สมชื่อว่าพระแท้
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2549 เวลา 8:20 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
  วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

 เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙

สมชื่อว่าพระแท้

         นี่ก็คอยฟังสามสี่จังหวัดที่ภาคกลาง อยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี แถวนั้นแหละ ให้ศรีไทยใหม่ไปติดตามดูเรื่องราว เป็นยังไงให้จัดการเลย จัดการๆ เลย ให้ศรีไทยใหม่จัดการช่วยไปเลย เท่าไรๆ แล้วค่อยพูดกันว่างั้น ของที่เตรียมให้เวียงจันทน์ก็มาแล้วที่ศาลา เราไปดูตอนเย็นเมื่อวานนี้ ว่าจะให้พร้อมในวันที่ ๒๓ วันที่ ๒๔ เวียงจันทน์เขามารับของ เราจะเตรียมพร้อมไว้ตามที่เขาขอมา เขาขอมาอะไรบ้าง (ข้าวเหนียว ๒๐ ตัน เพิ่มให้อีก ๓,๙๖๐ กิโล เท่ากับ ๓๓๐ ถุง รวมเป็น ๒,๐๐๐ ถุงพอดี มุ้ง ๕๐๐ หลัง ผ้าห่ม ๕๐๐ ผืน เสื่อ ๕๐๐ ผืน ของเหล่านี้เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วพร้อมขึ้นรถได้วันที่ ๒๓ แล้ววันที่ ๒๔ ค่อยไปส่งที่เวียงจันทน์ครับ)

อันนี้ไปทางเวียงจันทน์ ที่อยุธยา อ่างทอง สุพรรณ ให้ศรีเชียงใหม่ไปติดตามอยู่ ควรที่จะช่วยเหลือมากน้อยเท่าไรให้จัดการเลยเราบอก เรื่องหมดเรื่องยังไม่ต้องพูด จำเป็นเท่าไรๆ เอา ทุ่มลงเลย บอกเท่านั้น นี่ยังไม่ทราบเรื่องราวพวกแถวน้ำท่วม แต่ถ้าศรีไทยใหม่ไปเราแน่ใจเพราะจริงจังเหมือนกันกับเรา ถ้าเป็นคำสั่งของเราทางนั้นจะรับทันทีเลย เพราะไม่ใช่คนเหลาะแหละ นี่คอยฟัง อะไรควรจะจัดการยังไงให้จัดการๆ เลย เราบอกอย่างนั้นละ ระยะนี้ก็มีอยู่สองแห่ง ทางเวียงจันทน์กับทางน้ำท่วม

ไม่ทราบเป็นยังไงนะ หัวใจดวงนี้มันแปลกอยู่ มันไม่ได้คำนึงเลยว่าเรื่องหมดเรื่องยังอะไรๆ ฟังแต่เสียงผู้จำเป็นๆ มันจะออกรับกันแก้ความจำเป็นๆ เรื่องหมดเรื่องยังเลยไม่ถาม เหมือนเรานี่เป็นเศรษฐีใหญ่ มันหากเป็นอยู่ในจิตเพราะอำนาจความเมตตาไม่ใช่อะไร ไปตามถนนหนทางเขาขายของอยู่ตามนี้ จอดรถเอาของกับเขา ไม่เอามากแหละ เอานิดหน่อยแล้วมอบเงินให้เขาไปเรื่อยอย่างนั้น ที่มีไฟเขียวไฟแดงเหมือนกัน เขาขายดอกไม้ ให้คนละ ๓๐๐ ร้อย พวกขายดอกไม้ตามไฟเขียวไฟแดง

บางทีเรามีรถนำ รถหวอรถนำไปที่นั่น เราบอกข้างหน้า รถหวอไปถึงไฟเขียวไฟแดงให้หยุด บอกให้หยุดเลย ไม่บอกเหตุผลนะ บอกให้หยุดตรงนั้น ไปเขาก็หยุดตรงนั้น เราถามเขามาขายดอกไม้กี่คน โบกมือให้มาๆ ให้คนละสามร้อยๆ เอ้าที่นี่รถไปได้ อย่างนี้ละ ทำทุกแบบแหละเราอำนาจเมตตา มันหากเป็นของมันเอง ไฟเขียวไฟแดงรถหวอไปแท้ๆ ยังไปจอดที่นั้น ให้หยุดที่นั้น รถหวอไปหยุดที่นั่นเสียเอง แล้วเรียกพวกขายดอกไม้มา แจกทุกคนแล้วไป อย่างนั้นนะ

แต่ก่อนพูดถึงเรื่องนิสัยนั้น เรามีอยู่แล้วนะ นิสัยกว้างขวางตามนิสัยวาสนาของเรา เราบวชมานี้ไปอยู่กับครูบาอาจารย์องค์ใดที่ตระหนี่ถี่เหนียว เรียกว่าคับแคบ อยู่ไม่ได้นะ เป็นอยู่ในหัวใจ คับหัวอก ถ้าองค์ไหนท่านเปิดโล่งๆ อยู่ได้ อย่างสมเด็จมหาวีรวงศ์ นี้เป็นอาจารย์ของเราองค์หนึ่งกับพ่อแม่ครูจารย์มั่น เราบอกตรงๆ เลยว่า ในหัวใจของเรานี้มีครูบาอาจารย์ทั้งฝ่ายปริยัติและฝ่ายปฏิบัติอยู่บนหัวใจเราสององค์ คือหลวงปู่มั่น เปิดโล่งหมดเลย เปิดรอบด้านเลย ทางปริยัติก็สมเด็จมหาวีรวงศ์ วัดพระศรีมหาธาตุ อันนี้ก็เปิดโล่งเลย มันถึงใจเรา ไม่ใช่อะไรนะมันถึงใจเรา

เพราะฉะนั้นสององค์นี้จึงอยู่บนหัวใจเราตลอดมา เคารพมากที่สุด ทางนั้นเคารพการเสียสละของท่าน ท่านเป็นทางด้านปริยัติ ไม่มีอะไรติดตัวนะ เราเป็นคนดูแลสิ่งของของท่านเราก็รู้หมดละซิ รู้สึกท่านเมตตาเรามากอยู่ ติดตามจะเอากลับคืนไป วันถวายเพลิงศพพ่อแม่ครูจารย์มั่นท่านก็มา เจ้าคุณศรีวรคุณก็มาท่านเป็นเพื่อนเดียวกัน ผู้นี้ละช่วยไว้ได้ ไม่งั้นก็จะแก้ยาก เรื่องให้กลับนี้กลับไม่ได้แล้ว แต่จะแก้ด้วยมารยาท ไม่ให้เสียความเคารพนี่ลำบากอยู่มากนะ

พอดีได้เจ้าคุณศรีวรคุณ ท่านไปด้วยกันท่านนั่งฟังอยู่ อยู่ๆ ท่านก็ผางออกมาเลย ก็จะผูกจะมัดเขาไปอะไรนักหนา ก็เพื่อนอยู่ด้วยกันมาด้วยกัน ถ้าเป็นประชาชนนี้ก็เป็นขั้นพ่อตาแม่ยายแล้วจะให้ไปเป็นลูกเขยใหม่ได้ยังไง ว่างั้น ท่านจะเอาเรากลับไปอีก พรรษาก็แก่แล้ว เราอยากตอบตั้งแต่ท่านยังไม่ถาม พรรษาได้เท่าไรท่านมหา ๑๖ นู่นน่ะเป็นอุปัชฌาย์ก็ได้แล้ว ท่านก็ช่วย ทางนั้นเลยนิ่ง โอ๋ย ตาเขียวปื๋อใส่เรา เรารอดตัว เห็นเราทีไรทีนั้นแหละ นี่ก็เพราะความผูกพัน เมตตา เราอยู่กับท่านท่านไว้ใจทุกอย่างเลย นี่องค์หนึ่งที่เป็นนักเสียสละ มีเท่าไรมีเถอะ หมด

เพราะเราเป็นคนดูแลสิ่งของท่านทุกอย่าง จตุปัจจัยเราเป็นคนลงบัญชี จ่ายทางไหนเท่าไรๆ เราเป็นคนสั่งจ่ายๆ ลงบัญชีๆ เสร็จ พอสิ้นเดือนแล้วก็เอาบัญชีนี้ไปวางไว้ข้างที่ท่านนอนสะดวกสบายตอนว่างๆ ท่านไม่ดูเลยนะ เอาไปวางไว้ท่านไม่ดูเลย วางหลายหนแล้วต่อไปเลยไม่วาง เพราะท่านไม่สนใจ สมกับที่ท่านเป็นนักเสียสละ ท่านจะไปดูอะไรว่าหมดเท่าไรยังเท่าไร ท่านไม่ดู เป็นเราก็ไม่ดูเหมือนกัน เอาสมุดไปจ่ายอะไรเท่าไรๆ สิ้นเดือนปั๊บเราจะเอาเข้าไป ท่านไม่เคยดู ท่านก็เป็นนักเสียสละอยู่แล้ว ท่านจะมายุ่งอะไรกับการได้การเสีย การหมดการยังอะไรท่านไม่สนใจ นี่ก็เป็นองค์หนึ่งเป็นนักเสียสละ หมดนะ ไม่มีอะไรเหลือ นี่ก็อยู่บนหัวใจเรา

เปิดโล่งพ่อแม่ครูจารย์มั่น ฝ่ายกรรมฐานยกให้เลย ฝ่ายปริยัติก็สมเด็จมหาวีรวงศ์ เป็นนักเสียสละจริงๆ อะไรมีมาบางทีเราต้องได้เก็บซ่อนเอาไว้ พอของมากเข้าๆ ท่านจะให้เขียนฉลากทั้งวัดเลย เอาหมดเลย เราต้องไปเอามาซ่อนเอาไว้ก็มี บางทีมีความจำเป็นเกิดขึ้น พอแจกของหมดแล้ว ตู้โล่งหมดแล้ว แล้วก็มีผ้าไตรบ้างอะไรบ้างไปวางไว้นั้น มาอะไรอีกนี่ ก็พึ่งเอาไปท่านว่า เราก็กราบเรียนท่านตามเหตุผล ท่านนิ่งนะ เวลามีความจำเป็น เช่น จีวรถูกไฟไหม้อะไรๆ จะคว้าหาอะไรไม่ทัน เลยเตรียมเอาไว้อย่างนั้นแหละ ท่านก็นิ่งไปเลยเพราะมีเหตุผล ไม่งั้นหมดไม่มีเหลือ นี่สมชื่อว่าเป็นพระแท้ๆ ความหมายว่างั้น

พระคือนักเสียสละ ไม่เอาอะไรเลย พระเต็มยศ ไม่เอายศถาบรรดาศักดิ์อะไร สละหมด นั่นคือพระเต็มตัว พระ แปลว่า ประเสริฐ วรๆ แปลว่าประเสริฐ เรียกว่าพระ เรียกว่าเป็นผู้ประเสริฐ บางคนจะไม่เข้าใจ ศัพท์ว่าพระออกมาจาก วร แปลว่า ความประเสริฐ เป็นพระก็เรียกว่าผู้ประเสริฐ ก็ประเสริฐแล้วจะหาอะไรอีกทำอะไรอีก ไม่เอาเรา เรื่องเสียสละเราก็เป็นตามนิสัยมาแล้ว ไปอยู่กับครูอาจารย์องค์ใดที่คับแคบอยู่ไม่ได้นะ หากเป็นในหัวอก คับหัวอก ถ้าองค์ไหนถึงไหนถึงกันแล้วเอาเลยๆ อย่างสมเด็จมหาวีรวงศ์นี้ถึงไหนถึงกันเลย มีเท่าไรหมดๆ เข้ากันได้ เราตัวเล็กๆ แต่หัวใจมันไม่ได้เล็ก เสียสละ

คณะของเรานี้พระเณรเต็มๆ เพราะอะไรได้มาเป็นอันเดียวกันหมด สำหรับวัดเราตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่ก็ไม่เคยมีว่านี้เป็นของท่านนี้เป็นของเรา ของตกมาพับนี้เป็นอันเดียวกันหมดเลย เราทำมาอย่างนั้น คณะไหนก็ตามเราไม่สนใจ แต่คณะของเราเป็นอันเดียวกันหมด ได้อะไรมาพรึบหมดเลยเป็นอย่างนั้น ส่วนพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ไม่ต้องพูดละยกไว้เลย เปิดหมด เรียกว่าไม่มีอะไรเหลือเลย เพราะเป็นฝ่ายกรรมฐานอยู่แล้ว ฝ่ายปริยัติก็ยังจะมีแบ่งสู้แบ่งรับบ้าง แต่สมเด็จมหาวีรวงศ์ไม่มี หมดเลย หมดๆ เลย

เทศน์อย่างนี้ก็ออกทางวิทยุนะ ให้เป็นคติแก่พี่น้องชาวไทยเราที่เราเทศน์ทุกวันออกทางวิทยุทุกวัน วันนี้ก็เป็นการเทศน์ในตัว คือการเสียสละ อยู่ร่วมกันทั่วโลกดินแดน หมาอยู่กับคนมันก็อาศัยคน เจ้าของตีมันจะตายมันก็ร้องแง็กๆ ไม่มีการต่อสู้กับเจ้าของ หมามันรู้จักบุญจักคุณรู้จักเจ้าของขนาดนั้นละ คนเรารู้จักบุญจักคุณกันจะทำได้ลงคอเหรอ ความเสียสละนี้เป็นไฟมาก็ตาม จะเป็นน้ำดับไฟด้วยการเสียสละ ความกว้างขวางเป็นสำคัญมากทีเดียว ความตีบตันอั้นตู้ไปไหนคับแคบไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม ถ้าเป็นผู้มีจิตใจอันกว้างขวางแล้วไปที่ไหนเปิดโล่งๆ เลย วันนี้เท่านั้นละ

(วันนี้วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน หมอสานิตย์ ทินกร ทำบุญกับหลวงตา ๑๐,๐๐๐ บาทเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครับ) มีหมอเด่นอยู่คนหนึ่ง หมอคนนี้เราพูดเสมอ เป็นผู้เด่นในวงหมอทั้งหลาย บรรดาหมอรู้สึกจะลืมตัว เอ้า ว่ามาว่าให้เรา เรารับได้หมดทั้งดีทั้งชั่วรับหมด เพราะธรรมนี้เหนือทุกอย่างแล้ว การพูดนี้ไม่ได้ตั้งใจจะพูดยกโทษยกกรณ์ผู้ใด พูดตามหลักความจริง ทางฝ่ายหมอรู้สึกจะห่างเหินทางศาสนาอยู่มากทีเดียวเท่าที่เราสังเกตเรื่อยมา อาจเป็นการลืมเนื้อลืมตัวก็ได้ว่าเป็นหมอนี้เหมือนว่าความรู้เหนือพระพุทธเจ้า เรียนสรีรศาสตร์เพื่อแก้โรคแก้ภัย เรื่องอวัยวะทุกสัดทุกส่วนหมอจะทราบตลอด อวัยวะส่วนไหน เส้นเอ็นส่วนไหนทำงานเพื่ออะไรๆ นี้หมอจะทราบได้ดีๆ ทางสรีรศาสตร์ทางหมอแก้โรคแก้ภัย สรีรศาสตร์ทางพุทธศาสนานี้พิจารณาตรงไหนๆ นี้เพื่อปล่อยวางๆ หมดโดยสิ้นเชิง สิ้นกิเลสไปด้วยสรีรศาสตร์ ต่างกันอย่างนี้ ผู้เรียนจบสรีรศาสตร์ลงไปในสรีรจิต ไปรอบกันที่จิต จบกันตรงนั้น เปิดโล่งเลย เอาละที่นี่นะ

(ทองคำวันนี้ได้ ๓ บาท ๖๕ สตางค์ครับผม) เออ ได้ทุกวันๆ เวลานี้ได้เยอะนะ ๓๘๐ กว่ากิโลจาก ๑๑ ตัน ค่อยมาอย่างนี้ละ.นี่เราก็ขวนขวายช่วยพี่น้องชาวไทยด้วยความคิดของเราเอง เพื่อพี่น้องลูกหลานไทยเราจะอาศัยอะไร ก็อาศัยปู่ย่าตายายเป็นมาๆ ทีนี้ปู่ย่าตายายตายไปแล้วเราอาศัยอะไร เราต้องอาศัยกำลังปลีแข้งของเรา จึงรีบเร่งเสียตั้งแต่บัดนี้ นี่ละที่เราพาหมุนหมุนอย่างนี้เอง สำหรับเราเองบอกตรงๆ ว่าไม่มีอะไร หมดโดยสิ้นเชิงไม่มีเหลือภายในใจ แม้แต่ร่างกายก็ไม่เคยสนใจ เจ็บปวดแสบร้อนตรงไหนก็แก้กันไป ที่จะให้มาเป็นกังวลกับมันไม่เลย ไม่มี หมด อันนี้ก็หมดโดยสิ้นเชิง รอแต่ลมหายใจ ใช้ได้ขนาดไหนเอ้าใช้ไป ใช้ไม่ได้ปัดปั๊วะไปเลย นั่น

นี่ไปก็ไปอย่างจริงอย่างจัง อย่างมีเหตุมีผลมีหลักมีเกณฑ์จากความเชื่อถือตัวเองได้แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ เราไปจะไม่มีอะไรห่วงเลยสามโลกธาตุนี้ ห่วงก็ห่วงแต่เวลามีชีวิตอยู่นี้ ห่วงลูกห่วงหลานเราช่วยโน้นช่วยนี้ พออันนี้ขาดปั๊บแล้วไปเลยไม่ห่วงอะไรทั้งนั้น นี่ละการชำระใจ ชำระให้มันเด็ดขาดเสีย เมื่อมันเด็ดขาดแล้วทุกข์แม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่มีในหัวใจเลย ใจพระพุทธเจ้าใจพระอรหันต์ทุกข์แม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่มี จะมีก็มีแต่ตามธาตุตามขันธ์เจ็บนั้นปวดนี้ ท่านก็ไม่ได้เป็นกังวล เพราะเป็นหลักธรรมชาติเป็นคนละฝั่งอยู่แล้ว อันนี้เป็นฝั่งสมมุติ ธรรมชาตินั้นเป็นฝั่งวิมุตติไม่ได้เข้ามาถึงกัน เยียวยารักษากันไปอย่างนั้น หากว่ามันหมดวิสัยแล้วปั๊วะเดียวไปเลย นี้ก็เป็นอย่างนั้น

พูดให้ชัดเจนเลยพูดกับบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เพราะมันจวนจะตายแล้ว ใครจะว่าโม้ว่าคุย ปากนี้ปากอมธรรม ปากว่าโม้อย่างนั้นโม้อย่างนี้ปากอมขี้ เข้าใจไหม ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง เต็มอยู่ในนั้น นี้ปากอมธรรมจะเอาความจริงออกมาพูดเท่านั้น เวลาเราปฏิบัติแทบเป็นแทบตายจะเข้าขั้นสลบไสลก็มีไม่รู้กี่ครั้ง หากไม่เคยสลบ เพราะความเพียรฆ่ากิเลสในหัวใจเรา จนกระทั่งได้เต็มเหตุเต็มผลเต็มอรรถเต็มธรรมเต็มหัวใจ ทีนี้ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไร อดีตอนาคตไม่มี ปัจจุบันก็จ้าอยู่นี้ตลอดเวลาจะให้ว่าไง มาโกหกท่านทั้งหลายหรือการพูดอย่างนี้ เราปฏิบัติมาเพื่อโกหกตัวเองเหรอ

แทบเป็นแทบตายปฏิบัติมาเพื่อธรรม เมื่อได้สมมักสมหมายแล้วท่านผู้ใดที่มีนิสัยพอที่จะเป็นคติเตือนใจ ยึดเกาะไว้ให้เป็นสาระมหาคุณแก่ตนก็เอาไปซิ ก็มีเท่านั้น พูดอวดหาอะไร เกิดประโยชน์อะไรอวด โม้หาอะไร นั่น ให้มันเห็นชัดๆ อย่างนั้นซิ เมื่อบริสุทธิ์เต็มที่แล้วก็เคยพูดแล้วว่า บรรดาพระอรหันต์นั้นท่านอยู่ในท่ามกลางแห่งพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายทั่วแดนโลกธาตุมีจำนวนเท่าไร พระอรหันต์องค์ใดสำเร็จปุ๊บแล้วเข้าเป็นมหาวิมุตติมหานิพพานเหมือนกันหมด อยู่ในท่ามกลาง แล้วท่านจะไปถามหาพระพุทธเจ้าองค์ไหนๆ ว่าไง สาวกทั้งหลายมีจำนวนสักเท่าไรของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ สาวกมีจำนวนเท่าไรถึงนิพพานด้วยกันๆ พอทางนี้ผางเข้าไปนิพพานปั๊บเป็นอันเดียวกันหมดแล้ว แล้วจะไปถามหากันอะไร ก็อยู่ในท่ามกลางแห่งพระนิพพาน อยู่ในท่ามกลางแห่งพระพุทธเจ้าพระสงฆ์สาวกทั้งหลายด้วยกันแล้ว แล้วถามหากันอะไร

นี่ละผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต เห็นอันนี้เอง ไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน จ้าขึ้นนี้มันถึงกันหมดเลย เป็นแม่น้ำมหาวิมุตติมหานิพพานเหมือนกันหมด นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าจริงขนาดนั้น พวกเราอย่าเหลาะๆ แหละๆ ให้แต่กิเลสมาโกหกตัวเอง ถ้าจะทำความดีงามอะไรให้กิเลสมาหลอกๆ ตบหัวล้มลงหมอนๆ เอาธรรมฟาดกิเลสให้มันขาดสะบั้นลงไปเป็นไร จ้าขึ้นมาแล้วทีนี้ไม่มีวันมีคืน ยืน เดิน นั่ง นอน จ้าตลอดเวลา อิริยาบถไม่มีของจิตท่านผู้สิ้นกิเลสแล้ว จ้าอยู่ตลอด

(เขาแจ้งมาวันนี้ครับ รายการไปช่วยน้ำท่วมที่จังหวัดอยุธยา อำเภอลาดบัวหลวง ๖ ตำบล ๓,๐๐๐ ครัวเรือน ช่วยไปแล้วเป็นมูลค่า คิดเป็นเงิน ๑,๐๕๔,๖๕๐ บาท ที่จังหวัดนครปฐม อำเภอบางเลน ๑,๘๕๐ ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าเงิน ๑,๐๙๑,๒๕๐ บาท ทั้งสองรายการพรุ่งนี้จะโอนเงินไปให้เขา) เขียนเช็คจ่ายตามนี้ละ เราถ้าพูดอะไรแล้วขาดๆ ไม่มีคำว่าแยกโน้นแยกนี้ จิตดวงนี้ไม่มี ถ้าลงได้ลั่นคำยังไงแล้วขาดสะบั้นไปเลย ชีวิตไม่มีความหมาย คำสัตย์คำจริงเหนือชีวิต ปฏิบัติตัวเองมาอย่างนั้น ถึงเวลาประกอบความพากเพียร เอาตายฟัดกันเลย เป็นอย่างนั้น แต่ไม่เคยตายนะกิเลสตาย ให้ถือเป็นคติเอาไว้ เราทำมาแล้วที่ว่านี่ เอ้า กิเลสไม่ตายเราตาย ซัดกันกิเลสตายไปเป็นลำดับ สุดท้ายก็มานั่งโม้อยู่นี้ โม้นี้เป็นโม้ธรรม ภาษาธรรมปากเป็นธรรม ไม่ได้โม้หลอกท่านทั้งหลายนะ เอาละให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก