วถึง

         อันนี้ประชาชนพลเมืองของประเทศ เราเป็นเจ้าเป็นนายเป็นใหญ่เป็นโตก็ให้ดูแลให้ทั่วถึงโดยความสม่ำเสมอ อย่าเห็นแก่รีดแก่ไถแก่กินแก่กลืนอย่างเดียว อย่างนี้เป็นความเดือดร้อนของผู้น้อย ผู้ใหญ่อย่างนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าตายแล้วก็หนีกรรมไปไม่พ้น เอาของเขามาเป็นสมบัติของตนก็เป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ ตนที่เอามาเป็นสมบัติมันก็กลายเป็นวิบัติไปหมด ไม่ได้เป็นสมบัติ มันเป็นวิบัติมาทำลายเจ้าของผู้นำมาด้วยความทุจริตผิดจากธรรมนั้นแล

         ครั้นตายแล้วก็ไปลงนรกหมกไหม้ เขาไปขึ้นสวรรค์ชั้นพรหมจำนวนมากมายขนาดไหน สวรรค์ก็มีถึง ๖ ชั้นไม่ยอมไป พรหมโลกถึง ๑๖ ชั้นไม่ยอมไป นิพพานก็กว้างขวางเวิ้งว้างไปหมดไม่ยอมไป แต่แหวกแนวไปจมอยู่ในนรกเผาไหม้อยู่ ทุกข์ตั้งกัปตั้งกัลป์กว่าจะได้ฟื้นขึ้นมา เพราะความทุจริตผิดธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วเป็นบาปเป็นกรรมมาเผาลนตัวเอง เขาไปสวรรค์-พรหมโลก-นิพพานกันมากมาย เราแหวกแนวลงไปนรก เพราะความเห็นผิดของเราอย่างนี้ ความทุกข์ทั้งหลายก็อยู่กับเราคนเดียว

         จึงขอให้เชื่อกรรมนะ อย่าฝืนกรรม กรรมนี้เป็นสิ่งที่ติดแนบอยู่กับสัตว์ทั้งหลาย สัตว์โลกย่อมทำกรรมด้วยกัน กรรมแปลว่าการกระทำ การทำมาหาเลี้ยงชีพการเป็นอยู่ปูวาย การเคลื่อนไหวไปมาล้วนแล้วแต่สัตว์โลกทำกรรมกัน เมื่อทำกรรมย่อมมีกรรมดีกรรมชั่วแฝงอยู่ภายใน แล้วให้พยายามระมัดระวังรักษากรรมชั่ว อย่าพากันทำมันจะย้อนมาเป็นพิษเป็นภัยเผาไหม้ตัวเอง

         ให้พากันทำตั้งแต่กรรมดี ทำกรรมดีแล้วความอบอุ่นความเย็นใจก็จะมาสู่จิตใจของเรา แม้คนทุกข์ก็ทุกข์เถิด ถ้าหัวใจมีศีลมีธรรมเป็นเครื่องอบอุ่นชะโลมอยู่ภายในจิตใจแล้ว คนนั้นย่อมเป็นสุข อยู่ในโลกนี้ทุกข์ก็ทุกข์แต่สมบัติเงินทองข้าวของ ซึ่งเกิดมาเราก็ไม่ได้นำสิ่งเหล่านี้มาด้วย เรามาเสาะแสวงหาทีหลัง เอ้า มีก็มีไป เสียก็เสียไป กฎอนิจจังมีอยู่กับทุกคนทุกรูปทุกนาม มีอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนศีลธรรมเราอย่าให้บกบาง ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ให้กราบพระเสียก่อน ก่อนที่จะไปประกอบหน้าที่การงานใดๆ ก็ขอให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อย่างถึงใจแล้วค่อยประกอบหน้าที่การงาน

         เวลาทำการทำงานนั้นเราก็ทำได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เวลาเราระลึกถึงธรรมภายในใจเราก็ระลึกได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าไม่ไปหาเรื่องต่ำทรามเข้ามาเหยียบอรรถเหยียบธรรมซึ่งเป็นของสูงให้ล้มละลายไปเสีย สร้างแต่ความชั่วช้าลามกในตนเท่านั้น ก็จะมีแต่ความชั่วเต็มตัวๆ เกิดในภพใดชาติใดกี่ภพกี่ชาติตายกองกันนี้คือสัตว์โลกนั้นแหละ ไม่มีบกมีบาง ในน้ำบนบกบนฟ้าอากาศเป็นป่าช้าของสัตว์เกิดตายกันทั้งนั้นๆ เราไปเกิดตายในสถานที่ใด จะเป็นที่พิเศษของเขา ถ้าเราทำความชั่วช้าลามกด้วยความพออกพอใจดังที่เคยทำมาและทำอยู่ แล้วยังจะสั่งสมกรรมไปแล้วก็ยิ่งความชั่วมากมูนขึ้นโดยลำดับ ตายแล้วไม่อยู่ที่ไหน สถานที่อยู่มีแต่ฟืนแต่ไฟ กองเล็กกองใหญ่ตามความชั่วช้าลามกของตนที่ได้ทำมาเผาไหม้ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาแล้วเหรอ

         เราเป็นลูกชาวพุทธขอให้ระลึกถึงศีลถึงธรรม ถ้าระลึกถึงศีลถึงธรรมแล้วก็มีหิริโอตตัปปะ มีความสะดุ้งกลัวต่อบาป ไม่ทำสิ่งที่เป็นภัยต่อตนเองและกระทบกระเทือนต่อสมบัติและจิตใจของผู้อื่น ให้ทำแต่สิ่งที่ดีงาม ไม่กระทบกระเทือนทั้งตนเองและผู้อื่น นั้นเรียกว่าการทำดีของเรา อยู่ในโลกนี้เราก็ไม่ได้เดือดร้อน  เป็นความสุขความสบาย ตายไปแล้วก็ไปเป็นสุขๆ สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นี้สดๆ ร้อนๆ ท่านทั้งหลายอย่าพากิเลสไปเหยียบย่ำทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้านะ

         คำสอนของพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้โดยถูกต้องแม่นยำทุกๆ พระองค์ ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดจะสอนแหวกแนวจากหลักความจริงไป สอนตามหลักความจริงด้วยกันทั้งนั้น ท่านว่าบาปมี บาปและผลของมันทำให้โลกได้รับความเดือดร้อนสำหรับผู้ทำ บุญนั้นเป็นความสงบเย็นใจ ทำให้โลกผู้สร้างบุญสร้างกุศลมีความรื่นเริงบันเทิงทั้งชาตินี้และชาติหน้า ตลอดถึงนิพพานเป็นไปด้วยบุญด้วยกุศลทั้งนั้น ให้พากันละบาปบำเพ็ญบุญกุศลเข้าสู่ใจของเรา เราจะเป็นที่อบอุ่นเย็นใจ

         ไม่มีอะไรที่จะรับกองทุกข์และความสุขได้มากยิ่งกว่าใจซึ่งเป็นตัวไม่สูญ เกิดตายๆ เป็นเรื่องร่างกายต่างหาก จะเป็นร่างกายทิพย์ก็มีเกิดมีตาย แต่ใจนี้ไม่มีคำว่าสูญ ร่างนี้หมดสภาพ ออกจากร่างนี้เรียกว่าตาย ก็ไปเกิดในภพหน้า ร่างข้างหน้าก็เป็นเรื่องเกิดตาย ใจดวงนี้ไม่เคยตาย ให้ระวังใจดวงที่สมบุกสมบันเป็นนักท่องเที่ยวนี้ให้ดี ด้วยการสร้างความดีงาม อย่าไปสร้างสุรุ่ยสุร่าย แบบสุกเอาเผากิน ชอบอะไรก็ทำตามความอยากๆ ส่วนมากต่อมากความอยากนี้ออกมาจากกิเลสตัณหา พาคนให้ตาบอดหูหนวกจิตบอด ไม่รู้จักบาปจักบุญจักคุณจักโทษ มีแต่ความอยากความทะเยอทะยาน แล้วพาเจ้าของให้จม ให้พากันระมัดระวัง นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แสดงไว้ว่าบาปมี ทีนี้บุญมีก็ให้สร้างความดีงามไว้สดๆ ร้อนๆ เช่นเดียวกัน

สิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็น นำมาสอนโลกตามหลักความจริงทั้งนั้น ไม่ได้มาหลอกลวง เราอย่านำกิเลสตัวจอมปลอมหลอกลวงนี้ ไปเหยียบไปทำลายบาปบุญนรกสวรรค์เสียให้หมด แต่เราสร้างแต่บาปหาบตั้งแต่กรรม ขนแต่ไฟนรกมาเผาตน ทั้งภพนี้ภพหน้าภพชาติใดๆ เจอตั้งแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ตัวเองด้วยกิเลสหลอกลวง ว่าบาปบุญนรกสวรรค์ไม่มี ผู้เสวยคือเรา คำว่าบาปบุญนรกสวรรค์ความสำคัญอันนั้นมันไม่มารับเคราะห์จากเรา เราเป็นผู้รับเคราะห์รับกรรมเอง

         จึงขอให้พี่น้องลูกหลานทั้งหลายระลึกถึงบุญถึงกรรม เราเป็นลูกชาวพุทธให้ระลึกถึงบุญกรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่โดยสม่ำเสมอ จะไม่ลืมเนื้อลืมตัว คนเราเมื่อมีธรรมในใจจะไม่ลืมตัว มียศถาบรรดาศักดิ์สูงใหญ่ขนาดไหนก็ไม่ลืมเนื้อลืมตัว จะทุกข์จนหนโลกขนาดไหนก็ไม่ลืมตัว มีธรรมในใจเป็นความรู้สึกตัวไม่ลืมตัวตลอดไป จึงขอให้มีธรรมในใจ พากันมีบทภาวนาระลึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆบ้างนะ วันหนึ่งๆ อย่าอยู่เฉยๆ กินเฉยๆ เกิดมาเฉยๆ ตายไปเฉยๆ

         การเกิดการตายเกิดด้วยความยากความลำบาก ตกคลอดออกมาจากท้องแม่สลบไสล ไม่ทราบว่าเป็นหรือตายตัวของใครก็รู้ไม่ได้ มีแต่ผู้อื่นที่มารับผิดชอบคือพ่อแม่พี่น้องลูกหลานมารับผิดชอบเด็กที่เกิดใหม่ และเลี้ยงดูมาจนรู้ภาษีภาษาเป็นท่านเป็นเรามานี้ เราไม่รู้ว่าเกิดเป็นทุกข์ขนาดไหน ถ้าไม่ฟื้นมันก็ตายในเวลาเกิด ออกมาจากช่องแคบเกิดออกมาก็เป็นทุกข์ ออกมาแล้วตะเกียกตะกายวิ่งเต้นขวนขวายหาอยู่หากิน ให้คนอื่นช่วยด้วยตนเองช่วยตนเองด้วยตลอดไปจนกระทั่งวันตาย มีความทุกข์เดือดร้อนวุ่นวายอยู่อย่างนี้ตลอดไป

         เราอย่าลืมเนื้อลืมตัว นี้เราเกิดมาไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว มีแต่บุญแต่กรรมติดเนื้อติดตัวมา ครั้นเกิดมาแล้วก็ให้ปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี การพูดทั้งนี้ต้องขออภัยจากพี่น้องทั้งหลายด้วย คนแก่พูด เทศน์หลงหน้าหลงหลัง จำความไม่ได้ หลงไปแล้วตั้งใหม่ขึ้นมา ต้องขออภัยด้วยนะเป็นอย่างนั้น นี่ละการเกิดการตายเป็นความทุกข์ความลำบาก ตายเกิดๆ ขอให้ตายด้วยบุญด้วยกรรมอันดีงาม

         อย่างพวกชาวสวรรค์เขาไปเกิดเป็นอุบัติเทพ คำว่าอุบัติเทพคือพวกเทวดาปรากฏขึ้นทันทีทันใด ไม่เหมือนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายในแดนมนุษย์นี้เกิด เกิดนี้ตัวหนึ่งหลายวันหลายคืนหลายเดือนกว่าจะได้ตกคลอดออกมา ทนทุกข์ทรมานมากมายก่ายกอง ครั้นเกิดขึ้นมาแล้วมาสร้างความชั่วช้าลามกก็มาเผาตนเองในภพชาติที่เกิดอีก แล้วภพชาติที่เกิดมีแต่การมาสั่งสมความชั่วช้าลามกเต็มหัวใจ ตายแล้วก็กอบโกยไฟเอาไปเผาตัวต่อไป ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

         จึงขอให้พากันเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าบาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี นี้เป็นคำพูดสดๆ ร้อนๆ บรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านสอนโลก ท่านไม่ได้สอนด้วยความโกหกหลอกลวงเหมือนกิเลสสอนโลกทั้งหลาย กิเลสสอนโลกเอาแต่ความจอมปลอมมาสอน ส่วนธรรมสอนโลกเอาแต่ความจริงมาสอน ท่านสอนว่าบาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี แล้วให้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า อย่าพากันทำบาปหาบแต่ความชั่วช้าลามกมาเผาไหม้ตนเอง

         ให้สร้างคุณงามความดีทั้งหลายที่จะเป็นประโยชน์แก่ตน แล้วความดีงามทั้งหลายเมื่อเข้าพอกพูนภายในจิตใจก็หนุนจิตใจให้มีความสง่างาม เป็นความสุขความเจริญ เวลาตายแล้วอย่างน้อยก็มาเกิดเป็นมนุษย์ผู้มีวาสนาบารมี ถัดจากนั้นก็ไปเกิดในสวรรค์ชั้นพรหม พ้นจากนั้นแล้วก็ถึงนิพพาน นี่คือความดีงามที่เจ้าของสร้างไว้แล้ว อุดหนุนเราถึงที่สุดจุดหมายปลายทางคือพระนิพพาน

         แต่การสร้างบาปไม่เคยปรากฏในธรรมของพระพุทธเจ้าเลยว่า ใครสร้างบาปสร้างได้มากได้น้อยมีความสุขมากไม่มี สร้างมากสร้างน้อยมีแต่เอาไฟเผาตัว จนกระทั่งถึงขั้นล่มจม หมดความหมายในคนทั้งคน มีแต่รูปร่างว่าเป็นคน ตัวนั้นมีแต่ตัวบาปตัวกรรมเผาไหม้อยู่ในหัวใจ นี่ละคนชอบทำบาป เรียกว่าทำลายคุณค่าของตนไม่ให้มีติดตัวเลย มีตั้งแต่ชื่อว่ามนุษย์ๆ เขาก็เป็นมนุษย์เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ความชั่วช้าลามกมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกันสำหรับผู้ทำ จึงขอให้พากันระมัดระวังการทำความชั่วช้าลามก ไม่เป็นของดี ให้พากันสร้างความดีให้ดี

         ศาสนาของพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาชั้นเอก ไม่มีศาสนาใดของใครจะเป็นคู่แข่งเสมอเหมือนได้เลย สอนตามหลักความจริงทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่ไม่มีไม่นำมาสอนว่ามี สิ่งที่มีไม่ลบล้างว่าไม่มี สอนตามหลักความมีความจริง เช่นบาปมี-บุญมีสอนตามหลักความจริง นรกมี-สวรรค์มีก็สอนตามหลักความจริง พวกเปรตผีประเภทต่างๆ จนกระทั่งพรหมโลกนิพพานมี ท่านก็สอนตามหลักความจริง เราเป็นต้นเหตุแห่งภพชาติทั้งหลายดีชั่ว ที่จะไปเกิดในสถานที่นั้นๆ เป็นเรื่องของเรา เราเป็นต้นเหตุ ถ้าอยากเป็นคนดีก็ให้สร้างความดีให้มากขึ้น ไม่ขึ้นอยู่กับความมีความจนสมบัติเงินทองอะไร ขึ้นอยู่กับหัวใจที่รักอรรถรักธรรม ไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว ไปเถอะนั่งเถอะ อยู่ที่ไหนอยู่กับธรรม คือพุทโธ ธัมโม สังโฆ ละชั่วทำดีไปตลอด นั้นคือผู้สร้างคุณงามความดีทั้งหลาย เพื่อความเกษมสำราญในภพชาติต่อไป

จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้จดจำคำสอนของหลวงตาที่สอนมาวันนี้ นำคำสอนที่ถูกต้องแม่นยำของพระพุทธเจ้ามาสอน ให้นำไปปฏิบัติ ผลเกิดขึ้นจากการปฏิบัติจะเป็นคนดี ไปเกิดในภพชาติใดๆ ก็จะเป็นแต่คนดีสัตว์ดีไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงพ้นทุกข์เพราะการปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมพระพุทธเจ้าไม่เคยฉุดลากผู้ใดให้ล่มจม แต่เรื่องกิเลสตัณหาสิ่งหลอกลวงจอมปลอมทั้งหลายนั้น มีแต่ลากลงเข็นลงสู่ความจอมปลอม และจมในนรกไม่รู้ตัว พากันจำให้ดี

         การเทศนาว่าการทุกวันนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วแหละ เทศน์ไปๆ หมดกำลังไปๆ ไม่เหมือนแต่ก่อน กำลังวังชาหมดไปตามธาตุตามขันธ์ซึ่งเป็นเครื่องมือ  เวลานี้เฒ่าแก่ชรามาแล้วการเทศนาว่าการก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มตามใจที่ไม่มีวัย ใจไม่มีวัย แต่ธาตุขันธ์มีวัย เป็นเครื่องมือสำหรับทำงาน ทีนี้เวลามันชำรุดลงไปก็อ่อนแอท้อแท้ไปดังที่เห็นนี่ละ

วันนี้ได้มาเทศนาว่าการให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายฟังทั่วถึงกัน ให้พากันระลึกเสมอนะ พุทโธอย่าปล่อยจากใจ ธัมโมอย่าปล่อยจากใจ สังโฆอย่าปล่อยจากใจ ศีลธรรมความดีงามทั้งหลายให้ติดแนบกับใจ จะเป็นคนดีตลอดไป ทั้งยืนทั้งเดินทั้งนั่งทั้งนอน เป็นก็เป็นคนดี ตายก็เป็นคนดีไป แล้วความสุขความเจริญจะเป็นสมบัติของท่านทั้งหลายผู้ทำแต่ความดีงามนั้นแล การแสดงธรรมวันนี้ก็เห็นว่าสมควรแก่ธาตุแก่ขันธ์ แก่เวล่ำเวลา จึงขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญฯ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก